โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )
6.3
42) สอบสวน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฟิโลโซเฟอร์เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าในอดีตหนุ่มน้อยคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายและเลือดเย็น เป็นผู้พิทักษ์แห่งโอรีเวียที่จอมเวทวาลานไว้วางใจ สำหรับเด็กชายชาวซีนาร์ยแล้วดารีลนั้นทั้งใจดีและอ่อนโยนแม้เขาจะแสดงอาการเกรี้ยวกราดบ้างในบางครั้ง แต่ก็ยังเป็นระดับที่เด็กชายตัวน้อยนั้นยอมรับได้ แม้ในยามที่โดนหมายเอาชีวิตเช่นนี้เขากลับไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย
“ เจ้าต้องอธิบายมาว่าพวกเราตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้อย่างไร ”
เด็กชายยังพยายามต่อรอง
“ หนึ่งคนในตระกูลของเจ้าเป็นผู้พิทักษ์หน้ากากทอง สุดท้ายได้หายตัวไปอย่างลึกลับ บิดาของเจ้าที่อยู่ๆ ก็ละทิ้งความเจริญทั้งที่การงานกำลังไปได้ดี ปากบอกจะไปใช้ชีวิตที่สงบสุข แต่ทั้งที่มีที่อื่นมากมายให้ไปกลับเลือกไปซีนาร์ยอันเป็นดินแดนชิดขอบกับเมืองปีศาจ อีกทั้งยังมีการติดต่อกับพ่อมดดีมีนหนึ่งในสมาชิกสภาสูงที่เริ่มเอาใจออกห่างจากจอมเวทวาลาน นอกจากนั้นพวกเจ้าทั้งสี่ยังเดินข้ามผ่านหุบเขาเงาปีศาจอันเป็นสถานที่ต้องห้าม ว่ากันว่าไม่เคยมีใครเข้าไปแล้วกลับออกมาได้แม้แต่ผู้ใช้เวทมนตร์ก็ยังสูญหายในนั้น พวกเจ้าเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาแต่กลับออกมาได้หน้าตาเฉย นอกจากนั้นเจ้าที่เป็นแค่เด็กกลับสามารถนำดาบโบราณที่มีอำนาจลึกลับออกมาจากหุบเขา โดยที่ยังไม่รู้แน่ว่ามันอยู่ที่นั่นหรือเจ้าครอบครองมันมาก่อนแล้ว นอกจากนั้นเพื่อนนักเรียนของเจ้าต่างตามสืบเรื่องของข้าให้กันวุ่นวาย ทั้งหมดที่ว่ามามีสิ่งใดไม่น่าสงสัยกันเล่า แท้จริงแล้วพวกเจ้าเป็นใครและทำงานให้กับผู้ใดกันแน่ ”
ดารีลว่า
“ สิ่งที่รู้ข้าเคยเล่าให้เจ้าฟังหมดแล้วนี่นา สิ่งที่ไม่เคยพูดก็เพราะสิ่งนั้นข้าไม่รู้ หรือเจ้าไม่เคยเชื่อใจข้า ”
“ หน้าตาข้าเหมือนคนโง่ขนาดนั้นเลยหรือ ”
หนุ่มน้อยย้อนถาม
“ ที่เจ้าใกล้ชิดข้าก็เพื่อหวังสอดแนมอย่างนั้นสินะ ”
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
“ ที่เจ้าไล่ตามข้าก็หวังสอดแนมเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่ข้านั้นถูกฝึกมาให้เป็นนักฆ่าตั้งแต่แรก งานนี้พวกเจ้าเลยพลาดตั้งแต่ยังไม่เริ่ม บอกมาตอนนี้ดีมีนอยู่ที่ใด ”
ดารีลว่า
เขาขยับมีดในมือให้พร้อมใช้งานมากขึ้น
“ ท่านดีมีนบอกว่าจะไปทำธุระนอกเมืองส่วนที่ไหนข้าไม่รู้หรอก ”
เด็กน้อยบอกตามจริง
“ ฮึก ”
เด็กน้อยต้องกัดฟันเพื่อเก็บเสียงร้อง
เมื่อปลายมีดถูกกดลงที่สีข้างอย่างช้าๆ
พร้อมกับรอยยิ้มเย็นเยือกที่ชั่วร้าย
“ บางทีข้าก็ชอบใจที่เหยื่อปากแข็ง แต่นี่มันค่อนคืนเข้าไปแล้ว คิดว่าข้ามีเวลาเท่าไหร่กันเพื่อจะสางงานให้เสร็จ หรือข้าต้องลากน้องสาวของเจ้ามาที่นี่ ”
“ ดารีลเจ้าทำงานให้ใครกันแน่ ”
เด็กชายตัวน้อยย้อนถาม
“ ตราบใดที่ยังอยู่ในโอรีเวียข้าก็ขึ้นตรงต่อจอมเวทวาลาน ความสงบสุขของโอรีเวียนั้น อยู่ในความรับผิดชอบของข้า ”
ขณะที่พูด
มือของเขาก็ยังกดปลายมีดจมลึกลงเรื่อยๆ
แผลที่แก้มนั้นลึกพอสมควร
เลือดของเด็กน้อยจึงไหลชุ่มลงสู่หมอน
“ ดารีลพวกเราไม่ใช่คนร้ายนะ ”
ฟิโลโซเฟอร์กระซิบบอก
“ และข้ายังเห็นเจ้าเป็นเพื่อนอยู่ ปล่อยมือเถอะนะข้าจะบอกทุกคนว่าแผลทั้งหมดนั้นเกิดจากข้ากลิ้งตกเตียง ”
“ ไม่ต้องแก้ตัวแทนข้าหรอกถ้าข้าได้ลงมือแล้วทุกอย่างจะเรียบร้อยด้วยมือของข้าเอง ”
หนุ่มน้อยตอบ
เมื่อเห็นว่าการเจรจาไม่เป็นผล
เด็กชายตัวน้อยจึงแกล้งทำเป็นนิ่ง
ไม่รับรู้ถึงแรงกระทำ
ของคนที่คร่อมอยู่บนร่าง
ดารีลสังเกตเห็นว่าเด็กน้อยไม่ไหวติง
เขาจึงชักมีดออกมาวางไว้ข้างๆ
แล้วก้มลงฟังเสียงลมหายใจ
ฟิโลโซเฟอร์เห็นโอกาส
จึงพยายามแย่งมีดมา
แต่ดารีลก็ยังเร็วกว่า
เขาคว้ามีดเล่มนั้น
ปักฉึกลงบนหมอนจนมิดด้าม
เฉียดศีรษะของเด็กชายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ เจ้าต้องอธิบายมาว่าพวกเราตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้อย่างไร ”
เด็กชายยังพยายามต่อรอง
“ หนึ่งคนในตระกูลของเจ้าเป็นผู้พิทักษ์หน้ากากทอง สุดท้ายได้หายตัวไปอย่างลึกลับ บิดาของเจ้าที่อยู่ๆ ก็ละทิ้งความเจริญทั้งที่การงานกำลังไปได้ดี ปากบอกจะไปใช้ชีวิตที่สงบสุข แต่ทั้งที่มีที่อื่นมากมายให้ไปกลับเลือกไปซีนาร์ยอันเป็นดินแดนชิดขอบกับเมืองปีศาจ อีกทั้งยังมีการติดต่อกับพ่อมดดีมีนหนึ่งในสมาชิกสภาสูงที่เริ่มเอาใจออกห่างจากจอมเวทวาลาน นอกจากนั้นพวกเจ้าทั้งสี่ยังเดินข้ามผ่านหุบเขาเงาปีศาจอันเป็นสถานที่ต้องห้าม ว่ากันว่าไม่เคยมีใครเข้าไปแล้วกลับออกมาได้แม้แต่ผู้ใช้เวทมนตร์ก็ยังสูญหายในนั้น พวกเจ้าเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาแต่กลับออกมาได้หน้าตาเฉย นอกจากนั้นเจ้าที่เป็นแค่เด็กกลับสามารถนำดาบโบราณที่มีอำนาจลึกลับออกมาจากหุบเขา โดยที่ยังไม่รู้แน่ว่ามันอยู่ที่นั่นหรือเจ้าครอบครองมันมาก่อนแล้ว นอกจากนั้นเพื่อนนักเรียนของเจ้าต่างตามสืบเรื่องของข้าให้กันวุ่นวาย ทั้งหมดที่ว่ามามีสิ่งใดไม่น่าสงสัยกันเล่า แท้จริงแล้วพวกเจ้าเป็นใครและทำงานให้กับผู้ใดกันแน่ ”
ดารีลว่า
“ สิ่งที่รู้ข้าเคยเล่าให้เจ้าฟังหมดแล้วนี่นา สิ่งที่ไม่เคยพูดก็เพราะสิ่งนั้นข้าไม่รู้ หรือเจ้าไม่เคยเชื่อใจข้า ”
“ หน้าตาข้าเหมือนคนโง่ขนาดนั้นเลยหรือ ”
หนุ่มน้อยย้อนถาม
“ ที่เจ้าใกล้ชิดข้าก็เพื่อหวังสอดแนมอย่างนั้นสินะ ”
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
“ ที่เจ้าไล่ตามข้าก็หวังสอดแนมเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่ข้านั้นถูกฝึกมาให้เป็นนักฆ่าตั้งแต่แรก งานนี้พวกเจ้าเลยพลาดตั้งแต่ยังไม่เริ่ม บอกมาตอนนี้ดีมีนอยู่ที่ใด ”
ดารีลว่า
เขาขยับมีดในมือให้พร้อมใช้งานมากขึ้น
“ ท่านดีมีนบอกว่าจะไปทำธุระนอกเมืองส่วนที่ไหนข้าไม่รู้หรอก ”
เด็กน้อยบอกตามจริง
“ ฮึก ”
เด็กน้อยต้องกัดฟันเพื่อเก็บเสียงร้อง
เมื่อปลายมีดถูกกดลงที่สีข้างอย่างช้าๆ
พร้อมกับรอยยิ้มเย็นเยือกที่ชั่วร้าย
“ บางทีข้าก็ชอบใจที่เหยื่อปากแข็ง แต่นี่มันค่อนคืนเข้าไปแล้ว คิดว่าข้ามีเวลาเท่าไหร่กันเพื่อจะสางงานให้เสร็จ หรือข้าต้องลากน้องสาวของเจ้ามาที่นี่ ”
“ ดารีลเจ้าทำงานให้ใครกันแน่ ”
เด็กชายตัวน้อยย้อนถาม
“ ตราบใดที่ยังอยู่ในโอรีเวียข้าก็ขึ้นตรงต่อจอมเวทวาลาน ความสงบสุขของโอรีเวียนั้น อยู่ในความรับผิดชอบของข้า ”
ขณะที่พูด
มือของเขาก็ยังกดปลายมีดจมลึกลงเรื่อยๆ
แผลที่แก้มนั้นลึกพอสมควร
เลือดของเด็กน้อยจึงไหลชุ่มลงสู่หมอน
“ ดารีลพวกเราไม่ใช่คนร้ายนะ ”
ฟิโลโซเฟอร์กระซิบบอก
“ และข้ายังเห็นเจ้าเป็นเพื่อนอยู่ ปล่อยมือเถอะนะข้าจะบอกทุกคนว่าแผลทั้งหมดนั้นเกิดจากข้ากลิ้งตกเตียง ”
“ ไม่ต้องแก้ตัวแทนข้าหรอกถ้าข้าได้ลงมือแล้วทุกอย่างจะเรียบร้อยด้วยมือของข้าเอง ”
หนุ่มน้อยตอบ
เมื่อเห็นว่าการเจรจาไม่เป็นผล
เด็กชายตัวน้อยจึงแกล้งทำเป็นนิ่ง
ไม่รับรู้ถึงแรงกระทำ
ของคนที่คร่อมอยู่บนร่าง
ดารีลสังเกตเห็นว่าเด็กน้อยไม่ไหวติง
เขาจึงชักมีดออกมาวางไว้ข้างๆ
แล้วก้มลงฟังเสียงลมหายใจ
ฟิโลโซเฟอร์เห็นโอกาส
จึงพยายามแย่งมีดมา
แต่ดารีลก็ยังเร็วกว่า
เขาคว้ามีดเล่มนั้น
ปักฉึกลงบนหมอนจนมิดด้าม
เฉียดศีรษะของเด็กชายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ