โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )
6.3
37) จดหมายและแสงเทียน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเทศกาลประจำปีของเมืองโอรีเวียดำเนินไปอย่างเงียบเหงาไม่คึกคักดังปีก่อน เพราะผู้คนล้วนหวาดกลัวและบางเมืองก็ตกอยู่ในภาวะอดอยาก แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นงานประจำปีก็ยังดำเนินไปตามกำหนดเดิมแม้ผู้คนจะหายไปมากกว่าครึ่ง
อาเธอร์อดีตนายทหารแห่งโอรีเวียซึ่งในตอนนี้ผันตัวมาเป็นชาวสวนก็ยังไม่ลืมวิถีเดิม เขานำผลผลิตในสวนมามอบแด่วาลานเจ้าแห่งโอรีเวียและขอรับพรเพื่อให้ผลผลิตดียิ่งขึ้นในปีต่อไป
ส่วนเด็กๆ ในกลุ่มของฟิโลโซเฟอร์ พวกเขารวมตัวกันทำอาหารและน้ำดื่มแจกจ่ายให้กับแขกต่างบ้านต่างเมืองที่เดินทางมาร่วมงาน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาทำเช่นนี้เพราะในความจริงแล้วแต่ละคนก็มาจากถิ่นอื่น แต่เมื่อได้เป็นเพื่อนกับฟิโลโซเฟอร์ผู้มีเชื้อสายชาวโอรีเวีย พวกเขาจึงถือเอาว่าตนเป็นเจ้าบ้านคนหนึ่ง
สำหรับเด็กชายผู้พลัดถิ่นชาวซีนาร์ยนามว่าฟิโลโซเฟอร์ ปีนี้ดูวุ่นวายกว่าปีก่อนเพราะมีกิจกรรมมากมายที่เพื่อนๆ ยัดเยียดให้แต่เขาก็สนุกไปกับมัน
ในคืนเฉลิมฉลองผู้คนต่างออกไปเที่ยวงานในยามราตรี แต่ฟิโลโซเฟอร์ที่เหน็ดเหนื่อยมาหลายวันแล้วจึงขอตัวอยู่บ้านปล่อยให้พ่อแม่และน้องสาวออกไปเที่ยวกัน ในตอนแรกเขานอนหมอบอยู่ตรงเก้าอี้รับแขกในห้องด้านหน้า เพื่อรอคนอื่นๆ กลับมา เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็คิดว่าขึ้นไปนอนบนห้องน่าจะสบายกว่า
ทันทีที่ผ่านประตูขึ้นไปสู่ห้องใต้หลังคาเขาก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ป่า เด็กชายตัวน้อยประหลาดใจมากที่มีกลิ่นเช่นนี้อยู่ภายในห้องนอน เมื่อสำรวจให้ดีแล้วเขาก็พบว่าที่มาของกลิ่นประหลาดนั่นก็คือเทียนหอมที่จุดไว้กลางห้อง ใกล้ๆ กันนั้นมีกระดาษแผ่นหนึ่งวางทับไว้ด้วยแอปเปิ้ลสีแดงลูกใหญ่
ฟิโลโซเฟอร์หยิบกระดาษขึ้นมาส่องกับแสงเทียน
เขาก็พบกับลายมือที่งดงามคุ้นตา
มันมีเพียงข้อความสั้นๆ เท่านั้น
‘ พบกันที่เดิม ’
เด็กชายตัวน้อยรู้ว่านี่คือข้อความจากดารีล
แต่ปัญหาคือที่เดิมที่ว่านั่นมันที่ไหนกันเล่า
พวกเขาไม่ได้พบกันบ่อยนัก
และไม่มีที่ใดเฉพาะเจาะจงเสียด้วย
เด็กชายตัวน้อยพลิกดูกระดาษจนทั่ว
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีข้อความอื่นอีกก็ได้แต่ถอนใจ
เขารู้ว่าผู้ใช้เวทมนตร์นั้นเข้าใจยาก
แต่นี่ไม่เกินไปหน่อยหรือ
ข้อความสั้นๆ ที่เข้าใจแค่เจ้าของข้อความ
หรือเขาต้องตระเวนไปทุกที่ในโอรีเวีย
นี่มันบ้าไปแล้ว
แต่ถ้าจำเป็นเขาก็จะทำ
แต่จะว่าไปแล้ว
หลังจากความคุ้มคลั่งในวันนั้นดารีลก็หายไปเลย
นั่นทำให้เด็กชายตัวน้อยรู้สึกเป็นห่วง
แต่ข้อความสั้นๆ นี้พอให้ใจชื้นขึ้นบ้าง
เพียงแต่ว่าเขาจะไปยังที่นัดหมายได้อย่างไร
ในเมื่อ
ฟิโลโซเฟอร์หยิบแอปเปิ้ลลูกนั้นขึ้นมา
พลางนึกสงสัยว่า
หมอนั่นต้องการให้เขากินหรือเพียงใช้เป็นที่ทับกระดาษ
ผิวสีแดงแวววาวของผลไม้
ส่องประกายกับแสงเทียนราวกับทับทิม
แล้วความทรงจำหนึ่งก็ผุดขึ้น
ในวันนี้เมื่อปีกลาย
บนถนนแคบๆ สายหนึ่งมีแอปเปิ้ลต้นใหญ่
กับเทียนหอมมากมายตามขอบทาง
ที่ตรงนั้น
เขาได้แนะนำชื่อของตนกับดารีลเป็นครั้งแรก
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็คว้าเอาดาบสีเงิน
แล้วรีบออกจากบ้านไป
ในใจก็นึกสงสัย
ว่าหนุ่มน้อยคนนั้นมีเรื่องเดือดร้อนอะไรหรือไม่
คิดดูอีกที
การที่เขามาวางจดหมายในห้องนอน
แสดงว่าได้มาถึงบ้านนี้แล้ว
แต่แทนที่จะปลุกขึ้นมาพูดจากัน
กลับเลือกที่จะทิ้งจดหมายเอาไว้
ให้ตายสิ
หมอนี่เป็นคนแบบไหนกัน
เมื่อเป็นเช่นนั้นอย่างน้อย
ก็ทำให้ใจชื้นขึ้นมา
ดารีลคงไม่มีเรื่องเร่งด่วนอะไร
เขาจึงทำไปแบบนั้น
เด็กชายชาวซีนาร์ยนำดาบสีเงินขึ้นสะพายหลัง
แล้วมุ่งหน้าออกจากบ้าน
ดาบเล่มนี้ดารีลเป็นคนให้ยืมเอาไว้
และมันได้ช่วยชีวิตเขาหลายต่อหลายครั้ง
แต่ที่เขาหยิบมันติดมือออกมาในครั้งนี้
เป็นเพราะเมืองโอรีเวียไม่ได้ชื่อว่าปลอดภัยดังเดิม
ข่าวลือมากมายที่รายล้อมเข้ามา
ทำให้ผู้คนต่างหวาดระแวงกันเอง
ฟิโลโซเฟอร์เดินออกสู่ท้องถนนที่คลาคล่ำด้วยผู้คน
แต่ไม่มากมายจนเบียดเสียดเหมือนปีก่อน
ผู้คนตามท้องถนนของงานรื่นเริงยังยิ้มแย้ม
แต่เป็นรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อน
เป็นเพราะหัวใจของพวกเขา
มีเรื่องมากมายให้วิตกกังวล
อาเธอร์อดีตนายทหารแห่งโอรีเวียซึ่งในตอนนี้ผันตัวมาเป็นชาวสวนก็ยังไม่ลืมวิถีเดิม เขานำผลผลิตในสวนมามอบแด่วาลานเจ้าแห่งโอรีเวียและขอรับพรเพื่อให้ผลผลิตดียิ่งขึ้นในปีต่อไป
ส่วนเด็กๆ ในกลุ่มของฟิโลโซเฟอร์ พวกเขารวมตัวกันทำอาหารและน้ำดื่มแจกจ่ายให้กับแขกต่างบ้านต่างเมืองที่เดินทางมาร่วมงาน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาทำเช่นนี้เพราะในความจริงแล้วแต่ละคนก็มาจากถิ่นอื่น แต่เมื่อได้เป็นเพื่อนกับฟิโลโซเฟอร์ผู้มีเชื้อสายชาวโอรีเวีย พวกเขาจึงถือเอาว่าตนเป็นเจ้าบ้านคนหนึ่ง
สำหรับเด็กชายผู้พลัดถิ่นชาวซีนาร์ยนามว่าฟิโลโซเฟอร์ ปีนี้ดูวุ่นวายกว่าปีก่อนเพราะมีกิจกรรมมากมายที่เพื่อนๆ ยัดเยียดให้แต่เขาก็สนุกไปกับมัน
ในคืนเฉลิมฉลองผู้คนต่างออกไปเที่ยวงานในยามราตรี แต่ฟิโลโซเฟอร์ที่เหน็ดเหนื่อยมาหลายวันแล้วจึงขอตัวอยู่บ้านปล่อยให้พ่อแม่และน้องสาวออกไปเที่ยวกัน ในตอนแรกเขานอนหมอบอยู่ตรงเก้าอี้รับแขกในห้องด้านหน้า เพื่อรอคนอื่นๆ กลับมา เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็คิดว่าขึ้นไปนอนบนห้องน่าจะสบายกว่า
ทันทีที่ผ่านประตูขึ้นไปสู่ห้องใต้หลังคาเขาก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ป่า เด็กชายตัวน้อยประหลาดใจมากที่มีกลิ่นเช่นนี้อยู่ภายในห้องนอน เมื่อสำรวจให้ดีแล้วเขาก็พบว่าที่มาของกลิ่นประหลาดนั่นก็คือเทียนหอมที่จุดไว้กลางห้อง ใกล้ๆ กันนั้นมีกระดาษแผ่นหนึ่งวางทับไว้ด้วยแอปเปิ้ลสีแดงลูกใหญ่
ฟิโลโซเฟอร์หยิบกระดาษขึ้นมาส่องกับแสงเทียน
เขาก็พบกับลายมือที่งดงามคุ้นตา
มันมีเพียงข้อความสั้นๆ เท่านั้น
‘ พบกันที่เดิม ’
เด็กชายตัวน้อยรู้ว่านี่คือข้อความจากดารีล
แต่ปัญหาคือที่เดิมที่ว่านั่นมันที่ไหนกันเล่า
พวกเขาไม่ได้พบกันบ่อยนัก
และไม่มีที่ใดเฉพาะเจาะจงเสียด้วย
เด็กชายตัวน้อยพลิกดูกระดาษจนทั่ว
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีข้อความอื่นอีกก็ได้แต่ถอนใจ
เขารู้ว่าผู้ใช้เวทมนตร์นั้นเข้าใจยาก
แต่นี่ไม่เกินไปหน่อยหรือ
ข้อความสั้นๆ ที่เข้าใจแค่เจ้าของข้อความ
หรือเขาต้องตระเวนไปทุกที่ในโอรีเวีย
นี่มันบ้าไปแล้ว
แต่ถ้าจำเป็นเขาก็จะทำ
แต่จะว่าไปแล้ว
หลังจากความคุ้มคลั่งในวันนั้นดารีลก็หายไปเลย
นั่นทำให้เด็กชายตัวน้อยรู้สึกเป็นห่วง
แต่ข้อความสั้นๆ นี้พอให้ใจชื้นขึ้นบ้าง
เพียงแต่ว่าเขาจะไปยังที่นัดหมายได้อย่างไร
ในเมื่อ
ฟิโลโซเฟอร์หยิบแอปเปิ้ลลูกนั้นขึ้นมา
พลางนึกสงสัยว่า
หมอนั่นต้องการให้เขากินหรือเพียงใช้เป็นที่ทับกระดาษ
ผิวสีแดงแวววาวของผลไม้
ส่องประกายกับแสงเทียนราวกับทับทิม
แล้วความทรงจำหนึ่งก็ผุดขึ้น
ในวันนี้เมื่อปีกลาย
บนถนนแคบๆ สายหนึ่งมีแอปเปิ้ลต้นใหญ่
กับเทียนหอมมากมายตามขอบทาง
ที่ตรงนั้น
เขาได้แนะนำชื่อของตนกับดารีลเป็นครั้งแรก
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็คว้าเอาดาบสีเงิน
แล้วรีบออกจากบ้านไป
ในใจก็นึกสงสัย
ว่าหนุ่มน้อยคนนั้นมีเรื่องเดือดร้อนอะไรหรือไม่
คิดดูอีกที
การที่เขามาวางจดหมายในห้องนอน
แสดงว่าได้มาถึงบ้านนี้แล้ว
แต่แทนที่จะปลุกขึ้นมาพูดจากัน
กลับเลือกที่จะทิ้งจดหมายเอาไว้
ให้ตายสิ
หมอนี่เป็นคนแบบไหนกัน
เมื่อเป็นเช่นนั้นอย่างน้อย
ก็ทำให้ใจชื้นขึ้นมา
ดารีลคงไม่มีเรื่องเร่งด่วนอะไร
เขาจึงทำไปแบบนั้น
เด็กชายชาวซีนาร์ยนำดาบสีเงินขึ้นสะพายหลัง
แล้วมุ่งหน้าออกจากบ้าน
ดาบเล่มนี้ดารีลเป็นคนให้ยืมเอาไว้
และมันได้ช่วยชีวิตเขาหลายต่อหลายครั้ง
แต่ที่เขาหยิบมันติดมือออกมาในครั้งนี้
เป็นเพราะเมืองโอรีเวียไม่ได้ชื่อว่าปลอดภัยดังเดิม
ข่าวลือมากมายที่รายล้อมเข้ามา
ทำให้ผู้คนต่างหวาดระแวงกันเอง
ฟิโลโซเฟอร์เดินออกสู่ท้องถนนที่คลาคล่ำด้วยผู้คน
แต่ไม่มากมายจนเบียดเสียดเหมือนปีก่อน
ผู้คนตามท้องถนนของงานรื่นเริงยังยิ้มแย้ม
แต่เป็นรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อน
เป็นเพราะหัวใจของพวกเขา
มีเรื่องมากมายให้วิตกกังวล
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ