โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )
43) เชื่อใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดคือเวลาที่มิตรกลายเป็นศัตรู และมันจะน่าเศร้านักหากมีคนไม่ยอมปล่อยวาง พยายามเรียกร้องเอาความสัมพันธ์เดิมกลับคืนมา ดารีลนั้นเป็นดังผู้ล่า เมื่อมองหาเหยื่อแล้วเขาไม่เคยสนใจว่าเป็นใครหรือเป็นอะไร เขาสนแค่ต้องทำงานให้จบเพียงเท่านั้น
“ คนที่กล้าหาญเมื่ออยู่ต่อหน้าข้าอายุไม่ยืนนักหรอก ตกลงแล้วพวกเจ้ามาที่โอรีเวียมีแผนอะไรกันแน่ ”
หนุ่มน้อยคนนั้นแยกเขี้ยวถาม
ฟิโลโซเฟอร์พยายามพลิกร่างหันมาเผชิญหน้ากับดารีลจนสำเร็จ
“ เจ้าทำไม่ได้หรอกข้าแน่ใจ ”
เด็กน้อยบอกเสียงเบาหวิว
“ อะไรที่ข้าทำไม่ได้ ”
คนอายุมากกว่าสงสัย
“ เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก ”
“ อะไรทำให้เจ้าเชื่อเช่นนั้น ”
ดารีลถาม
“ เช่นนั้นก็ลงมือสิ รออะไรอยู่ละ เพราะไม่ว่าเจ้าจะถามกี่ครั้งคำตอบก็ยังคงเดิม ดารีลข้านั้นไม่เคยโกหกเจ้าไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม ”
เด็กน้อยบอก
ดารีลจึงเงื้อมีดขึ้น
ปิดปากเด็กชายเอาไว้ด้วยมืออีกข้า
ทั้งสองสบตากันนิ่งงันภายใต้เงาของแสงจันทร์
และเด็กชายตัวน้อยก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด
กลับนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น
เวลาผ่านไปเป็นครู่
เมื่อฟิโลโซเฟอร์ดึงมือที่กำลังปิดปากออก
แล้วเอ่ยว่า
“ ข้าจะตายเพราะเลือดไหลหมดตัวนี่แหละเจ้านี่มันจริงๆ เลย ”
ดารีลไม่พูดอะไร
และไม่คิดจะขยับตัวเสียด้วยซ้ำ
เด็กชายจึงเอื้อมมือไปคว้าเอามีด
หนุ่มน้อยรูปงามคนนั้นก็ยอมปล่อยให้เขาดึงออกง่ายๆ
“ เห็นไหม คนอย่างดารีลไม่มีคำว่าไม่กล้า แต่ถ้าไม่ลงมือก็แสดงว่าตั้งใจเช่นนั้นตั้งแต่แรก ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
ดารีลจึงกลิ้งลงไปนอนข้างๆ
พลางยกสองมือขึ้นปิดหน้า
“ มีบางอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุม ข้าไม่อยากผิดพลาดซ้ำอีก แต่ก็ยังหาต้นตอของสิ่งผิดปรกติไม่พบ ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปโอรีเวียก็เข้าใกล้คำว่าหายนะแล้ว ”
เด็กชายตัวน้อย
ค่อยๆ ดึงมือคู่นั้นออก
เพื่อจะได้เห็นใบหน้างดงามนั้นอย่างชัดเจน
“ เจ้าเลยเลือกที่จะสงสัยข้า ”
ฟิโลโซเฟอร์เอ่ยถาม
หนุ่มน้อยคนนั้นได้เอื้อมมือไปสัมผัสบาดแผล
ดวงตาของเขามีประกายแห่งสำนึกผิดผุดขึ้นมาเล็กน้อย
แหวนรูปงูที่เขาสวมอยู่ส่องประกายแวววาว
เด็กชายยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยว่า
“ อันที่จริงเจ้าเป็นที่หนึ่งในเรื่องการรักษาพยาบาล และการอวยพรให้ผลผลิตงอกงามเจ้าก็ไม่เป็นรองใครแม้แต่น้อย ทั้งยังสามารถบันดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล แถมยังเล่นดนตรีได้ไพเราะจับใจ ดารีลข้าคิดว่าเจ้าเดินทางผิดสายแล้วล่ะ ”
“ ทางสภาหมายหัวพวกเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว ข้าจึงอาสาตามสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ”
ดารีลกล่าวสวนขึ้น
“ จอมเวทวาลานรู้เรื่องดาบโบราณแล้วสินะ ”
เด็กชายย้อนถาม
“ ไม่รู้หรอก เขายังไม่สมควรรู้ แต่ข้าก็ไม่ได้ไว้ใจพวกเจ้าพอๆ กับที่ไม่ไว้วางใจวาลาน ”
“ แล้วข้าต้องทำเช่นไรเจ้าจึงจะเชื่อ ”
ฟิโลโซเฟอร์พยายามปลดเสื้อคลุมของคนตรงหน้า
ด้วยท่าทีแสนซน
“ ถึงอย่างไรจอมเวทวาลานก็ยังเชื่อในรายงานของข้า อย่างน้อยเขาก็จะเลิกสนใจพวกเจ้าสักพัก จนกว่าจะมีใครทำเรื่องประหลาดอีก ”
หนุ่มน้อยในชุดคลุมดำบอก
โดยไม่ใส่ใจกับการกระทำของเด็กชายคนนั้น
“ แต่ถ้าสรุปได้ว่าพวกเจ้าเป็นไส้สึก ”
ฟิโลโซเฟอร์ปิดปากคนอายุมากกว่าเอาไว้
พลางคว้ามือบอบบางคู่นั้นมาวางบนอก
“ มีหลายคนที่ไม่สวามิภักดิ์ต่อวาลานข้าจะเป็นหนึ่งในนั้นจะสำคัญด้วยหรือ เพราะข้าได้มอบทุกอย่างให้เจ้าแล้ว หากเจ้าไม่ไว้ใจข้าก็คงไม่เหลือใครให้เจ้าไว้ใจอีกต่อไป หลับตาเสียข้าจะทำให้รู้ว่าข้าเชื่อใจเจ้าเพียงใด ”
ดารีลก็หลับตาลงอย่าว่าง่าย
เด็กน้อยจึงได้วางสิ่งหนึ่งใส่ในมือของเขา
และนั่นทำให้ดารีลถึงกับตกตลึง
เขาสลัดมันออกพลางลุกถอยหนีด้วยท่าทีลนลาน
ทั้งที่ยังไม่ลืมตาเสียด้วยซ้ำ
“ นี่คิดจะฆ่ากันหรืออย่างไร ”
เด็กชายรู้สึกประหลาดใจกับท่าทีนั้น
จึงเอ่ยว่า
“ ทำไมล่ะ ดาบนี่เป็นของผู้ใช้เวทมนตร์ข้าหวังจะให้มันคุ้มครองเจ้า ใยจึงคิดว่ามีเจตนาร้าย ”
“ เจ้าก็รู้นี่ว่าข้าแอบฝึกตำราศาสตร์มืด ”
ดารีลบอก
เขากางมือเหนือดาบ
ดวงตาสีแดงของแหวนงูเปล่งประกายอำหิต
พอๆ กับอัญมณีที่ประดับบนด้ามดาบ
ทั่วทั้งห้องเกิดไอหมอกสีดำหลอกหลอน
เด็กน้อยรู้สึกถึงพลังที่คุกคามอย่างชัดแจ้ง
เหมือนทุกครั้งที่เขาพบเจอหมอกประหลาดนี้
แต่เพียงเวลาไม่นาน
แสงสีแดงก็จางลง
พร้อมกับไอหมอกที่หายวับไป
“ สิ่งนี้ถูกสร้างโดยผู้มีอำนาจด้านมืดที่แข็งแกร่งที่สุด มันตอบสนองต่อมนต์ดำอย่างร้ายกาจ ผู้ที่สามารถใช้มันได้อย่างเต็มอำนาจก็คือผู้ใช้มนต์ดำ กับข้าที่กำลังพยายามงมโข่งในตำราที่น้อยคนจะรู้จัก เจ้าคิดว่าอย่างข้านี่สามารถควบคุมมันได้ หรือจะเป็นฝ่ายถูกควบคุมเสียเอง ”
“ แต่ข้าที่ถือมันไว้ตั้งนานก็มิได้ถูกครอบงำนี่นา ”
ฟิโลโซเฟอร์แย้ง
“ หากมิใช่ผู้ใช้เวทมนตร์ดาบเล่มนี้ก็แค่ของมีคมอย่างหนึ่งเท่านั้น ผู้ใช้มนต์ขาวก็ใช้ประโยชน์จากมันในทางที่ถูกที่ควร แต่ข้านั้นต่างออกไป ตัวข้าที่ยังควบคุมมนต์ดำได้ไม่ดีพอกับสิ่งที่สร้างมาเพื่อทำลายล้าง เจ้าคงไม่อยากเห็นข้ากลายเป็นคนอื่นที่เจ้าจะไม่มีวันรู้จักอีกต่อไป ”
ดารีลอธิบาย
“ ข้าเชื่อใจเจ้าอย่างที่สุดแล้วใยเจ้าไม่เชื่อใจตนเอง หากสิ่งนี้สามารถก่อภัยใหญ่หลวง คนผู้เดียวที่สมควรครอบครองมันก็คือเจ้านั่นแหละ ”
เด็กชายกล่าว
“ เจ้าจะไปรู้อะไรในบางครั้งข้าก็เบื่อกับการพยายามเป็นคนดี มีบางทีที่แอบทำตามอำเภอใจ ในความเป็นจริงข้าก็เป็นคนเห็นแก่ตัว มีความต้องการอยากทำเพื่อตัวเองโดยไม่สนผู้ใด ”
คนอายุมากกว่าเตือน
“ นั่นแหละที่เจ้าแตกต่าง มีบางคนที่ปากบอกทำเพื่อส่วนรวมแต่แท้จริงนั้นทำเพื่อตนเอง แต่เจ้าเมื่ออยากทำเพื่อตนเองก็ยอมรับว่าเพื่อตนเองไม่มีเสแสร้ง แล้วที่เจ้าบอกว่าดาบโบราณนี้สร้างมาเพื่อทำลายล้างมันคืออะไร เจ้ารู้ประวัติหรือ ”
“ ก็พอรู้บ้าง ว่าแต่เด็กน้อยจากชนบทอันแสนไกลเคยได้ฟังนิทานตำนานซาเหวจลอร์ดบ้างหรือเปล่า ”
“ เคยสิ ”
ฟิโลโซเฟอร์ตอบรับอย่างกระตือรือร้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ