โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )
6.3
34) ชายขี้เมา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเหล่าข้าราชการเมืองโอรีออนต่างนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ข่าวลือประหลาดมากมายถาโถมเข้ามาถึงในวังหลวง ทั้งความอดอยากโรคละบาดและโจรผู้ร้าย ซึ่งสาเหตุล้วนแล้วมาจากความขาดแคลน ความหิวโหยนั้นน่ากลัวนักจนผู้คนต้องปล้นฆ่าช่วงชิงเอาของผู้อื่นมายื้อชีวิตของตน
คนมั่งมียังสุขสบายอยู่ แต่คนที่ยากจนต้องดิ้นรนทุกอย่างไม่สนถูกผิด ในเมืองหลวงผู้คนยังไม่อดอยากนักเพราะผลผลิตจากชนบทห่างไกลเกือบทั้งหมดถูกล่งมาที่นี่ และผู้คนที่มั่งคั่งยังสามารถซื้อสินค้าจากต่างเมืองได้ ทำให้คนในเมืองหลวงไม่ต้องทุกข์ร้อนอีกทั้งยังไม่เข้าใจถึงความลำบากของผู้คนในชนบท
ชายชราผมหงอกขาวหนวดเครารุงรังผู้เป็นกำลังสำคัญทางความคิดของกษัตริย์แฮโรด ขณะนี้กำลังเคร่งเครียดกับจดหมายมากมายที่ส่งมาจากส่วนต่างๆ ของเมือง มีทั้งจดหมายขอความช่วยเหลือและรายงานแปลกประหลาดที่ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ใจเสียก่อน
“ ท่านอาเทมิสป่านนี้ยังไม่นอนอีกหรือ ”
เด็กรับใช้คนหนึ่งทักขึ้น
เขานำม้วนหนังสืออีกตะกร้าเข้ามาส่ง
ด้วยความที่เขาเห็นชายชรานั่งอ่านหนังสือท่านี้มาตั้งแต่เมื่อคืนวาน
นี่รุ่งสางของอีกวันก็ยังอยู่ท่าเดิมไม่ลุกไปไหน
“ ท่านควรจะพักผ่อนเสียบ้างอย่าหักโหมนักเลย ”
เด็กรับใช้เอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง
“ ข้างีบหลับบนโต๊ะบ้างแล้วล่ะ ”
อาเทมิสว่า
“ อ้อ จริงสิพวกเจ้าเห็นเจ้าเมทาอินเข้ามาหรือยัง ”
ชายชราถามถึงบุตรชายขี้เหล้า
ที่มักออกไปหาความสำราญในยามราตรีไม่เคยว่างเว้น
“ เข้ามาแล้ว ความจริงยามเที่ยงคืนที่ผ่านมา คนของเราพบเขานอนหลับอยู่ข้างถนน จึงได้พาเขามาตั้งแต่ตอนนั้น เวลานี้ยังไม่ตื่นเลยท่านต้องการพบเขาหรือไม่ ”
เด็กรับใช้ถาม
ชายชราส่ายหน้าแต่ไม่เอ่ยอะไร
“ ต้องขออนุญาตถามเรื่องของคุณชายน้อย ข้าหมายถึงอีเลียส ท่านไม่คิดว่าเราควรเรียกตัวเขากลับมาหรือ ข้าได้ยินข่าวมากมายจากโอรีเวียซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องร้าย ขออภัยเถิดท่านไม่คิดเป็นห่วงคุณชายน้อยบ้างหรือปล่อยเขาไว้คนเดียวแบบนั้น ”
คำถามนั้นทำเอาอาเทมิสต้องถอนหายใจยาวด้วยความเหนื่อยอ่อน
“ คิดสิ ข้าคิดมาตลอดอยากเรียกเขากลับมาตั้งนานแล้วแต่… ”
ชายชราวางมือลงบนกองม้วนหนังสือจำนวนมากมายนั้น
ลูบคลำมันไปมาแล้วเอ่ยว่า
“ ข้าเกรงว่าโอรีออนต่างหากที่ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง ”
“ มันไม่แน่หรอก ไม่มีอะไรแน่นอนทั้งนั้น ทุกเมืองมีความเสียงที่จะถูกโจมตีในเวลานี้สภาแห่งโอรีเวียขาดความเชื่อมั่น ถ้าจะหวังความคุ้มครองจากจอมเวทวาลานคงเป็นไปไม่ได้ สู้พาเขากลับมาให้พวกเราปกป้องกันเองไม่ดีกว่าหรือ ”
เด็กรับใช้แย้ง
“ ข้าเชื่อมั่นในสติปัญญาของหลานชายคนเดียวของข้า อีกอย่างอีเลียสมีสหายที่ไว้ใจได้อยู่ในโอรีเวีย แม้พวกเขาจะยังเป็นเด็กแต่มีความสามารถด้านการต่อสู้ และยิ่งไปกว่านั้นข้าได้ยินมาว่าหนึ่งในสหายของเขาเป็นถึงผู้ใช้เวทมนตร์ นั่นเป็นโอกาสอันดีน้อยนักที่มนุษย์เช่นเราจะได้ใกล้ชิดผู้ใช้เวทมนตร์ ปล่อยอีเลียสไว้ที่นั่นเขาจะมีโอกาสที่ดีกว่า อย่างน้อยข้าก็เชื่อว่าอีเลียสจะเอาตัวรอดได้ ”
ที่ปรึกษากษัตริย์แฮโรดตอบ
“ อะไรอีเลียส อีเลียสนะ เจ้าเด็กดักแด้ยังไม่ตื่นอีกหรือ ”
เสียงอ้อแอ้ของเมทาอินดังสอดขึ้น
เขานั้นเดินได้ไม่มั่นคงนักและในมือยังถือเหยือกเหล้าไม่ยอมวาง
เมทาอินมีรูปร่างสูงแต่ทว่าผอมแห้ง
หลังของเขาโก่งงอดูแก่ชรายิ่งกว่าคนเป็นพ่อ
แม้ผมจะยังดำอยู่แต่ก็หลุดร่วงไปมากแล้ว
ทุกคนในห้องนั้นหันไปมองเขา
แล้วก็เบือนหน้าหนีด้วยความระอา
และท่าทีนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจ
จึงหันไปเอ่ยกับเด็กรับใช้
“ ทำไม ข้าเป็นพ่อจะถามถึงลูกไม่ได้หรือข้าไม่ได้ทำหน้าที่พ่อที่ดีหรือไร พวกเจ้านี่นะไปเลยไปปลุกอีเลียสลูกชายสุดรักของข้า วันนี้ข้าจะกินอาหารเช้าพร้อมลูก แล้วอย่าลืมใสหัวไปตั้งโต๊ะให้ไวล่ะข้าหิวและอีเลียสน้อยๆ ก็คงหิวเช่นกัน ปล่อยให้ตาแก่นี่กินกองหนังสือของแกไป ”
“ พวกเราไปปลุกอีเลียสไม่ได้ขอรับเพราะเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ”
เด็กรับใช้ตอบด้วยความเหนื่อยหน่าย
“ ไม่อยู่ ไปไหนกันไปบ้านแม่ของเขาหรือหนอยแน่นางแพศยาแอบมาพาลูกไปไม่ขออนุญาตข้าช่างกล้านัก ”
เมทาอินกล่าวผรุสวาท
“ อีเลียสไปเรียนหนังสือที่โอรีเวีย ”
คนเป็นปู่บอกเรียบๆ
“ ไปเมื่อไหร่ ตั้งแต่เช้าเลยรึไงใยไม่ปลุกข้าอย่างน้อยข้าก็เป็นพ่อ สมควรต้องส่งเขาไปกับขบวนเกวียนมิใช่หรือแต่นี่กระไรไม่มีใครเตือนข้าเลย แต่ละคนเห็นข้าเป็นอะไร ”
คำกล่าวของชายขี้เหล้า
ทำเอาคนอื่นๆ ต้องเบือนหน้าหนี
แม้แต่อาเทมิสยังก้มหน้ามองดูม้วนหนังสือในมือ
ด้วยท่าทีเอือมระอา
“ ทำไมล่ะ อย่างกับข้าพูดอะไรผิดไป ”
เขายิ่งมีอารมณ์ขุ่นมัวมากขึ้น
เมื่อคนอื่นทำเป็นไม่สนใจ
“ บุตรชายของท่านอายุเท่าไหร่แล้วท่านจำได้หรือเปล่า เป็นเวลานานหลายปีที่เราส่งเขาไปยังโอรีเวีย ป่านนี้คงโตเป็นหนุ่มน้อยแสนองอาจ สมราคากับการเป็นหลานของท่านอาเทมิสที่ปรึกษาคนสำคัญของกษัตริย์แฮโรดเจ้าแห่งเมืองโอรีออน ไม่ได้เป็นเด็กชายผอมแห้งอย่างกับคนขี้โรคอย่างที่ท่านเข้าใจหรอก ”
เด็กรับใช้กล่าวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เขารู้สึกเป็นทุกข์แทนเจ้านาย
ที่มีบุตรชายไม่เอาไหน
แล้วยังทำตัวให้เสื่อมเสียตลอด
“ อะไรนะ ”
ชายคนนั้นถึงกับอุทานออกมา
นานเหลือเกินสินะที่เขาไม่ได้ใส่ใจคนรอบตัว
แต่เพราะอะไรล่ะ
ถ้ามิใช่เพราะหากเขาหยิบจับอะไร
ผู้คนก็มักจะตั้งความหวังว่าเขาจะต้องทำได้ดี
เฉกเช่นเดียวกับพ่อของเขา
ไปเมื่อคืนไม่บอกข้าข้าเป็นพ่อ
ทำงานทำไมอยู่กินที่ท่านหาไว้ชาตินี้ก็ไม่หมด
“ ในเวลาที่บ้านเมืองกำลังตกอยู่ในความยากลำบาก เจ้าไม่คิดจะออกไปตรวจดูความเดือดร้อนของผู้คนบ้างหรือ เผื่อมีอะไรที่พอช่วยได้บ้าง ”
คนเป็นพ่อกล่าวอย่างอ่อนโยน
และนั่นทำเอาชายขี้เมาอารมณ์ขุ่นขึ้นมาอีก
“ ไม่ล่ะ แค่สมบัติที่ท่านหามาข้าใช้จนตายก็ไม่หมด จำเป็นด้วยหรือที่ข้าต้องออกไปทำงานให้ลำบาก สู้เอาเวลาไปหาความสำราญไม่ดีกว่าหรือ ”
เขากล่าวแล้วสะบัดหน้าเดินออกไปจากห้อง
แต่แล้วก็ชะงักเท้า
เพราะนึกอะไรอย่างหนึ่งขึ้นมาได้
“ ข้าได้ยินมาว่ากษัตริย์แฮโรดทรงมีเรื่องกลัดกลุ้มพระทัย ”
ชายขี้เมาว่า
“ เรื่องนี้ท่านอย่าได้กังวลไปข้าแน่ใจว่ามีทางช่วยที่ดีคอยดูฝีมือของข้าก็แล้วกัน ”
คนมั่งมียังสุขสบายอยู่ แต่คนที่ยากจนต้องดิ้นรนทุกอย่างไม่สนถูกผิด ในเมืองหลวงผู้คนยังไม่อดอยากนักเพราะผลผลิตจากชนบทห่างไกลเกือบทั้งหมดถูกล่งมาที่นี่ และผู้คนที่มั่งคั่งยังสามารถซื้อสินค้าจากต่างเมืองได้ ทำให้คนในเมืองหลวงไม่ต้องทุกข์ร้อนอีกทั้งยังไม่เข้าใจถึงความลำบากของผู้คนในชนบท
ชายชราผมหงอกขาวหนวดเครารุงรังผู้เป็นกำลังสำคัญทางความคิดของกษัตริย์แฮโรด ขณะนี้กำลังเคร่งเครียดกับจดหมายมากมายที่ส่งมาจากส่วนต่างๆ ของเมือง มีทั้งจดหมายขอความช่วยเหลือและรายงานแปลกประหลาดที่ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ใจเสียก่อน
“ ท่านอาเทมิสป่านนี้ยังไม่นอนอีกหรือ ”
เด็กรับใช้คนหนึ่งทักขึ้น
เขานำม้วนหนังสืออีกตะกร้าเข้ามาส่ง
ด้วยความที่เขาเห็นชายชรานั่งอ่านหนังสือท่านี้มาตั้งแต่เมื่อคืนวาน
นี่รุ่งสางของอีกวันก็ยังอยู่ท่าเดิมไม่ลุกไปไหน
“ ท่านควรจะพักผ่อนเสียบ้างอย่าหักโหมนักเลย ”
เด็กรับใช้เอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง
“ ข้างีบหลับบนโต๊ะบ้างแล้วล่ะ ”
อาเทมิสว่า
“ อ้อ จริงสิพวกเจ้าเห็นเจ้าเมทาอินเข้ามาหรือยัง ”
ชายชราถามถึงบุตรชายขี้เหล้า
ที่มักออกไปหาความสำราญในยามราตรีไม่เคยว่างเว้น
“ เข้ามาแล้ว ความจริงยามเที่ยงคืนที่ผ่านมา คนของเราพบเขานอนหลับอยู่ข้างถนน จึงได้พาเขามาตั้งแต่ตอนนั้น เวลานี้ยังไม่ตื่นเลยท่านต้องการพบเขาหรือไม่ ”
เด็กรับใช้ถาม
ชายชราส่ายหน้าแต่ไม่เอ่ยอะไร
“ ต้องขออนุญาตถามเรื่องของคุณชายน้อย ข้าหมายถึงอีเลียส ท่านไม่คิดว่าเราควรเรียกตัวเขากลับมาหรือ ข้าได้ยินข่าวมากมายจากโอรีเวียซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องร้าย ขออภัยเถิดท่านไม่คิดเป็นห่วงคุณชายน้อยบ้างหรือปล่อยเขาไว้คนเดียวแบบนั้น ”
คำถามนั้นทำเอาอาเทมิสต้องถอนหายใจยาวด้วยความเหนื่อยอ่อน
“ คิดสิ ข้าคิดมาตลอดอยากเรียกเขากลับมาตั้งนานแล้วแต่… ”
ชายชราวางมือลงบนกองม้วนหนังสือจำนวนมากมายนั้น
ลูบคลำมันไปมาแล้วเอ่ยว่า
“ ข้าเกรงว่าโอรีออนต่างหากที่ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง ”
“ มันไม่แน่หรอก ไม่มีอะไรแน่นอนทั้งนั้น ทุกเมืองมีความเสียงที่จะถูกโจมตีในเวลานี้สภาแห่งโอรีเวียขาดความเชื่อมั่น ถ้าจะหวังความคุ้มครองจากจอมเวทวาลานคงเป็นไปไม่ได้ สู้พาเขากลับมาให้พวกเราปกป้องกันเองไม่ดีกว่าหรือ ”
เด็กรับใช้แย้ง
“ ข้าเชื่อมั่นในสติปัญญาของหลานชายคนเดียวของข้า อีกอย่างอีเลียสมีสหายที่ไว้ใจได้อยู่ในโอรีเวีย แม้พวกเขาจะยังเป็นเด็กแต่มีความสามารถด้านการต่อสู้ และยิ่งไปกว่านั้นข้าได้ยินมาว่าหนึ่งในสหายของเขาเป็นถึงผู้ใช้เวทมนตร์ นั่นเป็นโอกาสอันดีน้อยนักที่มนุษย์เช่นเราจะได้ใกล้ชิดผู้ใช้เวทมนตร์ ปล่อยอีเลียสไว้ที่นั่นเขาจะมีโอกาสที่ดีกว่า อย่างน้อยข้าก็เชื่อว่าอีเลียสจะเอาตัวรอดได้ ”
ที่ปรึกษากษัตริย์แฮโรดตอบ
“ อะไรอีเลียส อีเลียสนะ เจ้าเด็กดักแด้ยังไม่ตื่นอีกหรือ ”
เสียงอ้อแอ้ของเมทาอินดังสอดขึ้น
เขานั้นเดินได้ไม่มั่นคงนักและในมือยังถือเหยือกเหล้าไม่ยอมวาง
เมทาอินมีรูปร่างสูงแต่ทว่าผอมแห้ง
หลังของเขาโก่งงอดูแก่ชรายิ่งกว่าคนเป็นพ่อ
แม้ผมจะยังดำอยู่แต่ก็หลุดร่วงไปมากแล้ว
ทุกคนในห้องนั้นหันไปมองเขา
แล้วก็เบือนหน้าหนีด้วยความระอา
และท่าทีนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจ
จึงหันไปเอ่ยกับเด็กรับใช้
“ ทำไม ข้าเป็นพ่อจะถามถึงลูกไม่ได้หรือข้าไม่ได้ทำหน้าที่พ่อที่ดีหรือไร พวกเจ้านี่นะไปเลยไปปลุกอีเลียสลูกชายสุดรักของข้า วันนี้ข้าจะกินอาหารเช้าพร้อมลูก แล้วอย่าลืมใสหัวไปตั้งโต๊ะให้ไวล่ะข้าหิวและอีเลียสน้อยๆ ก็คงหิวเช่นกัน ปล่อยให้ตาแก่นี่กินกองหนังสือของแกไป ”
“ พวกเราไปปลุกอีเลียสไม่ได้ขอรับเพราะเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ”
เด็กรับใช้ตอบด้วยความเหนื่อยหน่าย
“ ไม่อยู่ ไปไหนกันไปบ้านแม่ของเขาหรือหนอยแน่นางแพศยาแอบมาพาลูกไปไม่ขออนุญาตข้าช่างกล้านัก ”
เมทาอินกล่าวผรุสวาท
“ อีเลียสไปเรียนหนังสือที่โอรีเวีย ”
คนเป็นปู่บอกเรียบๆ
“ ไปเมื่อไหร่ ตั้งแต่เช้าเลยรึไงใยไม่ปลุกข้าอย่างน้อยข้าก็เป็นพ่อ สมควรต้องส่งเขาไปกับขบวนเกวียนมิใช่หรือแต่นี่กระไรไม่มีใครเตือนข้าเลย แต่ละคนเห็นข้าเป็นอะไร ”
คำกล่าวของชายขี้เหล้า
ทำเอาคนอื่นๆ ต้องเบือนหน้าหนี
แม้แต่อาเทมิสยังก้มหน้ามองดูม้วนหนังสือในมือ
ด้วยท่าทีเอือมระอา
“ ทำไมล่ะ อย่างกับข้าพูดอะไรผิดไป ”
เขายิ่งมีอารมณ์ขุ่นมัวมากขึ้น
เมื่อคนอื่นทำเป็นไม่สนใจ
“ บุตรชายของท่านอายุเท่าไหร่แล้วท่านจำได้หรือเปล่า เป็นเวลานานหลายปีที่เราส่งเขาไปยังโอรีเวีย ป่านนี้คงโตเป็นหนุ่มน้อยแสนองอาจ สมราคากับการเป็นหลานของท่านอาเทมิสที่ปรึกษาคนสำคัญของกษัตริย์แฮโรดเจ้าแห่งเมืองโอรีออน ไม่ได้เป็นเด็กชายผอมแห้งอย่างกับคนขี้โรคอย่างที่ท่านเข้าใจหรอก ”
เด็กรับใช้กล่าวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เขารู้สึกเป็นทุกข์แทนเจ้านาย
ที่มีบุตรชายไม่เอาไหน
แล้วยังทำตัวให้เสื่อมเสียตลอด
“ อะไรนะ ”
ชายคนนั้นถึงกับอุทานออกมา
นานเหลือเกินสินะที่เขาไม่ได้ใส่ใจคนรอบตัว
แต่เพราะอะไรล่ะ
ถ้ามิใช่เพราะหากเขาหยิบจับอะไร
ผู้คนก็มักจะตั้งความหวังว่าเขาจะต้องทำได้ดี
เฉกเช่นเดียวกับพ่อของเขา
ไปเมื่อคืนไม่บอกข้าข้าเป็นพ่อ
ทำงานทำไมอยู่กินที่ท่านหาไว้ชาตินี้ก็ไม่หมด
“ ในเวลาที่บ้านเมืองกำลังตกอยู่ในความยากลำบาก เจ้าไม่คิดจะออกไปตรวจดูความเดือดร้อนของผู้คนบ้างหรือ เผื่อมีอะไรที่พอช่วยได้บ้าง ”
คนเป็นพ่อกล่าวอย่างอ่อนโยน
และนั่นทำเอาชายขี้เมาอารมณ์ขุ่นขึ้นมาอีก
“ ไม่ล่ะ แค่สมบัติที่ท่านหามาข้าใช้จนตายก็ไม่หมด จำเป็นด้วยหรือที่ข้าต้องออกไปทำงานให้ลำบาก สู้เอาเวลาไปหาความสำราญไม่ดีกว่าหรือ ”
เขากล่าวแล้วสะบัดหน้าเดินออกไปจากห้อง
แต่แล้วก็ชะงักเท้า
เพราะนึกอะไรอย่างหนึ่งขึ้นมาได้
“ ข้าได้ยินมาว่ากษัตริย์แฮโรดทรงมีเรื่องกลัดกลุ้มพระทัย ”
ชายขี้เมาว่า
“ เรื่องนี้ท่านอย่าได้กังวลไปข้าแน่ใจว่ามีทางช่วยที่ดีคอยดูฝีมือของข้าก็แล้วกัน ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ