โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )
6.3
3) หิมะแรก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันนั้นเป็นวันที่อากาศสดใส แม้แสงแดดจะสว่างจ้าแต่อากาศกับเย็นลงอย่างน่าประหลาด ไม่ได้ร้อนแผดเผาเหมือนดังวันก่อน มันเป็นช่วงปลายของฤดูเก็บเกี่ยวที่งดงาม กำลังก้าวข้ามไปสู่ฤดูหนาวอีกครั้งและอีกครั้งเป็นอย่างนี้เรื่อยไป
เด็กหญิงและเด็กชายทั้งสองอยู่ด้วยกันในทุ่งหญ้า เพื่อนๆ ทั้งหลายต่างปลีกตัวกันออกไปเล่นที่อื่น ปล่อยพื้นที่เงียบสงบให้คนทั้งคู่
ฟีไลร่าเอนกายลงบนพื้นหญ้าที่หนานุ่มและหอมกรุ่น
จ้องมองเมฆสีขาวที่ปลิวไปบนฟ้าสูง
เหมือนดังว่าโลกทั้งใบสุขสงบอย่างแท้จริง
ในช่วงเวลานั้น
เด็กชายผู้พลัดถิ่นชาวซีนาร์ยนั่งลงข้างกายนาง
เขามองเห็นความหวังบางอย่างบนใบหน้าสวยหวานนั้น
“ ข้าอยากเป็นผีเสื้อ ”
นางว่า
“ ให้เป็นผีเสื้อข้าเลือกเกิดเป็นมังกรดีกว่า ”
เขาบอก
“ ผีเสื้อน่ะบอบบางจะตายแถมยังอายุสั้น ”
“ ข้าแค่อยากบอกว่าต้องการเป็นอิสระเจ้านี่จริงๆ เลย ”
เด็กหญิงทำหน้ามุ่ย
“ ก็ใช่ไง ก่อนที่จะโผบินเจ้าต้องแกร่งพอ เป็นแค่ผีเสื้อเจ้าไปได้ไม่ไกลนักหรอกเว้นแต่จะมีใครสักคนคอยปกป้องเจ้าจนสุดทาง ”
ฟีไลร่าไม่ว่าอะไร
แต่เงียบไปด้วยใบหน้าแสนเศร้า
ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง
“ เจ้าอยากเป็นพ่อค้าหรือเปล่า ”
อยู่ๆ เด็กหญิงผมสีเงินก็เอ่ยคำถามแปลกๆ
“ คงไม่สินะเจ้าคงอยากเป็นผู้กล้าหรือไม่ก็ชาวนา ”
ถามเองแล้วก็ตอบเองเสียอย่างนั้น
“ เจ้าคงไม่ชอบค้าขายสินะแต่เลือกทางเดินเองไม่ได้ ”
เด็กชายเดา
“ มันยากที่ชีวิตจะไม่ถูกกำหนดโดยคนอื่น ในเมื่อคนเรายังต้องใส่ใจคนรอบข้าง พ่อของข้าไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าจริงๆ แล้วต้องการอะไร แต่ครอบครัวต้องการให้เขาเป็นผู้พิทักษ์หน้ากากทอง พ่อของข้าก็มุ่งไปทางนั้นอย่างสุดกำลังและไม่เคยลังเล สุดท้ายน้องชายของเขากลายเป็นคนที่ทำสำเร็จ ในเวลานั้นเขารู้สึกเสียใจมากที่ไม่อาจไปถึงปลายสูงสุด แต่ในเวลานี้เมื่อคิดย้อนไปกลับรู้สึกว่าตนเองช่างโง่เหลือเกิน ข้าเองก็เคยฝันอยากเป็นผู้พิทักษ์หน้ากากทอง ”
เด็กชายตัวน้อยจ้องมองมือของตน
“ แต่ตอนนี้ข้าอยากแกร่งกว่านั้น มีหลายสิ่งเหลือเกินที่อยากปกป้องและผู้พิทักษ์หน้ากากทองก็ไม่ใช่คำตอบนั้น ”
“ อย่างน้อยเจ้าก็เลือกเองได้มิใช่หรือแต่ข้าไม่ ”
เด็กหญิงว่า
“ เหตุใดเลือกไม่ได้ล่ะ ”
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
“ มีถ้อยคำก้องในหัวมากมายทั้งภาระหน้าที่ ความเห็นแก่ตัว คนขี้ขลาด คนทรยศ คนไร้เกียรติโอ้มากมายก่ายกองข้ารับไม่ไหวหรอก ”
นางตอบ
เด็กชายตัวน้อยได้แต่ประหลาดใจ
บิดาของเขาเป็นบุรุษแท้ๆ ยังไม่ได้รับการประณามมากมายเช่นนี้
แต่ก็นั่นแหละเรื่องของผลประโยชน์
ในเมื่อนางเป็นทายาทเพียงคนเดียว
ก็ต้องแบกรับทั้งหมดอยู่แล้ว
แม้จะเป็นสตรีก็ตามที
“ เจ้ามีคู่หมายอยู่ที่ซีนาร์ยหรือเปล่า ”
นางถาม
“ ไม่หรอก ข้าเด็กเกินกว่าจะมีแต่เพื่อนแท้น่ะมีแน่ แล้วเจ้าล่ะ ”
ฟีไลร่ายกสองมือปิดหน้า
ถอนหายใจยาวแทนคำตอบ
เพียงเท่านี้ฟิโลโซเฟอร์ก็พอเดาออก
เขารู้สึกว่าหัวใจหล่นวูบ
“ เขาคงจะร่ำรวยมากสินะ ”
เด็กชายกระซิบถาม
“ เขามีเงินมีอำนาจ มีทุกอย่างแต่ไม่มีความรัก ”
นางตอบ
“ แล้วเจ้าจะมีความสุขหรือเปล่า ”
“ มารดาของข้าแต่งงานกับคนที่นางรักและตายเพื่อคนที่นางรักนางมีความสุขหรือเปล่านะ ”
ฟีไลร่าตั้งคำถามขึ้นมาลอยๆ
ไร้ซึ่งคำตอบจากผู้ใด
โดยไม่มีสัญญาณเตือนหิมะได้โปรยปรายลงมา
ทั้งที่ก่อนหน้านั้นแสงแดดยังสดใส
สีขาวฟูฟ่องลอยคว้างในอากาศ
งดงามและเยือกเย็น
“ หิมะแรกของปีวันนี้หรือได้อย่างไรกัน ”
ฟิโลโซเฟอร์อุทานด้วยความประหลาดใจ
เนื่องจากไม่มีเค้าลางมาก่อน
“ สวยจัง เหมือนชุดแต่งงานเลย ”
ฟีไลร่าว่า
มีน้ำตาคลอเต็มดวงตาสีน้ำเงินเข้มทั้งสองข้าง
เด็กชายตัวน้อยรับปุยหิมะด้วยอุ้งมือ
มันละลายหายไปทันทีเมื่อสัมผัส
เหลือไว้แต่ความเย็น
และกลิ่นหอมประหลาด
บรรยากาศเหงาอ้างว้างขึ้นมาทันใด
ราวกับว่านี่คือช่วงเวลาที่ต้องพลัดพราก
เหมือนว่าเป็นสัญญาณแห่งการจากลา
ฟิโลโซเฟอร์รู้สึกจุกแน่นในอก
เศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก
ไม่รู้เป็นเพราะอะไร
แต่รู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียของสำคัญไปตลอดกาล
“ เหตุใดจึงเศร้าล่ะ หรือที่ซีนาร์ยมีตำนานที่เป็นทุกข์ในวันที่หิมะแรกเดินทางมาถึง ”
ฟีไลร่าสงสัย
“ ไม่มีหรอก ”
เด็กชายว่า
พลางยิ้มกลบเกลื่อน
“ จริงๆ แล้ววันที่หิมะแรกมาเยือน พวกเราชาวซีนาร์ยจะวิ่งออกจากบ้านเพื่อตามหาคนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนในครอบครัวหรือแม้แต่คนรักแล้วบอกความในใจกับเขา ข้าแค่คิดถึงเพื่อนเก่าน่ะตอนเด็กๆ เรื้อนกันมากวันดีๆ แบบนี้กลับปั่นป่วนชาวบ้านเขาไปทั่ว แต่ข้าชอบเขานะ แล้วเจ้าล่ะดูไม่สดใสเหมือนกันนี่ ”
“ ตอนแม่ของข้าแต่งงานก็มีหิมะตกลงมาแบบนี้ ล่ำลือกันว่าเป็นวันที่งดงามที่สุด ผู้คนเชื่อว่าเป็นวันดีเลิศคู่บ่าวสาวจะต้องมีความสุขไปชั่วนิรันดร์ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นจริงดังนั้นเลย ”
ฟิโลโซเฟอร์
ได้แต่มองเด็กหญิงตรงหน้าอย่างนิ่งงัน
ไม่รู้จะปลอบโยนหรือทำประการใดดี
“ แล้ววันนี้เจ้าไม่อยากบอกความในใจกับใครหรือ ”
อยู่ๆ ฟีไลร่าก็ถามขึ้นมา
“ หืม ”
เด็กชายตัวน้อยงุนงง
“ ก็เจ้าบอกว่าชาวซีนาร์ยจะเปิดเผยความในใจกับคนสำคัญ แล้วไง เจ้าจะพูดอะไรกับใครล่ะ ”
ฟิโลโซเฟอร์หน้าแดงขึ้นมาทันที
“ อ้อคือ ”
เขาอึกอัก
“ คืออะไรล่ะ บอกข้าหน่อยไม่ได้หรือ ”
นางยังเซ้าซี้
“ ไม่เป็นไร เดี๋ยวคืนนี้ข้าค่อยบอกกับคาโอเรียก็ได้ ยังมีเวลาถมเถ ”
ฟิโลโซเฟอร์ตอบเสียงเร็ว
แล้วก้มหน้ามองพื้น
หลบสายตานาง
เด็กหญิงและเด็กชายทั้งสองอยู่ด้วยกันในทุ่งหญ้า เพื่อนๆ ทั้งหลายต่างปลีกตัวกันออกไปเล่นที่อื่น ปล่อยพื้นที่เงียบสงบให้คนทั้งคู่
ฟีไลร่าเอนกายลงบนพื้นหญ้าที่หนานุ่มและหอมกรุ่น
จ้องมองเมฆสีขาวที่ปลิวไปบนฟ้าสูง
เหมือนดังว่าโลกทั้งใบสุขสงบอย่างแท้จริง
ในช่วงเวลานั้น
เด็กชายผู้พลัดถิ่นชาวซีนาร์ยนั่งลงข้างกายนาง
เขามองเห็นความหวังบางอย่างบนใบหน้าสวยหวานนั้น
“ ข้าอยากเป็นผีเสื้อ ”
นางว่า
“ ให้เป็นผีเสื้อข้าเลือกเกิดเป็นมังกรดีกว่า ”
เขาบอก
“ ผีเสื้อน่ะบอบบางจะตายแถมยังอายุสั้น ”
“ ข้าแค่อยากบอกว่าต้องการเป็นอิสระเจ้านี่จริงๆ เลย ”
เด็กหญิงทำหน้ามุ่ย
“ ก็ใช่ไง ก่อนที่จะโผบินเจ้าต้องแกร่งพอ เป็นแค่ผีเสื้อเจ้าไปได้ไม่ไกลนักหรอกเว้นแต่จะมีใครสักคนคอยปกป้องเจ้าจนสุดทาง ”
ฟีไลร่าไม่ว่าอะไร
แต่เงียบไปด้วยใบหน้าแสนเศร้า
ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง
“ เจ้าอยากเป็นพ่อค้าหรือเปล่า ”
อยู่ๆ เด็กหญิงผมสีเงินก็เอ่ยคำถามแปลกๆ
“ คงไม่สินะเจ้าคงอยากเป็นผู้กล้าหรือไม่ก็ชาวนา ”
ถามเองแล้วก็ตอบเองเสียอย่างนั้น
“ เจ้าคงไม่ชอบค้าขายสินะแต่เลือกทางเดินเองไม่ได้ ”
เด็กชายเดา
“ มันยากที่ชีวิตจะไม่ถูกกำหนดโดยคนอื่น ในเมื่อคนเรายังต้องใส่ใจคนรอบข้าง พ่อของข้าไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าจริงๆ แล้วต้องการอะไร แต่ครอบครัวต้องการให้เขาเป็นผู้พิทักษ์หน้ากากทอง พ่อของข้าก็มุ่งไปทางนั้นอย่างสุดกำลังและไม่เคยลังเล สุดท้ายน้องชายของเขากลายเป็นคนที่ทำสำเร็จ ในเวลานั้นเขารู้สึกเสียใจมากที่ไม่อาจไปถึงปลายสูงสุด แต่ในเวลานี้เมื่อคิดย้อนไปกลับรู้สึกว่าตนเองช่างโง่เหลือเกิน ข้าเองก็เคยฝันอยากเป็นผู้พิทักษ์หน้ากากทอง ”
เด็กชายตัวน้อยจ้องมองมือของตน
“ แต่ตอนนี้ข้าอยากแกร่งกว่านั้น มีหลายสิ่งเหลือเกินที่อยากปกป้องและผู้พิทักษ์หน้ากากทองก็ไม่ใช่คำตอบนั้น ”
“ อย่างน้อยเจ้าก็เลือกเองได้มิใช่หรือแต่ข้าไม่ ”
เด็กหญิงว่า
“ เหตุใดเลือกไม่ได้ล่ะ ”
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
“ มีถ้อยคำก้องในหัวมากมายทั้งภาระหน้าที่ ความเห็นแก่ตัว คนขี้ขลาด คนทรยศ คนไร้เกียรติโอ้มากมายก่ายกองข้ารับไม่ไหวหรอก ”
นางตอบ
เด็กชายตัวน้อยได้แต่ประหลาดใจ
บิดาของเขาเป็นบุรุษแท้ๆ ยังไม่ได้รับการประณามมากมายเช่นนี้
แต่ก็นั่นแหละเรื่องของผลประโยชน์
ในเมื่อนางเป็นทายาทเพียงคนเดียว
ก็ต้องแบกรับทั้งหมดอยู่แล้ว
แม้จะเป็นสตรีก็ตามที
“ เจ้ามีคู่หมายอยู่ที่ซีนาร์ยหรือเปล่า ”
นางถาม
“ ไม่หรอก ข้าเด็กเกินกว่าจะมีแต่เพื่อนแท้น่ะมีแน่ แล้วเจ้าล่ะ ”
ฟีไลร่ายกสองมือปิดหน้า
ถอนหายใจยาวแทนคำตอบ
เพียงเท่านี้ฟิโลโซเฟอร์ก็พอเดาออก
เขารู้สึกว่าหัวใจหล่นวูบ
“ เขาคงจะร่ำรวยมากสินะ ”
เด็กชายกระซิบถาม
“ เขามีเงินมีอำนาจ มีทุกอย่างแต่ไม่มีความรัก ”
นางตอบ
“ แล้วเจ้าจะมีความสุขหรือเปล่า ”
“ มารดาของข้าแต่งงานกับคนที่นางรักและตายเพื่อคนที่นางรักนางมีความสุขหรือเปล่านะ ”
ฟีไลร่าตั้งคำถามขึ้นมาลอยๆ
ไร้ซึ่งคำตอบจากผู้ใด
โดยไม่มีสัญญาณเตือนหิมะได้โปรยปรายลงมา
ทั้งที่ก่อนหน้านั้นแสงแดดยังสดใส
สีขาวฟูฟ่องลอยคว้างในอากาศ
งดงามและเยือกเย็น
“ หิมะแรกของปีวันนี้หรือได้อย่างไรกัน ”
ฟิโลโซเฟอร์อุทานด้วยความประหลาดใจ
เนื่องจากไม่มีเค้าลางมาก่อน
“ สวยจัง เหมือนชุดแต่งงานเลย ”
ฟีไลร่าว่า
มีน้ำตาคลอเต็มดวงตาสีน้ำเงินเข้มทั้งสองข้าง
เด็กชายตัวน้อยรับปุยหิมะด้วยอุ้งมือ
มันละลายหายไปทันทีเมื่อสัมผัส
เหลือไว้แต่ความเย็น
และกลิ่นหอมประหลาด
บรรยากาศเหงาอ้างว้างขึ้นมาทันใด
ราวกับว่านี่คือช่วงเวลาที่ต้องพลัดพราก
เหมือนว่าเป็นสัญญาณแห่งการจากลา
ฟิโลโซเฟอร์รู้สึกจุกแน่นในอก
เศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก
ไม่รู้เป็นเพราะอะไร
แต่รู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียของสำคัญไปตลอดกาล
“ เหตุใดจึงเศร้าล่ะ หรือที่ซีนาร์ยมีตำนานที่เป็นทุกข์ในวันที่หิมะแรกเดินทางมาถึง ”
ฟีไลร่าสงสัย
“ ไม่มีหรอก ”
เด็กชายว่า
พลางยิ้มกลบเกลื่อน
“ จริงๆ แล้ววันที่หิมะแรกมาเยือน พวกเราชาวซีนาร์ยจะวิ่งออกจากบ้านเพื่อตามหาคนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนในครอบครัวหรือแม้แต่คนรักแล้วบอกความในใจกับเขา ข้าแค่คิดถึงเพื่อนเก่าน่ะตอนเด็กๆ เรื้อนกันมากวันดีๆ แบบนี้กลับปั่นป่วนชาวบ้านเขาไปทั่ว แต่ข้าชอบเขานะ แล้วเจ้าล่ะดูไม่สดใสเหมือนกันนี่ ”
“ ตอนแม่ของข้าแต่งงานก็มีหิมะตกลงมาแบบนี้ ล่ำลือกันว่าเป็นวันที่งดงามที่สุด ผู้คนเชื่อว่าเป็นวันดีเลิศคู่บ่าวสาวจะต้องมีความสุขไปชั่วนิรันดร์ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นจริงดังนั้นเลย ”
ฟิโลโซเฟอร์
ได้แต่มองเด็กหญิงตรงหน้าอย่างนิ่งงัน
ไม่รู้จะปลอบโยนหรือทำประการใดดี
“ แล้ววันนี้เจ้าไม่อยากบอกความในใจกับใครหรือ ”
อยู่ๆ ฟีไลร่าก็ถามขึ้นมา
“ หืม ”
เด็กชายตัวน้อยงุนงง
“ ก็เจ้าบอกว่าชาวซีนาร์ยจะเปิดเผยความในใจกับคนสำคัญ แล้วไง เจ้าจะพูดอะไรกับใครล่ะ ”
ฟิโลโซเฟอร์หน้าแดงขึ้นมาทันที
“ อ้อคือ ”
เขาอึกอัก
“ คืออะไรล่ะ บอกข้าหน่อยไม่ได้หรือ ”
นางยังเซ้าซี้
“ ไม่เป็นไร เดี๋ยวคืนนี้ข้าค่อยบอกกับคาโอเรียก็ได้ ยังมีเวลาถมเถ ”
ฟิโลโซเฟอร์ตอบเสียงเร็ว
แล้วก้มหน้ามองพื้น
หลบสายตานาง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ