ห่มรักเคียงดาว

-

เขียนโดย zusuran

วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 09.43 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,956 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 15.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) ลักพาตัว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

แกร๊ก!

ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาก่อนที่ผมจะจับกลอนประตู และคนที่เปิดเข้ามาก็ไม่ใช่ภูผา

“เจอตัวจนได้ คุณธารา”

พวกผู้ชายสองคนบุคลิกท่าทางเหมือนทหาร ที่สำคัญตัวสูงกว่าผมจนต้องแหงนหน้ามอง

“พวกคุณเป็นใคร มีธุระอะไรกับผม”

“มีคนอยากเจรจากับคุณ”

อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว สถานการณ์แบบนี้คนระดับผมใช้หัวแม่เท้าคิดก็ได้

ศัตรูเล่นงานแบบประชิดตัวเข้าแล้วธาราเอ๊ย

และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ผมเองก็ไม่จำเป็นต้องตกใจอะไร

มันก็แค่เรื่องบาดหมางในธุรกิจที่เจอประจำ

เอาน่ะ เดี๋ยวก็ผ่านไป

ผมตามคนทั้งสองขึ้นรถแต่โดยดี ไม่รู้หรอกว่าพวกมันเป็นคนของใครและจะพาผมไปไหนและผมเองก็ไม่อยากคาดเดาให้เสียเวลา เพราะศัตรูของผมมันเยอะ อย่างมากก็แค่ต่อรองนิดหน่อยและก็ปล่อยตัวผมกลับเหมือนทุกครั้งนั่นแหละ

มันน่าจะเป็นแบบนั้น แต่ว่าครั้งนี้มันออกจะแปลกๆ

ผมมองทิวทัศน์ด้านนอก รู้เลยว่าพวกมันกำลังพาผมออกนอกเมือง จากทิวบ้านพักสองข้างทางเริ่มกลายเป็นป่ารกทึบ ผ่านไปพักใหญ่รถก็จอดที่หน้าบ้านเก่าๆ หลังหนึ่ง

“คนที่อยากพบคุณรออยู่ข้างใน เชิญ”

ผมลงจากรถและมองไปรอบๆ บรรยากาศเย็นยะเยือก บ้านสไตล์ยุโรปเก่าลอกจนเห็นอิฐสีคล้ำมีตะไคร่เขียวขึ้นตามร่อง ข้างๆ มีต้นไม้ใหญ่กำลังยืนต้นตายใบไม้ร่วงลงมาเหมือนละอองฝน ให้บรรยากาศไม่ต่างจากฉากในหนังสยองขวัญ

ผมถอนหายใจและเดินเข้าไปในบ้านโดยที่มีเจ้าสองคนนั้นเดินตามหลัง

ทั้งชีวิตของผมตั้งแต่เล็กจนโตเจอสถานการณ์แบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน มันทำให้ผมชินชาและเก็บอาการเก่งจนหาตัวจับยากแล้วล่ะ

ผมเดินเข้ามาถึงส่วนโถงของบ้านที่ดูโล่งและสะอาดกว่าที่คาดการณ์เอาไว้มาก แต่กลิ่นอับชื้นของซีเมนต์กับกลิ่นรายังเตะจมูกจนผมฟึดฟัดไปหลายที

ผมเดินเข้าไปและหยุดยืนอยู่ตรงกลางโถงที่มีเพียงโซฟาเดี่ยวสองตัววางหันหน้าเข้าหากัน

“ว้าว ไม่อยากเชื่อว่าคุณจะมาจริงๆ”

เสียงของคนที่ค่อนจะมีอายุหน่อยดังมาจากชั้นบน ผมเหลือบมองผ่านหางตา เห็นคนกำลังเดินมาสองสามคน หนึ่งในนั้นผมจำได้ว่าเป็นนายหน้าขายที่ดินที่ผมเคยเจอตอนที่ไปซื้อขายที่ดินบนดอย

เดาได้ไม่ยากเลยว่านี่คงจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ล้วนๆ

“เชิญนั่งก่อนสิครับ”

ผู้ชายอายุรุ่นราวคราวพ่อของผม สวมสูทผูกไทดูเป็นนักธุรกิจกำลังเชื้อเชิญให้ผมนั่งบนโซฟาตัวเก่า ท่าทางคนคนนี้คงจะเป็นโจทย์ที่ผมต้องไปสู้คดีที่ศาลตามที่ไซรีนบอก ไม่คิดเลยว่าจะมาเล่นลูกไม้กับผมก่อนแบบนี้

ผมนั่งไขว่ห้างรอฟังข้อเสนอที่อีกฝ่ายจะพูด เอาเถอะ ถึงเขาจะพูดอะไรผมก็ไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว

“เข้าเรื่องกันเลยละกันนะครับ คุณธารา เรามาทำข้อตกลงเกี่ยวกับที่ดินบนดอยนั้นกันใหม่เถอะ”

“หืม มีปัญหากับที่ดินของผมงั้นเหรอ”

“อย่าเข้าใจผิดสิ ผมแค่มีข้อเสนอดีๆ ให้คุณเท่านั้นเอง”

“อ้อ”

ผมทำท่าทางรับฟังอย่างส่งๆ

“จะยื่นข้อเสนอทั้งทีต้องไปลากตัวผมมาในป่าลึกขนาดนี้เชียว ดูท่าว่าข้อเสนอนี้จะไม่ได้มีไว้สำหรับเสนอผมสักเท่าไหร่มั้ง”

“ฮะๆๆๆ สมแล้วที่เป็นนักธุรกิจไฟแรง ท่าทางประสบการณ์ไม่ได้น้อยเหมือนอายุล่ะสินะ”

“เข้าเรื่องเลยดีกว่า ต้องการอะไร”

“ผมต้องการที่ดินบนดอยของคุณ”

ง่ายๆ สั้นๆ ชัดเจน แต่ผมไม่ให้

“ผมไม่ให้ มีอะไรอีกไหม”

“หึๆๆ ก็คิดไว้แล้วว่าคุยดีๆ กับคุณไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหรอก”

แล้วคู่เจรจาของผมก็ดีดนิ้วเรียกลูกน้องออกมาจากที่ซ่อน ประเสริฐมากเจ้าพวกนี้ แต่ผมไม่ได้ยอมเป็นลูกแกะให้มันเชือดหรอกนะ

เสียงเอะอะโครมครามนอกบ้านดังเข้ามาถึงข้างใน ผมยังนั่งอยู่ที่เดิมมองดูท่าทางของพวกมันที่กำลังลนลาน

หมับ!

“แก ไอ้เด็กเวร ฉันน่าจะรู้ว่าแกมันจิ้งจอกดีๆ นี่เอง”

คู่เจรจารุ่นพ่อของผมเข้ามาคว้าคอเสื้อผมและพ่นคำสารพัดพิษใส่หน้าผม แต่ผมก็ยังเฉยและปัดมือด้านๆ นั้นออกให้พ้นตัว แบบนี้แหละการห้ำหั่นของจิ้งจอกล่ะ

จากข้อมูลที่ไซรีนให้ผมมาเมื่อวันก่อนตาแก่คนนี้มีคดีติดตัวหลายกระทงซะด้วย อะไรจะประจวบเหมาะขนาดนี้

ความโกลาหลด้านนอกกำลังจะเข้ามาถึงในบ้าน ผมก็คงต้องนั่งรอเหมือนอย่างทุกที แต่ว่า

หมับ!

“แกคิดง่ายเกินไปแล้วไอ้หนู อย่าคิดว่าแกจะออกไปจากที่นี่ได้ง่ายๆ เลย”

ตาแก่คู่เจรจากระชากคอเสื้อผมอีกครั้ง ก่อนที่มันจะพยักหน้าส่งสัญญาณให้ลูกน้องเข้ามาคุมตัวผมเดินตามมันไปด้านหลังของตัวบ้าน

พวกมันมัดแขนผมไพล่หลังและโยนผมเข้าไปในห้องแคบๆ จนไม่มีอากาศหายใจ รอบข้างเต็มไปด้วยเศษไม้และลังกระดาษ ยางรถยนต์รวมไปถึงถังน้ำมัน

โครม!

“ดูซิว่าแกจะดวงดีรอดไปได้อีกไหม” พอมันพูดจบมันก็เตะถังน้ำมันจนล้ม และสั่งให้ลูกน้องปิดประตู

ไอ้บ้านี่มันจะเผาผมไปพร้อมกับบ้านหลังนี้

ตึงๆๆ!!!

ผมใช้ตัวเองกระแทกประตูไม้เก่าๆ ตรงหน้า แต่ดูท่ามันจะแข็งแรงกว่าผมเยอะ กลิ่นน้ำมันคละคลุ้งจนผมเริ่มแสบจมูกและไม่นานเสียงระเบิดก็ดังขึ้นพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนจนฝ้าเพดานผุๆ ร่วงลงมาใส่หัวผม ไอร้อนเริ่มลามเลียลอดช่องประตูเข้ามา ผมรู้เลยว่าไฟกำลังไหม้อยู่ด้านนอก

ไม่เอาน่า แบบนี้มันเกินไป ผมใช้แรงทั้งหมดกระชากเชือกที่มัดมือตัวเองจนได้ ในขณะที่ควันสีดำเริ่มลอดเข้ามาในห้องจนผมสำลัก

“แค่กๆๆ ....”

ให้ตายเถอะ เริ่มมองอะไรไม่เห็นแล้วสิ

ผมคว้าท่อนไม้ที่ยังมีตะปูตอกคาอยู่ขึ้นมาและฟาดเต็มแรงไปที่ประตูจนกลอนผุๆ หลุดออกมาเกิดเป็นช่องว่างพอที่จะยื่นมือออกไปปลอดกลอนด้านนอก

เคร้ง!!!

แกร๊ก!

สาบานได้เลยว่าถ้าผมรอดออกไปไอ้แก่นั่นต้องติดคุกหัวโต

ผมซมซานออกมาจากห้องได้สำเร็จแต่ปัญหาตรงหน้าของผมตอนนี้คือไฟมรณะที่มันกำลังเผาไหม้อย่างบ้าคลั่ง ไม่เหลือทางให้ออกไปได้เลย นอกจากลุยออกไป

“ธารา!!”

“!!!....”

เสียงนี้มัน ภูผา!

เขาอยู่ที่นี่ด้วยงั้นเหรอ

ก็น่าจะเป็นไปได้อยู่ เพราะก่อนที่ผมจะออกมาก็ทิ้งร่องรอยเอาไว้เยอะนี่นะ ผมมองหาที่มาของเสียงเรียก และเห็นภูผากำลังฝ่าเข้ามายังจุดที่ผมถูกไฟล้อมอยู่

แต่เหมือนจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ไฟกำลังลุกและชั้นบนกำลังถล่มลงมา

ครึ่ก!

โครมมมม!!!!

ผมมองไม่เห็นภูผาแล้ว อย่าบอกนะว่าถูกซากปรักหักพังพวกนั้นหล่นทับ

ตึกตักๆๆๆ

หัวใจผมเริ่มเต้นแรงขึ้นถี่ขึ้นจนผมทรุดลงกับพื้น

อะไรกันล่ะเนี่ย ผมเป็นห่วงเจ้าเด็กนั่นเหรอ

“แค่กๆๆ”

ควันเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นอะไรแล้ว ผมมองไม่เห็นและไม่ได้ยิน หายใจติดขัด

จะว่าไป เป็นอย่างนี้ก็ดี อย่างน้อยผมก็จะได้เจอน้องสาวที่ยมโลก

หมับ!

“คิดจะหนีผมมันง่ายไปนะ”

ภูผา!

“มาเถอะ”

ภูผาลากผมออกมาตามช่องแคบๆ ที่ยังไม่ถล่มจนกระทั่งโผล่ออกมาด้านนอกตัวบ้านที่เป็นป่ารกก่อนที่ช่องแคบนั้นจะถล่มปิดทางเข้าออกและเผาวอดลงไปต่อหน้าต่อตา

“แค่กๆๆ แฮ่กๆๆ ....”

ผมพยายามหายใจเอาอากาศเข้าปอดก่อนจะเงยหน้ามองภูผาที่เอาแต่จ้องผมไม่พูดไม่จา

“แฮ่กๆๆ อะไร มองฉันแบบนั้นจะหาเรื่องรึไง”

ผมเองก็ไม่วายจะแขวะไปสักหน่อย แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่พูดอะไรและพยุงผมลุกขึ้นสำรวจความเสียหายรอบตัวผมจนพอใจ

“ไปกันเถอะ”

ภูผาดึงมือผมให้เดินตาม ทุกอย่างคงจะจบแล้วสินะ

แต่ทำไมผมรู้สึกแปลกๆ

ปัง!!!!

เฮือก!

ร่างของผมกระตุกเฮือกก่อนจะเซเข้าไปซบอกภูผาที่ผินตัวกลับมารับผมเอาไว้

ผมเจ็บร้าวไปทั้งซีก เจ็บที่สุดเท่าที่เคยเจ็บมาเลย มันเจ็บแล้วก็หนาววาบไปทั้งตัว

“ไม่....ไม่นะ”

เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินคือเสียงสั่นๆ ของภูผา หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย

 

ภูผา part

ปัง!!!!

ตุ้บ!

แรงกระตุกเฮือกใหญ่จากคนที่เดินตามหลังทำให้ภูผารีบหันกลับไป และมันก็ทำให้เขาชะงักไปชั่วขณะ

ร่างของธาราทรุดฮวบลงมาต่อหน้าต่อตาเขา ยังดีที่เขารับเอาไว้ทัน และต้นเหตุก็มาจากชายแก่รุ่นพ่อที่ยืนถือปืนเล็งมาจากข้างหลัง

เพียงเสี้ยวอึดใจที่มันลั่นไก ตำรวจก็เข้ามาคุมตัวมันเอาไว้ได้

“ไม่....ไม่นะ”

ฝ่ามือหนาตะปบปากแผลที่อาบเจิ่งไปด้วยโลหิตสีแดง ธาราถูกยิงจากด้านหลังทะลุหัวไหล่ออกมาด้านหน้า

ตึกตักๆๆๆ

เสียงหัวใจเต้นรุนแรงจนแทบจะแหวกหน้าอกออกมาผึ่งลมข้างนอก มันบีบตัวจนภูผาต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ

เสียงเอะอะจากคนที่เข้ามาช่วยเหลือฟังไม่ได้ศัพท์ ร่างกายเคลื่อนไหวไปโดยสมองไม่ได้สั่ง ทุกอย่างดำเนินไปพร้อมกับความเจ็บปวดที่กำลังบีบรัดให้เขาทรมาน

เคียงดาว คุณจะพาพี่ชายคุณไปจากผมจริงเหรอ....

มือหนาลูบอกซ้ายตำแหน่งหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะหลังจากที่ผ่านมาหลายชั่วโมง

หน้าห้องฉุกเฉินที่ยังไม่มีใครได้ออกมา

“ผู้ต้องหารายนี้มีคดีเก่าติดตัวหลายคดี แล้วก็เป็นคนที่ทางตำรวจสากลต้องการตัวด้วยครับ”

นายตำรวจเข้ามารายงานความคืบหน้า

“ดำเนินการตามขั้นตอนแล้วก็อย่าปล่อยให้มันออกจากห้องขังไม่ว่ากรณีใด”

“ครับ ว่าแต่ เพื่อนของคุณ....”

พอถูกถามแบบนี้แล้วภูผาก็ไม่มีคำตอบนอกจากมองไปยังประตูที่ไม่มีท่าทีว่าจะเปิดออกมา

“ผู้กอง.....”

“ไปจัดการส่วนที่เหลือให้เรียบร้อย มีอะไรคืบหน้าให้มารายงานผมทันที”

“ครับ”

ตำรวจที่ร่วมในทีมจับกุมได้แยกย้ายกันไปทำงานต่อ ภูผาเริ่มถอนหายใจออกมา ความเงียบผ่านไปได้ไม่นานเสียงฝีเท้าหนักๆ จากส้นสูงที่กระทบพื้นเป็นจังหวะก็ดังมาให้หันเหสายตาไปมอง

“ธาราล่ะ เขาเป็นยังไงบ้าง”

ไซรีนหน้าตาตื่นมาหา ภูผาไม่พูดอะไรนอกจากส่ายหน้า

“ให้มันได้อย่างนี้สิ จะกี่ครั้งก็ยังไม่รักตัวเองเหมือนเดิม เจ้าบ้านี่”

ความฉุนเฉียวของไซรีนเรียกความสนใจจากภูผา ความอยากรู้อยากเห็นแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจนจนหญิงสาวมองออกแค่ปราดเดียว

“อยากรู้ไหมว่าทำไมตาบ้านั่นถึงได้เป็นแบบนี้”

“เอ๊ะ?”

“อย่างน้อยนายก็ยังเข้าหาธาราได้มากกว่าฉัน งั้นฉันจะให้นายฟังๆ เอาไว้หน่อยก็แล้วกัน”

ภูผาพยักหน้าละนั่งฟังเรื่องรวของธาราในมุมที่ตัวเองก็ยังไม่เคยรู้จัก

“........พอเสียน้องสาวฝาแฝดไปตาบ้านั่นก็เริ่มไม่สนใจไยดีใครหน้าไหน ถ้าอยากได้อะไรก็ใช้ลูกบ้าของตัวเองแย่งมันมา เพราะแบบนี้ก็เลยทำให้มีศัตรูรอบตัว แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่จะหนักหนาขนาดนี้มาก่อน ฉันไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่ามันจะไม่รักชีวิตตัวเองขนาดนี้”

“..........”

“ฉันคิดว่าถ้ามีใครสักคนคอยอยู่ข้างๆ เจ้าบ้านั่นคงจะรักชีวิตตัวเองมากกว่านี้”

เพราะสูญเสียก็เลยโดดเดี่ยว งั้นเหรอ

ภูผายกมือลูบหน้าอกตัวเองอีกครั้ง หัวใจที่มันเต้นโครมครามเริ่มสงบลงบ้างแล้ว แต่ก็ยังทำให้เขาต้องพยายามปรับลมหายใจเข้าออกของตัวเองอยู่

“ปลายฟ้าบอกว่านายได้รับการเปลี่ยนถ่ายหัวใจใหม่”

“ผมติดค้างเจ้าของหัวใจดวงนี้”

“นายทำดีที่สุดแล้ว อย่าโทษตัวเองเลย”

ไซรีนได้แต่ปลอบใจทั้งที่ไม่ใช่นิสัยของเธอเลย และไม่นานประตูห้องก็เปิดออกมาพร้อมกับเตียงคนไข้

“เป็นยังไงบ้างครับ”

“โชคดีที่กระสุนไม่ถูกจุดสำคัญครับ ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว”

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา