โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )
36) ไม่อยู่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเที่ยงคืนนั้นเอง ที่คฤหาสน์หรูหราตั้งอยู่ในอาณาเขตทองวังหลวง หน้าต่างนานหนึ่งเปิดกว้างท่ามกลางแสงสลัว กลิ่นสุราและควันจากสิ่งมึนเมาลอยคลุ้งเต็มห้อง
ชายหญิงคู่หนึ่งนอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงใหญ่ที่ปูด้วยกุหลาบ เสียงหัวเราะคิกคักดังแว่วออกมาสู่ด้านนอกพอได้ยิน บ่งบอกให้รู้ว่าพวกเขาทั้งสองกำลังอยู่ในห้วงแห่งสุนทรี
“ ข้าเคยออกรบ ”
เมทาอินในวัยสี่สิบกว่า
แต่มีสภาพเหมือนคนแก่คุยโม้โอ้อวดออกมา
“ ใช่ ข้าไม่ได้อยู่ในทำเนียบแห่งปราชญ์ นั่นเป็นเพราะแท้จริงแล้วข้าคือนักรบ ”
“ โอ๊ว ข้าชอบบุรุษผู้แข็งแกร่ง ”
สตรีในชุดบางเบาว่า
นางเริ่มฉีกทึ้งเสื้อผ้าของหนุ่มใหญ่ออก
ราดไวน์สีแดงข้นลงบนแผ่นอกแห้งลีบไร้กล้ามเนื้อ
แล้วลากปลายเล็บจากใต้คางผ่านลำคอเรื่อยลงไปจนถึงเอว
สร้างรอยแผลตื้นๆ พอมีเลือดไหล
เมทาอินถึงกับดิ้นพราดด้วยความเสียวซ่าน
สตรีแสนสวยขึ้นไปคร่อมอยู่บนร่างของเขา
รวบลำคอแห้งกร้านเอาไว้ด้วยนิ้วที่เรียวยาวน่าหลงใหล
“ บอกข้ามาพ่อรูปหล่อเจ้ารักข้าหรือไม่ ”
นางเอ่ยถาม
ด้วยถ้อยคำหวานหยาดเยิ้ม
“ รักสิ ข้ารักเจ้า รักจนจะยอมถวายชีวิตอยู่แล้ว ”
หนุ่มใหญ่ตอบกลับมา
ด้วยเสียงแหบสั่นจากแรงตันหา
“ ดีมาก ทูนหัวของข้าแล้วเจ้าแกร่งเท่าไหร่กัน แข็งแรงพอที่จะรักกับข้าทั้งคืนหรือเปล่านะ ”
คำพูดนั้นทำเอาเมทาอินลุกพรวดขึ้น
เพื่อหวังจูบกับนาง
แต่สาวงามตรงหน้ากลับออกแรงกดลำคอเขาแนบกับเตียง
เห็นได้ชัดเลยว่าใครกันที่แข็งแรงกว่า
“ ชู่… ”
นางทำเสียงให้หนุ่มใหญ่คนนั้นสงบลง
“ อย่าใจร้อนนักเลย เรายังมีเวลา ท่านรู้หรือไม่สาวงามนั้นคู่กับของล้ำค่าบอกข้ามาเถิดนะ อะไรล้ำค่าสุดในโอรีออน ”
“ บัลลังทองแห่งกษัตริย์ล้ำค่าสูงสุด หากว่าเจ้าปรารถนา ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรข้าก็จะนำมามอบให้ ”
“ บัลลังทอง มิใช่มงกุฎหรอกหรือ ”
คำตอบนั้นทำเอาสตรีในชุดแดงกรุยกรายถึงกับกระพริบตาปริบๆ
ด้วยความรู้สึกฉงนฉงาย
“ มงกุฎสร้างจากทองคำ ส่วนบัลลังนั้นก็ทำจากทองคำเช่นกันเมื่อเทียบจากขนาดแล้วบัลลังทองย่อมมีราคากว่า ”
เมื่อได้ยินดังนั้นสตรีชุดแดงก็ถอนหายใจ
ด้วยความรู้สึกผิดหวัง
“ เจ้าอยากได้มงกุฎ เช่นนั้นข้าจะสร้างมงกุฎที่งดงามที่สุดให้เจ้า จนแม้แต่ราชินีวิเวียร่ายังหาได้เทียบเคียง ”
หนุ่มใหญ่กล่าวเอาใจ
ด้วยเห็นว่าสตรีแสนสวยของเขาเริ่มมีอารมณ์ขุ่นมัว
“ ช่างมงกุฎเถิดมันก็แค่ของนอกกาย เวลานี้เรามาหาความสำราญกันดีกว่านะพ่อคนดี ของล้ำค่าใดจะดีไปกว่าความสุขใจเล่า ”
นางหัวเราะคิกคัก
เปลี่ยนจากอารมณ์บูด
มาเป็นสาวน้อยแสนร่าเริงได้อย่างฉับพลัน
จนน่าประหลาดใจ
โซ่เส้นหนึ่งที่ใช้ล่ามข้อเท้าตนเองถูกตวัดปลายไปคล้องคอหนุ่มใหญ่
แล้วนางก็ม้วนตัวไปนั่งอยู่สุดปลายเตียง
“ มานี่มาคนเก่งมาหาข้าสิ ”
นางกระดิกนิ้วเรียก
ด้วยรอยยิ้มที่เชิญชวน
เมทาอินหมอบลงคลานไปตามคำเรียกหา
เหมือนสุนัขแก่แสนหิวโซกำลังจะได้กินอาหาร
หนามกุหลาบที่ปูบนที่นอนเกี่ยวไปบนผิวหนัง
ครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ
เพราะแรงตันหานั้นมีมากกว่า
ในเวลานั้นหนุ่มใหญ่ในร่างเปลือยเปล่า
กำลังทำท่าลามกอยู่บนเตียงเพียงลำพัง
กับห้วงฝันประหลาดที่แสนวาบหวาม
ส่วนสตรีในชุดสีแดงนั่งเดียวดาย
หลังของนางพิงกับกรอบหน้าต่าง
เข่าที่ตั้งชันทำให้กระโปรงร่นลงจนสุดโคนขาขาวเนียน
สตรีนางนั้นนั่งนับกลีบกุหลาบในมือ
ปล่อยให้หลุดลอยตามลมออกไปนอกหน้าต่าง
พร้อมกับขับขานบทเพลงแสนเศร้า
เบื้องล่างมีบุรุษในชุดคลุมดำเผยกายออกมา
เขาคว้าเอากลีบกุหลาบได้กลีบหนึ่ง
แล้วขยี้มันจนสลายกลายเป็นขี้เถ้า
“ วอเรน่า ”
หนุ่มน้อยคนนั้นส่งเสียงเรียกเบาๆ
สตรีชุดแดงทำท่าเหมือนเพิ่งรู้การมาถึงของเขา
นางก้มลงมองพลางยิ้มหวาน
“ คิดถึงข้าหรือไร ดึกป่านนี้ยังไม่ยอมเข้านอน ต้องการให้ข้ากล่อมหรือเปล่าจ๊ะพ่อหนูน้อย ”
“ ให้ข้านอนกับคนแก่สู้เอาหมอนอุดจมูกตนเองตายไม่หลับสบายกว่ากันหรือ ”
สตรีชุดแดงทิ้งตัวจากหน้าต่าง
ลงมายืนข้างเขาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“ หยาบคายจริง ข้าไม่เคยสอนเจ้าหรืออยู่กับสตรีคำว่าแก่ชรานั้นต้องห้าม ”
“ สรุปแล้วได้ความว่าอย่าไร ”
กาเอลเข้าเรื่องทันที
เพราะไม่อยากฟังสตรีนางนี้กล่าวให้มากความ
“ เขาคนนั้นไม่รู้อะไรเลย น่าเสียดายเป็นถึงบุตรชายปราชญ์แห่งยุคเสียเวลาชะมัด แต่ข้ารู้สึกว่าของที่เราต้องการไม่ได้อยู่ที่นี่ ”
นางว่า
“ มันเพิ่งจะไม่อยู่หรือไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่แรก เจ้านี่นะวางของอย่างไรกัน จำไม่ได้เลยหรือ ”
ถึงจะกล่าวเช่นนั้น
แต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีขัดเคืองอย่างใด
“ ก็แหมข้าเป็นคนจิตใจดี ใครขอข้าก็ไห้เลยลืมๆ ไปบ้างมันก็ช่วยไม่ได้นี่นา แต่ข้ารู้สึกว่ามันควรต้องอยู่ที่โอรีออนชิ้นหนึ่ง ”
กาเอลหมุนคทาในมือ
อัญมณีสีแดงเปล่งประกายขึ้น
“ แต่ข้ากลับไม่รู้สึกถึงมันแม้แต่น้อยเจ้าแน่ใจแล้วหรือว่ามันอยู่ที่นี่ ”
“ พันปีที่ผ่านไปมันย่อมมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น ช่างเถิดของสำคัญอย่างนั้นมันไม่หายไปเฉยๆ อย่างแน่นอน อย่างน้อยต้องมีคนรู้เรื่องราวอะไรบ้าง ”
วอเรน่าบอก
“ เจ้าจะอยู่ที่นี่ต่อสินะ ”
กาเอลสรุป
“ ก็ตามใจ ส่วนข้าจะกลับไปโอรีเวียแล้ว ”
“ ทำไมล่ะ ถึงอย่างไรเจ้าก็เทียวไปเทียวมาอยู่แล้ว พูดอย่างกับเจ้าจะไม่มาที่นี่อีก ”
สตรีแสนงามท้วง
“ ในเมื่อแน่ใจว่าเมืองนี้ไม่มีสิ่งที่ต้องการข้าจะเสียเวลาไปใย ”
หนุ่มน้อยตอบ
“ ไม่คิดห่วงเจ้าชายตัวน้อยๆ ผู้น่าสงสารแล้วหรือ ”
“ คนที่แกร่งพอเท่านั้นจึงจะยืนข้างข้าได้ ”
“ ในเมื่อเจ้าไม่สนใจเขาแล้วให้ข้าสนใจแทนได้หรือไม่ ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเอลานอสนั้นไม่ได้เรื่อง ”
สตรีชุดแดงว่า
“ ให้เวลาเขาหน่อยสิ ข้ายังเชื่อใจเขาอยู่ ”
กาเอลบอก
“ แล้วกันข้าอดสนุกเลยสิ ”
สตรีนางนั้นทำหน้างอง้ำ
เหมือนว่าโดนขัดใจ
“ ไม่เป็นไร เล่นลูกไม่ได้คนพ่อยังว่างนี่นา ว่าแต่เจ้าจะไปโอรีเวียเพื่อสิ่งใดกัน ”
“ มีของสำคัญอยู่ที่นั่นอย่างน้อยสองชิ้นมิใช่หรืออีกอย่างเบาะแสอื่นคนในโอรีเวียบางคนควรจะรู้ ”
หนุ่มน้อยผู้สวมหน้ากากว่า
“ ก็ได้ แต่ระวังอย่าทำตัวเองให้ตกอยู่ในอันตรายล่ะ ”
สตรีชุดแดงบอกกับเขา
ด้วยความห่วงใยจากใจจริง
กาเอลไม่รับปากอะไร
เขาเพียงแต่ก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
แล้วร่างก็แตกสลาย
กลายเป็นนกกลางคืน
โผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
ก่อนจะหายลับไปอย่างเงียบงัน
“ น่าแปลกนะ ”
สตรีชุดแดงรำพึงกับตนเอง
“ เนิ่นนานมาแล้วที่ข้าอยู่เพียงลำพังโดยไม่รู้สึกอะไร แต่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่เจ้าก้าวเข้ามาในชีวิต ข้ากลับโดดเดี่ยวทุกครั้งที่เจ้าจากไปแบบนี้ อา… คิดถึงช่วงเวลาที่เจ้ายังเป็นเด็กเหตุใดจึงเติบโตไวนัก ข้าอยากอุ้มเจ้าพาเจ้าขี่หลังเหมือนครั้งก่อนโน้น แต่คงเป็นไปไม่ได้แล้วสินะ เด็กน้อยของข้าปีกกล้าขาแข็งเสียแล้ว ”
นางกล่าว
พลางจ้องกุหลาบที่เหลือในมือ
“ เจ้ารักข้าหรือเจ้าจะไม่รักข้า ”
เสียงรำพันแว่วมากับสายลม
พร้อมกับกลีบกุกลาบสีหวานที่ปลิวกระจายไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ