สุดร้ายแสนรัก
-
3) บทที่ 3(100%)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากที่หลี่เพ่ยหยางเดินออกไปแล้วหลี่เพ่ยเพ่ยกับไป๋จางลี่ก็เดินไปร้านเครื่องประทินผิวต่อ เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปด้านในร้านก็มีเสี่ยวเอ้อออกมาต้อนรับ ทั้งสองพากันเข้าไปเลือกซื้อของอยู่นานก็ได้กลับออกมาพร้อมได้ของสามคนล่ะสามสี่อย่าง แล้วก็พากันไปทานอาหารที่โรงเตี๊ยมทั้งคู่นั่งคุยกันจนลืมเวลาเมื่อนึกขึ้นได้ก็เย็นเสียแล้ว ทั้งคู่จึงพากันกลับจวนโดยที่หลี่เพ่ยเพ่ยจะไปส่งไป๋จางลี่ที่จวนราชครูก่อนเพราะไป๋จางลี่มากับสาวรับใช้แค่สองคน
" ข้าเข้าจวนก่อนนะ เจ้าก็กลับจวนดีดีล่ะ " นางเอ่ยลาสหายก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในจวน
" อืม เช่นนั้นข้ากลับจวนก่อนนะ " นางเอ่ยลาสหายก่อนที่จะกลับจวนแล้วทั้งสองก็ยิ้มให้กันก่อนแยกย้ายจากกัน
" กลับจวน " จากนั้นหลี่เพ่ยเพ่ยก็บอกคนขับรถม้าให้ออกรถเพื่อกลับจวนที่อยู่ห่างออกไปพอสมควร
" ขอรับ " แล้วคนขับรถม้าก็ออกตัวรถม้าไปตามถนน ท้องฟ้าเริ่มมืดพอถึงเส้นทางที่คนไม่พลุกพล่านรถม้าก็จอดลงพร้อมกับเสียงพูดคุยด้านนอก ประตูรถเปิดขึ้นพร้อมกับองครักษ์เข้ามารายงานถึงความเป็นไปของด้านนอก
" คุณหนู มีคนบาดเจ็บมาขอติดรถไปด้วยขอรับ " หลังจากองครักษ์รายงานเสร็จนางมองออกด้านไปนอกรถม้าบุรุษใส่หน้ากากปิดทั้งใบหน้ายกเว้นบริเวณปาก สวมชุดสีดำสนิทเหมือนหน้ากากที่ใส่อยู่ นางมองเขานิ่งพลันนึกขึ้นได้ ' เป็นเขาชายสวมหน้ากากที่นางเคยบังเอิญได้ยินและได้เจอตอนเขาอยู่กับพี่ใหญ่ในอดีต นายท่านแห่งหอแสงจันทร์ ซุนเฉิง ' ทั้งสองสบตากันอยู่นานก่อนที่นางจะเอ่ยอนุญาตให้เขาขึ้นมาบนรถม้า
" ให้เขาขึ้นมา " นางบอกกับองครักษ์
" จะดีหรือเจ้าคะคุณหนู " อ้ายฉิงเอ่ยท้วง
" ดีสิ เห็นคนบาดเจ็บเราต้องช่วยไม่ใช่หรือองครักษ์ของเราก็มีเจ้าจะกลัวไปไย " นางเอ่ยพร้อมยิ้มให้สาวใช้ หลังจากนั้นซุนเฉิงก็ขึ้นมานั่งภายในรถม้ากับนางและสาวใช้ด้านใน
" ออกรถ " หลังนางพูดจบรถม้าก็ได้เคลื่อนตัวออก
" อ้ายฉิงเจ้าออกไปก่อน " นางพูดกับสาวใช้ในขณะรถกำลังวิ่งอยู่ระหว่างทางกลับจวน
" คุณหนู " นางพูดได้แค่นั้นเพราะเห็นหน้าของคุณหนูที่มองหน้านางนิ่ง ๆ นางจึงต้องจำต้องออกไปรอข้างนอก
" ขอบคุณคุณหนูหลี่ " เขาเห็นรถจากจวนสกุลหลี่จึงออกมาขอความช่วยเหลือ เพราะเขานั้นรู้จักกับแม่ทัพใหญ่เขาจึงวางใจในระดับหนึ่ง
" มิเป็นไรเจ้าค่ะ นายท่านซุนแห่งหอแสงจันทร์ " เขามองนางอย่างตะลึง นางรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นนายท่านแห่งหอแสงจันทร์ไม่เคยมีใครรู้ถึงตัวตนของนายท่านแห่งหอแสงจันทร์เพราะเขาไม่เคยออกไปพบกับใครสักครั้งในตำแหน่งนี้
" เจ้ารู้ได้อย่างไร " เขาถามนางออกไปด้วยความสงสัย
" เรื่องนั้นท่านไม่จำเป็นต้องรู้หรอกเจ้าค่ะ " นางเอ่ยพร้อมทำหน้านิ่งมองออกไปด้านนอกโดยไม่มองเขาแม้แต่น้อย รถม้าเคลื่อนตัวใกล้ถึงจวนแม่ทัพก็หยุดลง
" ข้าส่งท่านได้เพียงเท่านี้ " นางพูดขึ้น
" ขอบคุณคุณหนูหลี่อีกครั้ง แล้วข้าจะตอบแทนคุณหนูภายหลัง " เขาเอ่ยปากขอบคุณนางอีกครั้ง
" ข้ามีเรื่องให้ท่านต้องตอบแทนแน่นอนเจ้าค่ะ " นางยกยิ้มน้อย ๆ ให้กับเขา
" มาขอพบข้าที่หอแสงจันทร์ได้ทุกเมื่อ " เขาบอกกับนางแล้วลงจากรถม้าไป รถม้าเคลื่อนตัวออกไป
" ท่านมาหาข้าโดยที่ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย ดียิ่งนัก " นางพูดกับตัวเอง
ทางด้านซุนเฉิงลงมาจากรถม้ามาแล้วก็ยืนมองรถม้าที่เคลื่อนตัวออกไปก็ได้แต่คิดในใจ ' เจ้าชั่งน่าสนใจยิ่งนักหลี่เพ่ยเพ่ย ' นางเป็นสตรีที่แปลกยิ่งนักนางไม่มีความกลัวแสดงออกมาให้เห็นแม้เพียงนิด นางเป็นเพียงสตรีในห้องหอทำไมถึงไม่มีความกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
" จัดการได้ทั้งหมดแล้วขอรับ " องครักษ์เดินออกมาจากความมืดเพื่อรายงานซุนเฉิงถึงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
" อืม ข้าจะไปพบเพ่ยหยาง " พูดจบทั้งสองก็หายเข้าไปในความมืด
" จัดการได้เรียบร้อยหรือไม่ " เขาเดินเข้ามาในห้องหนังสือของหลี่เพ่ยหยาง หลี่เพ่ยหยางกำลังจะลุกขึ้น
" ไม่ต้องมากพิธี " แล้วเขาก็นั่งลงที่ตั่งตรงหน้าต่าง
" จัดการเรียบร้อยหมดแล้วขอรับ " เขาตอบออกไป
" ตรวจสอบเสร็จหรือยัง " ขาถามในขณะเทน้ำชาให้กับตัวเอง
" ตรวจสอบแล้ว เป็นคนของอ๋องสามขอรับ " เขาเงยหน้าขึ้นมองหลี่เพ่ยหยาง
" อ๋องสามเช่นนั้นหรือ น่าสนใจ " เขาพูดแล้วพยักหน้า เขาหันไปมองหลี่เพ่ยหยางที่ยืนก้มหน้าอยู่
" นั่งลงเถอะ " หลี่เพ่ยหยางนั่งลงแล้วเขาก็ได้เอ่ยปากขึ้น
" อ๋องสามสนใจน้องสาวของเจ้าหรือ " เขาถามถึงข่าวที่ได้รับมา หยวนฟางหรงได้เข้าไปตีสนิทกับสองพี่น้องเมื่อไม่กี่วันก่อน
" ไม่แน่ใจขอรับ แต่เหมือนเขาจะให้ความสำคัญกับนางมากกว่าสตรีคนใด " เขาตอบไปตามตรง
" แล้วน้องสาวของเจ้าเล่า สนใจเขาหรือไม่ " เมื่อได้ยินคำถามหลี่เพ่ยหยางมองซุนเฉิงอย่างอึ้ง ๆ
" นา นางไม่ได้สนใจอ๋องสามขอรับ " หลี่เพ่ยหยางตอบออกไปอย่างงง ๆ
" เช่นนั้นหรือ " หลี่เพ่ยหยางเห็นแววตาพึงพอใจและการยกยิ้มของซุนเฉิง ' เป็นไปได้อย่างไร เขาพึงใจในเรื่องใดกัน ' เขาทำงานกับซุนเฉิงมานานไม่เคยเห็นเขายิ้มออกมาอย่างไม่มีสาเหตุเช่นนี้มาก่อน แล้วเขาก็เดินออกจากห้องไปทำให้หลี่เพ่ยหยางมองตามอย่างงง ๆ
หลังจากนั้นไม่นานหยวนฟางหรงก็เดินทางมายังจวนสกุลหลี่ตามที่เขาได้เอ่ยปากไว้
" คุณหนู ฮูหยินให้มาตามไปที่โถงรับแขกเจ้าค่ะ " บ่าวรับใช้เข้ามาตามคุณหนูตามที่นายหญิงของจวนสั่งมา
" มีอะไรหรือ " นางเอ่ยถามออกไป
" ท่านอ๋องสามมาขอพบคุณหนูและคุณชายเจ้าค่ะ แต่คุณชายไม่อยู่ฮูหยินจึงให้มาบ่าวเรียกคุณหนูไปพบกับท่านอ๋องเจ้าค่ะ " นางรายงานตามที่ได้รับรู้มา
" เช่นนั้นหรือ " ' ช่างเลือกมาถูกวันเสียจริง คงรู้ว่าพี่ใหญ่ไม่อยู่บ้านสินะ ' นางได้แต่คิดในใจ
" เจ้าค่ะ " นางตอบคุณหนู
" เดี๋ยวข้าออกไป " นางบอกสาวใช้แล้วเรียกอ้ายฉิงเขามาช่วยนางแต่งตัว
ทางด้านโถงรับแขกก็มีแขกสูงศักดิ์นั่งคุยกับฮูหยินของจวนอยู่อย่างเป็นกันเอง
" คุณหนูมาแล้วเจ้าค่ะ " เสียงหญิงรับใช้ดังขึ้นทำให้คนทั้งสองมองออกไปยังประตู หลี่เพ่ยเพ่ยเดินเข้ามาด้วยชุดสีแดงเพลิง แต่งหางตาให้ยกสูงขึ้นเหมือนหงส์ ปาดสีแดงระเรื่อรับกับสีชุด ปล่อยปอยผมให้คลอเคลียดวงหน้าทำให้ดูมีเสน่ห์ หุ่นที่โตเกินวัยอะไรที่ควรมีก็มี อะไรที่ควรเล็กก็เล็ก มองยังไงก็เหมือนปีศาจจิ้งจอกที่ค่อยยั่วยวนบุรุษ ในชาติก่อนนางไม่เคยแต่งตัวเช่นนี้นางชอบสวมชุดสีอ่อนอาจจะทำให้ดูจืดชืดไปบ้างเพราะนางสวมชุดเช่นนี้มันดูยั่วยวนเกินไปนางไม่ชอบเท่าไหร่ แต่แล้วอย่างไรแสนดีแล้วได้อะไรกลับมาบ้างนางจะทำให้เขาหลงนางจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วตัดความหวังที่จะได้ขึ้นครองราชย์นั้นลงเอง
" คารวะท่านอ๋องเพคะ คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ " นางเอ่ยขึ้นในขณะที่หยวนฟางหรงมองนางอย่างหลงใหล" ตามสบายเถอะคุณหนูหลี่ " เขาตอบกลับหลังจากได้สติ" ขอบพระทัยเพคะ " นางเอ่ยแล้วนั่งลงข้างมารดา มารดามองนางและหยวนฟางหรงแล้วยิ้ม ๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า" เพ่ยเอ๋อร์พาท่านอ๋องไปนั่งคุยกันที่ศาลาเถอะ แม่แก่แล้วจะเข้าไปพักเสียหน่อย " ท่านแม่พูดแล้วส่งยิ้มให้หยวนฟางหรง นางคิดว่าถ้าหยวนฟางหรงสนใจในตัวบุตรสามของตนก็ไม่เสียหายเพราะเขาก็ไม่ได้มีสตรีในเรือนจะมีก็แค่สาวใช้อุ่นเตียงก็เท่านั้น" เจ้าค่ะท่านแม่ " นางตอบแล้วทำท่าเขินอายใส่มารดา" หม่อมฉันทูลลาเพคะ " นางเอ่ยลาก่อนเดินจากไป" เชิญทางนี้เพคะ " นางลุกขึ้นแล้วนำอ๋องสามเดินออกยังสวนที่ไว้ใช้รับแขกที่มาพบที่บ้าน ก่อนจะพาเดินเข้าไปยังศาลา เด็กรับใช้ก็พากันเดินนำขนมและน้ำชาเข้ามา หลังจากทั้งหมดออกไปแล้วเหลือเพียงหลี่เพ่ยเพ่ยและอ๋องสาม นางให้อ้ายฉิงออกไปนั่งไกลจากจุดที่นางกับหยวนฟางหรงอยู่แต่ก็ไม่ได้ไกลจนน่าเกลียดเกินไป" ข้าขอเรียกเจ้าว่าเพ่ยเอ๋อร์เช่นมารดาของเจ้าได้หรือไม่ " เขาเอ่ยขึ้นมาแล้วส่งยิ้มที่แสนจะอบอุ่นมาให้กับนาง
" ได้สิเพคะ เป็นเกียรติของหม่อมฉันแล้ว " นางเอ่ยแล้วยิ้มอย่างมีเสน่ห์ส่งให้กับเขา
" ข้าได้ยินมาว่าเพ่ยเอ๋อร์เล่นพินได้ไพเราะมาก เจ้าจะเล่นให้ข้าฟังได้หรือไม่ " เขาเอ่ยออกมา นางได้แต่คิดในใจว่าเขาไปได้ยินมาจากไหนนางไม่เคยเล่นให้ผู้ใดได้ยินเลยสักครั้ง
" ได้สิเพคะ " นางเรียกอ้ายฉิงให้ไปนำพินออกมาให้กับนาง แล้วนางก็เทน้ำชาแล้วยื่นให้อ๋องสาม เขายื่นมือมารับพร้อมกับจับมือของนางด้วย นางก้มหน้าลงซ่อนแววตารังเกียจแล้วเงยหน้าขึ้นพร้อมหันยิ้มยั่วยวนบุรุษตรงหน้า รอยยิ้มนี้ทำให้อ๋องสามหัวใจกระตุกเขาไม่เคยเป็นแบบนี้แม้แต่กับฉีหลิงหลงคนที่เขาคบหาอย่างลับ ๆ ฉีหลิงหลง บุตรสาวของฉีอันเฉินรองเสนาบดีกรมคลัง ลูกน้องคนสนิทของท่านลุงของเขา เขาเจอนางตั้งแต่เล็กทำให้เกิดความสนิทกันจนเกิดเป็นความรักจนเขาได้มาเจอหลี่เพ่ยเพ่ยในวันนี้ นางทำให้เขาเกิดอาการในแบบที่ไม่เคยเกิดกับฉีหลิงหลง แต่ถึงเขาจะรักนางจากใจจริงก็ไม่สามารถแต่งนางมาเป็นชายาเอกได้เพราะเขาต้องการกำลังทหารของคนสกุลหลี่เพื่อเป็นแรงสนับสนุนให้กับเขาเพื่อที่จะได้ครอบครองตำแหน่งองค์รัชทายาทอย่างไม่มีใครกล้ามาทัดทาน
ทั้งคู่สบตากันอยู่นานแล้วอ้ายฉิงก็พาสาวใช้เดินถือพินเข้ามาทำให้ทั้งสองต้องละสายตาออกจากกัน แล้วหลี่เพ่ยเพ่ยก็ขึ้นไปนั่งบรรเลงเพลงให้หยวนฟางหรงได้ฟัง พร้อมกับมองเขาด้วยสายตาแห่งความหลงใหลทั้งที่ในใจอยากจะตะโกนไล่ให้เขาออกไปไกล ๆ จากนาง
หยวนฟางหรงนั่งมองนางอย่างหลงใหลทั้งหน้าตา ฐานะ ความสามารถของนางเขายอมรับเลยว่านางนั่นเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะมาเป็นชายาเอกของเขา หลังจากที่หลี่เพ่ยเพ่ยบรรเลงเพลงพินจบลงก็ลงมานั่งกับหยวนฟางหรงพร้อมกับพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง
" เพ่ยเอ๋อร์เล่นได้ไพเราะยิ่งนัก สมกับคำเล่าลือมิผิด " เขาเอ่ยชมนางออกไปเขาคิดไม่ผิดที่เลือกมาจวนสกุลหลี่ในวันนี้
" ขอบพระทัยเพคะ ทรงชมหม่อมฉันเกินไปแล้ว " ยิ่งคุยกันหยวนฟางหรงยิ่งชอบหลี่เพ่ยเพ่ยมากขึ้นไปอีกเขาไม่แน่ใจว่านี่เป็นความรักหรือเขาเพียงแค่ถูกใจของเล่นชิ้นใหม่เพียงแค่นั้น
" ข้าคงต้องขอตัวกลับก่อนนี่ก็เริ่มเย็นแล้ว " เขาพูดหลังจากนั่งคุยกันมาสักพัก
" เพคะ " ทั้งสองก็เดินเคียงคู่กันออกไปหน้าจวน
" เราจะออกไปเดินตลาดด้วยกันได้หรือไม่ " เขาถามขึ้นก่อนที่จะกลับออกไป
" คงต้องขออนุญาตจากท่านพ่อเพคะ " ตอบตกลงกลาย ๆ โดยใช้บิดามาเป็นข้ออ้าง
" เช่นนั้นอีกสองวันข้าจะมาขอท่านแม่ทัพใหญ่เอง วันนี้ข้าต้องไปก่อนฝากแจ้งแก่ท่านแม่ทัพใหญ่ด้วย " เขาบอกแล้วยิ้มให้นางด้วยแววตารักใคร่
" น้อมส่งท่านอ๋องเพคะ " แล้วหยวนฉี่ฟางก็เดินขึ้นรถม้าไป นางยืนมองรถม้าที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปพร้อมกลับสีหน้าที่เปลี่ยนจากรอยยิ้มมาเป็นสี่หน้าเย็นชา ' ข้าไม่มีวันหลงใหลรอยยิ้มและแววตาเช่นนั้นอีกแล้ว ' คิดได้เช่นนั้นก็เดินกลับเข้าไปในจวน
*********
" ข้าจะอาบน้ำ ไปเตรียมให้ข้า " หลังจากเดินเข้ามาในเรือนนางสั่งให้อ้ายฉิงไปเตรียมน้ำให้นางอาบ เพราะนางทนไม่ไหวนางรังเกียจเกินไปที่จะอยู่ในชุดนี้" คงถึงเวลาแล้วสินะ " นางยืนมองสวนดอกไม้ในความมืดผ่านหน้าต่างและนึกถึงแผนการที่นางกำลังจะเกิดขึ้น" ข้าจะทำให้เจ้าเจ็บช้ำจนถึงที่สุด ฉีหลิงหลง " นางพูดออกมาผ่านความมืดให้มันล่องลอยออกไปพร้อมกับความเจ็บปวดที่คอยกัดกินภายในหัวใจของนางที่เคยพบเจอมาหลังจากนางอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกไปทานอาหารเย็นกับครอบครัว มารดาเล่าให้บิดาและพี่ชายฟังว่าหยวนฟางหรงมาหานางที่จวน และแสดงออกถึงความพึงพอใจในตัวนาง บิดามองนางด้วยสายความเป็นห่วงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ต่างจากพี่ชายที่หลังจากทานอาหารเสร็จก็เดินตามนางมานั่งที่ศาลาหน้าเรือน" ท่านอ๋องมาหาเจ้าหรือ " เขาเอ่ยถามหลังจากเข้ามานั่งในศาลาเรียบร้อย" เขามาหาพวกเราต่างหากแต่ท่านพี่ไม่อยู่จวนเจ้าค่ะ " นางบอกพี่ชาย" มาหาข้างั้นหรือ หึ ข้าอยู่จวนทุกวันนี้ข้าพึ่งออกจากจวนไปเขาก็มาหาข้า ช่างบังเอิญเสียจริง " หลี่เพ่ยเพ่ยพูดแล้วเบ้หน้าด้วยความไม่พอใจออกมา" พี่ใหญ่ท่านคิดมากไปแล้ว " นางบอกเขาอย่าได้คิดมากแต่ภายในใจนางก็คิดเช่นพี่ชาย" เจ้าเข้าข้างเขาเช่นนั้นหรือ " เขาสะบัดหน้าหนีนางเขามาพบเพียงแค่วันเดียวก็ไปเข้าข้างเขาเสียแล้ว เมื่อเห็นนางเพียงแค่ขบขันกับท่าทีของเขาจึงได้เอ่ยถามต่อไป" เขาพูดอะไรกับเจ้าบ้าง " เขาถามแล้วจ้องมองนางด้วยสายตาจับผิดที่แสดงออกมาชัดเจน" เขาชวนน้องออกไปเดินตลาด " นางบอกพี่ชายตามตรงนางก็ไม่ได้อยากจะออกเดินตลาดกับเขาเพียงแค่สองคน ไม่สู้ชวนพี่ชายไปด้วยจะได้สบายใจมากขึ้นอย่างน้อยเขาก็น่าจะหาทางขัดข้างเขาบ้าง" แล้วเจ้าก็ตกลงงั้นหรือ หรือว่าเจ้าหลงเสน่ห์เขาแล้ว " หลี่เพ่ยหยางเอ่ยขึ้นแล้วแสดงสีหน้าตกใจออกมา" ฮ่าฮ่า ท่านอย่าได้คิดมากข้าไม่มีทางหลงเสน่ห์เขาหรอกเจ้าค่ะ " นางหัวเราะให้กับท่าทางตกใจของพี่ชาย" แล้วเจ้าตอบไปอย่างไร " เขาถามแล้วรอคำตอบของนางอย่างใจจดใจจ่อ " แล้วแต่ท่านพ่อเจ้าค่ะ " เมื่อนางบอกออกไปเขาก็พูดขึ้นในทันที" พี่จะไปกับเจ้าด้วย " พี่ชายเอ่ยอย่างเอาแต่ใจ" จะดีหรือเจ้าค่ะ " นางแสร้งถามอย่างกังวลออกไป" ช่างเถอะน่ายังไงพี่ก็จะไปกับเพ่ยเอ๋อร์ด้วย ท่านอ๋องจะมารับเจ้าไปเที่ยวด้วยเมื่อใด " เขาถามถึงวันที่จะต้องออกไปเดินตลาดกับหยวนฟางหรงเพื่อที่จะได้เตรียมตัวกับพวกเขาด้วย" อีกสองวันเจ้าค่ะ " นางตอบพี่ชาย" อีกสองวันพี่จะมาหาเจ้าแต่เช้า " พูดจบเขาก็เดินออกไปโดยไม่คิดที่จะฟังคำตอบของนาง หลังจากที่พี่ชายออกไปนางก็กลับเข้าไปในเรือน นางนั่งอ่านหนังสือบนเตียงอย่างผ่อนคลาย " ท่านอ๋องจะแต่งนางเป็นภรรยาเอกจริงหรือเพคะ " ฉีหลิงหลงถามอ๋องสามผู้เป็นที่รัก" ใช่ ข้าต้องการแรงสนับสนุนและกองกำลังของสกุลหลี่ " เขาพูดแล้วยื่นมือออกไปกุมมือนางไว้" แล้วหลงเอ๋อร์เล่าเพคะ " นางเอ่ยอย่างน้อยใจและพยายามดึงมือที่ถูกอ๋องสามกุมไว้ออกมา" อย่างไรหลงเอ๋อร์ก็สำคัญกับข้าที่สุด " เขาพูดปลอบนางแล้วดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด" จริงนะเพคะ " แล้วนางก็สวมกอดเขาตอบ" ข้าจะไม่มีวันทิ้งเจ้าแน่นอน " เขาจูบลงบนผมของนางพร้อมกับให้คำสัญญา หอแสงจันทร์" อ๋องสามไปพบนางเช่นนั้นหรือ " เอาถามหลังจากได้ยินคำรายงาน เขาให้ลูกน้องไปติดตามนางอย่างห่าง ๆ พร้อมกับคอยดูความเคลื่อนไหวของนาง" ขอรับ "“เจ้าได้ยินในสิ่งที่พวกเขาคุยกันหรือไม่” เขาเอยถามลูกน้องที่ใช้ไปลอบสังเกตการณ์ที่จวนสกุลหลี่
“ไม่ได้ยินขอรับ ข้าไม่กล้าเข้าไปใกล้นักกลัวอ๋องสามจะจับสังเกตได้ขอรับ” เขาตอบเจ้านายไป ซุนเฉิงได้ยินเช่นนั้นก็ครุ่นคิดอยู่สักพัก
“อืม จากนี้ไปเจ้าต้องคอยอยู่ใกล้คุณหนูหลี่เจ้าต้องรายงานข้าทุกเรื่อง แม้นางจะคุยกับใครเบาแค่ไหนเจ้าก็ต้องนำมารายงานข้าให้จงได้” เขาสั่งงานกับลูกน้องที่ใช้ให้ไปติดตามหลี่เพ่ยเพ่ย
“ขอรับนายท่าน” แล้วเขาก็เดินออกไป
“ข้าคงต้องไปเยี่ยมเพ่ยหยางอีกแล้วสินะ” เขาบ่นกับตัวเอง แล้วเดินหายออกไปในความมืด
ภายในห้องหนังสือของหลี่เพ่ยหยาง
" นายท่าน " เขาลุกขึ้นทำความเคารพแขกผู้มาเยือนในตอนค่ำ
" ตามสบาย " แล้วเขาก็เดินไปนั่งลงที่ตั่งไม้
" อ๋องสามมาที่จวนของเจ้าหรือ " เขาถามขึ้น
" ใช่แล้วขอรับ นายท่านทราบได้อย่างไร " เขาถามกลับอย่างงุนงง
" ข้ารู้ได้อย่างไรไม่สำคัญเท่าเขามาทำไม " เขาตอบอย่างนิ่ง ๆ เพื่อไม่ให้เป็นการผิดสังเกต
" เขามาชวนน้องสาวกระหม่อมออกไปเดินตลาดขอรับ " เขาตอบกลับ สีหน้าของซุนเฉิงมืดครึ้มลงอย่างเห็นได้ชัด
" เขาต้องการอะไรจากจวนเจ้าต้องการเป็นเขย หรือต้องการอำนาจของจวนเจ้ากันแน่ " เขาเอ่ยออกมาอย่างเสียอารมณ์
" ข้าว่าเขาต้องการอำนาจของจวนแม่ทัพเป็นแน่ จึงเข้าทางเพ่ยเอ๋อร์ " หลี่เพ่ยหยางพูดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้เขาไม่สบอารมณ์เช่นกัน ' คิดจะใช้น้องสาวของเขาปูทางเช่นนั้นรึ แม้จะเป็นอ๋องก็ฝันไปเถอะ ' เขาคิดอย่างเข็ดเขี้ยวในใจ
" เขาจะไม่มีวันได้ในสิ่งที่เขาต้องการ " เขาพูดอย่างโมโห
" นายท่านโกรธอะไรหรือขอรับ " เขาถามอย่างไม่เข้าใจ
" อืม ข้าา โกรธที่เขาคิดจะใช้อำนาจของจวนแม่ทัพไปในทางมิชอบ เจ้าก็รู้เขาไม่ใช่คนดีอะไร " เขาแสร้งเอ่ยถึงเรื่องไม่ดีของหยวนฟางหรงขึ้นมา
“เช่นนั้นหรือขอรับ ขอบคุณนายท่านที่เป็นห่วงครอบครัวข้า” เขาเอ่ยขอบคุณจากใจจริง เขาไม่เคยได้รับความเป็นห่วงเช่นนี้กันนายท่านเลยสักครั้งตั้งแต่ที่ทำงานรับใช้เขามา
" อืม " เขาพยักหน้าแล้วมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ' นี่ข้าเป็นอะไรทำไมถึงได้อารมณ์เสียเช่นนี้ นี่ข้าคงไม่ได้ชอบนางเข้าแล้วจริง ๆ หรอกนะ ' เขาไล่ความคิดออกจากหัวแล้วเดินออกจากห้องไป
***********************
สามารถติชมได้นะคะ
ฝากกดติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
" ข้าเข้าจวนก่อนนะ เจ้าก็กลับจวนดีดีล่ะ " นางเอ่ยลาสหายก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในจวน
" อืม เช่นนั้นข้ากลับจวนก่อนนะ " นางเอ่ยลาสหายก่อนที่จะกลับจวนแล้วทั้งสองก็ยิ้มให้กันก่อนแยกย้ายจากกัน
" กลับจวน " จากนั้นหลี่เพ่ยเพ่ยก็บอกคนขับรถม้าให้ออกรถเพื่อกลับจวนที่อยู่ห่างออกไปพอสมควร
" ขอรับ " แล้วคนขับรถม้าก็ออกตัวรถม้าไปตามถนน ท้องฟ้าเริ่มมืดพอถึงเส้นทางที่คนไม่พลุกพล่านรถม้าก็จอดลงพร้อมกับเสียงพูดคุยด้านนอก ประตูรถเปิดขึ้นพร้อมกับองครักษ์เข้ามารายงานถึงความเป็นไปของด้านนอก
" คุณหนู มีคนบาดเจ็บมาขอติดรถไปด้วยขอรับ " หลังจากองครักษ์รายงานเสร็จนางมองออกด้านไปนอกรถม้าบุรุษใส่หน้ากากปิดทั้งใบหน้ายกเว้นบริเวณปาก สวมชุดสีดำสนิทเหมือนหน้ากากที่ใส่อยู่ นางมองเขานิ่งพลันนึกขึ้นได้ ' เป็นเขาชายสวมหน้ากากที่นางเคยบังเอิญได้ยินและได้เจอตอนเขาอยู่กับพี่ใหญ่ในอดีต นายท่านแห่งหอแสงจันทร์ ซุนเฉิง ' ทั้งสองสบตากันอยู่นานก่อนที่นางจะเอ่ยอนุญาตให้เขาขึ้นมาบนรถม้า
" ให้เขาขึ้นมา " นางบอกกับองครักษ์
" จะดีหรือเจ้าคะคุณหนู " อ้ายฉิงเอ่ยท้วง
" ดีสิ เห็นคนบาดเจ็บเราต้องช่วยไม่ใช่หรือองครักษ์ของเราก็มีเจ้าจะกลัวไปไย " นางเอ่ยพร้อมยิ้มให้สาวใช้ หลังจากนั้นซุนเฉิงก็ขึ้นมานั่งภายในรถม้ากับนางและสาวใช้ด้านใน
" ออกรถ " หลังนางพูดจบรถม้าก็ได้เคลื่อนตัวออก
" อ้ายฉิงเจ้าออกไปก่อน " นางพูดกับสาวใช้ในขณะรถกำลังวิ่งอยู่ระหว่างทางกลับจวน
" คุณหนู " นางพูดได้แค่นั้นเพราะเห็นหน้าของคุณหนูที่มองหน้านางนิ่ง ๆ นางจึงต้องจำต้องออกไปรอข้างนอก
" ขอบคุณคุณหนูหลี่ " เขาเห็นรถจากจวนสกุลหลี่จึงออกมาขอความช่วยเหลือ เพราะเขานั้นรู้จักกับแม่ทัพใหญ่เขาจึงวางใจในระดับหนึ่ง
" มิเป็นไรเจ้าค่ะ นายท่านซุนแห่งหอแสงจันทร์ " เขามองนางอย่างตะลึง นางรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นนายท่านแห่งหอแสงจันทร์ไม่เคยมีใครรู้ถึงตัวตนของนายท่านแห่งหอแสงจันทร์เพราะเขาไม่เคยออกไปพบกับใครสักครั้งในตำแหน่งนี้
" เจ้ารู้ได้อย่างไร " เขาถามนางออกไปด้วยความสงสัย
" เรื่องนั้นท่านไม่จำเป็นต้องรู้หรอกเจ้าค่ะ " นางเอ่ยพร้อมทำหน้านิ่งมองออกไปด้านนอกโดยไม่มองเขาแม้แต่น้อย รถม้าเคลื่อนตัวใกล้ถึงจวนแม่ทัพก็หยุดลง
" ข้าส่งท่านได้เพียงเท่านี้ " นางพูดขึ้น
" ขอบคุณคุณหนูหลี่อีกครั้ง แล้วข้าจะตอบแทนคุณหนูภายหลัง " เขาเอ่ยปากขอบคุณนางอีกครั้ง
" ข้ามีเรื่องให้ท่านต้องตอบแทนแน่นอนเจ้าค่ะ " นางยกยิ้มน้อย ๆ ให้กับเขา
" มาขอพบข้าที่หอแสงจันทร์ได้ทุกเมื่อ " เขาบอกกับนางแล้วลงจากรถม้าไป รถม้าเคลื่อนตัวออกไป
" ท่านมาหาข้าโดยที่ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย ดียิ่งนัก " นางพูดกับตัวเอง
ทางด้านซุนเฉิงลงมาจากรถม้ามาแล้วก็ยืนมองรถม้าที่เคลื่อนตัวออกไปก็ได้แต่คิดในใจ ' เจ้าชั่งน่าสนใจยิ่งนักหลี่เพ่ยเพ่ย ' นางเป็นสตรีที่แปลกยิ่งนักนางไม่มีความกลัวแสดงออกมาให้เห็นแม้เพียงนิด นางเป็นเพียงสตรีในห้องหอทำไมถึงไม่มีความกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
" จัดการได้ทั้งหมดแล้วขอรับ " องครักษ์เดินออกมาจากความมืดเพื่อรายงานซุนเฉิงถึงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
" อืม ข้าจะไปพบเพ่ยหยาง " พูดจบทั้งสองก็หายเข้าไปในความมืด
" จัดการได้เรียบร้อยหรือไม่ " เขาเดินเข้ามาในห้องหนังสือของหลี่เพ่ยหยาง หลี่เพ่ยหยางกำลังจะลุกขึ้น
" ไม่ต้องมากพิธี " แล้วเขาก็นั่งลงที่ตั่งตรงหน้าต่าง
" จัดการเรียบร้อยหมดแล้วขอรับ " เขาตอบออกไป
" ตรวจสอบเสร็จหรือยัง " ขาถามในขณะเทน้ำชาให้กับตัวเอง
" ตรวจสอบแล้ว เป็นคนของอ๋องสามขอรับ " เขาเงยหน้าขึ้นมองหลี่เพ่ยหยาง
" อ๋องสามเช่นนั้นหรือ น่าสนใจ " เขาพูดแล้วพยักหน้า เขาหันไปมองหลี่เพ่ยหยางที่ยืนก้มหน้าอยู่
" นั่งลงเถอะ " หลี่เพ่ยหยางนั่งลงแล้วเขาก็ได้เอ่ยปากขึ้น
" อ๋องสามสนใจน้องสาวของเจ้าหรือ " เขาถามถึงข่าวที่ได้รับมา หยวนฟางหรงได้เข้าไปตีสนิทกับสองพี่น้องเมื่อไม่กี่วันก่อน
" ไม่แน่ใจขอรับ แต่เหมือนเขาจะให้ความสำคัญกับนางมากกว่าสตรีคนใด " เขาตอบไปตามตรง
" แล้วน้องสาวของเจ้าเล่า สนใจเขาหรือไม่ " เมื่อได้ยินคำถามหลี่เพ่ยหยางมองซุนเฉิงอย่างอึ้ง ๆ
" นา นางไม่ได้สนใจอ๋องสามขอรับ " หลี่เพ่ยหยางตอบออกไปอย่างงง ๆ
" เช่นนั้นหรือ " หลี่เพ่ยหยางเห็นแววตาพึงพอใจและการยกยิ้มของซุนเฉิง ' เป็นไปได้อย่างไร เขาพึงใจในเรื่องใดกัน ' เขาทำงานกับซุนเฉิงมานานไม่เคยเห็นเขายิ้มออกมาอย่างไม่มีสาเหตุเช่นนี้มาก่อน แล้วเขาก็เดินออกจากห้องไปทำให้หลี่เพ่ยหยางมองตามอย่างงง ๆ
หลังจากนั้นไม่นานหยวนฟางหรงก็เดินทางมายังจวนสกุลหลี่ตามที่เขาได้เอ่ยปากไว้
" คุณหนู ฮูหยินให้มาตามไปที่โถงรับแขกเจ้าค่ะ " บ่าวรับใช้เข้ามาตามคุณหนูตามที่นายหญิงของจวนสั่งมา
" มีอะไรหรือ " นางเอ่ยถามออกไป
" ท่านอ๋องสามมาขอพบคุณหนูและคุณชายเจ้าค่ะ แต่คุณชายไม่อยู่ฮูหยินจึงให้มาบ่าวเรียกคุณหนูไปพบกับท่านอ๋องเจ้าค่ะ " นางรายงานตามที่ได้รับรู้มา
" เช่นนั้นหรือ " ' ช่างเลือกมาถูกวันเสียจริง คงรู้ว่าพี่ใหญ่ไม่อยู่บ้านสินะ ' นางได้แต่คิดในใจ
" เจ้าค่ะ " นางตอบคุณหนู
" เดี๋ยวข้าออกไป " นางบอกสาวใช้แล้วเรียกอ้ายฉิงเขามาช่วยนางแต่งตัว
ทางด้านโถงรับแขกก็มีแขกสูงศักดิ์นั่งคุยกับฮูหยินของจวนอยู่อย่างเป็นกันเอง
" คุณหนูมาแล้วเจ้าค่ะ " เสียงหญิงรับใช้ดังขึ้นทำให้คนทั้งสองมองออกไปยังประตู หลี่เพ่ยเพ่ยเดินเข้ามาด้วยชุดสีแดงเพลิง แต่งหางตาให้ยกสูงขึ้นเหมือนหงส์ ปาดสีแดงระเรื่อรับกับสีชุด ปล่อยปอยผมให้คลอเคลียดวงหน้าทำให้ดูมีเสน่ห์ หุ่นที่โตเกินวัยอะไรที่ควรมีก็มี อะไรที่ควรเล็กก็เล็ก มองยังไงก็เหมือนปีศาจจิ้งจอกที่ค่อยยั่วยวนบุรุษ ในชาติก่อนนางไม่เคยแต่งตัวเช่นนี้นางชอบสวมชุดสีอ่อนอาจจะทำให้ดูจืดชืดไปบ้างเพราะนางสวมชุดเช่นนี้มันดูยั่วยวนเกินไปนางไม่ชอบเท่าไหร่ แต่แล้วอย่างไรแสนดีแล้วได้อะไรกลับมาบ้างนางจะทำให้เขาหลงนางจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วตัดความหวังที่จะได้ขึ้นครองราชย์นั้นลงเอง
" คารวะท่านอ๋องเพคะ คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ " นางเอ่ยขึ้นในขณะที่หยวนฟางหรงมองนางอย่างหลงใหล" ตามสบายเถอะคุณหนูหลี่ " เขาตอบกลับหลังจากได้สติ" ขอบพระทัยเพคะ " นางเอ่ยแล้วนั่งลงข้างมารดา มารดามองนางและหยวนฟางหรงแล้วยิ้ม ๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า" เพ่ยเอ๋อร์พาท่านอ๋องไปนั่งคุยกันที่ศาลาเถอะ แม่แก่แล้วจะเข้าไปพักเสียหน่อย " ท่านแม่พูดแล้วส่งยิ้มให้หยวนฟางหรง นางคิดว่าถ้าหยวนฟางหรงสนใจในตัวบุตรสามของตนก็ไม่เสียหายเพราะเขาก็ไม่ได้มีสตรีในเรือนจะมีก็แค่สาวใช้อุ่นเตียงก็เท่านั้น" เจ้าค่ะท่านแม่ " นางตอบแล้วทำท่าเขินอายใส่มารดา" หม่อมฉันทูลลาเพคะ " นางเอ่ยลาก่อนเดินจากไป" เชิญทางนี้เพคะ " นางลุกขึ้นแล้วนำอ๋องสามเดินออกยังสวนที่ไว้ใช้รับแขกที่มาพบที่บ้าน ก่อนจะพาเดินเข้าไปยังศาลา เด็กรับใช้ก็พากันเดินนำขนมและน้ำชาเข้ามา หลังจากทั้งหมดออกไปแล้วเหลือเพียงหลี่เพ่ยเพ่ยและอ๋องสาม นางให้อ้ายฉิงออกไปนั่งไกลจากจุดที่นางกับหยวนฟางหรงอยู่แต่ก็ไม่ได้ไกลจนน่าเกลียดเกินไป" ข้าขอเรียกเจ้าว่าเพ่ยเอ๋อร์เช่นมารดาของเจ้าได้หรือไม่ " เขาเอ่ยขึ้นมาแล้วส่งยิ้มที่แสนจะอบอุ่นมาให้กับนาง
" ได้สิเพคะ เป็นเกียรติของหม่อมฉันแล้ว " นางเอ่ยแล้วยิ้มอย่างมีเสน่ห์ส่งให้กับเขา
" ข้าได้ยินมาว่าเพ่ยเอ๋อร์เล่นพินได้ไพเราะมาก เจ้าจะเล่นให้ข้าฟังได้หรือไม่ " เขาเอ่ยออกมา นางได้แต่คิดในใจว่าเขาไปได้ยินมาจากไหนนางไม่เคยเล่นให้ผู้ใดได้ยินเลยสักครั้ง
" ได้สิเพคะ " นางเรียกอ้ายฉิงให้ไปนำพินออกมาให้กับนาง แล้วนางก็เทน้ำชาแล้วยื่นให้อ๋องสาม เขายื่นมือมารับพร้อมกับจับมือของนางด้วย นางก้มหน้าลงซ่อนแววตารังเกียจแล้วเงยหน้าขึ้นพร้อมหันยิ้มยั่วยวนบุรุษตรงหน้า รอยยิ้มนี้ทำให้อ๋องสามหัวใจกระตุกเขาไม่เคยเป็นแบบนี้แม้แต่กับฉีหลิงหลงคนที่เขาคบหาอย่างลับ ๆ ฉีหลิงหลง บุตรสาวของฉีอันเฉินรองเสนาบดีกรมคลัง ลูกน้องคนสนิทของท่านลุงของเขา เขาเจอนางตั้งแต่เล็กทำให้เกิดความสนิทกันจนเกิดเป็นความรักจนเขาได้มาเจอหลี่เพ่ยเพ่ยในวันนี้ นางทำให้เขาเกิดอาการในแบบที่ไม่เคยเกิดกับฉีหลิงหลง แต่ถึงเขาจะรักนางจากใจจริงก็ไม่สามารถแต่งนางมาเป็นชายาเอกได้เพราะเขาต้องการกำลังทหารของคนสกุลหลี่เพื่อเป็นแรงสนับสนุนให้กับเขาเพื่อที่จะได้ครอบครองตำแหน่งองค์รัชทายาทอย่างไม่มีใครกล้ามาทัดทาน
ทั้งคู่สบตากันอยู่นานแล้วอ้ายฉิงก็พาสาวใช้เดินถือพินเข้ามาทำให้ทั้งสองต้องละสายตาออกจากกัน แล้วหลี่เพ่ยเพ่ยก็ขึ้นไปนั่งบรรเลงเพลงให้หยวนฟางหรงได้ฟัง พร้อมกับมองเขาด้วยสายตาแห่งความหลงใหลทั้งที่ในใจอยากจะตะโกนไล่ให้เขาออกไปไกล ๆ จากนาง
หยวนฟางหรงนั่งมองนางอย่างหลงใหลทั้งหน้าตา ฐานะ ความสามารถของนางเขายอมรับเลยว่านางนั่นเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะมาเป็นชายาเอกของเขา หลังจากที่หลี่เพ่ยเพ่ยบรรเลงเพลงพินจบลงก็ลงมานั่งกับหยวนฟางหรงพร้อมกับพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง
" เพ่ยเอ๋อร์เล่นได้ไพเราะยิ่งนัก สมกับคำเล่าลือมิผิด " เขาเอ่ยชมนางออกไปเขาคิดไม่ผิดที่เลือกมาจวนสกุลหลี่ในวันนี้
" ขอบพระทัยเพคะ ทรงชมหม่อมฉันเกินไปแล้ว " ยิ่งคุยกันหยวนฟางหรงยิ่งชอบหลี่เพ่ยเพ่ยมากขึ้นไปอีกเขาไม่แน่ใจว่านี่เป็นความรักหรือเขาเพียงแค่ถูกใจของเล่นชิ้นใหม่เพียงแค่นั้น
" ข้าคงต้องขอตัวกลับก่อนนี่ก็เริ่มเย็นแล้ว " เขาพูดหลังจากนั่งคุยกันมาสักพัก
" เพคะ " ทั้งสองก็เดินเคียงคู่กันออกไปหน้าจวน
" เราจะออกไปเดินตลาดด้วยกันได้หรือไม่ " เขาถามขึ้นก่อนที่จะกลับออกไป
" คงต้องขออนุญาตจากท่านพ่อเพคะ " ตอบตกลงกลาย ๆ โดยใช้บิดามาเป็นข้ออ้าง
" เช่นนั้นอีกสองวันข้าจะมาขอท่านแม่ทัพใหญ่เอง วันนี้ข้าต้องไปก่อนฝากแจ้งแก่ท่านแม่ทัพใหญ่ด้วย " เขาบอกแล้วยิ้มให้นางด้วยแววตารักใคร่
" น้อมส่งท่านอ๋องเพคะ " แล้วหยวนฉี่ฟางก็เดินขึ้นรถม้าไป นางยืนมองรถม้าที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปพร้อมกลับสีหน้าที่เปลี่ยนจากรอยยิ้มมาเป็นสี่หน้าเย็นชา ' ข้าไม่มีวันหลงใหลรอยยิ้มและแววตาเช่นนั้นอีกแล้ว ' คิดได้เช่นนั้นก็เดินกลับเข้าไปในจวน
*********
" ข้าจะอาบน้ำ ไปเตรียมให้ข้า " หลังจากเดินเข้ามาในเรือนนางสั่งให้อ้ายฉิงไปเตรียมน้ำให้นางอาบ เพราะนางทนไม่ไหวนางรังเกียจเกินไปที่จะอยู่ในชุดนี้" คงถึงเวลาแล้วสินะ " นางยืนมองสวนดอกไม้ในความมืดผ่านหน้าต่างและนึกถึงแผนการที่นางกำลังจะเกิดขึ้น" ข้าจะทำให้เจ้าเจ็บช้ำจนถึงที่สุด ฉีหลิงหลง " นางพูดออกมาผ่านความมืดให้มันล่องลอยออกไปพร้อมกับความเจ็บปวดที่คอยกัดกินภายในหัวใจของนางที่เคยพบเจอมาหลังจากนางอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกไปทานอาหารเย็นกับครอบครัว มารดาเล่าให้บิดาและพี่ชายฟังว่าหยวนฟางหรงมาหานางที่จวน และแสดงออกถึงความพึงพอใจในตัวนาง บิดามองนางด้วยสายความเป็นห่วงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ต่างจากพี่ชายที่หลังจากทานอาหารเสร็จก็เดินตามนางมานั่งที่ศาลาหน้าเรือน" ท่านอ๋องมาหาเจ้าหรือ " เขาเอ่ยถามหลังจากเข้ามานั่งในศาลาเรียบร้อย" เขามาหาพวกเราต่างหากแต่ท่านพี่ไม่อยู่จวนเจ้าค่ะ " นางบอกพี่ชาย" มาหาข้างั้นหรือ หึ ข้าอยู่จวนทุกวันนี้ข้าพึ่งออกจากจวนไปเขาก็มาหาข้า ช่างบังเอิญเสียจริง " หลี่เพ่ยเพ่ยพูดแล้วเบ้หน้าด้วยความไม่พอใจออกมา" พี่ใหญ่ท่านคิดมากไปแล้ว " นางบอกเขาอย่าได้คิดมากแต่ภายในใจนางก็คิดเช่นพี่ชาย" เจ้าเข้าข้างเขาเช่นนั้นหรือ " เขาสะบัดหน้าหนีนางเขามาพบเพียงแค่วันเดียวก็ไปเข้าข้างเขาเสียแล้ว เมื่อเห็นนางเพียงแค่ขบขันกับท่าทีของเขาจึงได้เอ่ยถามต่อไป" เขาพูดอะไรกับเจ้าบ้าง " เขาถามแล้วจ้องมองนางด้วยสายตาจับผิดที่แสดงออกมาชัดเจน" เขาชวนน้องออกไปเดินตลาด " นางบอกพี่ชายตามตรงนางก็ไม่ได้อยากจะออกเดินตลาดกับเขาเพียงแค่สองคน ไม่สู้ชวนพี่ชายไปด้วยจะได้สบายใจมากขึ้นอย่างน้อยเขาก็น่าจะหาทางขัดข้างเขาบ้าง" แล้วเจ้าก็ตกลงงั้นหรือ หรือว่าเจ้าหลงเสน่ห์เขาแล้ว " หลี่เพ่ยหยางเอ่ยขึ้นแล้วแสดงสีหน้าตกใจออกมา" ฮ่าฮ่า ท่านอย่าได้คิดมากข้าไม่มีทางหลงเสน่ห์เขาหรอกเจ้าค่ะ " นางหัวเราะให้กับท่าทางตกใจของพี่ชาย" แล้วเจ้าตอบไปอย่างไร " เขาถามแล้วรอคำตอบของนางอย่างใจจดใจจ่อ " แล้วแต่ท่านพ่อเจ้าค่ะ " เมื่อนางบอกออกไปเขาก็พูดขึ้นในทันที" พี่จะไปกับเจ้าด้วย " พี่ชายเอ่ยอย่างเอาแต่ใจ" จะดีหรือเจ้าค่ะ " นางแสร้งถามอย่างกังวลออกไป" ช่างเถอะน่ายังไงพี่ก็จะไปกับเพ่ยเอ๋อร์ด้วย ท่านอ๋องจะมารับเจ้าไปเที่ยวด้วยเมื่อใด " เขาถามถึงวันที่จะต้องออกไปเดินตลาดกับหยวนฟางหรงเพื่อที่จะได้เตรียมตัวกับพวกเขาด้วย" อีกสองวันเจ้าค่ะ " นางตอบพี่ชาย" อีกสองวันพี่จะมาหาเจ้าแต่เช้า " พูดจบเขาก็เดินออกไปโดยไม่คิดที่จะฟังคำตอบของนาง หลังจากที่พี่ชายออกไปนางก็กลับเข้าไปในเรือน นางนั่งอ่านหนังสือบนเตียงอย่างผ่อนคลาย " ท่านอ๋องจะแต่งนางเป็นภรรยาเอกจริงหรือเพคะ " ฉีหลิงหลงถามอ๋องสามผู้เป็นที่รัก" ใช่ ข้าต้องการแรงสนับสนุนและกองกำลังของสกุลหลี่ " เขาพูดแล้วยื่นมือออกไปกุมมือนางไว้" แล้วหลงเอ๋อร์เล่าเพคะ " นางเอ่ยอย่างน้อยใจและพยายามดึงมือที่ถูกอ๋องสามกุมไว้ออกมา" อย่างไรหลงเอ๋อร์ก็สำคัญกับข้าที่สุด " เขาพูดปลอบนางแล้วดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด" จริงนะเพคะ " แล้วนางก็สวมกอดเขาตอบ" ข้าจะไม่มีวันทิ้งเจ้าแน่นอน " เขาจูบลงบนผมของนางพร้อมกับให้คำสัญญา หอแสงจันทร์" อ๋องสามไปพบนางเช่นนั้นหรือ " เอาถามหลังจากได้ยินคำรายงาน เขาให้ลูกน้องไปติดตามนางอย่างห่าง ๆ พร้อมกับคอยดูความเคลื่อนไหวของนาง" ขอรับ "“เจ้าได้ยินในสิ่งที่พวกเขาคุยกันหรือไม่” เขาเอยถามลูกน้องที่ใช้ไปลอบสังเกตการณ์ที่จวนสกุลหลี่
“ไม่ได้ยินขอรับ ข้าไม่กล้าเข้าไปใกล้นักกลัวอ๋องสามจะจับสังเกตได้ขอรับ” เขาตอบเจ้านายไป ซุนเฉิงได้ยินเช่นนั้นก็ครุ่นคิดอยู่สักพัก
“อืม จากนี้ไปเจ้าต้องคอยอยู่ใกล้คุณหนูหลี่เจ้าต้องรายงานข้าทุกเรื่อง แม้นางจะคุยกับใครเบาแค่ไหนเจ้าก็ต้องนำมารายงานข้าให้จงได้” เขาสั่งงานกับลูกน้องที่ใช้ให้ไปติดตามหลี่เพ่ยเพ่ย
“ขอรับนายท่าน” แล้วเขาก็เดินออกไป
“ข้าคงต้องไปเยี่ยมเพ่ยหยางอีกแล้วสินะ” เขาบ่นกับตัวเอง แล้วเดินหายออกไปในความมืด
ภายในห้องหนังสือของหลี่เพ่ยหยาง
" นายท่าน " เขาลุกขึ้นทำความเคารพแขกผู้มาเยือนในตอนค่ำ
" ตามสบาย " แล้วเขาก็เดินไปนั่งลงที่ตั่งไม้
" อ๋องสามมาที่จวนของเจ้าหรือ " เขาถามขึ้น
" ใช่แล้วขอรับ นายท่านทราบได้อย่างไร " เขาถามกลับอย่างงุนงง
" ข้ารู้ได้อย่างไรไม่สำคัญเท่าเขามาทำไม " เขาตอบอย่างนิ่ง ๆ เพื่อไม่ให้เป็นการผิดสังเกต
" เขามาชวนน้องสาวกระหม่อมออกไปเดินตลาดขอรับ " เขาตอบกลับ สีหน้าของซุนเฉิงมืดครึ้มลงอย่างเห็นได้ชัด
" เขาต้องการอะไรจากจวนเจ้าต้องการเป็นเขย หรือต้องการอำนาจของจวนเจ้ากันแน่ " เขาเอ่ยออกมาอย่างเสียอารมณ์
" ข้าว่าเขาต้องการอำนาจของจวนแม่ทัพเป็นแน่ จึงเข้าทางเพ่ยเอ๋อร์ " หลี่เพ่ยหยางพูดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้เขาไม่สบอารมณ์เช่นกัน ' คิดจะใช้น้องสาวของเขาปูทางเช่นนั้นรึ แม้จะเป็นอ๋องก็ฝันไปเถอะ ' เขาคิดอย่างเข็ดเขี้ยวในใจ
" เขาจะไม่มีวันได้ในสิ่งที่เขาต้องการ " เขาพูดอย่างโมโห
" นายท่านโกรธอะไรหรือขอรับ " เขาถามอย่างไม่เข้าใจ
" อืม ข้าา โกรธที่เขาคิดจะใช้อำนาจของจวนแม่ทัพไปในทางมิชอบ เจ้าก็รู้เขาไม่ใช่คนดีอะไร " เขาแสร้งเอ่ยถึงเรื่องไม่ดีของหยวนฟางหรงขึ้นมา
“เช่นนั้นหรือขอรับ ขอบคุณนายท่านที่เป็นห่วงครอบครัวข้า” เขาเอ่ยขอบคุณจากใจจริง เขาไม่เคยได้รับความเป็นห่วงเช่นนี้กันนายท่านเลยสักครั้งตั้งแต่ที่ทำงานรับใช้เขามา
" อืม " เขาพยักหน้าแล้วมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ' นี่ข้าเป็นอะไรทำไมถึงได้อารมณ์เสียเช่นนี้ นี่ข้าคงไม่ได้ชอบนางเข้าแล้วจริง ๆ หรอกนะ ' เขาไล่ความคิดออกจากหัวแล้วเดินออกจากห้องไป
***********************
สามารถติชมได้นะคะ
ฝากกดติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ