โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )
25) เด็กกำพร้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความไม่มีใครรู้เลยว่า ทุกการกระทำของชาวบ้านและเด็กชายผู้ยากไร้ตัวน้อยๆ ล้วนอยู่ในสายตาของคนผู้หนึ่ง เขาผู้สวมชุดคลุมดำ ปกปิดใบหน้าภายใต้เงามืดที่น่ากลัว ยืนหลบมุมจ้องมองการกระทำต่างๆ ด้วยอาการที่เยือกเย็น ไม่ยินดียินร้ายต่อการกระทำอันป่าเถื่อนที่เกิดขึ้น
และในป่านั้นเอง เมื่อเด็กชายตัวน้อยจากหมู่บ้านได้ส่งหญิงชราให้เดินทางต่อไป พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นหนุ่มน้อยคนนั้น สองมือที่ไร้อาวุธมีเพียงกระถางหินเผากำยานอันเล็ก ห้อยอยู่ในมือข้างหนึ่งมันส่งกลิ่นหอมประหลาดชวนให้ลุ่มหลง
เด็กชายรู้สึกประหลาดใจที่เห็นคนผู้นี้โผล่มาปุ๊บปั๊บไร้ซุ่มเสียง อีกทั้งยังดูพิกลแม้จะยืนนิ่งเฉยกลับให้ความรู้สึกถึงภัยคุกคามใหญ่หลวง แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นเด็กชายร่างผอมก็ยังวิ่งตามเขาไป เพราะเขาเห็นว่าหนุ่มน้อยคนนั้นกำลังมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้าน
เมื่อวิ่งไปถึงตัวเด็กน้อยก็ยื่นอาหารให้เขา
มันเป็นเพียงขนมปังเก่าๆ กับผลไม้ที่ใกล้เน่าเต็มที
ทั้งหมดเป็นของที่เหลือจากการแบ่งครึ่งกับหญิงชราคนนั้น
“ นี่คืออะไร ”
หนุ่มน้อยคนนั้นเอ่ยถาม
ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ ข้าคิดว่าท่านคงจะหิวรีบกินนี่เสียแล้วเดินทางต่อไป หมู่บ้านข้างหน้าอาจมีที่พักดีๆ ให้ท่าน ”
หนุ่มน้อยในชุดคลุมดำไม่กล่าวสิ่งใดต่อ
เขาจ้องมองของในมือเด็กน้อย
แล้วออกเดินต่อไป
เด็กชายร่างสกปรกก็ไม่ละความพยายาม
เขาวิ่งไปขวางทางไว้อีกครั้ง
“ พี่ชาย เชื่อข้าเถอะอย่าเข้าไปในหมู่บ้านนั้นเลย อาหารนี่ท่านอาจมองว่าเป็นขยะแต่มันคือทั้งหมดที่ข้ามี ท่านรับไว้เถอะนะแล้วรีบไปเสีย หมู่บ้านของข้ายากจนข้นแค้นไม่มีสิ่งใดจะหยิบยื่นให้ท่านได้ ”
หนุ่มน้อยคนนั้นได้เดินเลยเขาไป
อย่างไม่สนใจใยดี
เด็กชายจากหมู่บ้านยากจนแห่งนั้น
รู้สึกร้อนใจจนต้องคว้าชายผ้าสีดำนั้นไว้
“ เอามือโสโครกของเจ้าออกไปเจ้าเด็กไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอน ”
หนุ่มน้อยกล่าวเสียงเย็น
แล้วกระชากชายผ้ากลับ
เขาหน้าเดินต่อไป
อย่างไม่สนใจใยดี
แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงสะอื้น
ร่างสูงโปร่งในชุดคลุมดำจึงหันกลับมา
และได้เห็นว่า
เด็กชายร่างผอมเนื้อตัวสกปรกมอมแมมคนนั้น
กำลังยืนปิดหน้าร้องให้
“ ข้าพูดสิ่งใดผิดหรือ ”
หนุ่มน้อยคนนั้นเอ่ยถาม
“ ท่านพูดไม่ผิดหรอก ข้ามันเด็กกำพร้าไม่มีคนสั่งสอน เป็นแค่หมูสกปรกตัวหนึ่ง ”
เด็กชายตอบเสียงสั่นปนสะอื้น
หนุ่มน้อยยืนนิ่งเป็นครู่
สุดท้ายก็เดินกลับมาหาดึงมือเด็กชายออก
แล้วเช็ดน้ำตาให้
“ อย่าทำให้เสื้อผ้าราคาแพงของท่านต้องแปดเปื้อนเลย ”
เด็กน้อยว่า
“ ปากเก่งเช่นนี้ยังขี้แยได้อีกหรือ ”
เจ้าของร่างในชุดคลุมดำกล่าวพลางนั่งลงบนโขดหิน
เขายื่นช็อกโกแลตและขนมหวานให้เด็กชาย
มันสดใหม่หอมหวานน่ารับประทาน
จนเด็กน้อยหยุดร้องให้
นั่งลงกินขนมอย่างอดใจไม่ไหว
“ ข้าเองก็เป็นเด็กกำพร้าไม่เห็นต้องทำตัวเช่นเจ้าเลย ”
เด็กชายเงยหน้าขึ้นมอง
คนอายุมากกว่าที่เอนกายเท้าคางกับแผ่นหิน
ใบหน้านั้นแฝงอยู่ในเงามืด
จนไม่อาจอ่านอารมณ์ได้
“ ไม่เชื่อหรอกท่านน่ะแต่งกายดูดีจะเป็นลูกกำพร้าได้อย่างไร ถ้าให้เดาท่านคงเป็นบุตรผู้มีอันจะกินจากในเมืองหลวงอย่างแน่นอน แต่ว่าการมาท่องเที่ยวตามลำพังในถิ่นทุรกันดารเช่นนี้มิใช่เรื่องดีเลย อันตรายเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อยิ่งในยุคที่ผู้คนหิวโหยเช่นนี้ ”
หนุ่มน้อยแกว่งโซ่แขวนกระถางเผากำยานในมือข้างหนึ่ง
จ้องมองไอสีเขียวหม่นที่แผ่ออกมาอย่างเลื่อนลอย
“ ข้าเป็นเด็กกำพร้า ถูกพรากมารดาไปตั้งแต่ยังเป็นทารกและบิดายังถูกสังหารต่อหน้าต่อตา โดยที่ข้าไม่สามารถช่วยเหลือสิ่งใดได้ ข้ามีชีวิตอยู่แต่ไร้ตัวตน ”
น้ำเสียงนั้นเศร้าหมองเกินกว่าจะเชื่อว่าเป็นเรื่องโกหก
เด็กชายร่างผอมชะงักงัน
เขาเองก็เข้าใจความโศกเศร้านั้นเป็นอย่างดี
“ ข้าชื่อออสมอนด์ พี่ชายท่านนี้มีชื่อว่าอย่างไร ”
เด็กชายเอ่ยถาม
“ หรือชื่อของท่านจะเป็นความลับ ”
เป็นความสงสัยเมื่อเห็นว่าหนุ่มน้อยคนนั้นเงียบไปนาน
“ กาเอล ชื่อของข้าคือกาเอล ”
“ ท่านพูดจริงหรือที่ว่าพ่อของท่านถูกสังหาร ข้าเสียใจด้วยนะสำหรับความโชคร้ายของท่าน ข้าเข้าใจดีครอบครัวของข้ายากจนท่านพ่อออกไปล่าสัตว์แล้วเกิดอุบัติเหตุและไม่กลับมาอีกเลย ใช่เรื่องนี้เลวร้ายมากข้าที่ยังเด็กช่วยอะไรมากไม่ได้ ท่านแม่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวสุดท้ายก็ล้มป่วยและจากไปอีกคน ข้าที่ถูกญาติๆ ขับไล่ออกจากบ้านต้องนอนในกองฟาง รับจ้างแบกหามหาเลี้ยงชีพขนมปังขึ้นราพวกนี้เป็นเพราะข้าเก็บสะสมมานาน แต่ก็ยังดีกว่าสิ่งที่คนในหมู่บ้านกำลังกินอยู่ในตอนนี้ ”
เด็กชายพูดไปพลางกินขนมหวานไปพลาง
นานเหลือเกินที่ไม่ได้ลิ้มรสของอร่อยเช่นนี้
“ กาเอล ถึงท่านจะเป็นกำพร้าจริง แต่ท่านก็คงสุขสบายสินะคนรอบข้างของท่านคงต้องดูแลท่านเป็นอย่างดี ”
กาเอลหัวเราะ
แต่เป็นการหัวเราะที่ขมขื่น
“ แท้จริงแล้วข้าลำบากกว่าเจ้านัก ”
ออสมอนด์รู้สึกสงสัย
หนุ่มน้อยคนนั้นแต่งกายด้วยผ้าเนื้อดีราคาแพง
อีกทั้งผิวพรรณยังสะอาดสะอ้าน
ช่างแตกต่างจากเขานัก
แต่กลับบอกว่าตนเองนั้นลำบาก
นั่นหมายความว่าอย่างไรกัน
“ ผู้คนมากมายล้วนอยากให้ข้าตาย ข้าต้องหลบซ่อนในเงาของผู้อื่น ไม่อาจกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอนได้ ต้องเร่ร่อนไร้จุดหมาย โดดเดี่ยวบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง ไม่อาจเชื่อใจผู้ใด ไร้ซึ่งมิตรแท้ ไม่อาจระบายความทุกข์ที่กัดกินในใจมาตลอดสิบปีให้ผู้ใดได้รู้ ”
กาเอลบอก
“ ในเมื่อท่านตัวคนเดียวข้าเองก็ตัวคนเดียว พวกเราเดินทางไปด้วยกันเถอะนะ ไม่ต้องสนสิ่งอื่นใดท่องไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสุดขอบโลกหรือไม่ก็จนกว่าจะหมดลมหายใจ ”
เด็กชายออสมอนด์เสนอ
“ โชคดีที่เจ้าไร้พันธะอย่างแท้จริง แต่ข้าไม่ ข้าไม่อาจไปไหนได้ไกลเลย ”
กาเอลว่า
“ ท่านคงไม่คิดจะกลับไปแก้แค้นหรอกนะ ”
เด็กชายตกใจ
และกาเอลไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนั้น
“ โธ่เอ๋ย ท่านตัวคนเดียวจะทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ข้าเห็นท่านรู้สึกได้ว่าท่านเป็นคนดีอย่าทำเรื่องเสียงอย่างนั้นเลยนะ เพราะท่านอาจไม่มีชีวิตรอดข้ายังอยากเป็นเพื่อนกับท่านไปนานๆ ”
“ เจ้ายังไม่รู้จักข้าแล้วรู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นคนดี เด็กเอ๋ยอย่าโง่นักเลย ความไว้ใจพาความตายมาให้นักต่อนักแล้ว ”
กาเอลว่า
“ แล้วท่านจะเข้าไปในหมู่บ้านนั้นเพื่ออะไรหรือคนที่เคยทำร้ายท่านอยู่ในนั้น ”
เด็กชายเอ่ยถาม
“ ข้าผ่านมาแล้วก็ผ่านไปไม่มีสิ่งใดเป็นพิเศษ ”
กาเอลตอบ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ