ภูผาวายุ
เขียนโดย มุมน้ำเงิน
วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.55 น.
แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 15.34 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) ฝ่าดงผี(๒)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความนายเงินหันหน้าสาวเท้าข้ามสพานกลับไปนังหมู่บ้านผีโพงผีโพงทันที
ทางด้านของภูผา ที่สลบพลัดตกจากเกวียน นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ฝูงผีโพงกรูเข้ามายังร่างของภูผาหมายที่จะจับฉีกกินเนื้อด้วยความหิวโหย
ทันใดนั้นแสงสีแดงปราดวาปโพยพุ่งขึ้นมาจากร่างที่นอนแน่นิ่ง บรรดาผีโพงที่กำลังรุมล้อมร่างภูผา กระเด็นออกมาไกลหลายสิบวา
ภูผาพลันเบิกตาลุกขึ้นยืน นัยน์ตาทับทิมปรากฎ ละอองไอสีแดงโพยพุ่งขึ้นรอบกาย ยกดาบในมือขึ้นมองอย่างงงงวย ในท่าทีสุขุม
กวาดสายตามองรอบกาย เบิกตาโพรงตกตะลึงพรึงเพริดกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ผีโพงนับได้คร่าวๆราวสามถึงสี่สิบตัว กำลังกรูเข้ามาหาตน
ผีโพงตนหนึ่งวิ่งเข้ามาทางดัานหลัง ง้างมือตะปบเล็บเข้าที่กลางหลังของภูผา
ฉัวะ! ภูผาแอ่นหลังสดุ้งโหยง รอยแผลจากเล็บตะปบขีดเป็นสี่เส้น มีเลือดใหลซึมออกมา ภูผาหันหลังกลับตวัดดาบเข้าไปที่แขนของผีตนนั้นขาดสบั้นไปทันที
แม้แขนจะขาดออกไป ทว่ากลับไรซึ้งสีแดงของเลือด แต่กลับเป็นน้ำเมือกสีเขียวขุ่นใหลออกมาแทน
ฝูงมฤตยูผีโพง วิ่งกรูเข้าใส่อย่างไม่ลดละ ภูผาย่อตัวเล็กน้อยก่อนที่จะตบเท้าพุ้งตัววิ่งไปตามทาง เพราะตรองดูแล้วว่าหากปักหลักสู้ ด้วยจำนวนที่มากขนาดนี้ คงจะต้านไม่ใหว
เบื้องหน้าเส้นทางที่ภูผากำลังมุ่งไป มีฝูงผีโพงวิ่งสวนเข้ามาจากทางด้านหน้า ภูผาตวัดดาบหั่นร่างผีโพงเบื้องหน้าโดยเร็ว รีบบุกฝ่าวงล้อมออกไป หากยิ่งหยุดจำนวนผีโพงที่ตามเข้ามาก็ไม่หมดไม่สิ้น
ภูผาวิ่งไปโดยไม่หยุด ตามร่างกายมีบาดแผลของการขีดข่วน เหลียวหน้ามองกลับไป บรรดาผีโพงที่ตนตวัดดาบหั่นร่างลงไปกองกับพื้น พวกมันนำแขนนำขาที่หลุดออกจากร่างมาต่อเข้าที่ แล้ววิ่งไล่ตนต่อหน้าตาเฉย
ภูผาจึงไม่เสียเวลาหวดตวัดดาบ ซึ้งมันทำให้ชะลอความเร็วของตนลง หลบหลีกวิ่งหนีเพียงอย่างเดียว
นายเงินที่วิ่งกลับเข้ามายังหมู่บ้านจากเนินสูง มองลงมา เห็นแสงสีแดงพุ่งผ่านฝูงผีห่านรกมาในทิศทางของตน ก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นภูผา เพราะครั้งที่ตนได้ไปสอดแนมหมู่บ้าน เห็นภูผาใช้ดาบเล่มนั้น มีละอองไอสีแดงโพยพุ่ง นายเงินจึงหยุดรอ เพราะคาดว่าประกายแสงสีแดงนั้นจะพุ่งมาหาตนในไม่ช้า
ภูผาวิ่งไปตามทางพุ่งตรงไปหาชายหัวโล้นที่หยุดมองตนอยู่เบื้องหน้า
นายเงินสบตาภูผาแล้วเอยขึ้นสีหน้ายิ้มๆเช่นเคย
“เอ็งเป็นเยี่ยงไรบ้า...ง.ง!” “ฟิ้วว!”แสงสีแดงนั้นพุ่งผ่านหน้าไปโดยไม่เอยคำใด ทิ้งให้นายเงินทักเก้ออยู่อย่างนั้น มองตามหลัง พิบตาปริบๆ
นายเงินหันไปมอง ฝูงมฤตยูที่วิ่งตามภูผาเข้ามาติดๆ หรี่ตาลง กระชับไม้ศอกในมือแน่น ตั้งท่าต่อสู้
เมือดูจากปริมาณผีโพงที่วิงตามขึ้นเนินมา นายเงินจึงเปลียนใจรีบบิดตัวกลับหลัง สาวเท้าโดยเร็ว โกยแนบตามภูผามาติดๆ พรางตะโกนออกไปเอยกับภูผา
“ไอ้ผ่า รอข้าด้วย! ข้าอุตส่าห์ตั้งใจมาช่วยเอ็งนะเว้ย เห้ย!”
ภูผา เหลียวหลัวไปมองนายเงินเผยสีหน้างงงัน ได้ยินนายเงินเอยอย่างไม่ถนัดหู แล้วหันหน้ากลับ เร่งฝีเท้าขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายเงินเห็นเช่นนั้น ก็เผยยิ้มออกมาพรางเอยพึมพำ
“คิดจะวัดของกับข้าเช่นนั้นรึ เช่นนั้นก็ย่อมได้!”
นายเงินยกมือขึ้นพนม บริกรรมคาถา รอยสักลิงลมที่ด้านหลัง เรืองแสงสีทองขึ้น ไอควันสีขาวโพยโขมงขึ้นรอบกายขณะที่วิ่งอยู่ ทันใดนั้นร่างกายของนายเงินพลันหายวับไปในพริบตาเดียว ทิ้งไว้เพียงกลุ่มควันที่ลอยขึ้นแล้วจางหายไป
ภูผา กำลังอยู่ในอาการทึ่งกับความสามารถของตน เร่งฝีเท้าทดสอบความเร็วขึ้นไปเรื่อยๆพรางเอยรำพึงรำพันกับตัวเอง “ข้า วิ่งได้เร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ”
วิ่งไปจนใกล้ถึงสพาน ภูผาเหลียวหลังกลับไป มองไม่เห็นชายหัวโล้นที่ก่อนหน้านี้สาวเท้าวิ่งตามเขามา เห็นแต่เพียงฝูงผีโพงที่เขาวิ่งทิ้งห่างออกมา จึงได้ผ่อนฝีเท้าชะลอความเร็วลงรอ
ภูผาหยุดฝีเท้าลง หันหน้าไป ชะเง้อมองหาชายหัวโล้น.แต่ที่วิ่งตามหลังภูผามา มีเพียงฝูงห่าผีโพงเท่านั้น หาได้มีวี่แววของนายเงินไม่ ภูผานึกขึ้นในใจ [[ รึว่าเขาจักถูกพวกมันจับกินเสียแล้ว ]]
ด้วยความรู้สึกผิด ขณะที่วิ่งสวนกัน เหมือนได้ยินว่าชายหัวโล้นอุตส่าห์ตั้งใจมาช่วยเหลือตน แต่ตนกลับทิ้งเขาไว้เบื้องหลัง จึงหมายจะกลับไปช่วย
ขณะที่ภูผากำลังจะตบเท้าวิ่งออกไป ทันใดนั้นก็มีเสียงแผดดังขึ้นข้างหู “เอ็งจักไปใหน” กลุ่มควันสีขาวลอยฟุ้งมาจากด้านหลัง ภูผาสะดุ้งเฮือกหันหน้าไปตามเสียง
เสียงนั้นดังขึ้นมาจากปากของนายเงินนั่นเอง ภูผาหันหลังไปมองเอยขึ้น “เอ็งเป็นผู้ใด”
สิ้นเสียงภูผา ควันสีขาวโพยพุ่งขึ้นอีกครั้งร่างของนายเงินพลันหายไป ปรากฎตัวขึ้นอีกทีทางด้านหลังเอยขึ้นรดต้นคอภูผา
“ใยเอ็งจำข้ามิได้ รึที่เอ็งตกเกวียนไป หัวคงฟาดลงพื้นกระมัง”
ภูผาสดุ้งโหยง หันหน้ากลับมา กระโดดถอยหลังไปสองสามก้าว นายเงินไม่รอให้ภูผาตอบกลับ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วเอยต่อขึ้นมาทันที
“เราอย่าเสียเวลาอยู่เช่นนี่เลย นี่มันก็จะพลบค่ำแล้ว พวกเราเร่งตามกองเกวียนกันเถอะ ประเดี๋ยวพวกนั้นจะไม่รอเอา”
แสงสีทองเรืองรองบนรอยสักด้านหลังก็หายไปกลับกลายเป็นรอยสักน้ำหมึกเช่นเดิม เอยจบนายเงินตบเท้าก้าวเดินออกไปทันที มุ่งหน้าไปทางสพาน
ภูผา เดินตามนายเงินโดยไม่เอยคำใด ไปด้วยอาการที่ยังงงงัน
ทางด้านคณะเดินทางที่กำลังพักผ่อนอยู่ที่หนองน้ำเชียวรอนายเงินที่กลับไปช่วยเหลือภูผา บ้างก็นั่งแช่เท้าลงในหนองอย่างผ่อนคลาย ซึ้งส่วนใหญ่จะเป็นคนของนายเงิน บ้างก็กระสับกระส่ายตั้งตารอคอยให้ทั้งคู่กลับมานั่นคือ บุญเกิด มะลิ และดวงแขนั่นเอง
“พี่เงิน เป็นครูของพวกท่านรึ เมือครู่เห็นพวกท่านเรียกเช่นนั่น” บุญเกิดเอยถามนายเพลิงพรางหาเรืองสนทนาสลายความอึดอัด
“เป็นเช่นนั้น ครูเงินเป็นครูสอนกระบวนท่าการต่อสู้ให้แก่พวกข้าทั้งหมด” นายเพลิงใขข้อข้องใจให้แก่บุญเกิดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เมือครั้งที่พวกเราฝ่าดงผีพวกนั้นมา ข้าเห็นควายต้องอาคมจากปากแม่บัวลอย ครูเงินก็เป็นคนสอนด้วยเช่นนั้นรึ” บุญเกิดเอยถามต่อ
“ครูเงินเป็นผู้สอนแต่เพียงกระบวนท่าต่อสู้เท่านั้น อาคมพวกนี้ ทั้งพวกข้าและครูเงิน อาจารย์ทิพย์ เป็นผู้สอนให้ต่างหาก”
ขณะที่ทั้งคู่กำลังสนทนาละลายพฤติกรรมกันอยู่นั้น บัวลอยเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วหันมาเอยกับคณะเดินทาง
“พวกเราออกเดินทางกันต่อเถอะ พลบค่ำแล้ว”
——————————
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ