สุดร้ายแสนรัก

-

เขียนโดย LycDin

วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 15.03 น.

  5 บท
  0 วิจารณ์
  4,314 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) บทที่ 4(100%)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

สองวันถัดมาหยวนฟางหรงก็ได้เดินทางมายังจวนสกุลหลี่เพื่อพาหลี่เพ่ยเพ่ยออกไปเดินเที่ยวชมตลาดด้วยกัน

 

“คารวะท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

 

“คารวะท่านอ๋องเพคะ” นายท่านทั้งสองของจวนสกุลหลี่ทำความเคารพผู้สูงศักดิ์ที่เดินทางมาเยือนที่จวน

 

“ตามสบายเถอะ” เขาบอกแล้วก็นำทั้งหมดนั่งลงภายในห้องรับรอง

 

“ข้ามาขออนุญาตพาเพ่ยเอ๋อร์ออกไปเดินตลาดขอรับ” เขาเอ่ยบอกกับนายท่านทั้งสองของจวนสกุลหลี่

 

“เป็นเกียรติของเพ่ยเอ๋อร์ยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ” เขาตอบออกไป เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าหยวนฟางหรงจะมาพาเพ่ยเอ๋อร์ออกไปเที่ยวข้างนอก นางได้มาเล่าให้เขาได้รับรู้ถึงการมาเยือนของเขา และเขาก็พอจะเดาออกว่าหยวนฟางหรงนั้นต้องการสิ่งใดจากจวนสกุลหลี่เพราะเขาก็ได้ข่าวมาอยู่บ้างว่าการแข่งขันในราชสำนักนั้นค่อนข้างที่จะหนักหนาอยู่พอสมควร

 

“จงจงไปตามเพ่ยเอ๋อร์มาพบท่านอ๋อง” จางไป๋หลินนางได้บอกสาวใช้คนสนิทให้ไปตามบุตรสาวของนางมาพบกับหยวนฟางหรง

 

“เจ้าค่ะ” นางตอบรับแล้วเดินออกไปตามหลี่เพ่ยเพ่ยที่เรือนของนาง

 

“เป็นเกียรติของจวนสกุลหลี่แล้วที่ท่านอ๋องมาเยือนในครั้งนี้” หลี่เฟยหลีพูดขึ้นหลังจากที่จงจงเดินออกไปแล้ว

 

“อย่าพูดจาห่างเหินกันเช่นนั้นข้าคงต้องขออนุญาตท่านแม่ทัพใหญ่ไว้ล่วงหน้า ในวันข้างหน้าข้าคงต้องมาเยือนจวนสกุลหลี่บ่อย ๆ แล้วขอรับ” เขาเอ่ยออกมาอย่างต้องการแสดงความจริงใจออกมาให้คนในจวนสกุลหลี่ได้เห็น

 

“เป็นเกียรติแล้ว เป็นเกียรติแล้ว” นายท่านของจวนสกุลหลี่เอ่ยออกมาพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ทั้งที่ในใจของเขารู้สึกเป็นกังวลเป็นอย่างมาก ส่วนทางด้านนายหญิงของจวนยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจเพราะนางไม่รู้ถึงเรื่องราวในราชสำนักมากนัก

 

 

 

“คุณหนูเจ้าคะ นายหญิงให้มาตามคุณหนูไปที่โถงรับแขกเจ้าค่ะ” จงจงเดินมาตามคุณหนูของจวน ที่กำลังนั่งแต่งหน้าอยู่หน้ากระจกและให้อ้ายฉิงทำผมให้เมื่อเห็นสาวใช้ข้างกายของมารดาเดินเข้ามานางก็ได้เอ่ยถามขึ้น

 

“เขามาแล้วหรือ” จากนั้นก็มองจงจงที่ยืนอยู่ด้านหลังผ่านกระจก

 

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ” นางตอบออกไป

 

“แล้วพี่ชายของข้าเล่า” นางเอ่ยถามถึงพี่ชายที่คิดจะติดตามออกไปกับนางด้วย

 

“ยังไม่เห็นคุณชายเลยเจ้าค่ะ” จงจงตอบออกไปตั้งแต่เช้านางยังไม่เห็นคุณชายของจวนเลย

 

“กลับไปบอกท่านแม่เดี๋ยวข้าตามออกไป” นางเอ่ยบอกกับจงจง ก่อนจะหันกลับไปแต่งหน้าเช่นเดิม

 

“เจ้าค่ะ” แล้วนางก็เดินออกไปแจ้งแก่นายหญิงตามที่คุณหนูบอก

 

“อ้ายฉิงเจ้าให้คนไปตามพี่ใหญ่มา บอกว่าท่านอ๋องมาถึงแล้ว” นางหันไปบอกให้อ้ายฉิงไปบอกสาวรับใช้ให้ไปตามหลี่เพ่ยหยางมาที่เรือนของนางเพื่อที่จะออกไปพบกับหยวนฟางหรง

 

“แล้วเจ้าก็รีบกลับมาทำผมให้ข้าต่อ” นางบอกกับอ้ายฉิง

 

“เจ้าค่ะคุณหนู” แล้วนางก็เดินออกไปบอกกับสาวรับใช้

 

“ได้เวลาแสดงงิ้วแล้วสินะ” นางเอ่ยกับตนเองพร้อมยิ้มเย็นออกมา เมื่อออกไปสั่งบ่าวรับใช้เสร็จแล้วอ้ายฉิงก็เดินเข้ามาทำผมให้นางต่อ

 

“พี่มาแล้วเพ่ยเอ๋อร์” รอได้สักพักหลี่เพ่ยหยางก็เดินเข้าแล้วเอ่ยทักน้องสาว

 

“เช่นนั้นเราไปกันเถอะเจ้าค่ะ ท่านอ๋องมารอนานแล้ว” นางพูดแล้วเดินนำพี่ชายออกไปยังโถงรับแขก

 

 

 

“คารวะท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

 

“คารวะท่านอ๋องเพคะ” ทั้งคู่เอ่ยเคารพหยวนฟางหรงพร้อมกัน ก่อนที่หลี่เพ่ยเพ่ยจะหันไปส่งยิ้มหวานให้กับเขา

 

“ตามสบาย” เขาเอ่ยอนุญาตแล้วหันไปสบตากับหลี่เพ่ยเพ่ยที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาหวานละมุนก่อนจะส่งยิ้มให้กัน

 

“ท่านพ่อ ท่านแม่” แล้วทั้งคู่เอ่ยทำความเคารพเคารพบิดามารดา

 

“วันนี้กระหม่อมขออนุญาตติดตามไปเดินชมตลาดด้วยคนนะพ่ะย่ะค่ะ วันนั้นที่พระองค์มากระหม่อมไม่ได้อยู่ต้อนรับเสียมารยาทแล้ว” เขาออกไปอย่างอารมณ์ดี

 

“ไม่เป็นไร เช่นนั้นเราไปกันเถอะ” เขาชวนหลี่เพ่ยหยางและหลี่เพ่ยเพ่ยออกไปข้างนอกเพราะนี่ก็สายมากแล้วจึงต้องเร่งออกจากจวน

 

“เช่นนั้นพวกเราขอตัวนะขอรับ” เขาเอ่ยลานายท่านและนายหญิงของจวนก่อนจะออกจากจวน

 

“เชิญ เชิญ” เขาอนุญาตเพื่อให้ทั้งหมดได้ออกไปเดินเล่นที่ตลาด ทั้งหมดเดินออกไปแล้วสองสามีภรรยาก็คุยกันถึงเรื่องราวของบุตรสาว

 

“ท่านพี่ ท่านอ๋องดูท่าจะสนใจเพ่ยเอ๋อร์ของเรานะเจ้าคะ” นางเอ่ยกับผู้เป็นสามีอย่างดีใจ

 

“ข้ากลัวว่ามันจะร้ายมากกว่าดีนะสิ” เขาพูดกับภรรยาพร้อมกับแสดงสีหน้ากังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด

 

“ทำไมหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามผู้เป็นสามีอย่างสงสัยจะเป็นเรื่องร้ายได้อย่างไรในเมื่อเขาก็ยังไม่ได้ตบแต่งพระชายา

 

“ข้าเกรงว่าเขาเพียงต้องการกำลังสนับสนุนจากจวนแม่ทัพก็แค่นั้น” เขาบอกกับภรรยาตามตรง

 

“จริงหรือเจ้าคะ เราจะทำเช่นไรดี” นางเอ่ยออกมาอย่างตกใจถึงเรื่องราวที่ได้รับรู้มา

 

“ข้าว่าเพ่ยเอ๋อร์ก็น่าจะรู้ถึงจุดประสงค์ของเขา จึงให้หยางเอ๋อร์ตามออกไปด้วย” เขาเชื่อว่าอย่างไรบุตรทั้งสองของเขาก็ต้องรู้ถึงจุดประสงค์นี้เป็นแน่

 

“เฮ้อ เมื่อได้รู้เช่นนี้ข้าก็ยังอดห่วงไม่ได้เลยเจ้าค่ะ” นางพูดออกมาพร้อมกับสีหน้าเป็นกังวลออกมา

 

“เด็กสองคนนั้นเป็นเด็กฉลาด ข้าว่าพวกเขาสามารถจัดการกันเองได้อย่าห่วงไปเลย เราเขาไปพักผ่อนด้านในกันเถอะ” แล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากโถงรับแขกเข้าไปยังเรือนด้านในเพื่อพักผ่อน

 

 

 

 

 

ตลาดแคว้นหยวน

 

เมื่อคนทั้งหมดได้เดินเข้ามาในตลาดแล้ว ก็มีเสียงนินทาตามมาทีหลังเมื่อเห็นท่านอ๋องที่สตรีต่างใฝ่ฝันอยากจะแต่งเข้าไปเป็นพระชายาของเขาเดินมาพร้อมกับสตรีที่งดงามทั้งหน้าตาและฐานะของนางนั้นต่างเป็นที่ต้องการของเหล่าบุรุษในเมืองหลวงทั้งหลายเดินเคียงคู่เข้ามาด้วยกัน ทำให้ทุกคนที่มองมาต่างก็มีแต่สายตาริษยาส่งออกมา

 

" ทำไมพวกเขาถึงมาด้วยกัน "

 

" หรือว่าพวกเขาคบหากัน "

 

" แต่คุณชายหลี่ก็มาด้วยนะ จะใช่หรือ "

 

" ข้าว่าใช่แน่ ๆ " แม้เสียงนินทาจะมีมากแค่ไหนทั้งหมดก็พากันเดินชมตลาดไม่ได้สนใจเสียงนินทาและสายตาริษยาที่มีเข้ามาเรื่อย ๆ

 

' นี้สิที่ข้าต้องการ ' หลี่เพ่ยเพ่ยได้แต่คิดในใจยิ่งข่าวของนางและเขายิ่งแพร่กระจายออกไปมาเท่าไหร่ฉีหลิงหลงจะยิ่งอยู่ไม่สุขเป็นแน่

 

" ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันอยากไปร้านขายผ้าสักครู่ " นางบอกกับหยวนฟางหรงขณะที่กำลังจะเดินผ่านร้านขายผ้าไป

 

" ข้าตามใจเพ่ยเอ๋อร์เสมอ เช่นนั้นเราเข้าไปกันเถอะ " แล้วท่านอ๋องก็เดินนำเขาไปในร้านขายผ้าตามที่หลี่เพ่ยเพ่ยต้องการ

 

" คารวะท่านอ๋อง " เสียงทำความเคารพดังขึ้นเมื่อหยวนฟางหรงเดินเข้ามาในร้าน ภายในร้านมีเหล่าคุณหนูคุณชายต่างก็พากันมาหาซื้อผ้าเพื่อไปตัดชุดสำหรับงานเลี้ยงฉลองในครั้งนี้

 

" ตามสบายเถอะ " เขายิ้มออกมาอย่างน้อย ๆ ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ร้านแล้วไปสะดุดเข้ากับคนคนหนึ่งฉีหลิงหลง นางก็อยู่ในนี้หรือ

 

โอ๊ย

 

ในขณะที่ท่านอ๋องกำลังสบตากับฉีหลิงหลงอยู่นั้นเสียงร้องของหลี่เพ่ยเพ่ยก็ดังขึ้น เขาจึงต้องหันหน้าไปทางหลี่เพ่ยเพ่ย หลี่เพ่ยเพ่ยที่กำลังจะล้มลงไปก็ได้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาเสียแล้ว นางได้ซบอยู่กับอกเขาอยู่แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากันสายตาที่ต่างดึงดูดกันและกันทำให้เขาไม่สามารถละสายตาออกจากดวงตาที่มีเสน่ห์นั้นได้เลย

 

ตึก ตึก

 

หัวใจของหยวนฟางหรงเต้นแรงขึ้นหลังจากได้สบตาหลี่เพ่ยเพ่ย พอสบตากับเขาหลี่เพ่ยเพ่ยก็ทำหน้าตาหลงใหลในตัวอ๋องสามออกมาอย่างชัดเจน ที่นางเดินเข้ามาภายในร้ายผ้าแห่งนี้เพราะนางมองเห็นฉีหลิงหลงที่เดินเลือกดูผ้าอยู่ภายในร้าน

 

" เพ่ยเอ๋อร์เป็นอะไรหรือไม่ " หลี่เพ่ยหยางเห็นน้องสาวอยู่ในอ้อมกอดหยวนฟางหรงนานแล้วก็เอ่ยปากเรียกสติของคนทั้งสอง เมื่อทั้งสองได้ยินเสียงเรียกของหลี่เพ่ยเพ่ยก็ผละออกจากกันแต่ยังคงลอบส่งสายตาให้กันอยู่บ้าง

 

" เพ่ยเอ๋อร์ไม่เป็นไรเจ้าค่ะพี่ใหญ่ " นางหันไปตอบพี่ชายก่อนจะหันไปพูดกับหยวนฟางหรงด้วยท่าทีอ่อนหวาน

 

" ขออภัยท่านอ๋องเพคะ เป็นเพ่ยเอ๋อร์ที่ไม่ระวังเองเพคะ " นางเอ่ยขอโทษหยวนฟางหรง พร้อมกับแสดงท่าที่เขินอายให้กับเขาที่ลอบมองกิริยานางอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นเช่นนั้นนางก็แย้มยิ้มให้กับเขาอย่างอ่อนหวาน

 

" ไม่เป็นไรหรอกเพ่ยเอ๋อร์ " เขาบอกนางให้สบายใจ การกระทำของทั้งคู่อยู่ในสายตาของคนทั้งร้านรวมทั้งฉีหลิงหลง

 

 

 

 

 

ฉีหลิงหลงยืนมองทั้งคู่ด้วยสายตาไม่พอใจ ‘หึ ได้ใจไปเถอะนางหลี่เพ่ยเพ่ยยังไงท่านอ๋องก็เป็นของข้าเจ้าไม่มีวันได้หัวใจของเขาไปหรอก รอท่านอ๋องได้ครองบัลลังก์เมื่อไหร่ข้าจะเหยียบเจ้าให้จมดิน’ นางคิดในใจแล้วได้แต่กำมือแน่นจนเล็บมือจิกเข้าไปในมือจนเลือดซิบออกมาแต่นางหาได้สนใจไม่

 

“รอให้ถึงที่ของข้าบ้างเถอะ” นางได้แต่พูดกับตัวเอง

 

“กลับ” นางเอ่ยกลับสาวใช้ข้างกาย

 

“แต่คุณหนูยังไม่ได้ผ้าเลยนะเจ้าค่ะ” ฮุยเจีย สาวใช้ข้างกายของฉีหลิงหลงเอ่ยกับคุณหนูของตนเอง

 

“เจ้าจะให้ข้าทนมองภาพพวกนั้นเช่นนั้นหรือ ข้าจะทนได้เช่นนั้นหรือเจ้าคิดว่าข้าจะทนได้หรือ” นางเอ่ยขึ้นอย่างเจ็บช้ำน้ำใจ นางได้แต่มองภาพนั้นด้วยความเสียใจ

 

“โถ คุณหนู เช่นนั้นพวกเรากลับกันเถอะเจ้าค่ะ” ฮุยเจียเอ่ยออกมาอย่างสงสารคุณหนูของตนเองก่อนจะเดินพยุงคุณหนูของตัวเองออกจากร้านขายผ้า ผ่านกลุ่มของหยวนฟางหรงออกไป ฉีหลิงหลงหยุดยืนหน้าประตูแล้วหันหน้าไปมองหยวนฟางหรงกับหลี่เพ่ยเพ่ยที่ยืนสบตากันอยู่ไม่แม้จะหันหน้ามามองนางเลยสักนิด นางหันหน้าเดินออกไปพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งไหลออกมา

 

 

 

ภายในโรงน้ำชา

 

ซุนเฉิงนั่งมองเหตุการณ์บนชั้นสองของร้านน้ำชา เขากำจอกน้ำชาที่อยู่ในมือแน่นแล้วกระแทกลงอย่างแรง

 

ปึก

 

“หึ กอดกันกลางร้านขายผ้าเช่นนั้นเลยหรือ” เขาเอ่ยขึ้นแล้วจ้องมองไปยังร้านขายผ้าที่หลี่เพ่ยเพ่ยอยู่ด้วยสายตายากจะเดา

 

“ข้าคงจะต้องไปเยือนเจ้าที่จวนสักหน่อยเสียแล้ว” เขาพูดจบแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกจากร้านน้ำชาไป

 

 

 

หลังจากที่เลือกซื้อผ้าเสร็จแล้วหยวนฟางหรงก็พาสองพี่น้องไปทานอาหารที่โรงเตี๊ยมขึ้นชื่อแห่งหนึ่ง

 

“สั่งกันได้เต็มที่ มื้อนี้ข้าขอเลี้ยงเองแด่มิตรภาพของเราที่เกิดขึ้น” หยวนฟางหรงพูดขึ้นเมื่อเข้ามานั่งในห้องส่วนตัวแล้ว

 

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

 

“ขอบพระทัยเพคะ” ทั้งคู่เอ่ยขอบคุณ หลังจากที่สั่งอาหารกันเสร็จแล้วหยวนฟางหรงก็เอ่ยชวนหลี่เพ่ยเพ่ยและหลี่เพ่ยหยางออกไปเที่ยวนอกเมือง

 

“ข้ามีที่ที่หนึ่งสวยงามมากข้าอยากชวนเจ้าทั้งสองไปเที่ยวชมด้วยกัน” เขาเอ่ยปากออกชวนไป

 

“ถ้าท่านพ่ออนุญาตเพ่ยเอ๋อร์ก็ออกไปกับท่านอ๋องได้เพคะ” นางตอบพร้อมยกยิ้มแล้วสบตาอย่างสื่อความหมายให้กับอ๋องสาม เมื่ออ๋องสามเห็นเช่นนั้นก็คิดเข้าข้างตนเองว่าหลี่เพ่ยเพ่ยหลงรักตนเข้าแล้วก็แสดงสีหน้าพึงพอใจออกมา สีหน้าที่แสดงออกมาตกอยู่ในสายตาของทั้งสองพี่น้องอยู่ตลอด

 

“ถ้าเพ่ยเอ๋อร์ไปกระหม่อมก็คงต้องตามไปด้วย” หลี่เพ่ยหยางพูดขึ้นเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทั้งสองคน หยวนฟางหรงไม่เอ่ยตอบเพียงแค่ยกยิ้มให้กับหลี่เพ่ยหยาง

 

“พี่ใหญ่พูดเหมือนไม่มีใครอยากให้ท่านไป ข้าต้องให้ท่านไปด้วยอยู่แล้วเจ้าค่ะ ข้ากับท่านอ๋องยังไม่ได้เป็นอะไรกันจะไปกันสองต่อสองได้เช่นไร” นางหันไปพูดกับพี่ชายพลางลอบส่งสายตาให้หยวนฟางหรงแล้วก้มหน้าลงเมื่อพูดถึงเรื่องที่จะออกไปกับหยวนฟางหรงสองต่อสอง หยวนฟางหรงเมื่อได้ยินก็ยกยิ้มแล้วมองท่าทางที่นางแสดงออกมาอย่างหลงใหล แม้จะแสดงท่าที่เขินอายแต่กลับแฝงไปด้วยท่าทางเย้ายวนที่แสนจะธรรมชาตินั้นทำให้เขาไม่อาจถอนสายตาออกจากนางไปได้

 

เมื่ออาหารเข้ามาแล้วก็เริ่มลงมือทานอาหารโดยที่ไม่ได้รับรู้ถึงบุคคลที่อยู่ยังห้องข้าง ๆ ที่นั่งฟังพวกเขาคุยกันอยู่นานแล้วด้วยความโมโห ‘จะออกไปเที่ยวด้วยกันอีกแล้วหรือ ช่างมีความสุขกันเสียจริง’ เขาคิดย่างไม่สบอารมณ์ มู่หนิงยืนมองนายท่านของตัวเองทำหน้าตาราวกับจะฆ่าคนให้ได้ เขาไม่เข้าว่าทำไมช่วงนี้นายท่านของเขาจึงอารมณ์เสียได้ง่ายเช่นนี้ เขาอยู่กับนายท่านมานานเขาไม่เคยเห็นนายท่านเป็นเช่นนี้แม้จะว่างานที่เจอจะยากแค่ไหน

 

“นายท่านจะสั่งอาหารหรือไม่ขอรับ” มู่หนิงเอ่ยถามเจ้านาย พวกเขาเข้ามาภายในห้องรับรองแห่งนี้นานแล้วแต่นายท่านของเขายังไม่ยอมส่งอาหารเอาแต่นั่งฟังห้องของหยวนฟางหรงคุยกัน

 

“อืม เอาสองสามอย่าง” เขาบอกลูกน้องคนสนิท แล้วมู่หนิงก็เดินออกไปสั่งเสี่ยวเอ้อที่รออยู่หน้าห้อง

 

“เพ่ยเอ๋อร์เช่นนั้นหรือช่างสนิทสนมกันเสียจริง” เขาเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์เสีย

 

“อย่างไรวันนี้เราก็ต้องได้พบกันหลี่เพ่ยเพ่ย” เขาพูดขึ้นคนเดียว มู่หนิงยืนมองเจ้านายที่พูดคนเดียวด้วยสายตางุนงง ‘นายท่านเป็นอะไรไป’ เขาได้แต่คิดในใจไม่กล้าพูดออกมา หรือเขาต้องไปปรึกษากับหลี่เพ่ยหยางคิดได้เช่นนั้นก็คลายความกังวลลงไป

 

*********

 

ทางด้านฉีหลิงหลงเมื่อกลับมาถึงเรือนก็ร้องไห้และทำลายข้าวของภายในห้องนอนสาวใช้ไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามได้แต่พากันมอบสั่นด้วยความกลัว ฮุยเจียเมื่อเห็นนายของตนทำลายข้าวของก็รีบให้สาวใช้รีบออกไปตามฮูหยินมาที่เรือน เมื่อชูชุ่นผิงฮูหยินใหญ่ของจวนสกุลฉีมาถึงก็ได้แต่มองภายในห้องอย่างตะลึงห้องของบุตรสาวของนางเต็มไปด้วยข้าวของที่แตกกระจายอยู่ทั่วทั้งห้องแล้วก็หันไปมองบุตรสาวที่เอาแต่ร้องไห้และทำลายข้าวของนางจึงเข้าไปห้ามบุตรสาว

 

“หลงเอ๋อร์หยุดได้แล้วลูก” เมื่อฉีหลิงหลงเห็นมารดามาถึงก็เข้าไปกอดมารดาแล้วร้องไห้ด้วยความเสียใจที่ได้เห็นคนรักของตนไปกอดและแสดงท่าทีสนิทสนมกับคนอื่นท่ามกลางผู้คนเช่นนั้น โดยที่นางไม่สามารถแสดงออกถึงความหึงหวงหรือเสียใจได้เลยแม้เพียงนิด

 

“ท่านแม่ ท่านอ๋องไม่สนใจความรู้สึกของลูกเลยเจ้าค่ะ” นางเอ่ยด้วยความเสียใจเป็นอย่างมาก ดวงตาของนางนั้นแดงเป็นอย่างมากเนื่องจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ฉีฮูหยินยกมือขึ้นลูบผมของบุตรสาวด้วยความสงสารและเห็นใจ

 

“ถึงท่านอ๋องจะแสดงท่าทีไม่จนใจเจ้าต่อหน้าผู้อื่น แต่ภายในใจเขานั้นมีแค่เจ้าเรื่องนี้เจ้ารู้ดีที่สุดไม่ใช่หรือ” นางพูดปลอบบุตรสาว นางรู้ว่าตอนนี้หยวนฟางหรงต้องการกำลังสนับสนุนจากจวนสกุลหลี่จึงต้องทำให้จวนสกุลหลี่สนับสนุนเขาด้วยการแต่งงานกับบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่หลี่

 

“แต่ลูกทนไม่ได้ที่เห็นเขาแสดงท่าทีรักใคร่ผู้อื่น” นางบอกกับมารดาด้วยความเอาแต่ใจ นางเป็นบุตรสาวคนโตของฮูหยินใหญ่จวนรองเสนาบดี มารดาจึงตามใจนางมากนางอยากได้อะไรมารดาล้วนหามาให้นางทุกอย่างนางจึงทนไม่ได้ที่คนรักของนางแสดงท่าทีเช่นนั้นกับสตรีอื่น

 

“ลูกต้องอดทนหลงเอ๋อร์ เพราะสิ่งที่จะตามมาหลังจากท่านอ๋องได้ครองบัลลังก์คือเจ้าจะได้เป็นฮองเฮา เจ้าจงจำมันไว้ให้ขึ้นใจอย่าได้ทำให้แผนของท่านอ๋องเสียเป็นอันขาด เจ้าเข้าใจหรือไม่” นางอธิบายให้บุตรสาวใจเย็นลง

 

“ลูกจะไม่ทำให้แผนของท่านอ๋องล้มเหลวเจ้าค่ะ ลูกจะรอเหยียบมันเมื่อทุกอย่างเป็นของเรา” นางเอ่ยพร้อมแววตาชิงชังที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน

 

 

 

หลี่เพ่ยเพ่ยเมื่อกลับมาถึงจวนแล้วก็เข้ามาภายในห้องและให้สาวใช้เตรียมน้ำให้อาบ นางไม่สามารถทนอยู่ได้เมื่อคิดถึงตอนที่ถูกหยวนฟางหรงกอด เมื่ออาบน้ำเสร็จก็สวมใส่ชุดสีขาวบริสุทธิ์เบาสบายให้ความรู้สึกเหมือนเทพธิดาด้วยใบหน้าที่งดงามแม้จะไม่ได้แต่งหน้าและท่าทางที่ดูสง่างาม นางออกมานั่งรับลมที่ศาลาหน้าเรือนที่โอบล้อมไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ทำให้นางยิ่งเหมือนภาพวาดเทพธิดาที่ออกมานั่งท่ามกลางสวนดอกไม้อย่างยิ่ง ยิ่งมองยิ่งทำให้คนหลงใหล ซุนเฉิงก็เช่นกันเขาเหม่อมองนางอยู่นาน พอได้เห็นและได้ยินที่ทั้งคู่คุยกันเขาก็ตั้งใจมาหานางแต่เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาจะมาหานางด้วยเหตุอันใดพอได้สติเขาก็มาอยู่ที่จวนสกุลหลี่เสียแล้ว เขารอนางนานแล้วจนนางเข้าในเรือนแล้วออกมานั่งเล่นที่ศาลาเขาจึงได้เห็นนางในชุดสีขาวบริสุทธิ์ก็ทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์

 

“น้ำเจ้าค่ะคุณหนู” อ้ายฉิงเอาน้ำชามาให้เจ้านายและทำให้ซุนเฉิงพลันได้สติขึ้นมา

 

“อืม เจ้าไปพักผ่อนเถอะ” นางให้สาวใช้ข้างกายให้ออกไปและหันกลับไปเหม่อมองสวนดอกไม้อีกรอบ ทางด้านซุนเฉิงเมื่อเห็นสาวใช้ของนางเดินออกไปแล้วจึงเดินเข้าไปหลี่เพ่ยเพ่ยที่นั่งชมสวนอยู่

 

“คุณหนูหลี่” เอ่ยทักนางที่นั่งชมสวนไม่รู้ถึงการมาของเขา หลี่เพ่ยเพ่ยที่ได้ยินชื่อตัวเองก็ออกจากห้วงความคิดของตนและหันไปหาคนที่เอ่ยเรียกชื่อของตนเอง

 

“คุณชายซุน” นางทำความเคารพเขาในขณะที่ดวงตาไล่สำรวจคนตรงหน้าอย่างละเอียด เนื่องด้วยวันนั้นค่อนข้างมืดทำให้ไม่สามารถสำรวจเขาได้มากนัก เขาเป็นชายรูปร่างสูงโปร่ง ร่างกายกำยำอย่างคนฝึกยุทธ์อยู่เสมอ ดวงตาหงส์สีดำภายใต้หน้ากากนั่นชวนให้หน้ามอง ปากบางเข้ารูปผิวที่คล้ำแดดทำให้รู้สึกถึงความเป็นชายชาตรีอย่างเต็มเปี่ยม

 

“เจ้าไม่แปลกใจที่ข้าลอบเข้ามาหาเจ้าภายในจวนสกุลหลี่” เขาเอ่ยถามพร้อมทำสีหน้าแปลกใจเมื่อมีบุรุษลอบเข้ามาหาถึงภายในเรือนนางไม่มีความหวาดกลัวหรือแม้แต่จะตกใจเลยด้วยซ้ำทั้งที่เขาเคยเจอกับนางเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อเขาถามนางจึงทำให้นางหลุดออกจากภวังค์ที่คอยลอบสังเกตเขา

 

“ท่านลอบเข้ามาหรือ ข้าคิดว่าท่านมาทางประตูเสียอีก” นางตอบแล้วจ้องมองหน้าเขาแล้วทำสีหน้าจริงจัง

 

“เจ้าคิดว่าข้าเดินเข้ามาทางประตูจวนจะไม่แปลกไปหน่อยหรือ” เขาตอบแล้วจองนางกลับ แล้วก็ต้องทำให้เขารู้สึกเสียหน้าเมื่อเห็นแววตาขบขันที่แสดงออกมาหลังจากที่เขาถามจบ

 

“นี่เจ้าหลอกข้าเช่นนั้นหรือ” เขาถามพลันจ้องนางด้วยสายตาเอาเรื่อง

 

“หึ ท่านคิดว่าข้าโง่เช่นนั้นหรือ” นางพูดแล้วหัวเราะออกมา

 

“เจ้า!!” เขาพูดได้แค่นั้นแล้วสะบัดหน้าหนีนาง นางเห็นดังนั้นจึงอดขำไม่ได้

 

“หึหึ ท่านมาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ” นางถามออกไป

 

“ข้านำป้ายหยกมาให้เจ้า” เขาพูดจบแล้วยื่นป้ายหยกให้นาง

 

“ให้ข้าหรือ” นางรับมาแล้วจ้องมองมัน

 

“หากเจ้ามีอะไรให้ข้าช่วยเจ้าจงนำป้ายนี้ไปแสดงตนที่หอแสงจันทร์ แล้วพวกเขาจะพาเจ้าไปหาข้า ข้าให้เจ้าใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น” เขาบอกนาง

 

“ขอบคุณ” นางเอ่ยขอบคุณแล้วหันหน้าไปทางเดิม

 

“เจ้าชอบอ๋องสามหรือ” เขาถามออกไปอย่างไม่รู้ตัว ‘นี่ข้าถามอะไรออกไป’ เขาได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจ

 

“หือ ท่านรู้ได้อย่างไร” นางเอ่ยถามพร้อมกลับหันหน้ามามองเขาอีกครั้ง

 

“คนเขารู้ทั้งเมืองหลวงแล้วว่าเจ้าสองคนคบหากัน” เขาตอบนางออกไปทั้งยังไม่หยุดด่าตัวเอง เพียงแค่เขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตลาดก็หลุดปากออกไปเสียแล้ว

 

“ถ้าข้าจะคบกับเขาแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า” นางถามกลับอย่างไม่สบอารมณ์

 

“เขาเป็นคนไม่ดี ที่ข้าบอกเจ้าเพราะเห็นว่าเจ้าเคยช่วยข้าไว้หรอกนะ” เขาบอกนางถึงเรื่องอ๋องสามออกไป

 

“เขาเป็นคนไม่ดีอย่างไร” นางถามเขาต่อแล้วทำสีหน้าไม่เชื่อที่เข้าพูด

 

“ข้าไม่สามารถบอกเจ้าได้ ข้าบอกได้แค่ว่าเขาจะหลอกใช้เจ้าเพื่อต้องการแรงสนับสนุนจากจวนสกุลหลี่” เขาบอกนางอย่างจริงใจ

 

“เช่นนั้นหรือ” นางพูดออกไปอย่างไม่ใส่ใจ

 

“เจ้าจะไม่เชื่อข้าก็ได้ข้าแค่เตือนเจ้าด้วยความหวังดี” เขาพูดออกไป

 

“ขอบคุณท่านในความหวังดี” นางขอบคุณเขา แล้วทั้งสองก็จองตากันเพื่อค้นหาในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังคิด

 

“ท่านไม่ชอบเขาหรือ” นางตัดสินใจถามออกไป พร้อมจ้องมองหน้าเพื่อต้องการคำตอบ

 

“จะว่าเช่นนั้นก็ได้” เขาตอบออกไปอย่างไม่ปิดบัง

 

“เช่นนั้นเรามาร่วมมือกันดีหรือไม่” นางเอ่ยถามเขาออกไป นางกำลังมองหาคนที่จะช่วยขัดขว้างการขึ้นครองบัลลังก์ของเขาและซุนเฉิงก็เข้ามาพอดีสวรรค์ช่างเข้าข้างนางเสียจริง ที่นางกล้าเดิมพันกับเขาในครั้งนี้เพราะนางรู้ว่าพี่ชายนางก็ทำงานให้เขาเช่นกันที่พี่ชายแสดงออกว่าไม่อยากให้นางยุ่งเกี่ยวกับอ๋องสามแสดงว่าพวกเขาก็ต้องสืบเกี่ยวกับอ๋องสามเช่นกันแต่เพื่ออะไรนั้นนางไม่แน่ใจ

 

“เจ้าต้องการอะไร” เขาถามขึ้นอย่างสงสัย

 

“ข้าไม่ต้องการให้อ๋องสามได้ครองบัลลังก์” นางตอบเขาออกไปอย่างตรง ๆ

 

“เจ้าไม่อยากเป็นฮองเฮาหรือ เห็นได้ชัดว่าถ้าเขาได้ครองบัลลังก์เจ้าก็จะได้ขึ้นเป็นฮองเฮาอย่างแน่นอน” เขาพูดออกไป

 

“ข้าไม่ได้อยากได้ตำแหน่งฮองเฮาหรือแม้แต่ตำแหน่งชายาของเขาแม้แต่น้อย” นางบอกพร้อมแสดงแววตาที่มีแววเกลียดชังออกมาอย่างชัดเจน

 

“ดี เช่นนั้นก็ดีข้าจะช่วยเจ้าเอง แต่ข้าไม่เคยทำงานให้ใครฟรี” เขาตอบรับแล้วแสดงความพึงพอใจผ่านแววตาออกมา

 

“ท่านต้องการอะไร” นางเอ่ยถามในสิ่งที่เขาต้องการ

 

“เดี๋ยวข้าจะบอกเจ้าหลังเราจัดการเรื่องนี้สำเร็จ” เขาบอกนางออกไป

 

“ได้ถ้าข้าสามารถให้ท่านได้” นางตอบรับข้อตกลง

 

“เจ้าสามารถให้ข้าได้แน่นอน” เขาตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ภายในใจกลับพึงใจเป็นอย่างมากที่นางตอบรับคำของเรา

 

“คุณหนูเจ้าคะ คุณชายใหญ่มาขอพบเจ้าคะ” อ้ายฉิงเดินเข้ามาภายในศาลา แล้วแจ้งว่าคุณชายใหญ่มาขอพบ หลี่เพ่ยเพ่ยหันหน้าไปมองสาวใช้ที่เดินเข้ามาพร้อมตอบรับ

 

“อืม” นางตอบรับออกไปแล้วหันหน้ากลับมามองบุคคลที่บุกรุกเข้ามาหานาง แต่เขาได้หายตัวออกไปแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

 

“คุณหนูมองหาอะไรหรือเจ้าคะ” อ้ายฉิงเอ่ยถามผู้เป็นนายเมื่อเห็นว่านางกำลังเห็นมองหาอะไร

 

“ไม่มีอะไร ไปพาพี่ใหญ่เขามาเถอะ” นางบอกกับสาวใช้แล้วบอกให้ไปพาพี่ใหญ่เข้ามา

 

“พี่ใหญ่ มีอะไรหรือเจ้าคะ” นางถามพี่ชาย ทั้งที่เขาและนางพึ่งแยกจากกันแต่พี่ชายกลับมาหานางอีกครั้ง

 

“พี่ขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าได้คิดอะไรกับอ๋องสามหรือไม่” เขาเอ่ยถามอย่างจริงจัง เมื่อกลับมาถึงจวนเขารีบเขาไปปรึกษาเรื่องที่เกิดขึ้นกับท่านพ่อ และดูเหมือนน้องสาวเขาจะให้ความสนใจกับหยวนฟางหรงเขาจึงร้อนใจรีบไปหารือกับบิดาว่าจะจัดการเช่นไรต่อไปดี

 

“เพ่ยเอ๋อร์ไม่ได้คิดอะไรกับเขาเจ้าค่ะ ท่านพี่วางใจได้” นางตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจังเช่นกัน เห็นทีนางต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่องไม่เช่นนั้นเขาคงห่วงนางเป็นแน่

 

“เจ้าไม่ได้โกหกใช่หรือไม่” เขาถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

 

“ข้าไม่ได้โกหกเจ้าค่ะ ท่านพี่เชื่อข้าเถอะข้าไม่หลงกลคนเช่นเขาหรอก” นางบอกพี่ชายเพื่อที่จะให้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องของนางอีก

 

“ดี ดียิ่งข้าจะรีบไปบอกท่านพ่อ” เขาพูดขึ้นอย่างโล่งอกที่ได้ยินเช่นนั้น

 

“ข้าจะทำให้เขาได้รู้ว่าคนที่คิดจะหลอกใช่จวนสกุลหลี่จะเป็นเช่นไร” นางบอกกับพี่ชายพร้อมกับยิ้มเย็นออกมา พี่ชายที่นั่งมองหน้าน้องสาวก็ตะลึงเมื่อเห็นหน้าตาเช่นนี้ของน้องสาว แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า อย่างนี้สิถึงจะเป็นบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่” แล้วทั้งสองก็นั่งคุยกันจนถึงเวลาทานอาหารมื้อเย็น

 

“ถึงเวลาไปทานอาหารที่โถงกลางแล้วเจ้าค่ะ” อ้ายฉิงเข้ามาแจ้งเจ้านายทั้งสองที่นั่งคุยกันจนลืมเวลา

 

“เราไปทานอาหารกันเถอะเจ้าค่ะพี่ใหญ่” นางเอ่ยชวนผู้เป็นพี่ชาย

 

“อืม” แล้วทั้งคู่ก็เดินไปที่โถงกลาง

 

 

 

 

 

******

 

 

 

ฝากกดติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา