ภูผาวายุ
-
เขียนโดย มุมน้ำเงิน
วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.55 น.
19 ตอน
1 วิจารณ์
12.67K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 15.34 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) การจากไป
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความนายมาด หัวหน้าคณะลุกขึ้นจากที่พำนัก ก้าวย่างเดินมาหานายสิงห์ด้วยท่าทีสุขุมพร้อมเอยขึ้นมาด้วยวาจาที่แข็งกร้าว“เจ้าจำข้ามิได้รึ”เมือเห็นสีหน้างงงวยของนายสิงห์ นายมาดจึงเปลี่ยนสีหน้าท่าทีอ่อนลง แล้วเอยออกไปอย่างสุขุม“ข้าคงจะจำคนผิด หมู่บ้านที่พวกข้าเคยอาศัยอยู่ถูกโจมตี พวกข้าจำต้องแร่ร่อนหาถิ่นที่อยู่ใหม่ คนของข้าได้บอกกับข้า ว่าข้างหน้ามีหมู่บ้านอยู่ ท่านอาศัยอยู่ที่นั่นหรือไม่”นายทองมั่น กับนายหาญ เดินตามมาข้างหลัง นายหาญยืนจ้องหน้านายมาดหัวหน้าคณะด้วยสายตาที่แข็งกร้าว “ถูกแล้ว ข้าเป็นผู้นำหมู่บ้านที่ท่านกล่าวถึง หากพวกท่านต้องการที่จะผ่านทางก็ตามสดวกเถิด”นายสิงห์ตอบกลับพรางกวาดสายตาดูกลุ่มคาราวานโดยทั่ว“ท่านเป็นผู้นำหมู่บ้านเช่นนั้นรึ ดีเลยเชียว พวกข้าแร่รอนมาแรมเดือนแล้ว ใคร่จักขอแบ่งปันที่ดินให้พวกข้าได้ลงหลักปักฐานสักหน่อยเถิด จักได้หรือไม่พ่อ”นายมาดเอยยิ้มๆ นายสิงห์ปราดมองพรางนึกในใจ กลุ่มคนพวกนี้ไม่น่าไว้วางใจ จึงเอยปฏิเสธโดยอ้อมๆ“ดูจากจำนวนพวกท่าน ข้าเกรงว่าหมู่บ้านของข้าจักแออัดเกินไปสำหรับพวกท่าน อีกฟากฝั่งนึงของภูเขามีที่ลาบลุ่ม แม่น้ำตัดผ่านอุดมนักแล ข้าใคร่แนะพวกท่านลองไปสำรวจดูระแวกนั้นเถิด”นายมาดใด้ยินเช่นนั้น “กระนั้นรึ เช่นนั้นพวกข้าจักเดินทางตามคำแนะของท่าน แต่ขอให้พวกข้าค้างแรมระแวกนี้สักมื้อสองมื้อก่อนแล้วค่อยออกเดินทาง”“ตามสดวกเถิดท่าน” “ขอบน้ำใจท่าน” จบประโยคทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป นายมาดหัวหน้าคณะเดินทาง กลับมาที่พำนัก แล้วเอยกับลูกน้อง“ไอ้สินเอ็งว่าข้าจำคนผิดรึปล่าว”“มันคือหลวงสิงหราช กับไอ้เสือหาญ มิผิดตัวแน่นอนจ๊ะ”ทางด้านนายสิงห์ ที่กำลังเดิทางกลับเรือนมาพร้อมกับบ่าวทั้งสอง ระหว่างที่เดินอยู่นั้น นายหาญ ได้กล่าวกับนายสิงห์“ให้พวกข้าจัดเตรียมกำลัง ชิงลงมือโจมก่อนเลยดีไหมขอรับ”นายสิงห์หันมาที่บ่าวคนสนิทด้วยท่าทีสุขุมพรางเอยปาก“ใยทำเช่นนั้น พวกนั้นเป็นใครรึ”“คุณหลวงจำมิได้รึขอรับ ข้าเคยอยู่ชุมเสือเดียวกับพวกมันมาก่อน”นายหาญ ซึ้งเป็นอดีตเสือร้ายได้เอยออกมา“กระนั้นรึ ข้าคับคล้ายคับคลาอยู่เช่นกัน ไอ้เสือมาดใช่หรือไม่”นายสิงห์ อดีตขุนศึกเก่าตอบด้วยอาการเรียบเฉยสุขุมอยู่เช่นเคยพร้อมเอยป่ากออกคำสั่ง“พวกเอ็งไปเรียกขุนทองกับขุนเทียนให้เร่งมาหารือกับข้าที่เรือน”“ขอรับ” บ่าวทั้งสองรับคำแล้วรีบเร่งแยกกันไปทางด้านเรือนของหมอขัน บุญเกิดที่อาการพอจะทุเลาลงได้ลงมาช่วยผ่าฟืน ส่วนภูผากับมะลิ กำลังช่วยกันต้มยาสมุนไพร“พี่ภูผา อย่าใส่ฟืนเยอะเช่นนั้น ไฟแรงเกินไป ประเดี๋ยวก็ไหม้ เรือนครัวข้าอีกดอก”“ไฟเบื้องหน้ารึ จะสู้ไฟรักที่ข้ามีให้เจ้าได้ไม่”มะลิหน้าแดงก่ำ ในมือถือว่านสมุนไพรฟาดเข้ากลางกลังของภูผาด้วยอาการขวยเขิล“โอ้ย โอ้ยย หลังข้ายังมิหายดีนะ หากข้าเป็นกระไรไปเห็นทีเจ้าคงต้องดูแลข้าไปตลอดชีวิตแล้วแล”“บ้าจริงเชียว พี่ภูผานี่ อายบุญเกิดบ้าง”ภูผาหันหน้าไปทางบ่าวรับใช้คนสนิทที่กำลัง แสดงสีหน้าสะอิดสะเอียนมองบน จากคำพูดของภูผาท่าทางหน้าหมั่นไส้ จึงหยิบเศษฟืนเขวี้ยงไปที่บุญเกิด“กระไรรึไอ้เกิด ใยทำหน้าเยี่ยงนั้น”“ป๊าว ข้าแค่เหม็นน้ำต้มสมุนไพร จะสำรอกเพียงเท่านั้นเองขอรับ”บุญเกิดเอยตอบด้วยท่าทางยียวน“เอ็งไปตักน้ำใส่โอง ทางนู้น ไป๊”“แต่ข้ายังผ่าฟืนมิเสร็จเลยนะขอรับ”“ข้าบอกให้ไปประเดี๋ยวนี้” ภูผาเอยพรางขยิบตาให้บุญเกิดบุญเกิดจึงรีบทำตามผละเดินออกไปที่ท่าน้ำก่อนที่บุญเกิดจะหยิบถังน้ำ ก็ได้เห็นเรือลำหนึ่งเรียบท่าเข้ามา พ่อของบุญเกิดนั่นเอง ที่มาเยี่ยมหลังจากรู้ข่าวคราวว่าลูกชายของตนโดนเฆี่ยนหนักแล้วมาพักรักษาตัวที่เรือนหมอยา
บุญเกิดกับนายศรกล่าวทักทายกันตามประสาพ่อลูก บุญเกิดได้เอยถึงบทสวดเมือครั้งที่แอบขึ้นเรือนเก่าว่าทำนองบทสวดคาถาผิดแปลกไปจากที่ตนเคยได้ยินจากพ่อเล็กน้อย จึงเอยถามด้วยความสงสัยพร้อมเปลือยคาถาบางท่อนให้พ่อของตนฟัง
“หาได้ใช่ คาถาสะกดวิญญาณไม่ หากแต่เป็นคาถาสะกดศาสตราตางหากเล่า เมือศาสตราวุธที่ถูกปลุกเสกมาด้วยความขลังยากที่จะควบคุม จึงใช้คาถานี้สะกดเอาไว้ เอาละหากเอ็งมิเป็นกระไรแล้ว ข้าไปละ”
นายศร ใขข้อสงสัยให้แก่บุตร พร้อมอำลาพรางใช้ไม้พายดันเรือออกจากท่าแล้วจากไป
ขณะที่ทั้งสองภูผาและมะลิหยอกเอินกันอยู่นั้น ภูผาได้ยินแว่วเสียงร้องให้ครวญครางขึ้นมาจากบนเรือนหมอยาคล้ายเป็นเสียงแม่ของตน ภูผาจึงรีบวิ่งขึ้นเรือนไป ทันทีที่เปิดประตู บนเรือน มีพ่อหมอขัน กับดวงแขร่วมด้วยแม่ชบา ทั้งสามคนอยู่ในอาการซึมเศร้าเคล้าน้ำตา ภูผาพลันหันไปถามแม่ของตน“แม่ท่าน เกิดกระไรขึ้นรึ”ที่ใบหน้าอาบนองไปด้วยน้ำตากอดร่างวายุแนบอกไว้แน่น ตอบกลับภูผาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“พี่ของลูกได้สิ้นเสียแล้ว......”———————————————
บุญเกิดกับนายศรกล่าวทักทายกันตามประสาพ่อลูก บุญเกิดได้เอยถึงบทสวดเมือครั้งที่แอบขึ้นเรือนเก่าว่าทำนองบทสวดคาถาผิดแปลกไปจากที่ตนเคยได้ยินจากพ่อเล็กน้อย จึงเอยถามด้วยความสงสัยพร้อมเปลือยคาถาบางท่อนให้พ่อของตนฟัง
“หาได้ใช่ คาถาสะกดวิญญาณไม่ หากแต่เป็นคาถาสะกดศาสตราตางหากเล่า เมือศาสตราวุธที่ถูกปลุกเสกมาด้วยความขลังยากที่จะควบคุม จึงใช้คาถานี้สะกดเอาไว้ เอาละหากเอ็งมิเป็นกระไรแล้ว ข้าไปละ”
นายศร ใขข้อสงสัยให้แก่บุตร พร้อมอำลาพรางใช้ไม้พายดันเรือออกจากท่าแล้วจากไป
ขณะที่ทั้งสองภูผาและมะลิหยอกเอินกันอยู่นั้น ภูผาได้ยินแว่วเสียงร้องให้ครวญครางขึ้นมาจากบนเรือนหมอยาคล้ายเป็นเสียงแม่ของตน ภูผาจึงรีบวิ่งขึ้นเรือนไป ทันทีที่เปิดประตู บนเรือน มีพ่อหมอขัน กับดวงแขร่วมด้วยแม่ชบา ทั้งสามคนอยู่ในอาการซึมเศร้าเคล้าน้ำตา ภูผาพลันหันไปถามแม่ของตน“แม่ท่าน เกิดกระไรขึ้นรึ”ที่ใบหน้าอาบนองไปด้วยน้ำตากอดร่างวายุแนบอกไว้แน่น ตอบกลับภูผาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“พี่ของลูกได้สิ้นเสียแล้ว......”———————————————
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ