โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )

6.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 20.40 น.

  43 บทที่
  2 วิจารณ์
  29.19K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) โซ่ตรวน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ในคืนวันแสนธรรมดาอาเธอร์ตัดสินใจย้ายเข้าไปในเมืองโอรีเวียอีกครั้ง   มันเป็นช่วงต้นฤดูหนาวที่มีงานเทศกาลประจำปี   ส่วนบ้านฟาร์มกลางทุ่งเขาขอความช่วยเหลือจากคนของหมู่บ้านนอกกำแพงให้มาดูแลแทนตลอดช่วงเวลาที่พวกเขาไม่อยู่   และแน่นอนว่าได้การตอบรับเป็นอย่างดี

 

วันที่ครอบครัวของอาเธอร์ขนย้ายของ   ผู้คนมากมายจากหมู่บ้านนอกกำแพงก็มาช่วยเหลือทั้งขนเสบียงและของใช้จำเป็น   ส่วนพวกผู้หญิงนั้นมาช่วยจัดช่วยทำความสะอาดบ้าน   เพียงเวลาไม่นานทุกอย่างก็เอี่ยมอ่องพร้อมอยู่   แล้วผู้ให้ความช่วยเหลือก็จากไป   ปล่อยเวลาส่วนตัวให้กับเจ้าของบ้าน

 

บ้านหลังนี้ใหญ่โตและแข็งแรงกว่าบ้านกลางทุ่งมาก   เพียงแต่ว่ามันแวดล้อมไปด้วยผู้คนแปลกหน้ามากมาย   ถนนกว้างใหญ่เต็มไปด้วยเสียงอึกทึก   ทุกอย่างวุ่นวายสับสนเกินไปสำหรับคนที่เกิดอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันเงียบสงบ   แม้ตอนแรกทั้งหมดล้วนแปลกตาชวนตื่นใจแต่เมื่อนานไปกลับกลายเป็นน่าเบื่อน่ารำคาน  

 

 

คาโอเรียวางกระต่ายลูลงบนพื้นไม้กระดาน   มันจำบ้านหลังนี้ได้แต่ด้วยความที่เป็นกระต่ายมันจึงชอบบ้านน้อยกลางทุ่งมากกว่า   เจ้าสัตว์ขนฟูตัวน้อยยืนสองขาทำหูตั้งชันสูดจมูกไปมาไม่ยอมวิ่งเล่นเอาเสียเลย

 

คาโลไรน์เดินเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารกลางวัน   โดยมีบุตรสาวตัวน้อยตามเข้าไปด้วย   ส่วนฟิโลโซเฟอร์ได้นำกล่องไม้ที่ใช้ซ่อบดาบโบราณเล่มนั้นไปเก็บยังห้องใต้หลังคา   อันเป็นห้องนอนส่วนตัวของเขา   เด็กชายตัวน้อยจ้องมองดาบเล่มนั้นอยู่นานด้วยความรู้สึกยุ่งยากใจ   สุดท้ายก็โยนเข้าขางฝาไม่สนใจมันอีกก่อนจะหันไปหยิบดาบไม้และดาบสีเงินคู่กายออกมาวางเรียงกันบนที่นอน   ก่อนออกจากห้องยังไม่ลืมห่มผ้าให้   ราวกับของสิ่งนั้นเป็นที่รักและหวงแหน

 

อาเธอร์นั้นออกไปพบปะกับเพื่อนฝูง   เนื่องจากว่าตลอดเวลาที่ทุ่มเททำงานในไร่เขาไม่ได้มีเวลาว่างมากนัก   การไปมาหาสู่กับใครแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย   ในเมื่อมีโอกาสเข้ามาถึงเมืองหลวงแล้ว   เขาก็อยากออกไปเดินเล่นหาข่าวบ้าง   โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่ลางร้ายและข่าวลือน่ากลัวกำลังคุกรุ่น

 

แต่แม้ว่าเสียงร่ำลือเกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร   ทุกคนก็ยังก้มหน้าทำหน้าที่ของตน   แม้ในใจจะหวาดระแวงกับชะตากรรมในวันข้างหน้า   แต่พวกเขาก็ไม่อาจรู้ว่าจะแก้ใขมันได้อย่างไร

 

 

            ในคืนนั้นเองที่ถนนนอกกำแพงเมืองโอรีเวีย   เมื่อประตูใหญ่ได้ปิดลงแล้ว   ท้องถนนด้านนอกก็เปลี่ยวร้างไร้ผู้คน   แต่นั่นมิใช่ทั้งหมดเพราะยังคงมีร่างหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่   เป็นร่างของหญิงสาววัยแรกรุ่นผู้มีผมสยายยาวเดินขากระเผลกไปตามถนนด้วยเท้าเปลือยเปล่า   มุ่งสู่ประตูที่ปิดอยู่

 

บนข้อเท้าบอบบางข้างหนึ่งลากเอาโซ่ตรวนทองคำมาด้วย   เสียงโซ่กระทบกันเมื่อครูดกับพื้นถนนฟังดูหลอดหลอน   นางผู้มีใบหน้าแสนเศร้ายังคงมุ่งไปสู่ประตูบานนั้น   จนกระทั่งมีนกกลางคืนสีดำฝูงหนึ่งบินโฉบผ่านไปก่อนจะรวมร่างกัน   กลายเป็นกาเอลผู้นิยมสวมหน้ากากปีศาจอยู่เสมอ   ยืนนิ่งอยู่เบื้องหลังของนาง

 

“ เจ้าเองที่ใส่ไฟว่าข้าคือซาเหวจลอร์ด ”

 

หนุ่มน้อยคนนั้นกล่าวโทษ

 

“ ไม่ชอบหรือไรข้าว่าสนุกดีออก ”

 

ใบหน้าเศร้าหมองของสตรีนางนั้นเปลี่ยนเป็นสดใสอย่างฉับพลัน

นางหันมาเผชิญหน้ากับหนุ่มน้อยคนนั้น

 

“ ข้าไม่ชอบเป็นคนอื่น   บอกเป็นร้อยรอบแล้วยังไม่เข้าใจอีกหรือ ”

 

กาเอลว่า

 

“ แล้วเจ้าเป็นใครกัน   ที่ต้องสวมหน้ากากสุดอัปลักษณ์นี่เพราะอะไร   ไม่ใช่ต้องการหลบหนีตัวตนที่แท้จริงหรอกหรือ ”

 

นางย้อนถาม

พลางเชยคางหนุ่มน้อยคนนั้นด้วยปลายนิ้วที่มีเล็บแหลมคม

และหนุ่มคนนั้นก็ก้าวถอยหลังจนหลุดพ้นจากการพยายามสัมผัสของนาง

 

“ ประตูบานนี้มีอะไรน่าสนใจหรือไร   เห็นๆ อยู่ว่ามันปิดยังไม่คิดหาทางที่เป็นไปได้  ”

 

กาเอลแกล้งถามไปเรื่องอื่น

 

“ แหม   ก็แค่อยากทำตัวให้น่าสงสารเท่านั้นเอง   เผื่อมีหนุ่มๆ หน้าตาดีฐานะมั่งคั่งเกิดเห็นใจเก็บข้าไปเลี้ยงดู   คนสวยเช่นข้าต้องหาทางสะดวกให้ชีวิตจึงจะถูกต้องตามธรรมเนียม ”

 

“ แล้วอย่างนี้สะดวกดีแล้วหรือ ”

 

หนุ่มน้อยผู้สวมชุดคลุมดำ

ก้มลงหยิบโซ่ทองคำที่ใช้ล่ามข้อเท้าของสตรีนางนั้นขึ้นมา

ม้วนเล่นในมือ

 

“ ในเมื่อนิยมความสบายกลับหาของหนักมาถ่วงตัวเสียได้   ว่าแต่นี่ทองคำจริงหรือเปล่า ”

 

เขาถามต่อ

 

“ ใครกันนะที่บอกข้าว่าข้านั้นติดอยู่ในวังวนของตนเอง   ใช่แล้วโซ่นี่เป็นตัวแทนของการถูกพันธนาการ   แล้วเจ้าคิดหรือว่าคนอย่างข้าใช้ของปลอม ”

 

“ ช่วยไม่ได้เจ้าเล่นปลอมยันวิญญาณ   ข้าเดาไม่ถูกหรอกว่าของๆ เจ้ามีอะไรจริงบ้าง ”

 

กาเอลว่าพลางหลิ่วตาให้

 

“ เจ้าเด็กนรกกล้าแขวะข้าหรือ   นี่คนที่เลี้ยงดูเจ้ามาเลยนะ   ตอบแทนกันแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ”

 

สตรีนางนั้นเต้นผาง

แทบจะกระโดดข่วนหน้า

 

แต่กาเอลนั้นเร็วกว่าเขาจับปลายโซ่

คล้องรอบลำคอขาวผ่องของนางได้ถึงสองรอบ

ก่อนจะดึงรั้งให้มันรัดแน่นจนนางหายใจไม่ออก

ต้องทรุดลงนั่งกับพื้น

 

“ ทำบ้าอะไรนี่ ”

 

นางร้อง

 

“ แค่อยากช่วยให้พ้นทุกข์เท่านั้นเองอดทนอีกนิดข้าไม่ทำเจ้าเจ็บตัวนานนักหรอก ”

 

หนุ่มน้อยคนนั้นบอกหน้าตาเฉย

 

“ เดี๋ยวสิแบบนี้มันใช่หรือ ”

 

ถึงแม้จะโดนทักท้วง

กาเอลก็ยังออกแรงกดดึงรั้งโซ่

จนสตรีแสนงามทำท่าจะขาดใจตายจริงๆ เขาจึงยอมปล่อย

และคว้าร่างของนางมาไว้ในอ้อมแขน

แต่ยังไม่วายต่อว่า

 

“ เจ้าไม่ได้บอบบางเฉกเช่นสตรี   อย่าทำเป็นแกล้งเสแสร้งต่อหน้าข้าเลย ”

 

“ คิดจะสังหารข้าให้ตายคามือยังจะหาว่าข้าเสแสร้งอีกหรือ ”

 

นางค้อนเบาๆ

แล้วถือโอกาสซบหน้าลงบนซอกคอของเขา

 

กาเอลหัวเราะเสียงใส

 

“ ข้าล้อเล่นหรอกน่า   สังหารเจ้าแล้วข้าจะอยู่กับใคร   มีเจ้าคนเดียวที่สามารถไว้ใจได้มีเจ้าเพียงคนเดียวที่รักข้า   อย่างน้อยข้าก็ยังไม่อยากโดดเดี่ยว ”

 

นั่นทำให้สตรีนางนั้นถึงกับเงยหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

 

“ นานเท่าใดนะที่ไม่เคยได้ยินเสียงหัวเราะแบบนี้   เจ้าหัวเราะเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก   บริสุทธิ์สดใสไร้การเสแสร้ง   เกิดอะไรกับเจ้าน่ะเหมือนข้าได้เห็นเจ้าคนเดิมคืนกลับมาอีกครั้ง ”  

 

“ แล้วไม่ดีหรือ   ข้าแค่เรียนรู้และปรับตัว   อยู่มันเงาของผู้อื่นนานๆ มันอึดอัด   เจ้าเองก็เช่นกันที่เห็นอยู่นี่มิใช่ตัวตนของเจ้า   ไม่รู้สึกเบื่อบ้างหรือกับสิ่งที่เป็น ”

 

หนุ่มน้อยคนนั้นว่า

 

“ ตัวตนของข้าถูกเผาเป็นเถ้าไปเมื่อนานมาแล้ว   มันช่วยไม่ได้จริงๆ ทั้งหมดนี่คือข้าสิ่งที่เจ้าเรียกว่ามายามันก็คือข้านั่นแหละ   พวกมนุษย์นั่นแหละที่สร้างข้าขึ้นมาและข้าต้องตอบแทนพวกเขา ”  

 

สตรีนางนั้นบอกเสียงเย็น

ไม่มีแววอ่อนหวานขี้เล่นในดวงตาดังเช่นเคย

 

กาเอลถอนหายใจแล้วดึงนางให้ลุกขึ้น

 

“ เจ้าปล่อยให้ตัวเองถูกเผาเป็นจุลเองมิใช่หรือ   และคนที่สร้างเจ้าขึ้นมาอีกครั้งก็คือซาตานหาใช่มนุษย์ไม่   แต่เอาเถอะในเมื่อชะตากรรมของเราเหมือนกันชีวิตคงถูกขีดให้เดินทางด้วยกันแล้ว ”

 

เขาพยุงนางให้ลุกขึ้น

 

“ หืม   วันนี้พูดจาเข้าท่านี่ ”

 

นางยิ้มสดใสในทันที

แล้วกล่าวต่อไปว่า

 

“ ไม่นึกว่าเจ้าจะมีเวลาไปวุ่นวายที่เมืองโอรีออน   นึกว่าต้องเฝ้าดาบโบราณเอาไว้เสียอีก ”

 

“ เรื่องนั้นข้าไม่ห่วงแล้ว   ตราบใดที่ดารีลยังอยู่ดาบนั่นไม่มีทางเปลี่ยนมือไปไหน   แต่เจ้าเองก็ไปวุ่นวายกับเมืองโอรีออนเหมือนกันนี่ ”

 

กาเอลท้วง

 

“ ก็แหม   คนเมืองนั้นน่ารักจะตายข้าก็แค่อยากผูกมิตรเท่านั้นเอง ”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา