สุดร้ายแสนรัก
-
2) บทที่ 2(100%)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตุบ
นางได้ชนเข้ากับคนผู้หนึ่งในขณะที่นางกำลังจะล้มเขาก็ได้ดึงนางเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อไม่ให้นางล้มลงไป พอนางเงยหน้าขึ้นมามองก็สบตากับคนที่ชนนางก็ทำให้นางตกใจ ' เป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงเป็นเขาอ๋องสาม!! ' นางยื่นนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขาอยู่นานด้วยความตกใจ จนพี่ชายต้องเข้ามาพยุงตัวนางออกจากเขา
“เพ่ยเอ๋อร์เป็นอะไรหรือไม่” พี่ชายถามออกมาด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับหมุนตัวนางเพื่อสำรวจหาบาดแผล
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะพี่ใหญ่” นางตอบแล้วยิ้มให้กับท่าทางของพี่ชายที่แสดงออกมา
“คารวะท่านอ๋อง ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะที่ได้ช่วยให้น้องสาวของกระหม่อมไม่ให้ล้มลงไป” หลังจากพี่ชายหยุดสำรวจบาดแผลแล้วก็หันไปขอบคุณหยวนฟางหรง
“คารวะท่านอ๋อง ขอบพระทัยเพคะ” นางขอบคุณแล้วก้มหน้าลงทำให้คนที่ได้เห็นเหตุการณ์คิดว่านางเขินอายต่อหยวนฟางหรง แต่ความเป็นจริงแล้วนางได้ซ่อนสายตาที่พร้อมจะฆ่าเขาให้ได้ตลอดเวลา นางพยายามอย่างมากที่จะซ่อนมันเอาไว้ไม่ให้ผู้ใดพบเห็น
“ไม่เป็นไรคุณหนูหลี่ ตามสบายเถิด” เขาเอ่ยบอกพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่แสนจริงใจออกมาให้กับนาง
“ขอบพระทัยเพคะ” นางยิ้มอย่างเขินอายส่งให้กับเขาด้วยความน่ารัก ทั้งที่ในใจอยากจะใช้มีดแทงเขาให้ตายไปให้สมกับที่เขาทำไว้กับนาง
“ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วเช่นนั้นเปิ่นหวางขอตัวไปทำธุระก่อน ต้องขอโทษคุณหนูหลี่ด้วยที่ไม่ทันระวังจนเกือบทำให้คุณหนูหลี่ต้องบาดเจ็บ” เขาส่งยิ้มอย่างสื่อความหมายให้กับนาง นางเพียงยิ้มอย่างใสซื่อส่งกลับไปให้เขา
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เพคะ” หลังจากนั้นเขาก็เดินจากไป หลังจากหยวนฟางหรงเดินจากไปแล้วสายตาที่เคยเอียงอายของหลี่เพ่ยเพ่ยก็ได้แปลเปลี่ยนไปเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาที่แฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น นางพยายามจะเก็บสายตาอาฆาตแค้นไว้ไม่ให้ใครสังเกตเห็นแต่หารู้ไม่ว่าพี่ชายได้สังเกตเห็นมันแล้ว
“เราไปกันเถอะเจ้าค่ะ” พูดจบก็เดินเข้าไปในร้านเครื่องประดับ โดยไม่ได้หันมามองพี่ชายเลยกลัวว่าจะแสดงท่าทีให้พี่ชายสงสัย
“อ อืม” หลี่เพ่ยหยางเดินตามน้องสาวไปด้วยความแปลกใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปของน้องสาว เขาไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้มาก่อนเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวของเขาในระหว่างที่เขาและบิดาไม่อยู่ หลังจากที่เดินดูของในร้านเครื่องประดับก็ได้ของมาสองสามชิ้นก่อนจะเดินออกจากร้านไปเดินตลาดเพื่อเดินเลือกซื้อของต่อ
“เราไปทานอาหารกันดีหรือไม่เจ้าค่ะ” นางเอ่ยชวนพี่ชายขณะเดินเลือกซื้อของในตลาด
“อืม ไปกันสิ” ทั้งสองได้เดินเข้าไปโรงเตี๊ยมที่อยู่ใกล้ ๆ บริเวณที่ทั้งสองเดินอยู่
“เชิญขอรับเชิญ” เสี่ยวเอ้อเดินเข้ามาต้อนรับ แล้วพาทั้งสองเดินเข้าไปด้านในของโรงเตี๊ยม
“มิทราบว่าต้องการนั่งชั้นไหนขอรับ” เสี่ยวเอ้อเอ่ยถามทั้งสองคน
“บนชั้นสองก็แล้วกัน” ชั้นสองของโรงเตี๊ยมเป็นแบบมีที่ตั้งกั้นเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว และมีห้องรับรองไว้ให้หากมีคนต้องการความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
“ตามมาเลยขอรับ” ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเดินขึ้นชั้นสองของโรงเตี๊ยมก็ได้มีคนเอ่ยทักขึ้น
“คุณชายหลี่คุณหนูหลี่เจอกันอีกแล้ว” หยวนฟางหรงเอ่ยทักทั้งสองในขณะที่เดินเข้ามาด้านในโรงเตี๊ยม เขาเห็นสองพี่น้องเดินเข้ามาภายในโรงเตี๊ยมจึงได้เดินตามเข้ามาด้วยเพื่อที่จะได้พูดทำความรู้จักกับทั้งสองคนมากยิ่งขึ้น
“คารวะท่านอ๋อง” ทั้งสองทำเอ่ยความเคารพเขาขึ้นพร้อมกัน
“พวกเรามานั่งทานอาหารด้วยกันหรือไม่ เพื่อเป็นการไถ่โทษที่เปิ่นหวางชนเจ้าเดี๋ยวเปิ่นหวางจะเป็นคนเลี้ยงเองดีหรือไม่” เมื่อได้ยินเช่นนั้นทั้งสองต่างก็หันมามองหน้ากันแววตาไม่พึ่งใจของทั้งสองพาดผ่านไปเพียงแวบเดียวก่อนที่หลี่เพ่ยหยางจะเอ่ยตกลง
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” แล้วทั้งหมดก็พากันขึ้นไปชั้นสองจากตอนแรกที่ทั้งสองพี่น้องจะนั่งบริเวณชั้นสอง แต่พอมีหยวนฟางหรงมาร่วมทานอาหารด้วยจึงต้องนั่งในห้องรับรองเพื่อความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
ภายในห้องรับรอง
หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วหยวนฟางหรงก็เอ่ยปากขอไปเยี่ยมเยียนที่ทั้งสองที่จวนสกุลหลี่
"ข้าจะสามารถไปเยี่ยมพวกเจ้าที่จวนได้หรือไม่" หยวนฟางหรงเอ่ยถามขึ้นขณะนั่งรออาหาร
“จวนแม่ทัพยินดีต้อนรับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” หลี่เพ่ยหยางตอบรับหยวนฟางหรงยิ้มออกมาอย่างสื่อความหมาย ทางด้านหลี่เพ่ยเพ่ยยกยิ้มขึ้นอย่างเขินอายก่อนจะก้มหน้าลงซ่อนแววตาอาฆาตที่หลุดออกมา จากนั้นเสี่ยวเอ้อก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับยกอาหารเข้ามาในห้องทั้งหมดก็หยุดพูดคุยแล้วเริ่มลงมือทานอาหาร
“เชิญตามสบายเถิด” หยวนฟางหรงเอ่ยปากบอกทั้งสองแล้วก็ได้เริ่มรับประทานร่วมกัน ระหว่างทานอาหารก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันเนื่องจากยังไม่ได้สนิทกันมากนัก
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เพคะ” เมื่ออาหารหมดลงทั้งหมดก็พากันพูดคุยกันต่อเล็กน้อยแล้วพากันเดินลงจากโรงเตี๊ยมเพื่อแยกย้ายกันไป
“ขอบพระทัยท่านอ๋องสามสำหรับอาหารมื้อนี้พ่ะย่ะค่ะ” หลี่เพ่ยหยางเอ่ยขอบคุณหยวนฟางหรงสำหรับอาหารมื้อนี้
“ถ้าเช่นนั้นพวกกระหม่อมขอตัวกลับจวนก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ” แล้วเขาก็ขอตัวกลับจวนเนื่องจากออกมานานจากจวนนานแล้ว
“เชิญกลับกันเถอะ” เอาเอ่ยอนุญาตทั้งสอง
" กระหม่อมขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ "
" หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ " แล้วทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับ หลังจากนั้นหลี่เพ่ยหยางและหลี่เพ่ยเพ่ยก็พากันเดินกลับไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่
ภายในรถม้าจวนแม่ทัพ
“พี่ว่าท่านอ๋องสามสนใจในตัวเจ้านะเพ่ยเอ๋อร์” หลี่เพ่ยหยางพูดขึ้นในขณะที่นั่งอยู่บนรถม้า
“พี่ใหญ่คิดเช่นนั้นหรือเจ้าค่ะ” นางถามก่อนจะหันหน้าไปมองพี่ชายของตนเอง แล้วหันหน้ากลับออกไปมองภายนอกหน้าต่างของรถม้า
“ใช่ พี่เห็นเขามองเพ่ยเอ๋อร์ด้วยสายตาลึกซึ้ง” หลี่เพ่ยหยางพูดพลางลอบมองอาการของน้องสาวตนเอง แต่น้องสาวของเขาไม่ได้มีกิริยาเขินอายอย่างตอนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมอย่างที่นางทำต่อหน้าหยวนฟางหรง นางทำเพียงแค่หันมามองเขาแล้วยกยิ้มไม่ไปถึงดวงตาให้พี่ชายแล้วหันกลับไปมองภายนอกเช่นเดิม นั่งไปสักพักรถม้าก็หยุดลง
“ถึงแล้วขอรับ” คนขับรถม้าบอกเมื่อถึงจวนแม่ทัพ ทั้งคู่ก็เดินเข้าไปภายในจวน
“คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” อ้ายฉิงออกมาต้อนรับคุณหนูของตนเองหลังจากที่นายของตนกลับมาจากออกไปเดินตลาดกับพี่ชาย
“อืม” แล้วทั้งหมดก็ได้เดินเข้าไปภายในจวน
“เพ่ยเอ๋อร์ไปพักผ่อนเถอะ” หลี่เพ่ยหยางเอ่ยบอกน้องสาว
“เจ้าค่ะพี่ใหญ่” จากนั้นก็พากันแยกย้ายกลับไปพักผ่อนที่เรือนของตนเอง
ภายในเรือนกุ้ยเหมย
“เจ้าออกไปเถอะ ข้าจะพักผ่อน” หลี่เพ่ยเพ่ยเอ่ยบอกกับอ้ายฉิงให้ออกไปจากห้องนอนของนางไปนางต้องการที่จะพักผ่อนหลังจากออกไปเดินตลาดมา
“เจ้าค่ะ” หลังจากอ้ายฉิงออกจากห้องไปแล้วหลี่เพ่ยเพ่ยก็เหม่อมองออกไปภายนอกหน้าต่างคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำไมนางถึงได้เจอกับหยวนฟางหรงเร็วกว่าในชีวิตก่อน ' หรือว่าเขาให้คนติดตามนาง!! เขาทำถึงขนาดนี้เชียวหรือ ' นางทำได้แต่คับแค้นใจไม่สามารถทำอะไรได้เลยเขาวางแผนมานานแล้วและนางก็ได้ตกลงไปในหลุมที่เขาขุดขึ้นมาเป็นได้เพียงแค่หมากตัวหนึ่ง แม้จะยังไม่พร้อมในการเผชิญหน้าแต่อย่างนั้นก็ดีนางจะได้ทำอะไรได้เร็วขึ้น
“หึ ข้าจะมอบความหวังให้กับพวกเจ้าอย่างถึงที่สุดแล้วข้าจะดับมันลงด้วยมือของข้าเอง” นางพูดแล้วมองออกไปด้านนอกด้วยสายตาความอาฆาตที่แฝงไปด้วยความเศร้าเสียใจที่แสดงออกมา
“แค้นนี้ข้าจะต้องชำระมันด้วยตัวของข้าเอง ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้รู้ถึงการที่อยู่จุดสูงสุดแล้วตกลงมายังก้นเหวเอง” นางพูดแล้วหลับตาลงอย่างช้า ๆ ลำลึกถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น
ตุบ
‘ขออภัยคุณหนู’
‘ว้าย คุณหนูเป็นอะไรไหมเจ้าคะ’
‘ข้าไม่เป็นไร’ นางหันไปพูดกับสาวใช้
‘ข้ามิเป็นไรเจ้าค่ะ’ นางเงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้า คนตรงหน้านางเป็นหนุ่มรูปงามร่างกายสูงโปร่ง ท่าทางองอาจ สง่าผ่าเผย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกำลังจ้องมองนางอยู่ นางตอบกลับแล้วยิ้มอย่างเขินอายให้กับเขา
‘มิทราบว่าคุณหนูชื่ออะไรหรือ ข้ามีนามว่าหยวนฉี่ฟาง’ นางมองเขาอย่างตะลึงพร้อมกับย่อคำนับชายตรงหน้า
‘คา คารวะท่านอ๋อง ขออภัยเพคะหม่อมฉันหลี่เพ่ยเพ่ย’ เขามองหน้านางแล้วยิ้มอย่างอบอุ่นส่งมาให้แก่นาง
‘คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด อย่าได้กังวลไปเลยตามสบายเถอะคุณหนูหลี่’
‘ขอบพระทัยเพคะ’
‘คุณหนูหลี่มาซื้อของเพื่อเตรียมตัวไปงานฉลองหรือ’
‘เพคะ’
‘เช่นนั้นเราเข้าไปในร้านกันเถอะ’ เขาชวนนางเข้าไปในร้านขายเครื่องประดับที่นางกำลังจะเดินเข้าไป
‘เพคะ’ นางเดินตามเขาเข้าไปในร้านเมื่อเดินเข้าไปพร้อมกับเขาทำให้มีแต่คนมองทั้งสองที่เดินเคียงคู่กันมา
‘นั่นมันคุณหนูหลี่กับอ๋องสามพวกเขามาด้วยกันได้เช่นไร’ ใช่ ๆ พวกเขาเข้ามาด้วยกันได้อย่างไร หรือว่าทั้งสองจะคบหากันอยู่’ เสียงภายในร้านดังขึ้นเพราะช่วงนี้คุณหนูคุณชายต่างก็พากันออกมาจับจ่ายซื้อของเตรียมไปงานเลี้ยงฉลองกันหมดทำให้ภายในร้านมีคนมากเป็นพิเศษ‘คุณหนูหลี่เปิ่นหวางว่าของสิ่งนี้เหมาะกับเจ้ายิ่งนัก’ เขาพูดแล้วหยิบกำไลหยกสีชมพูขึ้นมาให้นางดู นางหยิบขึ้นมาดูแล้วนางชอบมากเลยจึงคิดจะซื้อเก็บไว้‘ขอบพระทัยเพคะ’ นางยื่นกำไลให้เสี่ยวเอ้อ อ้ายชิงกำลังจะยื่นเงินให้เสี่ยวเอ้อแต่คนของหยวนฟางหรงยื่นให้กับเสี่ยวเอ้อเสียก่อน‘ไม่เป็นไรเปิ่นหวางซื้อให้เจ้าเอง’ เขายิ้มให้นาง‘ขอบพระทัยเพคะ’ นางก้มหน้าแล้วยิ้มให้อ๋องสามอย่างเขินอาย สักพักเสี่ยวเอ้อกลับมาพร้อมส่งของให้แก่อ้ายฉิงหญิงรับใช้ของนาง แล้วทั้งหมดก็พากันออกจากร้านไป' นั่นไงทั้งคู่คบหากันจริง ๆ ด้วย '' ใช่ ๆ มีซื้อของให้กันด้วย ' เสียงรอบข้างดังขึ้นอีกครั้งหลังจากทั้งคู่กำลังเดินออกจากร้านทำให้ข่าวการคบหาของหลี่เพ่ยเพ่ยและหยวนฟางหรงกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว‘คุณหนูหลี่จะไปที่ใดต่อหรือไม่’ เขาถามในระหว่างที่พวกเขาเดินดูของไปตามตลาด‘หม่อมฉันจะกลับจวนเลยเพคะ’ นางตอบเขาออกไป‘เช่นนั้นวันหลังเปิ่นหวางไปหาเจ้าที่จวนได้หรือไม่’ เขาถามพร้อมทำหน้ารอคำตอบอย่างตั้งใจ‘ด ได้ เพคะ’ นางตอบพร้อมกลับทำหน้าเขินอายออกมา นางไม่คิดว่าบุรุษที่สตรีในเมืองหลวงต่างชมชอบจะมาสนใจสตรีเช่นนาง
‘หม่อมฉันทูลลาเพคะ’ นางลาเขาแล้วเดินจากไปโดยไม่หันมามองด้านหลังอีกเพราะนางกลัวจะแสดงกิริยาไม่เหมาะสมออกมาให้กับเขาได้เห็น
“เจ้าช่างไร้เดียงสาเสียจริงนะหลี่เพ่ยเพ่ย แต่จะไม่มีหลี่เพ่ยเพ่ยคนนั้นอีกเเล้วข้าจะทำให้พวกเจ้ารู้ว่านรกที่แท้จริงเป็นอย่างไรเอง” นางตอกย้ำกับตัวเองอีกครั้งก่อนจะนอนลงบนเตียง
*********
ยามโหย่วนางกลับมาจากทานอาหารที่โถงกลางบ้านนางก็มานังรับลงที่ศาลาหน้าเรือนของนางโดยมีอ้ายฉิงที่ออกไปเอาน้ำชากับของว่างมาให้นางแล้วออกไปนั่งรอด้านนอกศาลาเพราะนางต้องการใช้ความคิดสักครู่ การที่นางจะทำให้หยวนฟางหรงล้มนั้นไม่ง่ายเลยเพราะมารดาของเขาเป็นฮองเฮาของแคว้น หลงอ้ายอัน บิดาของฮองเฮานั้นคือ อดีตเสนาบดีกรมคลัง หลงไป๋เปาและตอนนี้พี่ชายของนางหลงไป๋เช่อมาดำรงตำแหน่งแทนบิดา นางจะทำสิ่งนี้เพียงคนเดียวไม่ได้นางจะต้องหาคนช่วยนางในเรื่องนี้ แต่นางยังคิดไม่ออกว่าจะใช้วิธีใดในการจัดการเขาดี
“เพ่ยเอ๋อร์ทำอะไรอยู่หรือ” ขณะที่นางกำลังคิดเรื่องแผนการอยู่พี่ชายนางก็เดินเข้ามาหานางภายในศาลา
“เปล่าเจ้าค่ะ พี่ใหญ่มีอะไรเจ้าคะ” นางมองพี่ชายที่นั่งลงข้าง ๆ
“พี่ว่าเพ่ยเอ๋อร์แปลกไปหลังจากกลับมาจากตลาด” นางทำหน้าตาเย็นชาใส่ ก่อนจะหัวเราะที่แสนจะเย็นเหยียบออกมาแล้วได้เอ่ยถามพี่ชายออกไป
“หึหึ เช่นนั้นหรือเจ้าคะ เพ่ยเอ๋อร์แปลกไปอย่างไรหรือเจ้าคะ” นางถามออกมาก่อนจะมองหน้าพี่ชาย
“แปลกเจ้าแปลกไป แปลกเกินไปแล้ว” เขาทำท่าทางขนลุกแล้วมองหน้าน้องสาวก่อนที่ทั้งสองจะพากันหัวเราะออกมาอย่างดังพร้อมกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้านี่น่า” เขาว่านองสาวออกมาอย่างเอ็นดู
“อะไรหรือเจ้าค่ะพี่ใหญ่ ฮ่าฮ่าฮ่า” นางพูดกวนพี่ชายพร้อมหัวเราะออกมาอย่างไม่สนกิริยา ในชีวิตก่อนนางจำไม่ได้แล้วว่าเคยหัวเราะออกมาเช่นนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไร
“นี่เจ้า!!” ว่าแล้วก็สะบัดหน้าหนีน้องสาว
“พี่ใหญ่น้องไม่กวนแล้วเจ้าค่ะ” แล้วนางก็เข้าไปกอดแขนพี่ชายและซบลงบนบ่า พี่ชายเห็นก็เอามือไปลูปหัวน้องสาวแล้วถามขึ้น
“เจ้าชมชอบท่านอ๋องหรือไม่” พอได้ยินคำถามหลี่เพ่ยเพ่ยก็ได้นิ่งไป
“ทำไม่พี่ใหญ่ถามเช่นนี้เจ้าค่ะ” นางถามทั้งที่ยังอยู่ในท่าเดิม
“ตอบพี่มาเถอะน่า” เขายังคงตั้งใจรอคำตอบอยู่
“เขาก็เป็นบุรุษที่สตรีชมชอบมิให้หรือเจ้าคะ” นางตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“เจ้าไม่เคยตอบตรงคำถามพี่เลยสักครั้ง” เขาว่าออกมาช่วงนี้นางมักจะเลี่ยงที่จะตอบคำถามของเขาเสมอ
“พี่ใหญ่คิดมากไปแล้ว ข้าจะชอบเขาได้อย่างไรเจอกันเพียงแค่ครั้งเดียว” นางตอบพี่ชายออกไปอย่างไม่ให้พี่ชายต้องกังวล
“แต่เขาบอกจะมาหาเจ้าที่จวน” พี่ชายเอ่ยออกมาอย่างไม่ยอม
“เขาไม่ได้บอกจะมาหาพวกเราทั้งสองหรอกหรือ” นางตอบกลับพี่ชายออกไป
“เจ้าก็ตอบข้ามาเถอะน่า ชอบหรือไม่ชอบเพียงแค่นั้น” เขาถามย้ำอีกครั้ง
“พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงเขาไม่ใช่บุรุษในแบบที่ข้าชมชอบหรอกเจ้าค่ะ” นางตอบแล้วหัวเราะให้กับท่าทางโล่งใจของพี่ชายนาง
“ดี ดียิ่ง ที่เจ้าไม่ได้ชอบเขา” ดูพูดแล้วยิ้มออกมาอย่างโล่งอก
“ทำไมหรือเจ้าคะ” นางแสร้งถาม เพราะในอดีตพี่ใหญ่เคยเตือนนางเกี่ยวกับหยวนฟางหรงว่าเขาไม่จริงใจต่อนาง ในตอนนั้นนางไม่เชื่อเพราะกว่าที่พี่ชายใหญ่จะรับรู้ว่านางคบหากับอ๋องสามนางก็ได้รักเขาหมดหัวใจไปแล้วเมื่อพี่ชายเตือนนาง นางก็ไม่ยอมฟังเพราะคิดว่าพี่ชายไม่ต้องการให้นางออกเรือน
“ไม่มีอะไรหรอก แล้วเจ้าชอบบุรุษแบบใดเล่า” เขาแสร้งถามออกไป
“แน่นอนว่าต้องกล้าหาญแบบท่านพ่อและพี่ใหญ่เจ้าค่ะ” นางตอบแล้วยิ้มด้วยรอยยิ้มสดใสให้พี่ชาย หลี่เพ่ยหยางมองน้องสาวแล้วยกยิ้มขึ้น
“ต้องแบบนี้สิน้องพี่ จะไปชอบบุรุษแบบนั้นได้อย่างไร ฮ่าฮ่าฮ่า” เขาหัวเราะออกมาอย่างเสียดัง
“แบบนั้น แบบไหนเจ้าคะ ฮ่าฮ่า” นางแหย่พี่ชาย
“เรื่องแบบนี้สู้เจ้าไม่ได้เลยจริง ๆ งั้นพี่กลับเรือนก่อนนะ” เขาส่ายหัวให้กลับน้องสาวแล้วเดินออกไป หลังจากพี่ชายกลับออกไปนางก็กลับมาคิดถึงเรื่องที่นางคิดค้างไว้ นางจะทำอย่างไรต่อไปดี หรือว่านางต้องพึ่งที่นั่น หอแสงจันทร์ พอคิดได้ดังนั้นนางก็เดินเข้าไปในเรือน
พอนางเข้ามาในห้องก็บอกให้ อ้ายฉิงไปเตรียมน้ำเพื่อให้นางได้อาบ
“อ้ายชิงไปเตรียมน้ำให้ข้า” นางบอกแก่สาวใช้ข้างกาย
“เจ้าค่ะ” อ้ายฉิงออกไปได้สักพักก็เดินมาเรียกคุณหนูหลังจากได้เตรียมน้ำเสร็จแล้ว
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะคุณหนู”
“อืม” นางเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำนางนั่งลงแช่ในอ่าง
“นวดตัวและขัดผิวให้ข้าหน่อย” นางให้อ้ายชิงขัดผิวและนวดให้กับนาง
“ได้เจ้าค่ะ” ว่าแล้วนางก็ลงมือขัดผิวให้คุณหนูของนางด้วยความอ่อนโยน ผิวของหลี่เพ่ยเพ่ยขาวเนียนนุ่มเป็นอย่างมาก คิ้วโค้งได้รูป จมูกโด่งรั้นรับกับปากอวบอิ่ม โครงหน้ารูปหัวใจมาพร้อมกับดวงตาหงษ์ที่แสนจะเย้ายวน นางขัดผิวแล้วได้แต่ลอบมองความงามของหลี่เพ่ยเพ่ย
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะคุณหนู” หลี่เพ่ยเพ่ยลุกขึ้นแล้วใส่ชุดนอนออกมานั่งหน้ากระจก อ้ายฉิงได้หวีผมให้นางด้วยความอ่อนโยน
“ช่วงนี้คุณหนูดูงามขึ้นเยอะเลยนะเจ้าคะ” นางพูดแล้วยิ้มให้หลี่เพ่ยเพ่ย
“แล้วแต่ก่อนข้าไม่งามรึ” นางเอ่ยหยอกเย้าอ้ายฉิง
“แต่ก่อนคุณหนูก็งานเจ้าค่ะ แต่เดี๋ยวนี้คุณหนูดูสง่ามากขึ้น อาจจะเพราะคุณหนูใกล้จะปักปิ่นเจ้าค่ะเลยทำให้ความงามเฉกเช่นหญิงสาวแสดงออกมา” นางเอ่ยเอาใจเจ้านาย แต่เจ้านายของนางงามขึ้นมากจริง ๆ ยิ่งเปลี่ยนสีชุดที่สวมใส่ยิ่งทำให้นางดูสง่าขึ้นเป็นอย่างมาก
“เจ้านี่ช่างพูดเสียจริง ฮ่าฮ่า” นางนั่งให้เฉาฉี่หวีผมให้อีกสักพักก็เข้านอน
“เจ้าออกไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะนอนแล้ว”
พูดจบนางก็นอนลง เฉาฉี่ดับเทียนแล้วเดินออกไป
โถงกลางบ้าน
“ท่านพ่อท่านแม่เพ่ยเอ๋อร์ขอออกไปเดินตลาดนะเจ้าค่ะ” ระหว่างทานข้าวเช้านางได้ขอออกข้างนอก
“ได้สิลูก เดี๋ยวพ่อเตรียมองครักษ์ไว้ให้ติดตามเพ่ยเอ๋อร์ออกไปสองคน” หลี่เฟยหลีบอกกับบุตรสาว
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” ว่าจบแล้วบิดาก็เดินออกไปห้องหนังสือเพื่อทำงาน
“เพ่ยเอ๋อร์ขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะเจ้าค่ะ” นางเอ่ยบอกกับมารดาและพี่ชาย
“ไปเถอะลูก อย่ากลับค่ำนักนะลูก” นางบอกลูกสาวอย่างห่วงใย
“เจ้าค่ะท่านแม่ ลูกไปนะเจ้าคะ” นางเข้าไปสวมกอดมารดาแล้วเดินออกไป
“เห้ เพ่ยเอ๋อร์รอพี่ด้วย ลูกขอตัวลาท่านแม่” ว่าเสร็จก็รีบเดินตามน้องสาวออกไป มารดาหัวเราะให้กับท่าทางของลูกชาย
ระหว่างทางเดินพี่ชายนางเดินตามมาได้สักได้พัก
“เจ้าไม่คิดจะชวนพี่ออกไปด้วยหรือ” เขาถามน้องสาวขึ้น
“พี่ใหญ่อยากไปหรือเจ้าค่ะ” นางมองพี่ชายยิ้ม ๆ
“เราไม่ได้อยู่ด้วยกันนานแล้วพี่อยากอยู่กับเพ่ยเอ๋อร์ตลอดเวลาเชียว” พูดแล้วก็ทำหน้าตาน่าสงสาร
“เกินไปหรือไม่พี่ใหญ่ ฮ่าฮ่า” นางหัวเราะพี่ชายที่ทำตัวไม่สมกับบุตรชายของแม่ทัพใหญ่
“สำหรับเจ้าไม่มีคำว่าเกินไป” เขาพูดแล้วทำหน้าจริงจัง
“น้องจะออกไปหาสหายด้วย พี่ใหญ่จะไปกับเพ่ยเอ๋อร์หรือ” นางบอกเหตุผลที่ไม่ได้ชวนพี่ชายออกไปด้วยกัน
“ลี่เอ๋อร์หรือ” เขาถามออกไป นางเป็นสหายที่มีเพียงคนเดียวของน้องสาวเขาทั้งสองคบหากันมาตั้งแต่ยังเล็ก
“ใช่เจ้าค่ะ” นางได้ให้คนส่งจดหมายไปบอกลี่เอ๋อร์ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าให้ออกไปพบกันที่ร้านน้ำชาชื่อดังของเมืองหลวง
“ไปสิ พี่ไม่ได้เจอกับลี่เอ๋อร์นานแล้ว” พี่ชายนางก็ยังยืนยันที่จะไปกับนางอยู่ดี
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นเพ่ยเอ๋อร์ไปเปลี่ยนชุดก่อนนะเจ้าคะ” แล้วนางก็เดินไปที่เรือนของตนเองเพื่อเปลี่ยนชุดออกไปข้างนอก
“เดี๋ยวพี่ออกไปรอที่หน้าจวนนะ” พี่ชายตะโกนบอกขณะนางกำลังเดินไปเปลี่ยนชุดที่เรือน
หลังจากที่หลี่เพ่ยเพ่ยแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาหาพี่ชายที่รออยู่หน้าจวนเพื่อที่จะไปโรงน้ำชาที่ได้นัดกับไป๋จางลี่เอาไว้
“ไปกันเถอะเจ้าค่ะ” แล้วทั้งหมดก็พากันเดินทางไปยังโรงน้ำชา เมื่อไปถึงโรงน้ำก็เจอไป๋จางลี่นั่งรอพร้อมกับสาวใช้อยู่ก่อนแล้ว
“ลี่เอ๋อร์ รอนานหรือไม่” นางนั่งลงแล้วเอ่ยถามกับไป๋จางลี่
“คารวะพี่หลี่เจ้าค่ะ ข้าพึ่งมาถึงเมื่อสักครู่เองเจ้าไม่ต้องกังวล” นางเอ่ยกับสหายพร้อมยิ้มออกมาอย่างดีใจส่งไปให้ทั้งสอง
“เช่นนั้นเราออกไปเดินตลาดกันเถอะ” หลี่เพ่ยเพ่ยเอ่ยชวนทุกคนออกไปเดินตลาด
“อืม เช่นนั้นเราไปกันเถอะ” ไป๋จางลี่เอ่ยต่อ แล้วทั้งหมดก็ได้เดินออกจากโรงน้ำชาเพื่อไปเดินดูของตลาด
“เราไปดูเครื่องประทินผิวกันดีหรือไม่” ไป๋จางลี่เอ่ยถามเมื่อออกมาเดินตลาดได้สักพัก
“ไปสิ” หลี่เพ่ยเพ่ยตอบก่อนทั้งหมดจะพากันเดินไปร้านเครื่องประทินผิว ในขณะที่เดินไปร้านเครื่องประทินผิว ก็มีคนมาหาหลี่เพ่ยหยางแล้วกระซิบบอกบางอย่าง
“พี่ต้องไปทำธุระ พวกเจ้าเลือกซื้อของแล้วกลับจวนก่อนได้เลย” เขาเอยบอกน้องสาวและสหายก่อนจะไป
“เจ้าค่ะ” ทั้งคู่เอ่ยตอบรับ แล้วหลี่เพ่ยหยางก็เดินออกไป จางไป๋ลี่ได้แต่มองสามพี่ชายของสหายอย่างเศร้าใจ
********
พูดคุยกันได้ขาาาา
เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
ฝากกดติดตามด้วยน๊าาาา ><
นางได้ชนเข้ากับคนผู้หนึ่งในขณะที่นางกำลังจะล้มเขาก็ได้ดึงนางเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อไม่ให้นางล้มลงไป พอนางเงยหน้าขึ้นมามองก็สบตากับคนที่ชนนางก็ทำให้นางตกใจ ' เป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงเป็นเขาอ๋องสาม!! ' นางยื่นนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขาอยู่นานด้วยความตกใจ จนพี่ชายต้องเข้ามาพยุงตัวนางออกจากเขา
“เพ่ยเอ๋อร์เป็นอะไรหรือไม่” พี่ชายถามออกมาด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับหมุนตัวนางเพื่อสำรวจหาบาดแผล
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะพี่ใหญ่” นางตอบแล้วยิ้มให้กับท่าทางของพี่ชายที่แสดงออกมา
“คารวะท่านอ๋อง ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะที่ได้ช่วยให้น้องสาวของกระหม่อมไม่ให้ล้มลงไป” หลังจากพี่ชายหยุดสำรวจบาดแผลแล้วก็หันไปขอบคุณหยวนฟางหรง
“คารวะท่านอ๋อง ขอบพระทัยเพคะ” นางขอบคุณแล้วก้มหน้าลงทำให้คนที่ได้เห็นเหตุการณ์คิดว่านางเขินอายต่อหยวนฟางหรง แต่ความเป็นจริงแล้วนางได้ซ่อนสายตาที่พร้อมจะฆ่าเขาให้ได้ตลอดเวลา นางพยายามอย่างมากที่จะซ่อนมันเอาไว้ไม่ให้ผู้ใดพบเห็น
“ไม่เป็นไรคุณหนูหลี่ ตามสบายเถิด” เขาเอ่ยบอกพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่แสนจริงใจออกมาให้กับนาง
“ขอบพระทัยเพคะ” นางยิ้มอย่างเขินอายส่งให้กับเขาด้วยความน่ารัก ทั้งที่ในใจอยากจะใช้มีดแทงเขาให้ตายไปให้สมกับที่เขาทำไว้กับนาง
“ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วเช่นนั้นเปิ่นหวางขอตัวไปทำธุระก่อน ต้องขอโทษคุณหนูหลี่ด้วยที่ไม่ทันระวังจนเกือบทำให้คุณหนูหลี่ต้องบาดเจ็บ” เขาส่งยิ้มอย่างสื่อความหมายให้กับนาง นางเพียงยิ้มอย่างใสซื่อส่งกลับไปให้เขา
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เพคะ” หลังจากนั้นเขาก็เดินจากไป หลังจากหยวนฟางหรงเดินจากไปแล้วสายตาที่เคยเอียงอายของหลี่เพ่ยเพ่ยก็ได้แปลเปลี่ยนไปเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาที่แฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น นางพยายามจะเก็บสายตาอาฆาตแค้นไว้ไม่ให้ใครสังเกตเห็นแต่หารู้ไม่ว่าพี่ชายได้สังเกตเห็นมันแล้ว
“เราไปกันเถอะเจ้าค่ะ” พูดจบก็เดินเข้าไปในร้านเครื่องประดับ โดยไม่ได้หันมามองพี่ชายเลยกลัวว่าจะแสดงท่าทีให้พี่ชายสงสัย
“อ อืม” หลี่เพ่ยหยางเดินตามน้องสาวไปด้วยความแปลกใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปของน้องสาว เขาไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้มาก่อนเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวของเขาในระหว่างที่เขาและบิดาไม่อยู่ หลังจากที่เดินดูของในร้านเครื่องประดับก็ได้ของมาสองสามชิ้นก่อนจะเดินออกจากร้านไปเดินตลาดเพื่อเดินเลือกซื้อของต่อ
“เราไปทานอาหารกันดีหรือไม่เจ้าค่ะ” นางเอ่ยชวนพี่ชายขณะเดินเลือกซื้อของในตลาด
“อืม ไปกันสิ” ทั้งสองได้เดินเข้าไปโรงเตี๊ยมที่อยู่ใกล้ ๆ บริเวณที่ทั้งสองเดินอยู่
“เชิญขอรับเชิญ” เสี่ยวเอ้อเดินเข้ามาต้อนรับ แล้วพาทั้งสองเดินเข้าไปด้านในของโรงเตี๊ยม
“มิทราบว่าต้องการนั่งชั้นไหนขอรับ” เสี่ยวเอ้อเอ่ยถามทั้งสองคน
“บนชั้นสองก็แล้วกัน” ชั้นสองของโรงเตี๊ยมเป็นแบบมีที่ตั้งกั้นเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว และมีห้องรับรองไว้ให้หากมีคนต้องการความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
“ตามมาเลยขอรับ” ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเดินขึ้นชั้นสองของโรงเตี๊ยมก็ได้มีคนเอ่ยทักขึ้น
“คุณชายหลี่คุณหนูหลี่เจอกันอีกแล้ว” หยวนฟางหรงเอ่ยทักทั้งสองในขณะที่เดินเข้ามาด้านในโรงเตี๊ยม เขาเห็นสองพี่น้องเดินเข้ามาภายในโรงเตี๊ยมจึงได้เดินตามเข้ามาด้วยเพื่อที่จะได้พูดทำความรู้จักกับทั้งสองคนมากยิ่งขึ้น
“คารวะท่านอ๋อง” ทั้งสองทำเอ่ยความเคารพเขาขึ้นพร้อมกัน
“พวกเรามานั่งทานอาหารด้วยกันหรือไม่ เพื่อเป็นการไถ่โทษที่เปิ่นหวางชนเจ้าเดี๋ยวเปิ่นหวางจะเป็นคนเลี้ยงเองดีหรือไม่” เมื่อได้ยินเช่นนั้นทั้งสองต่างก็หันมามองหน้ากันแววตาไม่พึ่งใจของทั้งสองพาดผ่านไปเพียงแวบเดียวก่อนที่หลี่เพ่ยหยางจะเอ่ยตกลง
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” แล้วทั้งหมดก็พากันขึ้นไปชั้นสองจากตอนแรกที่ทั้งสองพี่น้องจะนั่งบริเวณชั้นสอง แต่พอมีหยวนฟางหรงมาร่วมทานอาหารด้วยจึงต้องนั่งในห้องรับรองเพื่อความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
ภายในห้องรับรอง
หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วหยวนฟางหรงก็เอ่ยปากขอไปเยี่ยมเยียนที่ทั้งสองที่จวนสกุลหลี่
"ข้าจะสามารถไปเยี่ยมพวกเจ้าที่จวนได้หรือไม่" หยวนฟางหรงเอ่ยถามขึ้นขณะนั่งรออาหาร
“จวนแม่ทัพยินดีต้อนรับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” หลี่เพ่ยหยางตอบรับหยวนฟางหรงยิ้มออกมาอย่างสื่อความหมาย ทางด้านหลี่เพ่ยเพ่ยยกยิ้มขึ้นอย่างเขินอายก่อนจะก้มหน้าลงซ่อนแววตาอาฆาตที่หลุดออกมา จากนั้นเสี่ยวเอ้อก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับยกอาหารเข้ามาในห้องทั้งหมดก็หยุดพูดคุยแล้วเริ่มลงมือทานอาหาร
“เชิญตามสบายเถิด” หยวนฟางหรงเอ่ยปากบอกทั้งสองแล้วก็ได้เริ่มรับประทานร่วมกัน ระหว่างทานอาหารก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันเนื่องจากยังไม่ได้สนิทกันมากนัก
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เพคะ” เมื่ออาหารหมดลงทั้งหมดก็พากันพูดคุยกันต่อเล็กน้อยแล้วพากันเดินลงจากโรงเตี๊ยมเพื่อแยกย้ายกันไป
“ขอบพระทัยท่านอ๋องสามสำหรับอาหารมื้อนี้พ่ะย่ะค่ะ” หลี่เพ่ยหยางเอ่ยขอบคุณหยวนฟางหรงสำหรับอาหารมื้อนี้
“ถ้าเช่นนั้นพวกกระหม่อมขอตัวกลับจวนก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ” แล้วเขาก็ขอตัวกลับจวนเนื่องจากออกมานานจากจวนนานแล้ว
“เชิญกลับกันเถอะ” เอาเอ่ยอนุญาตทั้งสอง
" กระหม่อมขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ "
" หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ " แล้วทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับ หลังจากนั้นหลี่เพ่ยหยางและหลี่เพ่ยเพ่ยก็พากันเดินกลับไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่
ภายในรถม้าจวนแม่ทัพ
“พี่ว่าท่านอ๋องสามสนใจในตัวเจ้านะเพ่ยเอ๋อร์” หลี่เพ่ยหยางพูดขึ้นในขณะที่นั่งอยู่บนรถม้า
“พี่ใหญ่คิดเช่นนั้นหรือเจ้าค่ะ” นางถามก่อนจะหันหน้าไปมองพี่ชายของตนเอง แล้วหันหน้ากลับออกไปมองภายนอกหน้าต่างของรถม้า
“ใช่ พี่เห็นเขามองเพ่ยเอ๋อร์ด้วยสายตาลึกซึ้ง” หลี่เพ่ยหยางพูดพลางลอบมองอาการของน้องสาวตนเอง แต่น้องสาวของเขาไม่ได้มีกิริยาเขินอายอย่างตอนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมอย่างที่นางทำต่อหน้าหยวนฟางหรง นางทำเพียงแค่หันมามองเขาแล้วยกยิ้มไม่ไปถึงดวงตาให้พี่ชายแล้วหันกลับไปมองภายนอกเช่นเดิม นั่งไปสักพักรถม้าก็หยุดลง
“ถึงแล้วขอรับ” คนขับรถม้าบอกเมื่อถึงจวนแม่ทัพ ทั้งคู่ก็เดินเข้าไปภายในจวน
“คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” อ้ายฉิงออกมาต้อนรับคุณหนูของตนเองหลังจากที่นายของตนกลับมาจากออกไปเดินตลาดกับพี่ชาย
“อืม” แล้วทั้งหมดก็ได้เดินเข้าไปภายในจวน
“เพ่ยเอ๋อร์ไปพักผ่อนเถอะ” หลี่เพ่ยหยางเอ่ยบอกน้องสาว
“เจ้าค่ะพี่ใหญ่” จากนั้นก็พากันแยกย้ายกลับไปพักผ่อนที่เรือนของตนเอง
ภายในเรือนกุ้ยเหมย
“เจ้าออกไปเถอะ ข้าจะพักผ่อน” หลี่เพ่ยเพ่ยเอ่ยบอกกับอ้ายฉิงให้ออกไปจากห้องนอนของนางไปนางต้องการที่จะพักผ่อนหลังจากออกไปเดินตลาดมา
“เจ้าค่ะ” หลังจากอ้ายฉิงออกจากห้องไปแล้วหลี่เพ่ยเพ่ยก็เหม่อมองออกไปภายนอกหน้าต่างคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำไมนางถึงได้เจอกับหยวนฟางหรงเร็วกว่าในชีวิตก่อน ' หรือว่าเขาให้คนติดตามนาง!! เขาทำถึงขนาดนี้เชียวหรือ ' นางทำได้แต่คับแค้นใจไม่สามารถทำอะไรได้เลยเขาวางแผนมานานแล้วและนางก็ได้ตกลงไปในหลุมที่เขาขุดขึ้นมาเป็นได้เพียงแค่หมากตัวหนึ่ง แม้จะยังไม่พร้อมในการเผชิญหน้าแต่อย่างนั้นก็ดีนางจะได้ทำอะไรได้เร็วขึ้น
“หึ ข้าจะมอบความหวังให้กับพวกเจ้าอย่างถึงที่สุดแล้วข้าจะดับมันลงด้วยมือของข้าเอง” นางพูดแล้วมองออกไปด้านนอกด้วยสายตาความอาฆาตที่แฝงไปด้วยความเศร้าเสียใจที่แสดงออกมา
“แค้นนี้ข้าจะต้องชำระมันด้วยตัวของข้าเอง ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้รู้ถึงการที่อยู่จุดสูงสุดแล้วตกลงมายังก้นเหวเอง” นางพูดแล้วหลับตาลงอย่างช้า ๆ ลำลึกถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น
ตุบ
‘ขออภัยคุณหนู’
‘ว้าย คุณหนูเป็นอะไรไหมเจ้าคะ’
‘ข้าไม่เป็นไร’ นางหันไปพูดกับสาวใช้
‘ข้ามิเป็นไรเจ้าค่ะ’ นางเงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้า คนตรงหน้านางเป็นหนุ่มรูปงามร่างกายสูงโปร่ง ท่าทางองอาจ สง่าผ่าเผย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกำลังจ้องมองนางอยู่ นางตอบกลับแล้วยิ้มอย่างเขินอายให้กับเขา
‘มิทราบว่าคุณหนูชื่ออะไรหรือ ข้ามีนามว่าหยวนฉี่ฟาง’ นางมองเขาอย่างตะลึงพร้อมกับย่อคำนับชายตรงหน้า
‘คา คารวะท่านอ๋อง ขออภัยเพคะหม่อมฉันหลี่เพ่ยเพ่ย’ เขามองหน้านางแล้วยิ้มอย่างอบอุ่นส่งมาให้แก่นาง
‘คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด อย่าได้กังวลไปเลยตามสบายเถอะคุณหนูหลี่’
‘ขอบพระทัยเพคะ’
‘คุณหนูหลี่มาซื้อของเพื่อเตรียมตัวไปงานฉลองหรือ’
‘เพคะ’
‘เช่นนั้นเราเข้าไปในร้านกันเถอะ’ เขาชวนนางเข้าไปในร้านขายเครื่องประดับที่นางกำลังจะเดินเข้าไป
‘เพคะ’ นางเดินตามเขาเข้าไปในร้านเมื่อเดินเข้าไปพร้อมกับเขาทำให้มีแต่คนมองทั้งสองที่เดินเคียงคู่กันมา
‘นั่นมันคุณหนูหลี่กับอ๋องสามพวกเขามาด้วยกันได้เช่นไร’ ใช่ ๆ พวกเขาเข้ามาด้วยกันได้อย่างไร หรือว่าทั้งสองจะคบหากันอยู่’ เสียงภายในร้านดังขึ้นเพราะช่วงนี้คุณหนูคุณชายต่างก็พากันออกมาจับจ่ายซื้อของเตรียมไปงานเลี้ยงฉลองกันหมดทำให้ภายในร้านมีคนมากเป็นพิเศษ‘คุณหนูหลี่เปิ่นหวางว่าของสิ่งนี้เหมาะกับเจ้ายิ่งนัก’ เขาพูดแล้วหยิบกำไลหยกสีชมพูขึ้นมาให้นางดู นางหยิบขึ้นมาดูแล้วนางชอบมากเลยจึงคิดจะซื้อเก็บไว้‘ขอบพระทัยเพคะ’ นางยื่นกำไลให้เสี่ยวเอ้อ อ้ายชิงกำลังจะยื่นเงินให้เสี่ยวเอ้อแต่คนของหยวนฟางหรงยื่นให้กับเสี่ยวเอ้อเสียก่อน‘ไม่เป็นไรเปิ่นหวางซื้อให้เจ้าเอง’ เขายิ้มให้นาง‘ขอบพระทัยเพคะ’ นางก้มหน้าแล้วยิ้มให้อ๋องสามอย่างเขินอาย สักพักเสี่ยวเอ้อกลับมาพร้อมส่งของให้แก่อ้ายฉิงหญิงรับใช้ของนาง แล้วทั้งหมดก็พากันออกจากร้านไป' นั่นไงทั้งคู่คบหากันจริง ๆ ด้วย '' ใช่ ๆ มีซื้อของให้กันด้วย ' เสียงรอบข้างดังขึ้นอีกครั้งหลังจากทั้งคู่กำลังเดินออกจากร้านทำให้ข่าวการคบหาของหลี่เพ่ยเพ่ยและหยวนฟางหรงกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว‘คุณหนูหลี่จะไปที่ใดต่อหรือไม่’ เขาถามในระหว่างที่พวกเขาเดินดูของไปตามตลาด‘หม่อมฉันจะกลับจวนเลยเพคะ’ นางตอบเขาออกไป‘เช่นนั้นวันหลังเปิ่นหวางไปหาเจ้าที่จวนได้หรือไม่’ เขาถามพร้อมทำหน้ารอคำตอบอย่างตั้งใจ‘ด ได้ เพคะ’ นางตอบพร้อมกลับทำหน้าเขินอายออกมา นางไม่คิดว่าบุรุษที่สตรีในเมืองหลวงต่างชมชอบจะมาสนใจสตรีเช่นนาง
‘หม่อมฉันทูลลาเพคะ’ นางลาเขาแล้วเดินจากไปโดยไม่หันมามองด้านหลังอีกเพราะนางกลัวจะแสดงกิริยาไม่เหมาะสมออกมาให้กับเขาได้เห็น
“เจ้าช่างไร้เดียงสาเสียจริงนะหลี่เพ่ยเพ่ย แต่จะไม่มีหลี่เพ่ยเพ่ยคนนั้นอีกเเล้วข้าจะทำให้พวกเจ้ารู้ว่านรกที่แท้จริงเป็นอย่างไรเอง” นางตอกย้ำกับตัวเองอีกครั้งก่อนจะนอนลงบนเตียง
*********
ยามโหย่วนางกลับมาจากทานอาหารที่โถงกลางบ้านนางก็มานังรับลงที่ศาลาหน้าเรือนของนางโดยมีอ้ายฉิงที่ออกไปเอาน้ำชากับของว่างมาให้นางแล้วออกไปนั่งรอด้านนอกศาลาเพราะนางต้องการใช้ความคิดสักครู่ การที่นางจะทำให้หยวนฟางหรงล้มนั้นไม่ง่ายเลยเพราะมารดาของเขาเป็นฮองเฮาของแคว้น หลงอ้ายอัน บิดาของฮองเฮานั้นคือ อดีตเสนาบดีกรมคลัง หลงไป๋เปาและตอนนี้พี่ชายของนางหลงไป๋เช่อมาดำรงตำแหน่งแทนบิดา นางจะทำสิ่งนี้เพียงคนเดียวไม่ได้นางจะต้องหาคนช่วยนางในเรื่องนี้ แต่นางยังคิดไม่ออกว่าจะใช้วิธีใดในการจัดการเขาดี
“เพ่ยเอ๋อร์ทำอะไรอยู่หรือ” ขณะที่นางกำลังคิดเรื่องแผนการอยู่พี่ชายนางก็เดินเข้ามาหานางภายในศาลา
“เปล่าเจ้าค่ะ พี่ใหญ่มีอะไรเจ้าคะ” นางมองพี่ชายที่นั่งลงข้าง ๆ
“พี่ว่าเพ่ยเอ๋อร์แปลกไปหลังจากกลับมาจากตลาด” นางทำหน้าตาเย็นชาใส่ ก่อนจะหัวเราะที่แสนจะเย็นเหยียบออกมาแล้วได้เอ่ยถามพี่ชายออกไป
“หึหึ เช่นนั้นหรือเจ้าคะ เพ่ยเอ๋อร์แปลกไปอย่างไรหรือเจ้าคะ” นางถามออกมาก่อนจะมองหน้าพี่ชาย
“แปลกเจ้าแปลกไป แปลกเกินไปแล้ว” เขาทำท่าทางขนลุกแล้วมองหน้าน้องสาวก่อนที่ทั้งสองจะพากันหัวเราะออกมาอย่างดังพร้อมกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้านี่น่า” เขาว่านองสาวออกมาอย่างเอ็นดู
“อะไรหรือเจ้าค่ะพี่ใหญ่ ฮ่าฮ่าฮ่า” นางพูดกวนพี่ชายพร้อมหัวเราะออกมาอย่างไม่สนกิริยา ในชีวิตก่อนนางจำไม่ได้แล้วว่าเคยหัวเราะออกมาเช่นนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไร
“นี่เจ้า!!” ว่าแล้วก็สะบัดหน้าหนีน้องสาว
“พี่ใหญ่น้องไม่กวนแล้วเจ้าค่ะ” แล้วนางก็เข้าไปกอดแขนพี่ชายและซบลงบนบ่า พี่ชายเห็นก็เอามือไปลูปหัวน้องสาวแล้วถามขึ้น
“เจ้าชมชอบท่านอ๋องหรือไม่” พอได้ยินคำถามหลี่เพ่ยเพ่ยก็ได้นิ่งไป
“ทำไม่พี่ใหญ่ถามเช่นนี้เจ้าค่ะ” นางถามทั้งที่ยังอยู่ในท่าเดิม
“ตอบพี่มาเถอะน่า” เขายังคงตั้งใจรอคำตอบอยู่
“เขาก็เป็นบุรุษที่สตรีชมชอบมิให้หรือเจ้าคะ” นางตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“เจ้าไม่เคยตอบตรงคำถามพี่เลยสักครั้ง” เขาว่าออกมาช่วงนี้นางมักจะเลี่ยงที่จะตอบคำถามของเขาเสมอ
“พี่ใหญ่คิดมากไปแล้ว ข้าจะชอบเขาได้อย่างไรเจอกันเพียงแค่ครั้งเดียว” นางตอบพี่ชายออกไปอย่างไม่ให้พี่ชายต้องกังวล
“แต่เขาบอกจะมาหาเจ้าที่จวน” พี่ชายเอ่ยออกมาอย่างไม่ยอม
“เขาไม่ได้บอกจะมาหาพวกเราทั้งสองหรอกหรือ” นางตอบกลับพี่ชายออกไป
“เจ้าก็ตอบข้ามาเถอะน่า ชอบหรือไม่ชอบเพียงแค่นั้น” เขาถามย้ำอีกครั้ง
“พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงเขาไม่ใช่บุรุษในแบบที่ข้าชมชอบหรอกเจ้าค่ะ” นางตอบแล้วหัวเราะให้กับท่าทางโล่งใจของพี่ชายนาง
“ดี ดียิ่ง ที่เจ้าไม่ได้ชอบเขา” ดูพูดแล้วยิ้มออกมาอย่างโล่งอก
“ทำไมหรือเจ้าคะ” นางแสร้งถาม เพราะในอดีตพี่ใหญ่เคยเตือนนางเกี่ยวกับหยวนฟางหรงว่าเขาไม่จริงใจต่อนาง ในตอนนั้นนางไม่เชื่อเพราะกว่าที่พี่ชายใหญ่จะรับรู้ว่านางคบหากับอ๋องสามนางก็ได้รักเขาหมดหัวใจไปแล้วเมื่อพี่ชายเตือนนาง นางก็ไม่ยอมฟังเพราะคิดว่าพี่ชายไม่ต้องการให้นางออกเรือน
“ไม่มีอะไรหรอก แล้วเจ้าชอบบุรุษแบบใดเล่า” เขาแสร้งถามออกไป
“แน่นอนว่าต้องกล้าหาญแบบท่านพ่อและพี่ใหญ่เจ้าค่ะ” นางตอบแล้วยิ้มด้วยรอยยิ้มสดใสให้พี่ชาย หลี่เพ่ยหยางมองน้องสาวแล้วยกยิ้มขึ้น
“ต้องแบบนี้สิน้องพี่ จะไปชอบบุรุษแบบนั้นได้อย่างไร ฮ่าฮ่าฮ่า” เขาหัวเราะออกมาอย่างเสียดัง
“แบบนั้น แบบไหนเจ้าคะ ฮ่าฮ่า” นางแหย่พี่ชาย
“เรื่องแบบนี้สู้เจ้าไม่ได้เลยจริง ๆ งั้นพี่กลับเรือนก่อนนะ” เขาส่ายหัวให้กลับน้องสาวแล้วเดินออกไป หลังจากพี่ชายกลับออกไปนางก็กลับมาคิดถึงเรื่องที่นางคิดค้างไว้ นางจะทำอย่างไรต่อไปดี หรือว่านางต้องพึ่งที่นั่น หอแสงจันทร์ พอคิดได้ดังนั้นนางก็เดินเข้าไปในเรือน
พอนางเข้ามาในห้องก็บอกให้ อ้ายฉิงไปเตรียมน้ำเพื่อให้นางได้อาบ
“อ้ายชิงไปเตรียมน้ำให้ข้า” นางบอกแก่สาวใช้ข้างกาย
“เจ้าค่ะ” อ้ายฉิงออกไปได้สักพักก็เดินมาเรียกคุณหนูหลังจากได้เตรียมน้ำเสร็จแล้ว
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะคุณหนู”
“อืม” นางเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำนางนั่งลงแช่ในอ่าง
“นวดตัวและขัดผิวให้ข้าหน่อย” นางให้อ้ายชิงขัดผิวและนวดให้กับนาง
“ได้เจ้าค่ะ” ว่าแล้วนางก็ลงมือขัดผิวให้คุณหนูของนางด้วยความอ่อนโยน ผิวของหลี่เพ่ยเพ่ยขาวเนียนนุ่มเป็นอย่างมาก คิ้วโค้งได้รูป จมูกโด่งรั้นรับกับปากอวบอิ่ม โครงหน้ารูปหัวใจมาพร้อมกับดวงตาหงษ์ที่แสนจะเย้ายวน นางขัดผิวแล้วได้แต่ลอบมองความงามของหลี่เพ่ยเพ่ย
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะคุณหนู” หลี่เพ่ยเพ่ยลุกขึ้นแล้วใส่ชุดนอนออกมานั่งหน้ากระจก อ้ายฉิงได้หวีผมให้นางด้วยความอ่อนโยน
“ช่วงนี้คุณหนูดูงามขึ้นเยอะเลยนะเจ้าคะ” นางพูดแล้วยิ้มให้หลี่เพ่ยเพ่ย
“แล้วแต่ก่อนข้าไม่งามรึ” นางเอ่ยหยอกเย้าอ้ายฉิง
“แต่ก่อนคุณหนูก็งานเจ้าค่ะ แต่เดี๋ยวนี้คุณหนูดูสง่ามากขึ้น อาจจะเพราะคุณหนูใกล้จะปักปิ่นเจ้าค่ะเลยทำให้ความงามเฉกเช่นหญิงสาวแสดงออกมา” นางเอ่ยเอาใจเจ้านาย แต่เจ้านายของนางงามขึ้นมากจริง ๆ ยิ่งเปลี่ยนสีชุดที่สวมใส่ยิ่งทำให้นางดูสง่าขึ้นเป็นอย่างมาก
“เจ้านี่ช่างพูดเสียจริง ฮ่าฮ่า” นางนั่งให้เฉาฉี่หวีผมให้อีกสักพักก็เข้านอน
“เจ้าออกไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะนอนแล้ว”
พูดจบนางก็นอนลง เฉาฉี่ดับเทียนแล้วเดินออกไป
โถงกลางบ้าน
“ท่านพ่อท่านแม่เพ่ยเอ๋อร์ขอออกไปเดินตลาดนะเจ้าค่ะ” ระหว่างทานข้าวเช้านางได้ขอออกข้างนอก
“ได้สิลูก เดี๋ยวพ่อเตรียมองครักษ์ไว้ให้ติดตามเพ่ยเอ๋อร์ออกไปสองคน” หลี่เฟยหลีบอกกับบุตรสาว
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” ว่าจบแล้วบิดาก็เดินออกไปห้องหนังสือเพื่อทำงาน
“เพ่ยเอ๋อร์ขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะเจ้าค่ะ” นางเอ่ยบอกกับมารดาและพี่ชาย
“ไปเถอะลูก อย่ากลับค่ำนักนะลูก” นางบอกลูกสาวอย่างห่วงใย
“เจ้าค่ะท่านแม่ ลูกไปนะเจ้าคะ” นางเข้าไปสวมกอดมารดาแล้วเดินออกไป
“เห้ เพ่ยเอ๋อร์รอพี่ด้วย ลูกขอตัวลาท่านแม่” ว่าเสร็จก็รีบเดินตามน้องสาวออกไป มารดาหัวเราะให้กับท่าทางของลูกชาย
ระหว่างทางเดินพี่ชายนางเดินตามมาได้สักได้พัก
“เจ้าไม่คิดจะชวนพี่ออกไปด้วยหรือ” เขาถามน้องสาวขึ้น
“พี่ใหญ่อยากไปหรือเจ้าค่ะ” นางมองพี่ชายยิ้ม ๆ
“เราไม่ได้อยู่ด้วยกันนานแล้วพี่อยากอยู่กับเพ่ยเอ๋อร์ตลอดเวลาเชียว” พูดแล้วก็ทำหน้าตาน่าสงสาร
“เกินไปหรือไม่พี่ใหญ่ ฮ่าฮ่า” นางหัวเราะพี่ชายที่ทำตัวไม่สมกับบุตรชายของแม่ทัพใหญ่
“สำหรับเจ้าไม่มีคำว่าเกินไป” เขาพูดแล้วทำหน้าจริงจัง
“น้องจะออกไปหาสหายด้วย พี่ใหญ่จะไปกับเพ่ยเอ๋อร์หรือ” นางบอกเหตุผลที่ไม่ได้ชวนพี่ชายออกไปด้วยกัน
“ลี่เอ๋อร์หรือ” เขาถามออกไป นางเป็นสหายที่มีเพียงคนเดียวของน้องสาวเขาทั้งสองคบหากันมาตั้งแต่ยังเล็ก
“ใช่เจ้าค่ะ” นางได้ให้คนส่งจดหมายไปบอกลี่เอ๋อร์ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าให้ออกไปพบกันที่ร้านน้ำชาชื่อดังของเมืองหลวง
“ไปสิ พี่ไม่ได้เจอกับลี่เอ๋อร์นานแล้ว” พี่ชายนางก็ยังยืนยันที่จะไปกับนางอยู่ดี
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นเพ่ยเอ๋อร์ไปเปลี่ยนชุดก่อนนะเจ้าคะ” แล้วนางก็เดินไปที่เรือนของตนเองเพื่อเปลี่ยนชุดออกไปข้างนอก
“เดี๋ยวพี่ออกไปรอที่หน้าจวนนะ” พี่ชายตะโกนบอกขณะนางกำลังเดินไปเปลี่ยนชุดที่เรือน
หลังจากที่หลี่เพ่ยเพ่ยแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาหาพี่ชายที่รออยู่หน้าจวนเพื่อที่จะไปโรงน้ำชาที่ได้นัดกับไป๋จางลี่เอาไว้
“ไปกันเถอะเจ้าค่ะ” แล้วทั้งหมดก็พากันเดินทางไปยังโรงน้ำชา เมื่อไปถึงโรงน้ำก็เจอไป๋จางลี่นั่งรอพร้อมกับสาวใช้อยู่ก่อนแล้ว
“ลี่เอ๋อร์ รอนานหรือไม่” นางนั่งลงแล้วเอ่ยถามกับไป๋จางลี่
“คารวะพี่หลี่เจ้าค่ะ ข้าพึ่งมาถึงเมื่อสักครู่เองเจ้าไม่ต้องกังวล” นางเอ่ยกับสหายพร้อมยิ้มออกมาอย่างดีใจส่งไปให้ทั้งสอง
“เช่นนั้นเราออกไปเดินตลาดกันเถอะ” หลี่เพ่ยเพ่ยเอ่ยชวนทุกคนออกไปเดินตลาด
“อืม เช่นนั้นเราไปกันเถอะ” ไป๋จางลี่เอ่ยต่อ แล้วทั้งหมดก็ได้เดินออกจากโรงน้ำชาเพื่อไปเดินดูของตลาด
“เราไปดูเครื่องประทินผิวกันดีหรือไม่” ไป๋จางลี่เอ่ยถามเมื่อออกมาเดินตลาดได้สักพัก
“ไปสิ” หลี่เพ่ยเพ่ยตอบก่อนทั้งหมดจะพากันเดินไปร้านเครื่องประทินผิว ในขณะที่เดินไปร้านเครื่องประทินผิว ก็มีคนมาหาหลี่เพ่ยหยางแล้วกระซิบบอกบางอย่าง
“พี่ต้องไปทำธุระ พวกเจ้าเลือกซื้อของแล้วกลับจวนก่อนได้เลย” เขาเอยบอกน้องสาวและสหายก่อนจะไป
“เจ้าค่ะ” ทั้งคู่เอ่ยตอบรับ แล้วหลี่เพ่ยหยางก็เดินออกไป จางไป๋ลี่ได้แต่มองสามพี่ชายของสหายอย่างเศร้าใจ
********
พูดคุยกันได้ขาาาา
เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
ฝากกดติดตามด้วยน๊าาาา ><
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ