โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )
33) เลือดสาวบริสุทธิ์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความนางที่เป็นดังความหวังปรากฏกายขึ้นพร้อมกับแสงจันทร์ในคืนที่มืดมิด ปลอบประโลมและมอบความหวังแห่งทางรอดให้ แต่เลือดสาวบริสุทธิ์นั้นหาได้จากที่ใดเล่าในเวลาเป็นหรือตายเช่นนี้ พวกเขามองไปรอบๆ สีหน้าแววตาของคนร่วมหมู่บ้านนั้นมีแต่ตื่นตระหนก
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นใดและความตายก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ หญิงสาวชาวบ้านจึงถูกกระชากออกมาจากอกมารดา ท่ามกลางเสียงกรีดร้องอ้อนวอน แต่ผู้คนส่วนใหญ่กลับขอให้เห็นแก่ส่วนรวม ร่างหญิงสาวเกล่านั้นจึงถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ แล้วโยนขึ้นไปบนหลังคา เพื่อให้โลหิตสีแดงข้นไหลอาบย้อมตัวบ้าน
สตรีผู้งดงามผู้สวมอาภรสีขาวกระจ่างหยุดบรรเลงเพลง นางหงายฝ่ามือรองรับเลือดที่หยดจากหลังคา จ้องมองมันด้วยแววตาเรียบเฉย ครั้นแล้วก็ยิ้มเศร้า
“ มาดาแห่งข้า น่าเสียดายท่านมาด่วนจากเลยไม่ทันได้เห็นว่ามนุษย์ทั้งหลายที่ท่านเชื่อว่าแสนดีและบอบบางในเวลานี้เป็นเช่นใด ยังน่าถนอมอีกหรือไม่ จริงอยู่ความกลัวนั้นไม่ผิดความเห็นแก่ตัวก็คงไม่ผิดมากนัก แต่อย่ากังวลไปเลยข้าจะเมตตาต่อพวกเขาอย่างที่ท่านเคยสอนมาตลอด ข้าไม่เคยลืมไม่มีสิ่งใดเลยที่ข้าหลงลืม ”
นางกล่าวกับพระจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า
ทางด้านของชาวบ้านที่ช่วยกันสังหารสาวบริสุทธิ์จนหมดสิ้นแล้ว พวกเขาต่างแย่งชิงเบียดเสียดกันผ่านประตูบ้านหลังใหญ่นั้นเข้าไป ปล่อยให้ผู้สูญเสียเข่าอ่อนนั่งฟูมฟายอยู่ตรงนั้น จนไฟลุกลามมาถึงและกลืนกินพวกเขาไปในที่สุด
และเป็นดังที่ว่าไว้ไฟได้หยุดอยู่เพียงรอบตัวบ้าน ไม่ลุกลามไปยังบ้านหลังนั้น ที่อาบไปด้วยเลือดสดๆ ส่งกลิ่นคาวคลุ้ง
ไม่นานหลังจากนั้นไฟปีศาจก็สงบลง
กาเอลเดินมายืนตรงหน้าบ้านหลังใหญ่
อัญมณีสีแดงที่ประดับปลายคทาส่งประกายเย็นเยือก
“ ไฟมนตราไม่อาจเผาเลือดสาวบริสุทธิ์ ตำราไหนของเจ้ากัน ข้าไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย ”
หนุ่มน้อยคนนั้นกล่าวท้วงเรียบๆ
ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
“ ข้าบอกว่าไฟจะไม่เผาเลือดสาวบริสุทธิ์ไม่ได้พูดสักคำว่าเผาไม่ได้ ”
นางตอบหน้าตาใสซื่อ
ราวกับไม่มีสิ่งใดผิดปรกติ
“ อ้อ เช่นนั้นหรือข้าจะได้จำไว้ ”
“ จำอะไร ”
นางทำเสียงสูง
แววตาขุ่นมัวราวกับสาวน้อยที่กำลังโดนหาเรื่อง
“ จำวิธีการพูดของเจ้าอย่างไรล่ะช่างชั่วร้ายนัก ”
“ แหมอย่างน้อยปากข้าก็ตรงกับใจคิดอะไรก็พูดเช่นนั้นเจ้าไม่ชอบหรอกหรือ ”
กาเอลได้แต่ส่ายหน้า
เขาจ้องมองผ่านหน้าต่างเข้าไปภายในตัวบ้าน
เงาสีดำหมุนวนไปมาอยู่ภายในนั้น
ท่ามกลางเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดและหวาดกลัว
ชาวบ้านกลายคนพยายามพังประตูหนีออกมา
แต่ไร้ผล
“ ก็แค่เด็กหางแถว ”
หนุ่มน้อยบอก
“ รอยด่างเล็กๆ สามารถขยายใหญ่ขึ้นได้ ไว้ใจมนุษย์เถิด ถ้าให้เลือกทำตามใจน้อยครั้งนักจะเป็นเรื่องดี ”
สตรีนางนั้นบอก
แล้วค่ำคืนที่เนิ่นนานก็จบลงในความเงียบ
ความลับมากมายที่คนในหมู่บ้านนี้ก่อขึ้น
ได้จมไปพร้อมกับพวกเขา
ไร้ผู้ใดจะเอ่ยถึง
เมื่อรุ่งอรุณมาเยือนแสงทองได้จับต้องขอบฟ้าอีกครั้ง
หมู่บ้านต้องสาปยังตั้งตระหง่าน
ราวกับไม่เคยมีเรื่องร้ายใดเกิดขึ้น
ชาวบ้านต่างตื่นนอน
หยิบจอบเสียมแล้วออกเดินทางไปทำกิจของตน
ดังเช่นเช่นเดิมที่ผ่านมา
เพียงแต่ว่ากิจกรรมทั้งหลายนั้นเงียบกริบ
ไร้สำเนียงพูดจาดูจืดชืดไร้ชีวิต
กาเอลยังนอนหลับเป็นเด็กน้อย
อยู่ในรางหญ้าของคอกม้าภายในหมู่บ้าน
แม้แสงแดดอุ่นๆ จะลอดผ่านรอยแตกเข้ามากระทบร่าง
แต่หนุ่มน้อยคนนั้นก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะขยับตัว
สตรีคนเมื่อคืนเดินเข้ามาในคอกม้า
ในมือถือปลาย่างร้อนๆ ตัวใหญ่ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง
จ้องมองคนในรางหญ้าแล้วยิ้มอ่อน
“ เด็กดีของข้าตื่นสายขนาดนี้เลยหรือ ลุกมาดูอะไรนี่สิเจ้าชอบมันหรือเปล่า ”
นางยื่นปลาย่างเข้าไปใกล้ๆ หนุ่มน้อยผู้สวมหน้ากากประหลาด
แต่ก็ยังไร้การตอบสนองอยู่ดี
เมื่อเป็นดังนั้นสตรีในชุดขาว
ซึ่งขณะนี้เปื้อนรอยอดงเป็นหย่อมๆ ราวกับดอกไม้เบ่งบาน
จึงได้หยิบเศษฟางแห้ง
ขึ้นมาเขี่ยสำคอของเขา
กาเอลคว้ามือของนางอย่างไวแย่งเอาเศษหญ้าแล้วปาทิ้ง
เขาลุกนั่งสองมือกุมขมับ
“ ข้าเกลียดโซ่ของเจ้า เสียงลากไปกับพื้นน่ารำคาญนัก คนจะหลับจะนอนลากครืดๆ อยู่ได้ทั้งคืน ”
สตรีนางนั้นทำหน้ามุ่ย
“ ข้าเป็นหญิงสาวบอบบางน่าสงสารออก มีโซ่พันรอบขาแบบนี้ยิ่งเดินลำบาก เจ้าไม่เห็นใจข้าไม่ว่าแต่ถึงกับเกลียดชังกันไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือ ”
หนุ่มน้อยได้ยินดังนั้นจึงคว้าโซ่พันรอบคอนาง
จับปลายด้านหนึ่งเอาไว้พร้อมจะดึงให้รัดแน่นเข้า
นางผู้นั้นกลับไม่มีท่าทีหวาดกลัว
ยกปลาย่างขึ้นมากัดคำน้อยๆ พอยั่วยวน
“ จะกินเองหรือให้ข้าป้อน ตื่นสายเองแล้วทำเป็นโมโหหิวแบบนี้ไม่ดีเลยนะ ”
กาเอลจึงปล่อยมือ
แล้วขยับถอยห่างออกมา
“ ข้าไม่กิน ”
หนุ่มน้อยบอก
“ ไม่ชอบปลา ก็ไม่บอกก่อนล่ะข้าจะได้หาของถูกใจมาให้ แต่เอ๋ หรือเจ้าอยากกินข้าจะดีหรือเช้าๆ อย่างนี้นะ ”
นางว่าแล้วพลันเหลือบไปเห็นกระถางหินเผากำยาน
ที่วางซุกอยู่ในกองฟาง
“ ตายจริง เรื่องแบบนี้ต้องให้เตือนด้วยหรือ ไฟกับฟางแห้งต้องไม่เอาไว้ใกล้กันของติดไฟง่ายไม่ระวังเอาเสียเลย เกิดโดนคลอกขึ้นมาจะทำอย่างไร ”
นางว่าพลางถึงเอากระถางออกมา
“ ถ้าเผลอหลับจนไฟลุกท่วมแล้วยังไม่ยอมตื่นก็สมควรตายแล้วล่ะ ”
กาเอลว่า
เขาลุกเดินออกมาจากคอกม้า
ผู้คนในหมู่บ้านต่างเดินผ่านเขาไปราวกับว่า
หนุ่มน้อยคนนั้นไม่มีตัวตน
ด้วยเหตุไฟไหม้หมู่บ้านเมื่อคืน
แสงจากกองเพลิงได้สะท้อนทาบทับบนท้องฟ้าที่มืดมิดจนเป็นสีแดงฉาน
จนสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล
ชาวบ้านจากหมู่บ้านใกล้เคียงมองเห็นเหตุการณ์บนท้องฟ้า
พวกเขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่พอเดาออกว่าต้องมีเหตุเพลิงไหม้
จึงชักชวนกันมาที่หมู่บ้านนั้น
ในเช้าตรู่ของวันถัดมา
เพื่อดูว่าจะมีใครต้องการความช่วยเหลือหรือไม่
เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึง
ก็ต้องพบกับความประหลาดใจ
ผู้คนในหมู่บ้านยังดำเนินชีวิตตามปรกติ
ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
เพียงแต่ว่าทั้งหมดดูแข็งที่ราวหุ่นไม้
ไร้ชีวิตจิตใจ
ชายผู้หนึ่งจากหมู่บ้านข้างเคียงจึงเดินเข้าไปถามชายชราที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องผิดปรกติหรือไม่
เมื่อชายคนนั้นเงยหน้า
ทั้งหมดก็ต้องถอยกรูดด้วยความตกใจ
เพราะชายชราคนนั้นมีผิวหน้าที่เปื่อยยุ่ย
ดวงตาเหลือกถลนสีขาวหม่นมัว
ทันใดนั้นชายชราก็ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา
คนในหมู่บ้านก็หยุดชะงัก
แล้วหันมามองแขกผู้มาเยือนช้าๆ
ก่อนจะพุ่งเข้าใส่อย่างดุร้าย
และหิวกระหาย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ