สุดร้ายแสนรัก

-

เขียนโดย LycDin

วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 15.03 น.

  5 บท
  0 วิจารณ์
  4,312 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่ 1(100%)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

จวนสกุลหลี่ 

 

หลี่เพ่ยเพ่ยตื่นลืมตาขึ้นมาพร้อมกับแสงสว่างที่ลอดเข้ามาภายในห้อง นางหันมองไปรอบ ๆ ห้องนางก็ได้เห็นบรรยากาศรอบ ๆ ห้องที่นางอยู่ที่นี่คือจวนสกุลหลี่ที่นางอาศัยอยู่ตั้งแต่เด็ก นางได้ตื่นขึ้นมาในร่างของตัวเองช่วงประมาณสิบสี่สิบห้าหนาว แต่นางไม่รู้เวลาที่แน่ชัดว่านางตื่นขึ้นมาในช่างเวลาใด

 

" คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ " เสียงประตูดังขึ้นพร้อมกับบ่าวใช้ข้างกายที่เดินเข้ามาภายในห้องของนาง หลี่เพ่ยเพ่ยนั่งอยู่บนเตียงคอยให้สาวใช้ข้างกายได้คอยล้างหน้าพร้อมกับปรนนิบัติรับใช้

 

" คุณหนูรีบแต่งตัวเถิดเจ้าค่ะวันนี้นายท่านเดินทางกลับมาจากชายแดนพร้อมกับคุณชายใหญ่นะเจ้าคะ คุณหนูลืมไปแล้วหรือเจ้าคะ " นางได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารับ นางได้ตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาที่บิดาพึ่งได้รับชัยชนะจากการทำศึกกลับมาและในตอนนี้นางยังไม่ทันได้เจอกับหยวนฟางหรง

 

" ออกไปก่อน " นางบอกให้สาวใช้ออกไปจากภายในห้องก่อนนางต้องการทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น

 

" เจ้าค่ะ " 

 

หลังจากสาวใช้ออกไปนางก็ได้ทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะว่าเป็นเพียงแค่ความฝันก็มิใช่มันสมจริงเกินกว่าจะเป็นเพียงความฝันนางได้กลับมาจริง ๆ นางหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งอยู่คนเดียวภายในห้อง ' ข้ากลับมาแล้ว แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ฉีหลิงหลง หยวนฟางหรงและทุก ๆ คนที่ทำให้ชีวิตของข้าต้องเป็นเช่นนั้น พวกมันทุกคนจะต้องชดใช้ให้กับคนสกุลหลี่และลูกของนาง ' นางยกยิ้มที่แสนเย็นชาออกมา แล้วเดินเข้าไปหยิบชุดสีแดงเพลิงที่ไม่เคยได้ใส่มาสวมออกมาในชาติก่อนนั้นนางชอบใส่ชุดที่ทำให้นางดูอ่อนหวานเพราะชุดสีเข้มนั้นทำให้นางดูเย้ายวนเกินไปนางไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก หลังจากใส่ชุดเสร็จแล้วนางก็เรียก อ้ายฉิง สาวใช้ข้างกายของนางเข้ามาแต่งหน้าทำผมให้ เมื่อแต่งหน้าทำผมเสร็จแล้วอ้ายฉิงก็มองคุณหนูของนางอย่างตะลึง

 

" งามมากเลยเจ้าค่ะคุณหนู " อ้ายฉิงเอ่ยปากชมคุณหนูของนาง นางนั่งมองตัวเองผ่านกระจกแล้วยกยิ้มเย็นชาขึ้นให้กับตนเอง ทำให้อ้ายฉิงรู้สึกขนลุกกับรอยยิ้มนั้น

 

" ได้เวลาแล้วเจ้าค่ะคุณหนู " สองนายบ่าวเดินออกจากห้องเพื่อไปรอต้อนรับนายท่านและคุณชายใหญ่ที่หน้าประตูจวน

 

" คารวะท่านแม่ " นางออกมาถึงหน้าจวนก็เห็นมารดายืนรออยู่ก่อนหน้าแล้วนางเข้าสวมกอดผู้เป็นมารดาพยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลรินออกมา เมื่อมารดาของนางเห็นบุตรสาวสวมกอดก็ได้ลูบหัวของบุตรสาวอย่างเอ็นดู หลี่ฮูหยิน จางไป๋หลินเป็นคุณหนูของคหบดีที่ร่ำรวยอยู่กินกับแม่ทัพใหญ่รักใคร่กันมานาน และท่านแม่ทัพก็ไม่คิดที่จะรับอนุหรือฮูหยินรองเข้ามาภายในจวนทำให้ฮูหยินต้องหนักอกหนักใจ

 

รอได้ไม่นานขบวนของแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นหยวนก็ได้เดินทางมาถึงหน้าจวนสกุลหลี่ ท่านแม่ทัพใหญ่หลี่เฟยหลีและหลี่เพ่ยหยางที่ติดตามแม่ทัพใหญ่ไปเรียนรู้งานกับบิดาในตำแหน่งกุนซือของทัพก็ได้ลงจากมาหลังม้าก่อนจะเดินเข้าไปในจวน หลี่เพ่ยเพ่ยก็ได้เข้าไปสวมกอดผู้เป็นบิดาและพี่ชายพร้อมน้ำตาและความรู้สึกผิดที่หลั่งไหลเข้ามา แต่ผู้เป็นบิดาและพี่ชายคิดว่าที่นางร้องไห้ออกมาเพราะว่าคิดถึงพวกเขาที่มิได้พบเจอกันแรมปี จางไป๋หลินที่ยืนมองทั้งสามกอดกันก็ยกยิ้มที่แสนมีความสุขออกมานานแล้วที่ไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันเช่นนี้ เมื่อกอดปลอบกันเสร็จแล้วทั้งหมดก็พากันเข้าไปในโถงกลางบ้านเพื่อพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

 

" เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะท่านพ่อ ท่านพ่อสบายดีหรือไม่ " นางถามขณะพยุงบิดานั่งลงบนตั่งไม้

 

" พ่อสบายดีไม่ต้องกังวล แล้วพวกเจ้าเล่าเป็นอย่างไรบ้าง " เขาถามถึงความเป็นอยู่ของครอบครัวที่อยู่ภายในเมืองหลวง

 

" เพ่ยเอ๋อร์กับท่านแม่สบายดีเจ้าค่ะท่านพ่อ " หลังจากถามไถ่ความเป็นอยู่กันสักพักบิดาและพี่ชายก็ได้เข้าไปอาบน้ำพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวเข้าไปรายงานผลของการทำศึกที่ได้รับชัยชนะกลับมาแก่ฮ่องเต้

 

" ข้ามาขอเข้าพบท่านพ่อ " นางมาขอพบบิดาที่ห้องหนังสือก่อนที่บิดาจะเดินทางไปยังวังหลวง

 

ก๊อก ก๊อก

 

" นายท่านคุณหนูมาขอเข้าพบขอรับ " บ่าวรับใช้ที่คอยเฝ้าหน้าห้องหนังสือเอ่ยรายงานแก่เจ้านาย

 

" เข้ามาได้ " ท่านพ่อเอ่ยอนุญาตหลังจากเงียบไปสักพัก

 

" ท่านพ่อ " นางทำความเคารพก่อนนั่งลงเก้าอี้หน้าหนังสือ

 

" มีอะไรหรือเพ่ยเอ๋อร์ " เขากล่าวถามหลังจากนางนั่งลงได้สักพักแล้วไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมา

 

" เพ่ยเอ๋อร์มีเรื่องอยากจะขอกับท่านพ่อเจ้าค่ะ " นางเอ่ยถึงเรื่องที่ต้องมาขอพบกับบิดาในครั้งนี้

 

" เพ่ยเอ๋อร์อยากได้อะไรหรือลูกรัก " นางอยากจะได้อะไรเขาคนเป็นบิดาก็จะหามาให้นางทุกอย่าง ขอแค่ให้นางมีความสุขเขาก็พร้อมที่จะทำให้นางทุกอย่างเขาได้แต่คิดในใจ

 

" เพ่ยเอ๋อร์อยากให้ท่านพ่อขอประทานอนุญาตให้เพ่ยเอ๋อร์สามารถเลือกการสมรสได้เองเจ้าค่ะ " นางบอกความต้องการของนางออกไปให้บิดาได้รับรู้

 

" โถ ลูกรักเจ้าอยากได้เพียงเท่านี้เองหรือแม้ฮ่องเต้อยากให้เพ่ยเอ๋อร์แต่งงานแต่เพ่ยเอ๋อร์ไม่ต้องการเพียงแค่บอกกับพ่อ บิดาคนนี้ไม่ยอมให้เจ้าต้องแต่งกับคนที่มิชอบหรอก " เขายิ้มแล้วมองลูกสาวด้วยความเอ็นดู

 

" เพ่ยเอ๋อร์ต้องการเพียงเท่านี้เจ้าค่ะท่านพ่อ " นางกล่าวย้ำความต้องการกับบิดา

 

" สำหรับเพ่ยเอ๋อร์ของพ่อ เรื่องเพียงเท่านี้ถือว่าเล็กน้อยยิ่งนัก ฮ่าฮ่า " เขาหัวเราะออกมาอย่างสำราญ เรื่องเพียงเท่านี้เขาสามารถคุยกับฮ่องเต้ได้ไม่ยากแม้เขาจะไม่ได้รับชัยชนะกลับมาเพราะเขาเป็นสหายคนสนิทของฮ่องเต้และฮ่องเต้ก็เอ็นดูบุตรของเขายิ่งนัก 

 

" ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกขอตัวก่อนนะเจ้าคะ " นางยิ้มให้บิดาก่อนเดินออกจากห้องหนังสือไป

 

 

 

 

 

ห้องทรงอักษรวังหลวงแคว้นหยวน

 

หยวนเหล่อตี้ ฮ่องเต้แห่งแคว้นหยวนองค์ปัจจุบัน กำลังนั่งทรงงานอยู่ในห้องทรงอักษร

 

" ท่านแม่ทัพใหญ่หลี่เฟยหลี และคุณชายหลี่เพ่ยหยาง ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ " ขันทีหน้าห้องทรงอักษรรายงานการมาถึงของสองพ่อลูก

 

" เข้ามาได้ " ฮ่องเต้หยวนเหล่อตี้ก็ทรงอนุญาตให้ทั้งสองพ่อลูกเข้ามา

 

" ถวายบังคมฝ่าบาท ขอทรงเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี " ทั้งสองเอ่ยทำความเคารพฮ่องเต้

 

" ตามสบาย " ฮ่องเต้พูดพลางโบกมือให้ทำตามสบายอย่างที่ทำกันอย่างปรกติ

 

" ขอบพระทัยฝ่าบาท " ทั้งสองก็ได้นั่งลงเพื่อรายงานเรื่องการศึกแก่โอรสสวรรค์

 

หลังจากรายงานเรื่องของการศึกและพูดคุยกันเรื่องความเป็นอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลี่เฟยหลีก็ทรงขออนุญาตจากฮ่องเต้เรื่องของการสมรสของหลี่เพ่ยเพ่ย เนื่องจากฮ่องเต้และแม่ทัพใหญ่เป็นสหายสนิทกันจึงสามารถพูดคุยกันแบบเป็นกันเอง

 

" กระหม่อมอยากจะขอราชโองการให้เพ่ยเอ๋อร์ของกระหม่อมได้สามารถเลือกคู่ครองของนางเองได้พ่ะย่ะค่ะ " หลังจากฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาและพูดว่า

 

" ฮ่าฮ่าฮ่า เราคิดว่าเจ้ากลับมาคราวนี้จะไม่ขออะไรเหมือนเดิมเสียแล้ว " แม่ทัพใหญ่หลี่ไม่เคยที่จะทูลขออะไรจากเขาเลยสักครั้งหลังจากที่ได้สร้างผลงานกลับมา

 

" หึ หึ หามิได้พ่ะย่ะค่ะ เพ่ยเอ๋อร์นางเพียงอยากเลือกคู่ครองของนางเองกระหม่อมเพียงอยากให้ในสิ่งที่นางต้องการพ่ะย่ะค่ะ " เขาตอบกลับหลังจากที่ฮ่องเต้พูดเสร็จ

 

" เราคิดว่าเจ้าจะขอสมรสพระราชทานให้ลูกของเจ้าเสียอีก " พูดจบก็หันไปมองหลี่เพ่ยหยางอย่างขำ ๆ

 

" กระหม่อมยังไม่ต้องการแต่งตอนนี้พ่ะย่ะค่ะ ยังอยากรับใช้ฝ่าบาทอย่างเต็มที่พ่ะย่ะค่ะ " พูดจบเขาก็นั่งฟังทั้งสองคนพูดคุยกันต่อโดยไม่เข้าไปวุ่นวายมากนักกลัวจะถูกลากเข้าไปเป็นหัวข้อสนทนา 

 

" เอาล่ะ เราจะออกราชโองการให้พวกเจ้าทั้งเพ่ยหยางและเพ่ยเพ่ยเลยดีหรือไม่ " หลังจากฮ่องเต้ตรัสจบทั้งสองก็เอ่ยขอบคุณ

 

" ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ " หลังจากพูดคุยกันอีกสักพักสองพ่อลูกก็พากันขอตัวกลับจวน

 

 

 

จวนสกุลหลี่

 

หลังจากสองพ่อลูกกลับมาได้ไม่นานก็มีราชโองการตามกลับมาถึงที่บ้าน ทุกคนภายในบ้านก็พากันออกมารับราชโองการที่โถงรับรองแขก

 

" คารวะท่านลู่กงกง " ลู่กงกงเป็นขันทีคนสนิทของฮ่องเต้ที่รับใช้มาตั้งแต่ยังเป็นองค์รัชทายาท

 

" ตามสบายเถิดขอรับ " ลู่กงกงพูดอย่างเป็นกันเองไม่มีความถือตัวแต่อย่างใดเนื่องด้วยรับรู้ถึงความสนิทของฮ่องเต้และแม่ทัพใหญ่หลี่

 

" หลี่เพ่ยหยาง หลี่เพ่ยเพ่ย รับราชโองการ " ทั้งคู่เดินออกมาข้างหน้า และคุกเข่าพร้อมกับครอบครัวและบ่าวรับใช้

 

" เนื่องด้วยสกุลหลี่มีความดีความชอบในการทำศึก เจิ้นจะให้บุตรทั้งสองของแม่ทัพใหญ่หลี่สามารถเลือกคู่สมรสเองได้โดยที่เจิ้นจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว จบราชโองการ "

 

" กระหม่อมรับราชโองการพ่ะย่ะค่ะ "

 

" หม่อมฉันรับราชโองการเพคะ "

 

ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกันแล้วพาคนในครอบครัวและบ่าวในเรือนทำความเคารพ หลังจากนั้นหลี่ฮูหยินก็ยื่นถุงเงินให้ลู่กงกง ก่อนจะเดินออกไปส่งลู่กงกงพร้อมกับขันทีที่หน้าประตูจวน หลังจากขบวนขันทีกลับไปข่าวที่ลูกทั้งสองของแม่ทัพใหญ่หลี่สามารถเลือกคู่เองได้ก็แพร่สะพัดออกไปทั่วทั้งเมืองหลวง

 

" ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ " นางเอ่ยขอบคุณและทำความเคารพบิดาก่อนที่ทั้งหมดจะเดินกลับเรือนของตนเองไป

 

 

 

**************

 

 

 

เมื่อถึงยามเซินนางก็เดินไปที่โถงกลางบ้านเพื่อรับประทานอาหารกับครอบครัวที่ไม่ได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันนานแล้ว

 

" คารวะท่านพ่อ คารวะท่านแม่ คารวะพี่ใหญ่เจ้าค่ะ " นางทำความเคารพทุกคนแล้วนั่งลง

 

" มา ๆ มานั่งเร็วลงเข้าเพ่ยเอ๋อร์ " บิดาเรียกนางให้นั่งลงแล้วเริ่มทานอาหารด้วยกัน ทุกคนทานอาหารโดยมีการสนทนาและหัวเราะสนุกสนานกันบ้างเพราะไม่ได้เคร่งครัดอะไรมาก หลังจากทานข้าวกันเสร็จแล้วท่านพ่อก็แจ้งเรื่องงานฉลองชัยชนะในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า

 

" อีกหนึ่งเดือนจะมีงานฉลองให้กับเหล่าทหารกล้าและมอบรางวัลให้กับทหารทุกนาย ฝ่าบาททรงพระราชทานอนุญาตให้พาครอบครัวไปได้ พวกเจ้าก็เตรียมตัวไว้เสีย " พอนางได้ยินก็คิดถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมา ในอีกไม่กี่วันนี้นางต้องได้เจอกับหยวนฟางหรงที่ตลาดและได้ทำการตกลงมั่นหมายกันพอนางอายุครบสิบห้าหนาวก็แต่งเข้าจวนของเขาทันที นางยังไม่อยากที่จะเจอเขาตอนนี้นางยังไม่มีความแน่ใจมากนักว่าจะสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ นางจึงได้ตัดสินใจที่จะไปตลาดในวันพรุ่งนี้แทน

 

" ท่านพ่อ ท่านแม่ เช่นนั้นวันพรุ่งนี้เพ่ยเอ๋อร์ขอออกไปเดินตลาดนะเจ้าค่ะ " นางได้เอ่ยปากขอกับบิดามารดาพลางทำน้ำเสียงและท่าทีออดอ้อนออกไป

 

" ได้สิลูก " เมื่อบิดาได้เห็นท่าทีเช่นนั้นก็ทำได้เพียงเอ่ยอนุญาตให้นางได้ไปเดินตลาดเขาไม่ได้พบเห็นท่าทีเช่นนี้ของบุตรสาวนานแล้วตั้งแต่ออกไปทำการศึกที่ชายแดน

 

" พี่ใหญ่เจ้าคะ พาเพ่ยเอ๋อร์ไปเดินตลาดหน่อยนะเจ้าคะ " แล้วนางก็ได้หันไปพูดกับพี่ชายด้วยสีหน้าออดอ้อนเฉกเช่นที่ทำกับบิดามารดา

 

" ได้สิเพ่ยเอ๋อร์ " พี่ชายตอบรับพลางลูบหัวนางด้วยความเอ็นดู

 

หลังจากพูดคุยกันสักพักทุกคนก็แยกย้ายกันกลับเรือน พอนางเดินมาถึงเรือนนางก็นั่งที่ตั่งไม้ริมหน้าต่างพลางคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้น

 

' ข้ารักเจ้านะเพ่ยเอ๋อร์ '

 

' ข้ารักเจ้ามากที่สุด แม้จะต้องแต่งกับใครมากมายแต่ข้าก็รักแต่เจ้าเพียงผู้เดียว '

 

' ข้ารักเจ้าที่สุดเพ่ยเอ๋อร์ของข้า '

 

นางคิดถึงถ้อยคำเหล่านี้แล้วแค่นยิ้มที่แสนจะเย็นชาออกมา ' หึ ข้าจะไม่มีวันเชื่อคำหลอกลวงพวกนั้นอีก ' นั่งได้สักพักก็เข้านอน

 

 

 

" คุณหนูตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ ยามเฉินแล้วเจ้าค่ะ " นางตื่นขึ้นแล้วลุกขึ้นแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวที่จะออกไปทานอาหารพร้อมกับครอบครัวที่โถงกลางบ้าน นางเลือกใส่ชุดสีน้ำเงินอ่อนคลุมด้วยผ้าบางสีฟ้า ซึ่งเป็นชุดสีเข้มชุดเดียวที่นางมีในตอนนี้ นางคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่มีแล้วหญิงสาวผู้บอบบางใสซื่อคนนั้น จะเหลือเพียงแค่หญิงสาวผู้ไม่ยอมให้ผู้ใดมาหลอกใช้นางได้อีกต่อไป

 

ขณะที่นางเดินไปที่โถงกลางบ้านก็เจอเข้ากับหลี่เพ่ยหยางพี่ชายของนาง

 

" คารวะพี่ใหญ่เจ้าค่ะ " หลี่เพ่ยหยางมองน้องสาวของตัวเองด้วยความตะลึง น้องสาวของตนนั้นเดิมที่เป็นคนร่าเริงแจ่มใส แต่ตอนนี้นางเหมือนกับมีอะไรเปลี่ยนไปที่เขาก็ดูไม่ออก นางยังคงร่าเริงเช่นเดิมแต่มีกลิ่นอายที่ดูสง่าขึ้นยิ่งใส่ชุดสีน้ำเงินอ่อนเช่นนี้ยิ่งเพิ่มความน่าค้นหามากกว่าตอนที่นางใส่สีหวาน ๆ ที่เขาเห็นนางใส่ในทุกครั้ง เขาได้แต่ยืนเหม่อมองน้องสาวของตนเองอยู่นานจน

 

" พี่ใหญ่เจ้าคะ พี่ใหญ่ " นางเรียกพี่ชายในขณะที่เขายืนจองนางอยู่นาน

 

" หือ อะไรหรือเพ่ยเอ๋อร์ " เขารู้สึกตัวเมื่อน้องสาวเรียก

 

" ก็พี่ใหญ่ยืนมองเพ่ยเอ๋อร์ตั้งนานแล้วเจ้าค่ะ พวกเราไปกันเถอะเดี๋ยวท่านพ่อท่านแม่รอนาน " นางบอกถึงอาการของพี่ชายที่เอาแต่ยืนจ้องมองนางโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา 

 

" อืม เราไปกันเถอะ " แล้วทั้งคู่ก็ได้เดินไปที่โถงกลางบ้านเพื่อทานอาหารด้วยกัน

 

" คารวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ " 

 

" คารวะท่านพ่อท่านแม่เจ้าค่ะ " เมื่อเดินเข้ามาถึงโถงกลางบ้านก็ได้เอ่ยทำความเคารพบิดามารดา

 

“นั่งลงกินข้าวกันเถอะ” บิดาเอ่ยเรียกบุตรทั้งสองให้นั่งลงทานอาหารด้วยกัน

 

" ขอรับ "

 

" เจ้าค่ะ " ทั้งสองนั่งลงทานข้าวพร้อมกับบิดามารดา พอทานอาหารเสร็จทั้งคู่ก็ได้บอกกับบิดามารดาว่าจะออกไปข้างนอก

 

" ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกกับเพ่ยเอ๋อร์ออกไปข้างนอกนะขอรับ " หลี่เพ่ยหยางเอ่ยบอกกับบิดามารดาว่าจะออกจากจวนหลังจากทานอาหารเสร็จ 

 

" พวกเจ้าก็ออกไปกันเถอะดูแลเพ่ยเอ๋อร์ดี ๆ ล่ะ " บิดาเอ่ยบอกแล้วก็เดินไปทำงานในห้องหนังสือ

 

" ท่านแม่ลูกไปนะเจ้าคะ " นางพูดพร้อมกับเข้าไปกอดมารดาอย่างเอาอกเอาใจ

 

" อย่ากลับมืดค่ำนะลูก " นางพูดพร้อมลูบผมของบุตรสาวอันเป็นที่รัก ถ้านางเกิดเป็นอะไรขึ้นมานางคงต้องได้ตรอมใจเป็นแน่ 

 

" เจ้าค่ะ " แล้วทั้งสองก็เดินออกไปขึ้นรถม้าที่หน้าจวน 

 

 

 

ตลาดแคว้นหยวน

 

" พี่ใหญ่ไปร้านขายผ้ากันเถิดเจ้าค่ะ เพ่ยเอ๋อร์อยากตัดชุดใหม่ " นางบอกกับพี่ชายถึงความต้องการที่ออกจากจวนมาในครั้งนี้

 

" ชุดของเพ่ยเอ๋อร์ยังมีไม่พออีกหรือ " เขาว่าปนขำน้องสาวออกมา

 

" โถ พี่ใหญ่น้องอยากได้ชุดสีใหม่บ้างเจ้าคะ " นางว่าพร้อมกับแสดงท่าทีแง่งอนออกมาให้แก่พี่ชาย

 

" ฮ่าฮ่า เจ้านี่นะ " เขาก็ได้ยื่นมือไปโยกหัวของนางพร้อมกับหัวเราะออกมา นางส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้พี่ชายก่อนจะเอ่ยว่า

 

" พี่ใหญ่ต้องจ่ายให้เพ่ยเอ๋อร์ ไม่เช่นนั้นเพ่ยเอ๋อร์จะไม่ยอมพูดกับพี่ใหญ่ " พอพูดเสร็จก็หันหน้าหนีพี่ชายในทันที 

 

" ฮ่าฮ่า ได้สิวันนี้พี่ชายคนนี้จะตามใจเพ่ยเอ๋อร์เอง เพ่ยเอ๋อร์อยากได้อะไรพี่จะซื้อให้ทุกอย่างเราไปกันเถิด " พูดจบก็เดินกอดคอน้องสาวไปยังร้านขายผ้า 

 

" ไปกันเถิดเจ้าค่ะ " แล้วทั้งสองก็เดินไปยังร้านขายผ้าที่จวนของพวกเขามาซื้อเป็นประจำ

 

 

 

" เชิญขอรับคุณชาย คุณหนู " หลงจู๊เข้ามาต้อนรับทั้งสองพาเดินเข้าไปในร้านเตียจิงฮ้ง ร้านขายผ้าแห่งนี้เป็นร้านขายผ้าอันดับหนึ่งในเมืองหลวง ช่วงนี้เริ่มที่จะมีเหล่าคุณหนูคุณชายออกมาเลือกซื้อผ้าที่ร้านแห่งนี้เพื่อไปตัดให้ทันงานเลี้ยงที่จะถึงในไม่นานนี้

 

" คุณหนูต้องการผ้าแบบไหนเจ้าค่ะ " พอเข้ามาถึงในร้านก็มีเสี่ยวเอ้อเดินเข้ามาสอบถามพร้อมกับเดินตามและแนะนำสินค้าภายในร้าน

 

" ข้าต้องผ้าไหมชั้นดีของร้านแห่งนี้ " นางบอกสิ่งที่ต้องการออกไป

 

" เชิญตามมาที่ชั้นสองเลยเจ้าค่ะ " นางก็ได้เดินนำทั้งคู่ขึ้นไปบนชั้นสองของร้าน

 

" เชิญนั่งก่อนเจ้าค่ะ " เมื่อเดินเข้ามาในห้องเสี่ยวเอ้อก็พาเดินไปนั่งโต๊ะที่ได้จัดเตรียมไว้

 

" ข้าต้องการผ้าสีเข้มไปนำมาให้ข้าเลือกด้วยเถิด " นางบอกกับเสี่ยวเอ้อก่อนที่เสี่ยวเอ้อจะเดินออกไปเอาผ้า ทั้งสองพากันนั่งลงที่โต๊ะในห้องรับรอง ชั้นสองจะถูกแบ่งออกเป็นห้องเล็ก ๆ หลายห้องเพื่อให้ลูกค้าที่มีฐานะได้นั่งรอระหว่างเลือกผ้า รอได้สักพักเสี่ยวเอ้อก็เดินเข้ามาพร้อมกับผ้าสีเข้มหลายพับ

 

" มาแล้วเจ้าค่ะ นี่เป็นผ้าไหมชั้นดีของทางร้านเชิญคุณหนูเลือกดูได้เลยเจ้าค่ะ " เสี่ยวเอ้อวางผ้าไว้บนโต๊ะเพื่อให้นางเลือกตามใจชอบพร้อมกับคอยแนะนำสินค้าให้กับนาง

 

บนโต๊ะมีผ้าสีเข้มหลายสี นางได้เลือกผ้าที่คิดว่าเหมาะกับนางคือ สีฟ้าเข้ม สีน้ำเงินเข้ม สีม่วงเข้ม สีแดงเลือดนก สีเขียวเข้ม และสีดำ นางได้หยิบผ้าที่เลือกแยกออกมาวางไว้เพื่อให้เสี่ยวเอ้อไปจัดผ้าตามที่นางต้องการ

 

" เอาผ้าสีที่ข้าเลือกสีล่ะสองพับ พี่ใหญ่เลือกสักสองพับสิเจ้าคะเพ่ยเอ๋อร์จะได้ตัดชุดให้ " นางหันหน้าไปบอกพี่ชาย พอน้องสาวพูดจบเขาก็เลือกผ้าสีน้ำเงินเข้มด้วยความดีใจ น้องสาวไม่ได้ตัดชุดให้กับเขานานแล้ว

 

" ข้าเอาสีน้ำเงิน " เขาหันไปบอกกับเสี่ยวเอ้อก่อนจะหันไปยิ้มให้กับน้องสาว 

 

" ได้เจ้าค่ะ " เสี่ยวเอ้อตอบรับ ก่อนจะออกได้ออกไปนั้นหลี่เพ่ยเพ่ยก็เอ่ยบอกขึ้น

 

" ข้าอยากได้ผ้าที่ดีที่สุดในร้านนี้ มีหรือไม่ " นางหันไปถามเสี่ยวเอ้อ

 

" มีเจ้าค่ะ " นางตอบพร้อมกับยิ้มออกมา 

 

" ไปอามาให้ข้าดู " นางเอ่ยบอกกับเสี่ยวเอ้อคนนั้น

 

" ได้เจ้าค่ะ รอสักครู่นะเจ้าคะ " แล้วนางก็เดินออกไปเอาผ้ามาให้คุณหนูผู้นี้ได้ดู 

 

" เพ่ยเอ๋อร์ นี่ยังไม่พออีกหรือ " เขาถามน้องสาวตอนที่เสี่ยวเอ้อออกไปแล้ว เห็นทีวันนี้เขาคงหลงกลน้องสาวเข้าเสียแล้ว

 

" นี่ของชุดที่ใช้ใส่อยู่จวนเจ้าค่ะส่วนผ้าชุดหลังเอาไว้ตัดใส่ไปงานฉลองไงเจ้าคะ " นางตอบแล้วส่งยิ้มหวานออกไปให้แก่พี่ชาย

 

" เฮ้อ ตามใจเจ้า " เขาส่ายหน้าให้กับน้องสาวอย่างเอ็นดู รอได้สักพักเสี่ยวเอ้อก็มาพร้อมกับผ้าหลายพับ

 

“นี่เจ้าค่ะ พวกนี้เป็นผ้าที่ดีที่สุดที่ร้านเรามีแล้วเจ้าค่ะ ผลิตออกมาได้แค่ปีล่ะห้าพับต่อสีเพียงแค่นั้นเจ้าค่ะ เหลือเพียงแค่นี้เจ้าค่ะ” นางมองไปยังผ้าที่เหลือ มีสีฟ้า สีม่วง สีน้ำเงิน

 

" ข้าเอาทั้งหมด " นางบอกกับเสี่ยวเอ้อ 

 

" ได้เจ้าค่ะคุณหนู สีฟ้ามีเหลือสี่พับ สีม่วงมีเหลือเพียงแค่พับเดียวเจ้าค่ะ ส่วนสี่น้ำเงินเหลือสองพับเจ้าค่ะ " นางแจ้งจำนวนผ้าที่เหลือให้กับคุณหนูได้รู้ นางฟังจำนวนผ้าที่เหลือสีม่วงมีเพียงพับเดียวนางคงได้ใส่สีนี้ไปงานฉลองและคงจะเอาผ้าสีฟ้ามาตัดรวมกัน บิดาและมารดาเป็นสีฟ้าที่มีมากที่สุด ส่วนสีน้ำเงินคงต้องตกเป็นของพี่ชาย

 

" ส่งไปจวนสกุลหลี่ " หลี่เพ่ยหยางพูดแล้วส่งเงินให้เสี่ยวเอ้อเมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่ได้พูดอะไรออกไป

 

ทั้งคู่ก็ได้เดินออกจากร้านไปตามถนนเดินมองร้านค้าต่าง ๆ ตามข้างทางไปเรื่อย ๆ ในขณะที่หลี่เพ่ยเพ่ยกำลังจะเดินเข้าร้านเครื่องประดับนางก็ชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง

 

ตุบ

 

*******************************

 

 

 

สามารถติชมได้ค่ะ พึ่งแต่งครั้งแรก หรือส่งมาพูดคุยก็ได้นะคะ >.<

 

ฝากกดติดตามด้วยนะคะ >.<

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา