โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )
6.3
39) ขอคืน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกลางดึกคืนนั้น ฟิโลโซเฟอร์ได้รับจดหมายจากสหายที่เขาคุ้นเคยที่สุดให้ออกมาพบยังที่หนึ่ง ซึ่งมันคือต้นแอปเปิ้ลเก่าแก่มีกิ่งก้านสาขามากมาย อีกทั้งยังออกลูกดกดื่น คนทั้งคู่ใช้เวลาอยู่บนนั้นนานพอสมควร เด็กชายตัวน้อยเอาแต่โหนไปโหนมาอย่างร่าเริง จนอีกคนเริ่มรำคาญ
“ เจ้าขยับตัวทีมันเขย่าไปทั้งต้นเลยนะ ข้าอยากนั่นนิ่งๆ สักพักไม่ได้เลยหรือ ”
เริ่มมีเสียงบ่นจากหนุ่มน้อยในชุดคลุมขาวให้ได้ยิน
เด็กชายจึงคว้ากิ่งใกล้ๆ
แล้วโน้มร่างเข้าไปหา
มืออีกข้างยื่นแอปเปิ้ลไปจนชิดริมฝีปากเจ้าของเสียงบ่น
“ ข้าไม่หิว ”
เจ้าของร่างบางกล่าวเอือมๆ
“ หรืออยากกินอย่างอื่น ”
เด็กชายหลิ่วตาให้อย่างมีเลศนัย
พลางกัดกินผลไม้นั้นเสียเอง
“ ไม่เอาน่าดารีล วันนี้เป็นวันดีมีงานรื่นเริง เจ้าอย่าทำหน้าเหมือนเพิ่งโดนสาวหักอกมาอย่างนั้น ยิ้มสักหน่อยเถิดโลกคงไม่ถล่มลงเร็วๆ นี้ ”
“ ไม่ช้าก็เร็วต่างหากล่ะ ”
ดารีลแย้ง
เขายังตีหน้าขรึมอยู่เช่นเดิม
“ เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่บอกข้าได้หรือเปล่า ”
ฟิโลโซเฟอร์เซ้าซี้
หนุ่มน้อยรูปงามจ้องหน้าเด็กชายนิ่งไปเป็นครู่
สุดท้ายก็เอ่ยออกมา
“ ข้าอยากได้ของๆ ข้าคืน ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยจึงยิ้มออกมา
“ บอกมาตรงๆ ก็เท่านั้นไม่เห็นต้องวุ่นวายเลย ”
เขายื่นดาบสีเงินคืนไปให้
โดยไม่มีอาการลังเล
แต่ดารีลผลักมันกลับ
ไปแนบชิดกับอกเด็กชาย
“ ช่างเถิดของสิ่งนี้ข้าตัดสินใจยกให้เจ้าแล้ว สิ่งที่ปรารถนาอยากได้คืน ก็คือกระพรวนทองเหลืองอันนั้นต่างหาก ”
คำตอบนั้นทำเอาเด็กชายตกตะลึง
ด้วยว่ามันคือสิ่งที่เชื่อมพวกเขาเข้าด้วยกัน
“ ข้าทำอะไรผิดหรือ มีอะไรที่เจ้าไม่พอใจเราคุยกันได้นี่นา ”
เด็กชายกระซิบถาม
รู้สึกหวั่นใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ เมืองโอรีเวียกำลังจะล่มสลายในไม่ช้า และข้าไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว เส้นทางของข้ายาวไกลนักแต่เจ้าเป็นดังพันธนาการที่ผูกรั้งข้าไว้ ดังนั้นคืนกระพรวนข้ามาเถิด เมื่อเราจากกันก็ขออย่าให้มีสิ่งใดติดค้างกันอีก ”
“ เจ้าพูดแบบเดียวกันนี้กับเจ้าหญิงลูเซียน่าด้วยสินะ ”
ฟิโลโซเฟอร์กัดฟันพูด
ด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
“ ข้าได้พยายามแล้ว แต่นางเลือกที่จะไม่ฟังสุดท้ายจึงลงเอยเช่นนั้น ข้าไม่อยากให้เจ้ามีชะตาเดียวกันกับนางเพราะฉะนั้นจงปล่อยมือข้าเสีย ข้าที่ไม่อาจปกป้องเจ้าได้อีกต่อไป ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องติดตาม ”
“ ข้าไม่ได้อยากอยู่ใกล้เจ้าเพราะต้องการความคุ้มกัน แต่ข้านั้นหวังจะปกป้องเจ้าให้ได้ เจ้าไม่รู้หรอกว่าฝันร้ายของข้ามันน่ากลัวนักและข้าสัญญาว่าจะไม่ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้น ”
“ ความฝันที่เจ้าหวาดกลัวนั้นเป็นอย่างไร ”
หนุ่มน้อยเอ่ยถาม
ด้วยหวังจะช่วยบรรเทาความทุกข์ใจของเด็กชาย
“ กาเอลจะฆ่าเจ้า เขาคือผู้สืบเชื้อสายเพียงคนเดียวของคาเล และข้าแน่ใจว่าเขาอยู่เบื้องหลังเรื่องชั่วร้ายทั้งปวง ”
คนอายุน้อยกว่าบอก
ดารีลยิ้มอ่อน
เขาเอื้อมมือไปเด็ดใบไม้เล่นด้วยท่าทีที่เลื่อนลอย
“ อย่างน้อยข้ากับเขาก็ไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งกันเป็นการส่วนตัว เจ้าไม่เห็นต้องกังวลขนาดนั้น ข้ากับเขาเดินทางกันคนละเส้นก็จริงแต่ใช่ว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ”
“ อาจจะจริงที่เขาไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งกับเจ้า แต่เจ้าต่างหากล่ะที่ขัดแย้งกับเขา ความตายของเจ้าหญิงลูเซียน่าพวกเราพอจะเดาออกว่าเป็นฝีมือของผู้ใด ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากพุ่งเข้าใส่เขาหรอกหรือจึงพยายามสลัดข้าทิ้ง ”
“ ไม่ใช่หรอก ”
ดารีลกล่าวสวนขึ้น
“ ทั้งหมดสามารถกล่าวโทษข้าได้ ข้าบกพร่องเองเพราะนางไว้ใจข้ามากเกินไปและข้าเองก็เลินเล่อ เรื่องจึงลงเอยแบบนั้น ไม่จำเป็นต้องหาคนมารับบาปข้าเองนี่แหละที่ต้องรับเอาความผิดนั้น เจ้าอย่าได้คิดว่าข้าสมบูรณ์แบบ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะต้องจบชีวิตเช่นเดียวกับนาง เพราะฉะนั้นคืนกระพรวนข้ามาเถอะนะมันไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว ก่อนที่มันจะผูกมัดเรามากไปกว่านี้ ”
เด็กชายตัวน้อยจึงนิ่งอึ้งไป
เพราะไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดต่อไปดี
“ เช่นนั้นข้าต้องทำอย่างไรเจ้าจึงจะยอมคืนมันให้ข้า ”
เขากล่าว
เมื่อเห็นว่าเด็กคนนั้นไม่ตอบโต้อะไร
“ มีทางเดียว เจ้าต้องให้สัญญาว่าจะไม่ไปไหนไกลจากสายตาข้า อยู่กับข้าไปกับข้าไม่ว่าที่ใดก็ตาม ”
ดารีลถึงกับเอาหน้าผากโขกต้นไม้
“ เจ้าเด็กทึ่ม ”
เขาบ่นอุบอิบ
แต่แล้วก็ไม่กล่าวสิ่งใดต่อ
“ ดารีลเจ้าจำได้หรือไม่ เมื่อปีที่แล้ว ณ ที่แห่งนี้ข้าเคยถามสิ่งหนึ่งกับเจ้า และเจ้ายังไม่ให้คำตอบกับข้าเลยจนบัดนี้ ”
เด็กชายทวง
“ คำถามของเจ้าล้วนแล้วแต่ไร้สาระ ข้าไม่จำใส่ใจหรอก ”
เจ้าของร่างงามเบือนหน้าเข้าหาต้นไม้ใหญ่
ซ่อนแววเหนื่อยหน่ายเอาไว้เพียงผู้เดียว
“ เจ้าแนะนำตัวกับข้าหน่อยไม่ได้หรือ ข้าบอกทั้งหมดกับเจ้าแล้วแต่เจ้าไม่เคยบอกอะไรข้าเลย ”
“ ทั้งหมดที่เจ้าอยากรู้เจ้าก็รู้อยู่แล้วมิใช่หรือ ”
“ นั่นมันจากปากผู้อื่น ข้าแค่อยากให้เจ้าเปิดใจกับข้า เราใกล้ชิดกันมากกว่าผู้อื่นมิใช่หรือ เจ้าควรจะบอกข้าทุกเรื่องรวมทั้งความรู้สึกของเจ้าด้วย ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
พลางเชยคางคนที่อยู่ตรงหน้า
บังคับให้สบตาด้วยท่าทางแสนซน
ดารีลจึงพลิกร่างลงจากต้นไม้
สองเท้าแตะพื้นอย่างนุ่มนวลราวกับแมวน้อย
“ ข้าไม่ใส่ใจเรื่องหยุมหยิมหรอก อุตส่าห์ชวนมาคุยธุระสำคัญ เจ้าก็คอยแต่จะทำเสียเรื่อง ”
เขาเงยหน้าขึ้นมาต่อว่า
เด็กชายที่กำลังปีนตามลงมา
ด้วยความสูงระดับนี้
ฟิโลโซเฟอร์จึงไม่กล้ากระโดดตาม
เพราะกลัวแข้งขาจะหักเสียก่อน
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น
เขาก็สามารถตามลงมาได้เร็วพอสมควร
เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะเดินหนี
จึงร้องขึ้นว่า
“ ตกลงไม่อยากได้แล้วหรือกระพรวนของเจ้าน่ะ ”
ดารีลจึงหันกลับมา
เขาเอียงคอน้อยๆ เป็นเชิงว่าสงสัย
แต่ไม่ได้เอ่ยอะไร
“ คืนนี้เจ้าไปบ้านข้าเรายังมีเรื่องต้องคุยกัน เพราะคุยตอนนี้ไม่สะดวกเอาเสียเลย ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยว่า
หนุ่มน้อยคนนั้นไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
แต่ได้ปีนผนังตึกด้วยมือเปล่า
แล้วหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
“ เจ้าขยับตัวทีมันเขย่าไปทั้งต้นเลยนะ ข้าอยากนั่นนิ่งๆ สักพักไม่ได้เลยหรือ ”
เริ่มมีเสียงบ่นจากหนุ่มน้อยในชุดคลุมขาวให้ได้ยิน
เด็กชายจึงคว้ากิ่งใกล้ๆ
แล้วโน้มร่างเข้าไปหา
มืออีกข้างยื่นแอปเปิ้ลไปจนชิดริมฝีปากเจ้าของเสียงบ่น
“ ข้าไม่หิว ”
เจ้าของร่างบางกล่าวเอือมๆ
“ หรืออยากกินอย่างอื่น ”
เด็กชายหลิ่วตาให้อย่างมีเลศนัย
พลางกัดกินผลไม้นั้นเสียเอง
“ ไม่เอาน่าดารีล วันนี้เป็นวันดีมีงานรื่นเริง เจ้าอย่าทำหน้าเหมือนเพิ่งโดนสาวหักอกมาอย่างนั้น ยิ้มสักหน่อยเถิดโลกคงไม่ถล่มลงเร็วๆ นี้ ”
“ ไม่ช้าก็เร็วต่างหากล่ะ ”
ดารีลแย้ง
เขายังตีหน้าขรึมอยู่เช่นเดิม
“ เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่บอกข้าได้หรือเปล่า ”
ฟิโลโซเฟอร์เซ้าซี้
หนุ่มน้อยรูปงามจ้องหน้าเด็กชายนิ่งไปเป็นครู่
สุดท้ายก็เอ่ยออกมา
“ ข้าอยากได้ของๆ ข้าคืน ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยจึงยิ้มออกมา
“ บอกมาตรงๆ ก็เท่านั้นไม่เห็นต้องวุ่นวายเลย ”
เขายื่นดาบสีเงินคืนไปให้
โดยไม่มีอาการลังเล
แต่ดารีลผลักมันกลับ
ไปแนบชิดกับอกเด็กชาย
“ ช่างเถิดของสิ่งนี้ข้าตัดสินใจยกให้เจ้าแล้ว สิ่งที่ปรารถนาอยากได้คืน ก็คือกระพรวนทองเหลืองอันนั้นต่างหาก ”
คำตอบนั้นทำเอาเด็กชายตกตะลึง
ด้วยว่ามันคือสิ่งที่เชื่อมพวกเขาเข้าด้วยกัน
“ ข้าทำอะไรผิดหรือ มีอะไรที่เจ้าไม่พอใจเราคุยกันได้นี่นา ”
เด็กชายกระซิบถาม
รู้สึกหวั่นใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ เมืองโอรีเวียกำลังจะล่มสลายในไม่ช้า และข้าไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว เส้นทางของข้ายาวไกลนักแต่เจ้าเป็นดังพันธนาการที่ผูกรั้งข้าไว้ ดังนั้นคืนกระพรวนข้ามาเถิด เมื่อเราจากกันก็ขออย่าให้มีสิ่งใดติดค้างกันอีก ”
“ เจ้าพูดแบบเดียวกันนี้กับเจ้าหญิงลูเซียน่าด้วยสินะ ”
ฟิโลโซเฟอร์กัดฟันพูด
ด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
“ ข้าได้พยายามแล้ว แต่นางเลือกที่จะไม่ฟังสุดท้ายจึงลงเอยเช่นนั้น ข้าไม่อยากให้เจ้ามีชะตาเดียวกันกับนางเพราะฉะนั้นจงปล่อยมือข้าเสีย ข้าที่ไม่อาจปกป้องเจ้าได้อีกต่อไป ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องติดตาม ”
“ ข้าไม่ได้อยากอยู่ใกล้เจ้าเพราะต้องการความคุ้มกัน แต่ข้านั้นหวังจะปกป้องเจ้าให้ได้ เจ้าไม่รู้หรอกว่าฝันร้ายของข้ามันน่ากลัวนักและข้าสัญญาว่าจะไม่ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้น ”
“ ความฝันที่เจ้าหวาดกลัวนั้นเป็นอย่างไร ”
หนุ่มน้อยเอ่ยถาม
ด้วยหวังจะช่วยบรรเทาความทุกข์ใจของเด็กชาย
“ กาเอลจะฆ่าเจ้า เขาคือผู้สืบเชื้อสายเพียงคนเดียวของคาเล และข้าแน่ใจว่าเขาอยู่เบื้องหลังเรื่องชั่วร้ายทั้งปวง ”
คนอายุน้อยกว่าบอก
ดารีลยิ้มอ่อน
เขาเอื้อมมือไปเด็ดใบไม้เล่นด้วยท่าทีที่เลื่อนลอย
“ อย่างน้อยข้ากับเขาก็ไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งกันเป็นการส่วนตัว เจ้าไม่เห็นต้องกังวลขนาดนั้น ข้ากับเขาเดินทางกันคนละเส้นก็จริงแต่ใช่ว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ”
“ อาจจะจริงที่เขาไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งกับเจ้า แต่เจ้าต่างหากล่ะที่ขัดแย้งกับเขา ความตายของเจ้าหญิงลูเซียน่าพวกเราพอจะเดาออกว่าเป็นฝีมือของผู้ใด ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากพุ่งเข้าใส่เขาหรอกหรือจึงพยายามสลัดข้าทิ้ง ”
“ ไม่ใช่หรอก ”
ดารีลกล่าวสวนขึ้น
“ ทั้งหมดสามารถกล่าวโทษข้าได้ ข้าบกพร่องเองเพราะนางไว้ใจข้ามากเกินไปและข้าเองก็เลินเล่อ เรื่องจึงลงเอยแบบนั้น ไม่จำเป็นต้องหาคนมารับบาปข้าเองนี่แหละที่ต้องรับเอาความผิดนั้น เจ้าอย่าได้คิดว่าข้าสมบูรณ์แบบ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะต้องจบชีวิตเช่นเดียวกับนาง เพราะฉะนั้นคืนกระพรวนข้ามาเถอะนะมันไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว ก่อนที่มันจะผูกมัดเรามากไปกว่านี้ ”
เด็กชายตัวน้อยจึงนิ่งอึ้งไป
เพราะไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดต่อไปดี
“ เช่นนั้นข้าต้องทำอย่างไรเจ้าจึงจะยอมคืนมันให้ข้า ”
เขากล่าว
เมื่อเห็นว่าเด็กคนนั้นไม่ตอบโต้อะไร
“ มีทางเดียว เจ้าต้องให้สัญญาว่าจะไม่ไปไหนไกลจากสายตาข้า อยู่กับข้าไปกับข้าไม่ว่าที่ใดก็ตาม ”
ดารีลถึงกับเอาหน้าผากโขกต้นไม้
“ เจ้าเด็กทึ่ม ”
เขาบ่นอุบอิบ
แต่แล้วก็ไม่กล่าวสิ่งใดต่อ
“ ดารีลเจ้าจำได้หรือไม่ เมื่อปีที่แล้ว ณ ที่แห่งนี้ข้าเคยถามสิ่งหนึ่งกับเจ้า และเจ้ายังไม่ให้คำตอบกับข้าเลยจนบัดนี้ ”
เด็กชายทวง
“ คำถามของเจ้าล้วนแล้วแต่ไร้สาระ ข้าไม่จำใส่ใจหรอก ”
เจ้าของร่างงามเบือนหน้าเข้าหาต้นไม้ใหญ่
ซ่อนแววเหนื่อยหน่ายเอาไว้เพียงผู้เดียว
“ เจ้าแนะนำตัวกับข้าหน่อยไม่ได้หรือ ข้าบอกทั้งหมดกับเจ้าแล้วแต่เจ้าไม่เคยบอกอะไรข้าเลย ”
“ ทั้งหมดที่เจ้าอยากรู้เจ้าก็รู้อยู่แล้วมิใช่หรือ ”
“ นั่นมันจากปากผู้อื่น ข้าแค่อยากให้เจ้าเปิดใจกับข้า เราใกล้ชิดกันมากกว่าผู้อื่นมิใช่หรือ เจ้าควรจะบอกข้าทุกเรื่องรวมทั้งความรู้สึกของเจ้าด้วย ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
พลางเชยคางคนที่อยู่ตรงหน้า
บังคับให้สบตาด้วยท่าทางแสนซน
ดารีลจึงพลิกร่างลงจากต้นไม้
สองเท้าแตะพื้นอย่างนุ่มนวลราวกับแมวน้อย
“ ข้าไม่ใส่ใจเรื่องหยุมหยิมหรอก อุตส่าห์ชวนมาคุยธุระสำคัญ เจ้าก็คอยแต่จะทำเสียเรื่อง ”
เขาเงยหน้าขึ้นมาต่อว่า
เด็กชายที่กำลังปีนตามลงมา
ด้วยความสูงระดับนี้
ฟิโลโซเฟอร์จึงไม่กล้ากระโดดตาม
เพราะกลัวแข้งขาจะหักเสียก่อน
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น
เขาก็สามารถตามลงมาได้เร็วพอสมควร
เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะเดินหนี
จึงร้องขึ้นว่า
“ ตกลงไม่อยากได้แล้วหรือกระพรวนของเจ้าน่ะ ”
ดารีลจึงหันกลับมา
เขาเอียงคอน้อยๆ เป็นเชิงว่าสงสัย
แต่ไม่ได้เอ่ยอะไร
“ คืนนี้เจ้าไปบ้านข้าเรายังมีเรื่องต้องคุยกัน เพราะคุยตอนนี้ไม่สะดวกเอาเสียเลย ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยว่า
หนุ่มน้อยคนนั้นไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
แต่ได้ปีนผนังตึกด้วยมือเปล่า
แล้วหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ