สุดร้ายแสนรัก
-
5) บทที่ 5(100%)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว หลี่เฟยหลีและหลี่เพ่ยหยางก็แยกตัวไปคุยกันที่ห้องหนังสือ ทำให้เหลือแค่จางไป๋หลินและหลี่เพ่ยเพ่ยนั่งอยู่ในห้องอาหาร
“เพ่ยเอ๋อร์ ลูกคิดเช่นไรกับท่านอ๋อง” มารดาเอ่ยถามขึ้นหลังจากเหลือกันเพียงสองคน
“ลูกไม่ได้คิดอะไรเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่สบายใจได้” นางตอบแล้วยิ้มให้มารดา มารดาของนางนั้นเป็นเพียงบุตรสาวของคหบดีจึงไม่รู้ถึงเรื่องราวของคนในราชสำนัก ดูเหมือนว่าท่านพอน่าจะเล่าถึงความไม่ชอบมาพากลนี้ให้ท่านแม่ได้ฟังแล้ว
“เพ่ยเอ๋อร์อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับท่านอ๋องได้หรือไม่” นางถามออกเพราะไม่อยากให้บุตรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของราชสำนักมากนัก
“ท่านแม่เชื่อใจลูกนะเจ้าค่ะ” นางเอ่ยเพียงเท่านั้นเพื่อให้มารดามั่นใจ แล้วนางชวนมารดาคุยเรื่องของชุดที่จะต้องใส่ไปยังงานฉลองที่จะถึงนี้เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการพูดคุยถึงเรื่องของหยวนฟางหรง
พอคุยกับมารดาเสร็จหลี่เพ่ยเพ่ยก็เดินกลับเข้ามาภายในเรือนของตนเอง นางรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปรกติภายในห้องจึงสั่งให้สาวใช้ออกไปพักผ่อนด้านนอกไม่ให้เข้ามารบกวนนาง
“อ้ายฉิงเจ้าออกไปพักผ่อนเถอะไม่ต้องมาเฝ้าข้า พวกสาวใช้ด้านนอกด้วยข้าต้องการอยู่คนเดียว” นางสั่งให้สาวใช้ออกไปข้างนอกให้หมด พอสาวใช้ออกไปหมดแล้วนางก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ท่านออกมาเถอะ” พอได้ยินเช่นนั้นซุนเฉิงก็เดินออกมาจากความมืด
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ในห้อง” เขาเอ่ยถามออกมา
“ก็ท่านมาค้นห้องของข้าทำไม่เล่า” นางเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“เจ้ามาช้าข้าเลยหาอย่างอื่นทำ” เขาตอบอย่างลอยหน้าลอยตาไม่สนใจความไม่พอใจของนาง
“ด้วยการค้นห้องข้านี่นะ” นางถามขึ้นมาด้วยความโมโห
“ใช่” เขาตอบอย่างไม่ทุกร้อนแล้วเดินไปนั่งลงบนเตียงของหลี่เพ่ยเพ่ย หลี่เพ่ยเพ่ยทำได้เพียงมองเขานั่งบนที่นอนของนางอย่างพูดไม่ออก
“ท่านรู้จักความแตกต่างของบุรุษและสตรีหรือไม่” นางสงบสติอารมณ์ได้แล้วก็เอ่ยถามเขาอย่างใจเย็น
“ข้าไม่สนเรื่องพวกนั้นหรอก หรือเจ้าถือจะแต่งให้ข้าดีหรือไม่” เขาพูดขึ้นพลางทำหน้าหยอกเย้าหลี่เพ่ยเพ่ย หลี่เพ่ยเพ่ยพอได้ยินเช่นนั้นก็เกิดอาการใจสั่นขึ้นมา ‘นี่ข้าเป็นอะไรไปเขาก็เพียงแค่พูดเล่นเพียงเท่านั้น’ นางบอกกับตัวเองภายในใจพร้อมกับหัวใจที่เริ่มสงบลง
“ข้าไม่แต่งกับท่านหรอก ถ้าแต่งกับท่านข้าคงตายเพราะท่านเป็นแน่” นางบอกกับเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า เรามาพนันกันหรือไม่” เขาชวนนาง
“พนันอะไร” นางถามอย่างสงสัย
“ข้าสามารถทำให้เจ้าแต่งกับข้าได้” เขาบอกนางออกไป
“ฮ่าฮ่า ข้าไม่มีวันรักคนอย่างท่านหรอก” นางเอ่ยอย่างมั่นใจ
“แสดงว่าเจ้าตกลง” เขาหยั่งเชิงนาง นางคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยปากรับคำ
“ได้ ถ้าข้าชนะจะได้อะไร” นางถามถึงสิ่งที่นางจะได้เมื่อนางชนะ
“ตามแต่ที่เจ้าต้องการ แต่เจ้าจะไม่มีทางที่จะชนะข้าได้หรอก” เขาและนางต่างจองตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“แล้วท่านลอบเข้ามาหาข้ามีอะไรเช่นนั้นหรือ คงไม่ใช่มาเพียงเรื่องเพียงแค่นี้หรอกใช่หรือไม่” นางถามถึงจุดประสงค์ที่เขามา
“เจ้าช่างเป็นคนที่รู้ใจข้าที่สุด” เขาพูดขึ้นมาพร้อมกับสายตาที่มีเลศนัย
“หึ เรามาเข้าเรื่องสักทีเถอะ” นางพูดขึ้นอย่างตัดรำคาญ
“ข้าสืบทราบมาว่าอ๋องสามลักลอบคบหากับคุณหนูฉีอย่างลับ ๆ ” เขาบอกนางถึงเรื่องที่ให้ลูกน้องไปสืบมาว่าหยวนฟางหรงคบได้หากับคุณหนูจวนใดหรือไม่ พอหลี่เพ่ยเพ่ยได้ยินก็แสร้งเคาะนิ้วอย่างใช้ความคิด
“คุณหนูฉี ฉีหลิงหลงบุตรสาวคนโตของจวนรองเสนาบดีใช่หรือไม่” นางเอ่ยถามเขาออกไป
“ใช่ เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” เขาถามนางออกไปแล้วรอดูว่านางจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร เขาอยากจะรู้ว่าพยัคฆ์ตนนี้จะออกลูกออกมาเป็นตัวอะไร
“ปล่อยให้พวกเขาได้รักกันไปก่อนเถอะ ให้พวกเขาได้รักกันอย่างหวานชื่นก่อนที่พวกเขาจะไม่ได้มีโอกาสพวกนั้นอีกต่อไป” นางตอบเขาแล้วเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ตามใจเจ้า” เขาตอบตกลงพร้อมมองสีหน้าของนางที่แสดงความโศกเศร้าและเคียดแค้นออกมา ‘นางไปมีเรื่องกับอ๋องสามตั้งแต่เมื่อไหร่’ เขาได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ
“ข้าอยากให้ฉีหลิงหลงสมหวังในสิ่งที่นางต้องการ” นางบอกความต้องการออกไป
“เจ้าหมายถึงให้พวกเขาแต่งงานกันหรือ” เขาเอ่ยถึงความต้องการของนางออกมา
“แต่งงานหรือ หึ มันยังไม่ถึงเวลาของพวกเขาหรอก” นางบอกพร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นให้เขา
“เช่นนั้นให้พวกเขา เอ่ออ” เขาไม่กล้าพูดออกไป แม้เขาจะเป็นบุรุษแต่ก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสตรี
" ใช่ ข้าต้องการให้พวกเขาสมหวัง ท่านช่วยข้าได้หรือไม่ " นางถามเขาว่าสามารถจัดการได้หรือไม่เรื่องเพียงแค่นี้คงไม่เกินมือของหอแสงจันทร์หรอกกระมัง
" ข้าสามารถจัดการให้เจ้าได้อย่างแน่นอน ข้ามองคนได้ไม่ผิดจริง ๆ พยัคฆ์จะออกลูกเป็นสุนัขได้เช่นไร ช่างเหมาะสมที่สุดที่จะมาเป็นภรรยาข้า " เขาชมนางออกมาแล้วพร้อมกับเอ่ยหยอกเย้านางไปด้วย เขาอยากจะรู้ว่านางจะมีความสามารถมากเพียงใด
" หึ ใครจะไปเป็นภรรยาท่านกัน อีกอย่างข้าอยากได้สาวงามสักคน " นางใช้ให้เขาหาคนให้นางสักคน นางต้องการหญิงงามมาเก็บไว้เพื่อใช้งานในวันข้างหน้า
" เจ้าจะเอาหญิงงามไปทำไมกัน " เขาเอ่ยถามอย่างแปลกใจในความต้องการของหญิงสาว
" บุรุษย่อมชมชอบสาวงามมิใช่หรือ " นางให้ความกระจ่างแก่เขา
" เจ้าจะส่งให้อ๋องสามหรือ " แผนสาวงามมักจะใช้กับบุรุษมากรักได้อย่างง่ายดายนัก
" ท่านช่างแสนรู้เสียจริง " นางยกยิ้มให้กับเขา
" หึ ข้าไม่ใช่สัตว์เลี้ยงนะ แล้วเจ้าต้องการเมื่อไหร่ " เขาแสร้งทำเสียงโมโหใส่นาง ก่อนจะพูดคุยเรื่องงานต่อ
" ข้าต้องการให้นางเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของหอคณิกา อันเหมย " เมื่อนางบอกความออกไปก็ได้เห็นสีหน้าที่ตกตะลึงของเขา
" เรื่องนี้เจ้าก็รู้หรือ " เขามองนางอย่างตะลึง ๆ นางรู้ได้อย่างไรกันเขาอุตส่าห์ให้คนอื่นออกหน้าแล้วแท้ ๆ
" รู้อะไรหรือ " นางมองเขางง ๆ กับท่าทางที่เขาแสดงออกมา
" ก็เรื่องของหออันเหมย " เขาพึมพำออกไป
" อย่าบอกนะว่าท่านก็เป็นเจ้าของหออันเหมย " เขาแสดงสีหน้าตกใจออกมาอีกครั้ง
" เจ้าไม่รู้ " เขาถามนางเพื่อความแน่ใจ
" ตอนนี้ข้ารู้แล้ว " นางตอบเขาแล้วยกยิ้มขึ้นให้กับเขาอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า
" นี่ข้าพลาดไปหรือ " เขาถามอย่างปลง ๆ ทำไมเขาถึงได้พลาดเรื่องไม่เป็นเรื่องบอกออกมาให้นางได้รับรู้มากมายเช่นนี้
" ก็คงเป็นเช่นนั้น ตอนแรกข้าเพียงแค่จะให้ท่านส่งคนเข้าไปให้ข้าดูเหมือนว่าเส้นทางการเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งคงไม่ยากเสียแล้ว " นางยกยิ้มให้เขา
" ข้าคิดว่าเจ้าจะรู้ไปทุกเรื่องเสียอีก "
" หึ ท่านมีอะไรอีกหรือไม่ ข้าจะอาบน้ำหรือท่านจะอาบน้ำพร้อมกับข้า " นางเอ่ยแล้วเดินเข้าไปหาซุนเฉิงพร้อมกับทำท่าทางเหมือนจะถอดชุดออกและยกยิ้มอย่างยั่วยวนให้เขา ซุนเฉิงมองหลี่เพ่ยเพ่ยอย่างตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่านางจะกล้าทำเช่นนี้ พอเขาได้สติก็หันหลังแล้วรีบกลับออกจากห้องด้วยหัวใจที่เต้นแรง หลังจากซุนเฉิงออกไปจากห้องแล้วหลี่เพ่ยเพ่ยก็หัวเราะกับท่าทางของซุนเฉิง ' เขาช่างใสซื่อเรื่องผู้หญิงเสียจริง ' นางได้แต่คิดในใจ แล้วเรียกอ้ายฉิงเขามาช่วยปรนนิบัติแล้วเข้านอน
*********
ทางด้านซุนเฉิงเมื่อมาถึงเรือนของตนเองแล้วหัวใจที่สั่นไหวอย่างรุนแรงก็ไม่มีมีท่าจะหยุดลง ' นี้ข้าแพ้เรื่องแบบนี้ให้แก่สตรีในห้องหอเช่นนั้นหรือ ' เขาได้แต่คิดอย่างเจ็บแค้นภายในใจ
" ข้าจะเอาคืนเจ้าให้ได้หลี่เพ่ยเพ่ย " เขาได้สัญญากับตนเอง
หลังจากสงบใจได้แล้วซุนเฉิงก็เรียกมู่หนิงมาสั่งงาน
" เจ้าเข้าใจที่ข้าสั่งหรือไม่ " เขาถามมู่หนิงหลังจากอธิบายงานที่มอบหมายให้มู่หนิงไปทำ
" เข้าใจแล้วขอรับ " เขาตอบ
" อืม เช่นนั้นเจ้าออกไปเถอะ " แล้วมู่หนิงก็เดินออกไปพร้อมกับความเงียบที่เข้ามาแทนที่
" ข้าจะทำอย่างไรกับเจ้าดีหลี่เพ่ยเพ่ย " เขาคิดถึงสิ่งที่นางทำหัวใจก็พลันเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง เขาจึงได้สลัดความคิดเหล่านั้นออกไปแล้วก็พาตัวเองเข้านอน
ทางด้านหยวนฟางหรงพอมีเวลาก็แวะมาหาหลี่เพ่ยเพ่ยอยู่บ่อย ๆ จนทั้งสองมีความสนิทสนมกันมากขึ้น วันนี้เขาก็เดินทางมาหาหลี่เพ่ยเพ่ยที่จวนเช่นเคย
" คารวะท่านอ๋องเพคะ " นางเอ่ยพร้อมกับทำความเคารพด้วยท่าทีอ่อนหวานแต่แฝงไปด้วยความเย้ายวนแห่งสตรี
" ตามสบายเถอะเพ่ยเอ๋อร์ " เขาพูดแล้วลุกขึ้นไปพยุงนางลงมานั่งที่ตั่งข้าง ๆ เขา
" ขอบพระทัยเพคะ " หลี่เพ่ยเพ่ยเอ่ยขอบคุณพลางส่งยิ้มแสนหวานไปให้เขา หลี่เพ่ยเพ่ยยื่นมือไปรินน้ำชาให้แล้วยกขึ้นมายื่นให้หยวนฟางหรงที่มองกิริยาของนางด้วยแววตาและรอยยิ้มที่แสนพึงใจ
' ข้าช่างโชคดีเสียจริงที่จะได้นางมาเป็นชายาเอก ทั้งงดงามชาติตระกูลของนางก็ยังช่วยส่งเสริมเขาได้อีก ' เขาได้แต่คิดในใจ เขายื่นมือไปรับถ้วยชาที่นางยื่นให้พร้อมกับกุมมือนางไว้
" ข้าช่างโชคดีเสียจริงที่เพ่ยเอ๋อร์ค่อยดูแลเอาใจใส่ข้าถึงเพียงนี้ " เขายกถ้วยชาขึ้นดื่มพร้อมกับมองดวงหน้าของนางที่ขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ ทางด้านหลี่เพ่ยเพ่ยเห็นเขาทำเช่นนั้นก็ก้มหน้าแสร้งทำเป็นเขินอายต่อเขา ยิ่งเขาเห็นนางมีกิริยาแบบนี้ยิ่งทำให้เขาพอใจ แล้วนางก็ดึงมือออกจากการเกาะกุมของเขาอย่างช้า ๆ
" ท่านอ๋องลองชิมขนมนี่สิเพคะ เพ่ยเอ๋อร์ลงมือทำเพื่อรอต้อนรับท่านอ๋องเลยนะเพคะ " แล้วนางก็คีบขนมจะไปวางที่จานเพื่อให้เขาได้ทานขนม แต่เขากับจับมือนางแล้วส่งขนมเข้าปาก
" อร่อยมากยิ่งได้กินจากมือของเพ่ยเอ๋อร์ยิ่งทำให้อร่อยยิ่งขึ้นไปอีก " ยิ่งเขาได้เห็นกิริยาของนางยิ่งทำให้เขาพูดหยอกเย้านางจนเขินอายขึ้นอีกเท่าตัว
" ขอพระทัยท่านอ๋องเพคะ " นางยกยิ้มที่งดงามเปล่งประกายให้เขา ทั้งคู่นั่งคุยกันจนใกล้ค่ำหยวนฟางหรงก็ขอตัวกลับเพื่อไปทำธุระต่อ
" ข้าคงต้องกลับก่อนนี่ก็จะมืดแล้วมันคงไม่เหมาะสมนักที่ข้าจะอยู่ต่อ " เขาเอ่ยลานาง
" เพคะ เดี๋ยวเพ่ยเอ๋อร์เดินไปส่งที่หน้าจวนนะเพคะ " แล้วทั้งสองก็เดินเคียงคู่กันไปถึงหน้าจวน
" ถ้าข้ามีเวลาว่างข้าจะมาหาเพ่ยเอ๋อร์อีกนะ " เขาบอกกับนาง
" เพคะ เพ่ยเอ๋อร์ขอตัวเข้าจวนนะเพคะ " นางพูดลาหยวนฟางหรงแล้วเดินกลับมาในจวน
ทางด้านหยวนฟางหรงเมื่อเห็นนางเดินเข้าไปในจวนก็ขึ้นรถม้าเพื่อไปยังโรงเตี๊ยม ' แผนของข้าใกล้จะสำเร็จแล้วได้กำลังสนับสนุนจากจวนสกุลหลี่และยังได้ใจของหลี่เพ่ยเพ่ยมาอีกต่อไปจะทำการอันใดก็คงจะง่ายยิ่งขึ้น ' เขาคิดว่าเมื่อหลี่เพ่ยเพ่ยรักเขาแล้วเขาจะขอให้นางช่วยอะไรนางก็คงจะช่วยอย่างสุดความสามารถและเอ่ยปากกับบิดาของนางแทนเขา แม่ทัพใหญ่หลี่รักบุตรสาวมากใคร ๆ ต่างก็รู้เมื่อหลี่เพ่ยเพ่ยเอ่ยปากจะไม่ช่วยได้อย่างไร
เมื่อหยวนฟางหรงกลับไปแล้วก็มีข่าวแพร่ออกไปว่าอีกไม่นานคงจะมีข่าวดีของจวนสกุลหลี่เป็นแน่เพราะหยวนฟางหรงขยันมาเยือนจวนสกุลหลี่อยู่บ่อยครั้งไม่แคล้วคงต้องมีข่าวดีเป็นแน่ เมื่อฉีหลิงหลงได้ยินข่าวก็เดือดเนื้อร้อนใจท่านอ๋องไม่ได้มาหานางนานแล้วหรือเขาจะหลงเสน่ห์แม่จิ้งจอกนั้นเข้าแล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ให้สาวใช้ไปติดตามหยวนฟางหรง เมื่อนางรู้ว่าเขาอยู่ที่ใดก็ได้ลอบออกจากจวนเพื่อที่จะได้ไปหาเขา
เมื่อหลี่เพ่ยเพ่ยเดินมาถึงเรือนของตัวเองก็เดินเข้ามาภายในห้องของตัวเอง
" ช่างหวานกันเสียจริงนะ " เมื่อนางเดินเข้ามาในห้องก็ได้ยินเสียงของคนผู้หนึ่ง ซุนเฉิง
" นี่มันเกินไปหรือไม่ถึงขนาดลอบเข้ามาภายในห้องของสตรีเลยหรือ " นาเอยถามเขาออกไปด้วยความเรียบนิ่ง
" นี่มันห้องของเจ้า อย่างไรเราก็ต้องแต่งกันอยู่แล้วจะกลัวไปไย " เขาเอ่ยขึ้นอย่างสบายอารมณ์
" ใครจะแต่งกับท่านกัน " นางเอ่ยตอบเขา
" เจ้าจะแต่งกับอ๋องสามหรือเห็นช่างหวานกันเหลือเกิน " เขาพูดขึ้นอย่างฉุนเฉียว พอคิดถึงเรื่องนั้นก็ทำให้เขาโมโหขึ้นมา เขาแอบมองทั้งสองคนอยู่นานแทบอยากจะเข้าไปกระชากพวกเขาให้แยกออกจากกัน
" มันก็เป็นเพียงแค่งิ้วฉากเดียว แล้วท่านมาหาข้ามีอะไรหรือไม่ " นางเอ่ยถามเขาออกไป
" ข้าแค่จะมาบอกว่างิ้วเจ้าที่ได้เขียนไว้กำลังจะเริ่มแสดงขึ้นแล้ว เจ้าต้องการจะไปชมหรือไม่ " เขาถามนางออกไปพร้อมลืมเรื่องที่คุยเล่นกันแล้วเปลี่ยนมาเป็นจริงจังขึ้น
" ให้พวกเขาเสพสุขกันไปเถอะข้าไม่อยากไปเป็นพยานรักให้กับพวกเขา " นางเอ่ยตอบพร้อมกับเดินไปนั่งลงที่ตั่ง
" เจ้ากลัวทนไม่ได้เช่นนั้นหรือ " เขาถามออกไปอย่างต้องการเห็นท่าทีของนางที่มีต่อเรื่องนี้
" ข้าจะทนไม่ไหวเรื่องอะไรกัน " นางเอ่ยตอบเขาไป
" ก็กลัวจะทนไม่ไหวที่รู้ว่าเขาสองคนทำอะไรกันนะสิ เจ้าหลงเสน่ห์ของเขาแล้วใช่หรือไม่ " เขาเอ่ยอย่างแง่งอนออกมา พร้อมกับสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง
" ข้าไม่มีทางตกลงไปในหลุมที่ข้าเป็นคนขุดไว้เองหรอก " นางบอกออกไปพร้อมกับมองท่าทางแง่งอนของเขา
" ข้าจะยอมเชื่อเจ้าสักครา " เขาพูดออกมาไม่แม้จะยอมหันมามองหน้านาง
" เจ้าหมดธุระแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็ออกไปจากเรือนของข้าได้แล้ว " นางบอกให้เขารีบออกไปจากเรือนของนาง
" เจ้าไล่ข้าเช่นนั้นหรือ " เขาพูดขึ้นพร้อมกับหันหน้าไปมองหน้าของนาง ใบหน้าขาวนวลที่พยายามกลั้นยิ้มนั้นกำลังมองหน้าของเขาอยู่เขาจึงเข้าใจในทันที
" เจ้าแกล้งข้าเช่นนั้นหรือ " เขาตะโกนออกมาอย่างเสียกิริยา
" ดูท่าทางที่ท่านทำซิช่างขัดกับตำแหน่งนายท่านแห่งหอแสงจันทร์ที่ลึกลับเสียจริง " นางพูดแล้วยกยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาให้เขา
" ข้าเป็นเช่นนี้แค่กับเจ้าเท่านั้นไม่ดีหรือ " เขาพูดพร้อมกับสาวเท้าเข้าไปใกล้ตั่งที่นางนั่งอยู่ เขาพยุงตัวนางให้ลุกขึ้นพร้อมกับจ้องมองหน้านางด้วยแววตาที่หวานซึ้ง เขาและนางต่างจ้องตากันซุนเฉิงเผยความรู้สึกผ่านแววตาออกมาอย่างมากล้น ความรู้สึกของเขาเกินขึ้นตั้งแต่ตอนไหมไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่าตั้งแต่ที่เขาเจอนางในครั้งแรกก็ให้คนตามติดนางและคอยรายงานเขาตลอด จนเขาได้มาคุยกับนางอย่างจริงจังและทำให้เขารู้สึกว่านางไม่เหมือนกับสตรีคนใด เขาเกิดความรู้สึกที่พิเศษกับนางเขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใคร เขาจึงมั่นใจว่านางนี่แหละที่จะเป็นภรรยาของเขา แม้นางจะไม่ต้องการเขาก็จะทำให้นางมาเป็นของเขาให้ได้
หลี่เพ่ยเพ่ยสบตาของซุนเฉิงอย่างต้องการหาคำตอบนางจองเข้าไปในแววตาของเขา นางมองเห็นแววตาที่จริงใจของเขา มันทั้งให้ความอบอุ่นและปลอดภัยอย่างที่นางไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ในชาติก่อนนั้นแม้หยวนฟางหรงจะดูแลเขาอย่างดีแต่นางไม่เคยได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ปลอดภัยและอบอุ่นที่ออกมาจากใจจริงเช่นนี้เลย นางเคยคิดว่าเขารักนางจากใจจริงแต่พอมาเจอสายตาเช่นเดียวกันจากซุนเฉิงแล้วมันกลับต่างกันอย่างมากมาย ทำให้นางรู้ว่าในชาติก่อนนั้นนางอ่อนต่อโลกมากเกินไปจริง ๆ แต่นางยังไม่กล้าไม่กล้าเปิดใจให้ใครในตอนนี้ แต่กับเขานางกับรู้สึกสบายใจและปลอดภัยในเวลาเดียวกันแม้จะเจอกันเป็นเวลาเพียงสั้น ๆ หรือว่านางจะลองเชื่อใจเขาดูสักครั้ง ต่างคนต่างอยู่ในความคิดของตัวเองก่อนที่หลี่เพ่ยเพ่ยจะเอ่ยขึ้น
" ข้าสามารถเชื่อใจท่านได้หรือไม่ " นางเอ่ยขึ้นพร้อมกับแสดงแววตาเศร้าปนหวาดกลัวออกมา เขาจ้องมองนางด้วยแววตาที่แสดงถึงแววตาจริงใจ
" เจ้าสามารถเชื่อใจข้าได้ ข้าสัญญา " เขาเอ่ยพร้อมกับดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
" ข้าจะลองเชื่อใจท่านดูสักครั้ง " นางตอบพร้อมกับกอดตอบเขา ทั้งคู่กอดจนอยู่นานแล้วผละออกจากกัน แล้วนั่งลงบนตั่งหลี่เพ่ยเพ่ยจึงถามเขาขึ้น
" ท่านเป็นใครกันแน่ " นางจะสามารถเชื่อคนที่ไม่รู้จักแม้แต่ตัวตนที่แท้จริงของเขาได้หรือ
" อีกไม่นานเจ้าก็จะรู้เอง " เขาได้ยินนางถามขึ้นก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้นางแล้วตอบกลับไปว่า
" เพียงแค่ชื่อที่แท้จริงท่านยังบอกข้าไม่ได้จะให้ข้าเชื่อใจท่านได้อย่างไร " นางเอ่ยแล้วดิ้นออกจากอ้อมกอดของเขา
" ข้าเพียงอยากให้เจ้าแปลกใจเท่านั้น อีกไม่นานเจ้าก็จะได้รู้ " เขาตอบนางและกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
" ข้าจะรอจนถึงวันนั้น " นางเอ่ยแล้วซบลงที่อกของซุนเฉิง
" เจ้าจะเรียกข้าเช่นนี้จริงหรือ ทีกับคนอื่นเจ้ากลับแทนตัวเองว่าเพ่ยเอ๋อร์มันช่างไม่ยุติธรรมกับข้าเสียจริง " เขาพูดออกไป
" ได้ตามใจท่าน เพ่ยเอ๋อร์ตามใจซุนเฉิง " นางเอ่ยอย่างเอาใจเขา
" ข้าไม่ต้องการเหมือนกับผู้อื่น ข้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวเพ่ยและเจ้าก็ต้องแทนตัวว่าเสี่ยวเพ่ยเช่นกัน " แล้วทั้งคู่ก็นั่งคุยกันจนอ้ายฉิงเดินมาตามเจ้านายของนางไปทานอาหารเย็น
ก๊อก ก๊อก
" คุณหนูได้เวลาอาหารแล้วเจ้าค่ะ " นางเอ่ยเรียกผู้เป็นนายออกไปทานอาหารที่โถงกลาง
เมื่อทั้งสองได้ยินก็ผละออกจากกัน
" ท่านกลับไปก่อนเถอะ ข้าจะไปทานอาหาร " นางบอกกับเขา
" เสี่ยวเพ่ย เจ้าต้องแทนตัวว่าเสี่ยวเพ่ย " เขาย้ำกับนาง
" เสี่ยวเพ่ยจะไปทานอาหาร ท่านกลับไปก่อนเถอะ " นางเอ่ยเสียงหวานพร้อมกับยกยิ้มอย่างอ่อนหวานให้เขา
" วันหลังข้าจะมาใหม่ " เขาเอ่ยแล้วรีบหลบออกไปพร้อมกับใจที่สั่นรัว ทางด้านหลี่เพ่ยเพ่ยกับใจสั่นไม่แพ้กับซุนเฉิงพร้อมกับใบหน้าที่สีแดงระเรื่อ นางเดินออกไปหาเฉาฉี่แล้วพากันเดินออกไปที่โถงกลางบ้านเพื่อทานอาหาร
**********
ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ????????????????
“เพ่ยเอ๋อร์ ลูกคิดเช่นไรกับท่านอ๋อง” มารดาเอ่ยถามขึ้นหลังจากเหลือกันเพียงสองคน
“ลูกไม่ได้คิดอะไรเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่สบายใจได้” นางตอบแล้วยิ้มให้มารดา มารดาของนางนั้นเป็นเพียงบุตรสาวของคหบดีจึงไม่รู้ถึงเรื่องราวของคนในราชสำนัก ดูเหมือนว่าท่านพอน่าจะเล่าถึงความไม่ชอบมาพากลนี้ให้ท่านแม่ได้ฟังแล้ว
“เพ่ยเอ๋อร์อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับท่านอ๋องได้หรือไม่” นางถามออกเพราะไม่อยากให้บุตรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของราชสำนักมากนัก
“ท่านแม่เชื่อใจลูกนะเจ้าค่ะ” นางเอ่ยเพียงเท่านั้นเพื่อให้มารดามั่นใจ แล้วนางชวนมารดาคุยเรื่องของชุดที่จะต้องใส่ไปยังงานฉลองที่จะถึงนี้เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการพูดคุยถึงเรื่องของหยวนฟางหรง
พอคุยกับมารดาเสร็จหลี่เพ่ยเพ่ยก็เดินกลับเข้ามาภายในเรือนของตนเอง นางรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปรกติภายในห้องจึงสั่งให้สาวใช้ออกไปพักผ่อนด้านนอกไม่ให้เข้ามารบกวนนาง
“อ้ายฉิงเจ้าออกไปพักผ่อนเถอะไม่ต้องมาเฝ้าข้า พวกสาวใช้ด้านนอกด้วยข้าต้องการอยู่คนเดียว” นางสั่งให้สาวใช้ออกไปข้างนอกให้หมด พอสาวใช้ออกไปหมดแล้วนางก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ท่านออกมาเถอะ” พอได้ยินเช่นนั้นซุนเฉิงก็เดินออกมาจากความมืด
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ในห้อง” เขาเอ่ยถามออกมา
“ก็ท่านมาค้นห้องของข้าทำไม่เล่า” นางเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“เจ้ามาช้าข้าเลยหาอย่างอื่นทำ” เขาตอบอย่างลอยหน้าลอยตาไม่สนใจความไม่พอใจของนาง
“ด้วยการค้นห้องข้านี่นะ” นางถามขึ้นมาด้วยความโมโห
“ใช่” เขาตอบอย่างไม่ทุกร้อนแล้วเดินไปนั่งลงบนเตียงของหลี่เพ่ยเพ่ย หลี่เพ่ยเพ่ยทำได้เพียงมองเขานั่งบนที่นอนของนางอย่างพูดไม่ออก
“ท่านรู้จักความแตกต่างของบุรุษและสตรีหรือไม่” นางสงบสติอารมณ์ได้แล้วก็เอ่ยถามเขาอย่างใจเย็น
“ข้าไม่สนเรื่องพวกนั้นหรอก หรือเจ้าถือจะแต่งให้ข้าดีหรือไม่” เขาพูดขึ้นพลางทำหน้าหยอกเย้าหลี่เพ่ยเพ่ย หลี่เพ่ยเพ่ยพอได้ยินเช่นนั้นก็เกิดอาการใจสั่นขึ้นมา ‘นี่ข้าเป็นอะไรไปเขาก็เพียงแค่พูดเล่นเพียงเท่านั้น’ นางบอกกับตัวเองภายในใจพร้อมกับหัวใจที่เริ่มสงบลง
“ข้าไม่แต่งกับท่านหรอก ถ้าแต่งกับท่านข้าคงตายเพราะท่านเป็นแน่” นางบอกกับเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า เรามาพนันกันหรือไม่” เขาชวนนาง
“พนันอะไร” นางถามอย่างสงสัย
“ข้าสามารถทำให้เจ้าแต่งกับข้าได้” เขาบอกนางออกไป
“ฮ่าฮ่า ข้าไม่มีวันรักคนอย่างท่านหรอก” นางเอ่ยอย่างมั่นใจ
“แสดงว่าเจ้าตกลง” เขาหยั่งเชิงนาง นางคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยปากรับคำ
“ได้ ถ้าข้าชนะจะได้อะไร” นางถามถึงสิ่งที่นางจะได้เมื่อนางชนะ
“ตามแต่ที่เจ้าต้องการ แต่เจ้าจะไม่มีทางที่จะชนะข้าได้หรอก” เขาและนางต่างจองตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“แล้วท่านลอบเข้ามาหาข้ามีอะไรเช่นนั้นหรือ คงไม่ใช่มาเพียงเรื่องเพียงแค่นี้หรอกใช่หรือไม่” นางถามถึงจุดประสงค์ที่เขามา
“เจ้าช่างเป็นคนที่รู้ใจข้าที่สุด” เขาพูดขึ้นมาพร้อมกับสายตาที่มีเลศนัย
“หึ เรามาเข้าเรื่องสักทีเถอะ” นางพูดขึ้นอย่างตัดรำคาญ
“ข้าสืบทราบมาว่าอ๋องสามลักลอบคบหากับคุณหนูฉีอย่างลับ ๆ ” เขาบอกนางถึงเรื่องที่ให้ลูกน้องไปสืบมาว่าหยวนฟางหรงคบได้หากับคุณหนูจวนใดหรือไม่ พอหลี่เพ่ยเพ่ยได้ยินก็แสร้งเคาะนิ้วอย่างใช้ความคิด
“คุณหนูฉี ฉีหลิงหลงบุตรสาวคนโตของจวนรองเสนาบดีใช่หรือไม่” นางเอ่ยถามเขาออกไป
“ใช่ เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” เขาถามนางออกไปแล้วรอดูว่านางจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร เขาอยากจะรู้ว่าพยัคฆ์ตนนี้จะออกลูกออกมาเป็นตัวอะไร
“ปล่อยให้พวกเขาได้รักกันไปก่อนเถอะ ให้พวกเขาได้รักกันอย่างหวานชื่นก่อนที่พวกเขาจะไม่ได้มีโอกาสพวกนั้นอีกต่อไป” นางตอบเขาแล้วเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ตามใจเจ้า” เขาตอบตกลงพร้อมมองสีหน้าของนางที่แสดงความโศกเศร้าและเคียดแค้นออกมา ‘นางไปมีเรื่องกับอ๋องสามตั้งแต่เมื่อไหร่’ เขาได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ
“ข้าอยากให้ฉีหลิงหลงสมหวังในสิ่งที่นางต้องการ” นางบอกความต้องการออกไป
“เจ้าหมายถึงให้พวกเขาแต่งงานกันหรือ” เขาเอ่ยถึงความต้องการของนางออกมา
“แต่งงานหรือ หึ มันยังไม่ถึงเวลาของพวกเขาหรอก” นางบอกพร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นให้เขา
“เช่นนั้นให้พวกเขา เอ่ออ” เขาไม่กล้าพูดออกไป แม้เขาจะเป็นบุรุษแต่ก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสตรี
" ใช่ ข้าต้องการให้พวกเขาสมหวัง ท่านช่วยข้าได้หรือไม่ " นางถามเขาว่าสามารถจัดการได้หรือไม่เรื่องเพียงแค่นี้คงไม่เกินมือของหอแสงจันทร์หรอกกระมัง
" ข้าสามารถจัดการให้เจ้าได้อย่างแน่นอน ข้ามองคนได้ไม่ผิดจริง ๆ พยัคฆ์จะออกลูกเป็นสุนัขได้เช่นไร ช่างเหมาะสมที่สุดที่จะมาเป็นภรรยาข้า " เขาชมนางออกมาแล้วพร้อมกับเอ่ยหยอกเย้านางไปด้วย เขาอยากจะรู้ว่านางจะมีความสามารถมากเพียงใด
" หึ ใครจะไปเป็นภรรยาท่านกัน อีกอย่างข้าอยากได้สาวงามสักคน " นางใช้ให้เขาหาคนให้นางสักคน นางต้องการหญิงงามมาเก็บไว้เพื่อใช้งานในวันข้างหน้า
" เจ้าจะเอาหญิงงามไปทำไมกัน " เขาเอ่ยถามอย่างแปลกใจในความต้องการของหญิงสาว
" บุรุษย่อมชมชอบสาวงามมิใช่หรือ " นางให้ความกระจ่างแก่เขา
" เจ้าจะส่งให้อ๋องสามหรือ " แผนสาวงามมักจะใช้กับบุรุษมากรักได้อย่างง่ายดายนัก
" ท่านช่างแสนรู้เสียจริง " นางยกยิ้มให้กับเขา
" หึ ข้าไม่ใช่สัตว์เลี้ยงนะ แล้วเจ้าต้องการเมื่อไหร่ " เขาแสร้งทำเสียงโมโหใส่นาง ก่อนจะพูดคุยเรื่องงานต่อ
" ข้าต้องการให้นางเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของหอคณิกา อันเหมย " เมื่อนางบอกความออกไปก็ได้เห็นสีหน้าที่ตกตะลึงของเขา
" เรื่องนี้เจ้าก็รู้หรือ " เขามองนางอย่างตะลึง ๆ นางรู้ได้อย่างไรกันเขาอุตส่าห์ให้คนอื่นออกหน้าแล้วแท้ ๆ
" รู้อะไรหรือ " นางมองเขางง ๆ กับท่าทางที่เขาแสดงออกมา
" ก็เรื่องของหออันเหมย " เขาพึมพำออกไป
" อย่าบอกนะว่าท่านก็เป็นเจ้าของหออันเหมย " เขาแสดงสีหน้าตกใจออกมาอีกครั้ง
" เจ้าไม่รู้ " เขาถามนางเพื่อความแน่ใจ
" ตอนนี้ข้ารู้แล้ว " นางตอบเขาแล้วยกยิ้มขึ้นให้กับเขาอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า
" นี่ข้าพลาดไปหรือ " เขาถามอย่างปลง ๆ ทำไมเขาถึงได้พลาดเรื่องไม่เป็นเรื่องบอกออกมาให้นางได้รับรู้มากมายเช่นนี้
" ก็คงเป็นเช่นนั้น ตอนแรกข้าเพียงแค่จะให้ท่านส่งคนเข้าไปให้ข้าดูเหมือนว่าเส้นทางการเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งคงไม่ยากเสียแล้ว " นางยกยิ้มให้เขา
" ข้าคิดว่าเจ้าจะรู้ไปทุกเรื่องเสียอีก "
" หึ ท่านมีอะไรอีกหรือไม่ ข้าจะอาบน้ำหรือท่านจะอาบน้ำพร้อมกับข้า " นางเอ่ยแล้วเดินเข้าไปหาซุนเฉิงพร้อมกับทำท่าทางเหมือนจะถอดชุดออกและยกยิ้มอย่างยั่วยวนให้เขา ซุนเฉิงมองหลี่เพ่ยเพ่ยอย่างตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่านางจะกล้าทำเช่นนี้ พอเขาได้สติก็หันหลังแล้วรีบกลับออกจากห้องด้วยหัวใจที่เต้นแรง หลังจากซุนเฉิงออกไปจากห้องแล้วหลี่เพ่ยเพ่ยก็หัวเราะกับท่าทางของซุนเฉิง ' เขาช่างใสซื่อเรื่องผู้หญิงเสียจริง ' นางได้แต่คิดในใจ แล้วเรียกอ้ายฉิงเขามาช่วยปรนนิบัติแล้วเข้านอน
*********
ทางด้านซุนเฉิงเมื่อมาถึงเรือนของตนเองแล้วหัวใจที่สั่นไหวอย่างรุนแรงก็ไม่มีมีท่าจะหยุดลง ' นี้ข้าแพ้เรื่องแบบนี้ให้แก่สตรีในห้องหอเช่นนั้นหรือ ' เขาได้แต่คิดอย่างเจ็บแค้นภายในใจ
" ข้าจะเอาคืนเจ้าให้ได้หลี่เพ่ยเพ่ย " เขาได้สัญญากับตนเอง
หลังจากสงบใจได้แล้วซุนเฉิงก็เรียกมู่หนิงมาสั่งงาน
" เจ้าเข้าใจที่ข้าสั่งหรือไม่ " เขาถามมู่หนิงหลังจากอธิบายงานที่มอบหมายให้มู่หนิงไปทำ
" เข้าใจแล้วขอรับ " เขาตอบ
" อืม เช่นนั้นเจ้าออกไปเถอะ " แล้วมู่หนิงก็เดินออกไปพร้อมกับความเงียบที่เข้ามาแทนที่
" ข้าจะทำอย่างไรกับเจ้าดีหลี่เพ่ยเพ่ย " เขาคิดถึงสิ่งที่นางทำหัวใจก็พลันเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง เขาจึงได้สลัดความคิดเหล่านั้นออกไปแล้วก็พาตัวเองเข้านอน
ทางด้านหยวนฟางหรงพอมีเวลาก็แวะมาหาหลี่เพ่ยเพ่ยอยู่บ่อย ๆ จนทั้งสองมีความสนิทสนมกันมากขึ้น วันนี้เขาก็เดินทางมาหาหลี่เพ่ยเพ่ยที่จวนเช่นเคย
" คารวะท่านอ๋องเพคะ " นางเอ่ยพร้อมกับทำความเคารพด้วยท่าทีอ่อนหวานแต่แฝงไปด้วยความเย้ายวนแห่งสตรี
" ตามสบายเถอะเพ่ยเอ๋อร์ " เขาพูดแล้วลุกขึ้นไปพยุงนางลงมานั่งที่ตั่งข้าง ๆ เขา
" ขอบพระทัยเพคะ " หลี่เพ่ยเพ่ยเอ่ยขอบคุณพลางส่งยิ้มแสนหวานไปให้เขา หลี่เพ่ยเพ่ยยื่นมือไปรินน้ำชาให้แล้วยกขึ้นมายื่นให้หยวนฟางหรงที่มองกิริยาของนางด้วยแววตาและรอยยิ้มที่แสนพึงใจ
' ข้าช่างโชคดีเสียจริงที่จะได้นางมาเป็นชายาเอก ทั้งงดงามชาติตระกูลของนางก็ยังช่วยส่งเสริมเขาได้อีก ' เขาได้แต่คิดในใจ เขายื่นมือไปรับถ้วยชาที่นางยื่นให้พร้อมกับกุมมือนางไว้
" ข้าช่างโชคดีเสียจริงที่เพ่ยเอ๋อร์ค่อยดูแลเอาใจใส่ข้าถึงเพียงนี้ " เขายกถ้วยชาขึ้นดื่มพร้อมกับมองดวงหน้าของนางที่ขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ ทางด้านหลี่เพ่ยเพ่ยเห็นเขาทำเช่นนั้นก็ก้มหน้าแสร้งทำเป็นเขินอายต่อเขา ยิ่งเขาเห็นนางมีกิริยาแบบนี้ยิ่งทำให้เขาพอใจ แล้วนางก็ดึงมือออกจากการเกาะกุมของเขาอย่างช้า ๆ
" ท่านอ๋องลองชิมขนมนี่สิเพคะ เพ่ยเอ๋อร์ลงมือทำเพื่อรอต้อนรับท่านอ๋องเลยนะเพคะ " แล้วนางก็คีบขนมจะไปวางที่จานเพื่อให้เขาได้ทานขนม แต่เขากับจับมือนางแล้วส่งขนมเข้าปาก
" อร่อยมากยิ่งได้กินจากมือของเพ่ยเอ๋อร์ยิ่งทำให้อร่อยยิ่งขึ้นไปอีก " ยิ่งเขาได้เห็นกิริยาของนางยิ่งทำให้เขาพูดหยอกเย้านางจนเขินอายขึ้นอีกเท่าตัว
" ขอพระทัยท่านอ๋องเพคะ " นางยกยิ้มที่งดงามเปล่งประกายให้เขา ทั้งคู่นั่งคุยกันจนใกล้ค่ำหยวนฟางหรงก็ขอตัวกลับเพื่อไปทำธุระต่อ
" ข้าคงต้องกลับก่อนนี่ก็จะมืดแล้วมันคงไม่เหมาะสมนักที่ข้าจะอยู่ต่อ " เขาเอ่ยลานาง
" เพคะ เดี๋ยวเพ่ยเอ๋อร์เดินไปส่งที่หน้าจวนนะเพคะ " แล้วทั้งสองก็เดินเคียงคู่กันไปถึงหน้าจวน
" ถ้าข้ามีเวลาว่างข้าจะมาหาเพ่ยเอ๋อร์อีกนะ " เขาบอกกับนาง
" เพคะ เพ่ยเอ๋อร์ขอตัวเข้าจวนนะเพคะ " นางพูดลาหยวนฟางหรงแล้วเดินกลับมาในจวน
ทางด้านหยวนฟางหรงเมื่อเห็นนางเดินเข้าไปในจวนก็ขึ้นรถม้าเพื่อไปยังโรงเตี๊ยม ' แผนของข้าใกล้จะสำเร็จแล้วได้กำลังสนับสนุนจากจวนสกุลหลี่และยังได้ใจของหลี่เพ่ยเพ่ยมาอีกต่อไปจะทำการอันใดก็คงจะง่ายยิ่งขึ้น ' เขาคิดว่าเมื่อหลี่เพ่ยเพ่ยรักเขาแล้วเขาจะขอให้นางช่วยอะไรนางก็คงจะช่วยอย่างสุดความสามารถและเอ่ยปากกับบิดาของนางแทนเขา แม่ทัพใหญ่หลี่รักบุตรสาวมากใคร ๆ ต่างก็รู้เมื่อหลี่เพ่ยเพ่ยเอ่ยปากจะไม่ช่วยได้อย่างไร
เมื่อหยวนฟางหรงกลับไปแล้วก็มีข่าวแพร่ออกไปว่าอีกไม่นานคงจะมีข่าวดีของจวนสกุลหลี่เป็นแน่เพราะหยวนฟางหรงขยันมาเยือนจวนสกุลหลี่อยู่บ่อยครั้งไม่แคล้วคงต้องมีข่าวดีเป็นแน่ เมื่อฉีหลิงหลงได้ยินข่าวก็เดือดเนื้อร้อนใจท่านอ๋องไม่ได้มาหานางนานแล้วหรือเขาจะหลงเสน่ห์แม่จิ้งจอกนั้นเข้าแล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ให้สาวใช้ไปติดตามหยวนฟางหรง เมื่อนางรู้ว่าเขาอยู่ที่ใดก็ได้ลอบออกจากจวนเพื่อที่จะได้ไปหาเขา
เมื่อหลี่เพ่ยเพ่ยเดินมาถึงเรือนของตัวเองก็เดินเข้ามาภายในห้องของตัวเอง
" ช่างหวานกันเสียจริงนะ " เมื่อนางเดินเข้ามาในห้องก็ได้ยินเสียงของคนผู้หนึ่ง ซุนเฉิง
" นี่มันเกินไปหรือไม่ถึงขนาดลอบเข้ามาภายในห้องของสตรีเลยหรือ " นาเอยถามเขาออกไปด้วยความเรียบนิ่ง
" นี่มันห้องของเจ้า อย่างไรเราก็ต้องแต่งกันอยู่แล้วจะกลัวไปไย " เขาเอ่ยขึ้นอย่างสบายอารมณ์
" ใครจะแต่งกับท่านกัน " นางเอ่ยตอบเขา
" เจ้าจะแต่งกับอ๋องสามหรือเห็นช่างหวานกันเหลือเกิน " เขาพูดขึ้นอย่างฉุนเฉียว พอคิดถึงเรื่องนั้นก็ทำให้เขาโมโหขึ้นมา เขาแอบมองทั้งสองคนอยู่นานแทบอยากจะเข้าไปกระชากพวกเขาให้แยกออกจากกัน
" มันก็เป็นเพียงแค่งิ้วฉากเดียว แล้วท่านมาหาข้ามีอะไรหรือไม่ " นางเอ่ยถามเขาออกไป
" ข้าแค่จะมาบอกว่างิ้วเจ้าที่ได้เขียนไว้กำลังจะเริ่มแสดงขึ้นแล้ว เจ้าต้องการจะไปชมหรือไม่ " เขาถามนางออกไปพร้อมลืมเรื่องที่คุยเล่นกันแล้วเปลี่ยนมาเป็นจริงจังขึ้น
" ให้พวกเขาเสพสุขกันไปเถอะข้าไม่อยากไปเป็นพยานรักให้กับพวกเขา " นางเอ่ยตอบพร้อมกับเดินไปนั่งลงที่ตั่ง
" เจ้ากลัวทนไม่ได้เช่นนั้นหรือ " เขาถามออกไปอย่างต้องการเห็นท่าทีของนางที่มีต่อเรื่องนี้
" ข้าจะทนไม่ไหวเรื่องอะไรกัน " นางเอ่ยตอบเขาไป
" ก็กลัวจะทนไม่ไหวที่รู้ว่าเขาสองคนทำอะไรกันนะสิ เจ้าหลงเสน่ห์ของเขาแล้วใช่หรือไม่ " เขาเอ่ยอย่างแง่งอนออกมา พร้อมกับสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง
" ข้าไม่มีทางตกลงไปในหลุมที่ข้าเป็นคนขุดไว้เองหรอก " นางบอกออกไปพร้อมกับมองท่าทางแง่งอนของเขา
" ข้าจะยอมเชื่อเจ้าสักครา " เขาพูดออกมาไม่แม้จะยอมหันมามองหน้านาง
" เจ้าหมดธุระแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็ออกไปจากเรือนของข้าได้แล้ว " นางบอกให้เขารีบออกไปจากเรือนของนาง
" เจ้าไล่ข้าเช่นนั้นหรือ " เขาพูดขึ้นพร้อมกับหันหน้าไปมองหน้าของนาง ใบหน้าขาวนวลที่พยายามกลั้นยิ้มนั้นกำลังมองหน้าของเขาอยู่เขาจึงเข้าใจในทันที
" เจ้าแกล้งข้าเช่นนั้นหรือ " เขาตะโกนออกมาอย่างเสียกิริยา
" ดูท่าทางที่ท่านทำซิช่างขัดกับตำแหน่งนายท่านแห่งหอแสงจันทร์ที่ลึกลับเสียจริง " นางพูดแล้วยกยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาให้เขา
" ข้าเป็นเช่นนี้แค่กับเจ้าเท่านั้นไม่ดีหรือ " เขาพูดพร้อมกับสาวเท้าเข้าไปใกล้ตั่งที่นางนั่งอยู่ เขาพยุงตัวนางให้ลุกขึ้นพร้อมกับจ้องมองหน้านางด้วยแววตาที่หวานซึ้ง เขาและนางต่างจ้องตากันซุนเฉิงเผยความรู้สึกผ่านแววตาออกมาอย่างมากล้น ความรู้สึกของเขาเกินขึ้นตั้งแต่ตอนไหมไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่าตั้งแต่ที่เขาเจอนางในครั้งแรกก็ให้คนตามติดนางและคอยรายงานเขาตลอด จนเขาได้มาคุยกับนางอย่างจริงจังและทำให้เขารู้สึกว่านางไม่เหมือนกับสตรีคนใด เขาเกิดความรู้สึกที่พิเศษกับนางเขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใคร เขาจึงมั่นใจว่านางนี่แหละที่จะเป็นภรรยาของเขา แม้นางจะไม่ต้องการเขาก็จะทำให้นางมาเป็นของเขาให้ได้
หลี่เพ่ยเพ่ยสบตาของซุนเฉิงอย่างต้องการหาคำตอบนางจองเข้าไปในแววตาของเขา นางมองเห็นแววตาที่จริงใจของเขา มันทั้งให้ความอบอุ่นและปลอดภัยอย่างที่นางไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ในชาติก่อนนั้นแม้หยวนฟางหรงจะดูแลเขาอย่างดีแต่นางไม่เคยได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ปลอดภัยและอบอุ่นที่ออกมาจากใจจริงเช่นนี้เลย นางเคยคิดว่าเขารักนางจากใจจริงแต่พอมาเจอสายตาเช่นเดียวกันจากซุนเฉิงแล้วมันกลับต่างกันอย่างมากมาย ทำให้นางรู้ว่าในชาติก่อนนั้นนางอ่อนต่อโลกมากเกินไปจริง ๆ แต่นางยังไม่กล้าไม่กล้าเปิดใจให้ใครในตอนนี้ แต่กับเขานางกับรู้สึกสบายใจและปลอดภัยในเวลาเดียวกันแม้จะเจอกันเป็นเวลาเพียงสั้น ๆ หรือว่านางจะลองเชื่อใจเขาดูสักครั้ง ต่างคนต่างอยู่ในความคิดของตัวเองก่อนที่หลี่เพ่ยเพ่ยจะเอ่ยขึ้น
" ข้าสามารถเชื่อใจท่านได้หรือไม่ " นางเอ่ยขึ้นพร้อมกับแสดงแววตาเศร้าปนหวาดกลัวออกมา เขาจ้องมองนางด้วยแววตาที่แสดงถึงแววตาจริงใจ
" เจ้าสามารถเชื่อใจข้าได้ ข้าสัญญา " เขาเอ่ยพร้อมกับดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
" ข้าจะลองเชื่อใจท่านดูสักครั้ง " นางตอบพร้อมกับกอดตอบเขา ทั้งคู่กอดจนอยู่นานแล้วผละออกจากกัน แล้วนั่งลงบนตั่งหลี่เพ่ยเพ่ยจึงถามเขาขึ้น
" ท่านเป็นใครกันแน่ " นางจะสามารถเชื่อคนที่ไม่รู้จักแม้แต่ตัวตนที่แท้จริงของเขาได้หรือ
" อีกไม่นานเจ้าก็จะรู้เอง " เขาได้ยินนางถามขึ้นก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้นางแล้วตอบกลับไปว่า
" เพียงแค่ชื่อที่แท้จริงท่านยังบอกข้าไม่ได้จะให้ข้าเชื่อใจท่านได้อย่างไร " นางเอ่ยแล้วดิ้นออกจากอ้อมกอดของเขา
" ข้าเพียงอยากให้เจ้าแปลกใจเท่านั้น อีกไม่นานเจ้าก็จะได้รู้ " เขาตอบนางและกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
" ข้าจะรอจนถึงวันนั้น " นางเอ่ยแล้วซบลงที่อกของซุนเฉิง
" เจ้าจะเรียกข้าเช่นนี้จริงหรือ ทีกับคนอื่นเจ้ากลับแทนตัวเองว่าเพ่ยเอ๋อร์มันช่างไม่ยุติธรรมกับข้าเสียจริง " เขาพูดออกไป
" ได้ตามใจท่าน เพ่ยเอ๋อร์ตามใจซุนเฉิง " นางเอ่ยอย่างเอาใจเขา
" ข้าไม่ต้องการเหมือนกับผู้อื่น ข้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวเพ่ยและเจ้าก็ต้องแทนตัวว่าเสี่ยวเพ่ยเช่นกัน " แล้วทั้งคู่ก็นั่งคุยกันจนอ้ายฉิงเดินมาตามเจ้านายของนางไปทานอาหารเย็น
ก๊อก ก๊อก
" คุณหนูได้เวลาอาหารแล้วเจ้าค่ะ " นางเอ่ยเรียกผู้เป็นนายออกไปทานอาหารที่โถงกลาง
เมื่อทั้งสองได้ยินก็ผละออกจากกัน
" ท่านกลับไปก่อนเถอะ ข้าจะไปทานอาหาร " นางบอกกับเขา
" เสี่ยวเพ่ย เจ้าต้องแทนตัวว่าเสี่ยวเพ่ย " เขาย้ำกับนาง
" เสี่ยวเพ่ยจะไปทานอาหาร ท่านกลับไปก่อนเถอะ " นางเอ่ยเสียงหวานพร้อมกับยกยิ้มอย่างอ่อนหวานให้เขา
" วันหลังข้าจะมาใหม่ " เขาเอ่ยแล้วรีบหลบออกไปพร้อมกับใจที่สั่นรัว ทางด้านหลี่เพ่ยเพ่ยกับใจสั่นไม่แพ้กับซุนเฉิงพร้อมกับใบหน้าที่สีแดงระเรื่อ นางเดินออกไปหาเฉาฉี่แล้วพากันเดินออกไปที่โถงกลางบ้านเพื่อทานอาหาร
**********
ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ????????????????
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ