ภูผาวายุ

-

เขียนโดย มุมน้ำเงิน

วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.55 น.

  19 ตอน
  1 วิจารณ์
  12.67K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 15.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) ฝ่าดงผี

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
          “พี่เงินบอกว่าหมู่บ้านข้างหน้ามีผีโพงน่ะสิ”
 
          “ใยต้องกังวล ผีโพงมันไม่ทำร้ายคนก่อน มิใช่หรือขอรับ”
 
          “เท่าที่ข้าเคยได้ยินก็เป็นเช่นนั้น”
 
 
          ในขณะที่ทั่งคู่สนทนากันอยู่นั้น ขบวนเกวียนก็ได้เดินทางเข้าสู่หมู่บ้าน ซึ้งเป็นหมู่บ้านที่ใหญ่ มีเรือนไม้ใต้ถุนสูงเก่าๆปลูกอยู่หนาแน่น มีต้นว่านสีขาวปลูกอยู่ทุกครัวเรือน
 
          ผู้คนในหมู่บ้านทีดูภายนอกเป็นเหมือนคนธรรมดาแลดูไม่มีพิษภัย ได้ยินเสียงคณะเกวียนเดินทางมา จับจ้องสายตามองดูคณะเกวียนอย่างไม่ละสายตา
 
          นายเงินเดินไปที่หัวขบวนนำหน้ากองเกวียน สอดสายตามองซ้ายขวา ส่วนนายเพลิงและรำพึง ถืออาวุธคู่กายเดินตีคู่ขนาบกับขบวนเกวียนทั้งสองข้าง  บุคคลทั้งสามทำหน้าที่ประหนึ่งทหารเท้าช้าง คอยระแวดระวังภัย
 
          “นั่นปะไร! พวกชาวบ้านก็ดูเป็นคนเยี่ยงเรา หาใด้หน้ากลัวตามทีพี่เงินบอกไม่” ภูผาเอยขึ้นมาสายตาปราดมองดูชาบบ้านเหล่านั้นด้วยความโล่งใจ
 
          “คงจักเป็นอุบายหมายหลอกให้เรากลัวเล่นน่ะสิ ขอรับ”บุญเกิดเอยเสริม พยักหน้าเห็นด้วย
 
          ชาวบ้านที่มีทั้งหญิง ชาย เด็กเล็ก รวมไปถึงคนชราที่จับจ้องมองขบวนเกวียนอยู่ก่อนนี่ เดินออกมายังข้างทางยืนมองขบวนเกวียนด้วยสีหน้าบึ้งตึง คณะนายเงินเดินไปมองไปคงท่าทีสุขุม ในมือกระชับอาวุธคู่กายแน่น เตรียมรับสถานการณ์
 
          “ดูสิขอรับ พวกเขายังออกมาต้อนรับเราด้วย”
 
          บุญเกิดเอย หันหน้าไปยิ้มๆให้กับชาวบ้านที่ยืนอยู่ข้างทาง
 
          “ประเดี๋ยวคงได้ต้อนรับเราถึงใจแน่ละ ดูหน้าพวกนี่สิ จ้องเราปานจะกินเลือดกินเน้อ”
 
          ภูผาเอยไม่ทันขาดคำ ชาวบ้านที่เหมือนจะดูเป็นปุถุชนคนปกติ ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ค่อยๆเปลียนไป สีผิวซีดลงนัยน์ตาเปลี่ยนเป็นสีแดง เล็บนิ้วมือนิ้วเท้าค่อยๆงอกยาวออกมา รูจมูกเริ่มเรืองแสงสีแดงวูปวาบรำไร อ้าปากเผยให้เห็นคมเขี้ยว กลายสภาพเป็นผีโพงเต็มตัว
 
          ภูผาและบุญเกิดมองชาวบ้านพวกนั้นเปลี่ยนสภาพ จึงเผยสีหน้าที่หวาดกลัวออกมา
 
          “เอาแล้วงัยไอ้เกิด! ดูพวกมันสิ หน้าตาดูเป็นมิตรเชียว”
 
          บุญเกิดเร่งรัวไม้เฆี่ยนไปที่กันควายเร็วปรื๋อ หวังให้ควายเร่งฝีเท้าเดินเร็วกว่านี้
 
          ผู้ที่ทำหนัาที่อารักขากองเกวียนทั้งสาม ตั้งท่าขึ้นเตรียมรับการต่อสู้ นายเงินเผยสีหน้าดุดันขึ้นหันหน้าเอยตะโกนบอกกับบัวลอย “เร่งฝีเท้า” บัวลอยได้ยินเช่นนั้นจึงยกมือพนมขึ้นกลางอก ปากพึมพำบริกรรมคาถา พลันเกิดอักขระยันต์ยอดมงกุฎเรืองแสงสีทองขึ้นบนหน้าผากของควายทั้งหกตัว ดวงตาควายสีทองอร้าอร่ามเปล่งประกายสาวเท้าวิ่งไปข้างหน้าอย่างไร้การควบคุม
 
          ผีโพงพวกนั้น วิ่งกรูเข้าหาคณะเกวียนอย่างบ้าคลั่ง องครักษ์ของกองเกวียนทั้งสามวิ่งตามความเร็วของควายเทียมเกวียน นายเงินใช้ไม่ศอกคู่ใจวิ่งล่ำหน้าขบวนเกวียน เข้าห้ำหั่นฝูงผีโพงอย่างดุเดือดที่ขวางขบวนเกวียนเพื่อเปิดเส้นทาง นายเพลิงกับรำพึงก็คอยป้องกันอยู่ทั้งสองข้าง
 
          ขณะที่กองเกวียนวิ่งฝ่าฝูงผีโพงโดยความเร็ว ผีโพงตัวหนึงกระโดดเข้ามาเกาะเกวียนท้ายขบวน ทีมีภูผากับบุญเกิดอยู่ ภูผาเห็นเช่นนั้นจึงเอี้ยวตัวไปจับดาบที่พนผ้าไว้อยู่ขึ้นมา ขณะที่บุญเกิดนั่งแข็งถือหน้าซีดไม่พูดไม่จา สีหน้าหวาดกลัว
 
          นายเพลิงกับรำพึงไม่ได้สังเกตท้ายขบวนเพราะต้องคุ้มกันบัวลอยผู้ที่กำลังบริกรรมคาถาอยู่ขณะนี้
 
          ผีโพงตัวที่เกาะเกวียนอยู่ พยายามตะเกียกตะกายขึ้นเกวียนไปได้ครึ่งค่อนตัว ผีโพงตัวที่สองก็กระโดดเข้ามาเกาะขาตัวแรกที่กำลังตะกายตัวขึ้น ผีโพงตัวแรกทรุดลงตามแรงฉุดของตัวหลัง ทั้งสองตัวอยู่ในลักษณะที่ถูกลากไถพื้นตามแรงวิ่งของควาย จากที่เกาะอยู่สองตัว ก็มีมาเพิ่มเป็นสี่เป็นห้าตัว ผีโพงตัวที่หก กระโดดใต่ตัวที่ถูกลากขึ้นมาบนเกวียนได้
 
          แม้จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากฝูงผีโพงที่มาเกาะ แต่ควายเทียมที่มีนัยน์ตาสีทองอราม ยังคงวิ่งไปข้างหน้าโดยที่ความเร็วคงที่
 
          ภูผาเร่งรีบแกะดาบพันผ้าอย่างลนลานได้ครึ่งหนึ่งแต่ก็ไม่ทันการ ผีโพงตัวที่หกได้เข้ามาประชิดตัวภูผา ด้วยความตกใจ ภูผาถีบผีตัวนั้นเซถอยหลังไป ชักดาบที่แกะได้ครึ้งเดียวจ้วงแทงปักเข้าไปที่หน้าอกของผีตนนั้นทันที
 
          ดาบปักเข้าไปที่หน้าอกผีตนนั้นจนเกือบจะทะลุ แต่ทว่าผีโพงตนนั้นกลับไม่เสดงอาการใดๆออกมา ผีโพงตนนั้นง้างมือขึ้น ตะปบกรงเล็บหมายจะให้เข้าที่หน้า แต่ภูผาปลอยมือจากดาบที่ปักอกโยกตัวหลบถอยหลังมา
 
          ขณะที่ภูผาถอยหลังหลบกรงเล็บ ได้ดึงผ้าพันดาบติดมือออกมาด้วย เผยให้เห็นด้ามดาบสีเงินเงาวับจับตา ภูผาเอื่อมตัวไปคว้าดาบนั้นเอาไว้พร้อมกับยกเท้าถีบผีตนนั้น ดาบหลุดออกจากอกทันที
 
          ขณะที่ภูผาถีบผีตนนั้นพร้อมกับดึงดาบ จู่ๆก็หมดสติวูปตกลงจากเกวียนทันทีพร้อมกับผีตนนั้นด้วยแรงถีบ
 
          บุญเกิด ที่ยังคงนั่งตัวแข็งทื่อ ไม่รู้ถึงการหายไปจากเกวียนของภูผา ยังคงนั่งตกตะลึงกับภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าอยู่เช่นนั้น บรรดาผีที่เกาะอยู่ท้ายเกวียน เมือเห็นภูผาหมดสติทิ้งตัวลงจากเกวียน ก็ต่างพากันปล่อยมือ กลิ้งระเนระนาดไปตามความเร็วของเกวียน เปลี่ยนเป้าหมายพุ่งตรงไปที่ภูผาทันที
 
          ขบวนเกวียนยังคงวิ่งกันต่อไปเรือยๆโดยที่ไม่รู้ถึงการหายไปของภูผา เดินทางบุกฝ่าดงผีโพง จนถึงแม่น้ำใหญ่คณะกองเกวียนวิ่งข้ามสพานไม้มายังอีกฝั่ง พวกผีโพงที่ไล่ตามมาก็พลันหยุดลงก่อนถึงแม่น้ำแล้วเดินแยกย้ายกันหายไป
 
          บัวลอย หยุดบริกรรมคาถา อักขระสีทองบนหน้าผากและดวงตาของควายเทียมเกวียนได้กลับคืนสู่ปกติ อาการจากที่วิ่ง กลายเป็นเดินเนิบช้า เป็นสัญญานว่าคณะกองเกวียนได้ผ่านพ้นอันตรายแล้วหลังจากข้ามสพานมา
 
          บุญเกิดที่นังตัวแข็งทื่อด้วยความตะลึงอยู่พลันได้สติ เอยขึ้นมา “รอดเสียทีนะขอรับ คุณภ........” พรางหันหน้าไปที่ท้ายเกวียน “คุณภูผา! คุณภูผา!”
 
          นายเงินเดินตรวจดูคณะไถ่ถามอาการของทุกคน ทุกคนบนเกวียนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เว้นแต่มีอาการหวาดกลัวของมะลิ ดวงแข และบุญเกิด เท่านั้น นายเพลิงและรำพึงได้รับบาดเจ็บจากการถูกกรงเล็บขีดเล็กน้อย พอเดินมายังเกวียนท้ายขบวน ที่นายเงินสังเกตเห็นว่า ภูผาหายไป จึงรีบวิ่งเข้ามาเอยถามบุญเกิด
 
          “ไอ้เกิด ไอ้ผาหายไปใหนรึ”
 
          บุญเกิดเอยตอบท่าทางเลิ่กลั่กแฝงด้วยไปด้วยความเป็นห่วง “มิรู้จ๊ะ ข้าหันมาก็มิเจอแล้ว”
 
          นายเงินตะโกนบอกแก่คณะเดินทางทันที
 
          “พวกเอ็งทั้งหมด ไปรอข้าอยู่ที่หนองน้ำเชี่ยว ด้านหน้า หากพลบค่ำข้ายังมิกลับมา พวกเอ็งเดินทางต่อได้เลย” ทุกคนในคณะเดินทาง ยกเว้นมะลิ ดวงแข กับบุญเกิด เอยตอบนายเงินมาเป็นเสียงเดียวกัน “จ๊ะครู”
 
          บุญเกิดกระโดดลงเกวียนมาเอยกับนายเงินด้วยท่าทีร้อนรนเป็นห่วงนายของตน
 
          “พี่เงินจักไปตามหาคุณภูผาใช่มั้ยจ๊ะ ให้ข้าไปด้วยเถิด”
 
          นายเงินจับใหล่บุญเกิด ยิ้มให้แล้วเอยออกไปตรงๆ
 
          “สภาพเช่นเอ็ง ไปก็รังจะเป็นภาระของข้าเปล่าๆ เอ็งอยู่ที่นี่รอข้าดีกว่า”
 
          มะลิและดวงแข ลงจากเกวียนทันทีที่รู้ว่าภูผาหายตัวไป
 
          “ไอ้เกิด พี่ภูผาหายไป ใยเอ็งมิรู้ ห๊ะ! คอยดูเถอะหากพี่ผาเป็นกระไรไป แม่จะเพ่งกระบาลเอ็งให้”
 
          ดวงแขเอ็ดบุญเกิด บุญเกิดอึ๋มอั้ม แสดงสีหน้ายอมรับผิด ขณะที่ดวงกำต่อว่าบุญเกิด มะลิ ยืนเงียบๆสีหน้าเต็มไปด้วยความห่วงใย
 
          นายเงินหันหน้าสาวเท้าข้ามสพานกลับไปนังหมู่บ้านผีโพงผีโพงทันที.....
 
 
          ——————————

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา