ภวังค์รักในห้วงฝัน
9.0
เขียนโดย Yajula
วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 23.05 น.
19 ตอน
2 วิจารณ์
13.79K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 22.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) หิว...
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่เก้า
หิว...
“อ้าว? มึงยังคบกับภูพิงค์อีกเหรอ ไหนไอ้เชนมันบอกว่ามึงกับเธอเลิกกันแล้ว อะไรยังไง มึงช่วยอธิบายให้พวกกูหายสงสัยกันหน่อย” พลูพูดขึ้นด้วยความงุนงง พลางมองไปที่เจ้าเชน ที่ทำหน้าสงสัยเหมือนกันราวกับพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเหมือนกัน ส่วนเมศ มันเป็นคนที่เก็บความลับเก่งที่สุดในบรรดาพวกเขา เรื่องส่วนตัวของมันไม่เคยที่จะเล็ดลอดออดจากปากมันสักคำ ถ้ามันไม่อยากพูดขึ้นมาเอง
“กูกับพิงค์เลิกกันแล้ว เรื่องนี้เป็นความจริง ส่วนเหตุผลกูไม่อยากพูด” เขาพูดตัดจบอย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้พวกเขาทั้งหมดอยากจะรู้ไปอีก เชนอดถามไม่ได้ จึงได้ถามต่อโดยไม่สนใจสาว ๆ ที่นั่งคลอเคลียอยู่ใกล้ ๆ เพราะมีเรื่องที่น่าสนใจมากกว่า เพื่อนคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน ที่ต่างพากันจ้องมองมาที่ชายหนุ่มเจ้าของเรื่องจริงจัง
“แล้วตอนนี้มึงคบกับใคร” เมศที่กำลังจะคว้าแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยกมันมากระดกเข้าปากอย่างรวดเร็ว แล้วบอกไปว่า
“กูยังบอกตอนนี้ไม่ได้ เธอขอไว้ เอาเป็นว่ารอให้เธอพร้อมกว่านี้ แล้วกูจะพาเธอมาให้พวกมึงรู้จักเอง” เมศบอกพวกเขาไปตามความจริง
“นายไปเจอผู้หญิงคนนี้ได้ยังไง” เสียงหวานของฟางถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เจอกันบังเอิญ”
“แล้วมึงคบกับเขาเลยเนี่ยนะ ไม่คิดว่ามึงจะป็นคนแบบนี้” เชนทำหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ กว่าที่เพื่อนเขาตรงหน้าจะตัดสินใจคบกับ ภูพิงค์ ช่วงนั้นเขาจำได้ว่าฝ่ายหญิงใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะจีบเพื่อนเขาติด และทั้งสองจะคบกันมานานพอสมควร แจนกระทั่งจบการศึกษาพวกเขาต่างพากันไปทำงานในสถานที่เดียวกัน ในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ทั้งคู่ต่างเป็นคู่รักที่ดูเหมาะสมกันไปหมดทุกอย่าง ถึงขั้นเกือบจะได้หมั้นหมายกันด้วยซ้ำ แต่ทุกอย่างกลับพลิกตาลปัดไปหมด พวกเขาไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองเลิกลากันไป หลังจากที่ทั้งสองแยกทางกัน เมศย้ายตัวเองกลับมาทำงานที่บ้านเกิด ส่วนภูพิงค์ขาดการติดต่อไปทันทีโดยไม่รู้ว่าหญิงสาวไปอยู่ที่ไหน อย่างไร
“ความรักมันไม่ต้องใช้เวลานาน ถ้าความรู้สึกของพวกเราตรงกัน” เมศว่าพลางยิ้มเศร้า
“มึงยังติดต่อเธออยู่หรือเปล่า” เสียงแหบต่ำของสิงหาถามขึ้นทันที
เมศที่ได้ยินดังนั้นก็ชะงัก และลดรอยยิ้มลงทันที พลางเริ่มแสดงสีหน้าที่เคร่งเครียด
“ไม่ ต่างคนต่างอยู่”
“เฮ้ย จบไม่ดีเหรอวะ” พลูมองหน้าเมศอย่างรอคำตอบ
“เปล่า” เขาหันไปถามต่อ “ทำไม”
“ตอนนี้มึงย้ายมาทำงานที่บริษัทลูกแล้วไม่ใช่เหรอ” พลูไม่ได้ตอบเขาทันที แต่กลับเลือกถามต่ออีก
“ใช่ ทำไม” เขาทำหน้าสงสัย เมื่อเพื่อนเขาแสดงสีหน้าแปลก ๆ
“เอ่อ แล้วมึงรู้ยังว่า ภูพิงค์เขาย้ายมาทำงานที่บริษัทใกล้ ๆ กับบริษัทมึง” เชนมองเมศที่ก้มหน้าก้มตา ให้ความสนใจกับโทรศัพท์ของตัวเองอย่างจริงจัง ระหว่างนั้นฟางที่นั่งข้างพลูพูดขึ้น ชวนให้คิดในแง่ดี
“จบกันด้วยดี เจอกันก็ไม่เห็นเป็นไรเลย จริงไหมเมศ” ฟางหันไปพูดกับทุกคน จากนั้นก็ถามความเห็นของเขาว่าสิ่งที่เธอกำลังพูด เป็นอย่างนั้นจริง ส่วนชายหนุ่มที่กำลังตอบแชทอยู่ถึงกับชธงัก และเงยหน้าขึ้นมาพูดกับทุกคนด้วยรอยยิ้มบาง ๆ อย่างฝืนทน
“พูดเรื่องอื่นบ้างเถอะ เรื่องของกูมันไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก” เสียงข้อความดังขึ้น ส่งสัญญาณให้เขารีบมองอย่างตั้งใจ ด้วยสีหน้าท่าทางมีความสุขอย่างชัดเจน
ทุกการกระทำของเขาต่างตกอยู่ในสายตาของเพื่อน ๆ พวกเขามองหน้ากันอย่างรู้ทัน จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก เกี่ยวกับเรื่องราวของเมศและภูพิงค์
ไม่นานเพื่อน ๆ ต่างเปลี่ยนเรื่องพูดไปเรื่อยเปื่อย โดยมีสาว ๆ คอยให้บริการอยู่อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งถึงเวลาห้าทุ่ม ฟางและพลูขอตัวกลับบ้านก่อน เหลือแต่สองหนุ่มที่โสดสนิทกับโสดไม่สนิทอยู่ด้วยกัน ทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก ไม่นานเชนก็ขอตัวกลับไปพร้อมกับสาวสวยน่ารักคนหนึ่ง เหลือเพียงเมศกับสิงหา พวกเขาเดินตรงไปที่รถพร้อมกัน ระหว่างนั้น สิงหาก็เอ่ยถามเขาไปตรง ๆ
“อะไรที่ทำให้มึงหมดรักผู้หญิงคนนั้นเร็ววะ”
“กูกับเขาเราแค่ไปต่อด้วยกันไม่ได้ มึงเข้าใจไหม” เมศมองหน้าเขาตรง ๆ และพูดต่อไปอีกว่า “ความรู้สึกของเธอที่มีให้กู มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”
ชายหนุ่มทั้งสองต่างฝ่ายต่างเงียบไป ไม่มีใครพูดอะไรอีก ราวกับต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น
เที่ยงของวันหยุดอันร้อนแสนร้อน เป็นที่รู้ดีของทุกคน ว่าแดดในประเทศไทย เมื่อเจอความร้อนแบบนี้เข้าตรง ๆ ผิวหนังที่แสนบอบบางของเรา เป็นอันต้องปวดแสบปวดร้อน ราวกับโดนน้ำร้อนราดเข้าให้ ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงหน้าร้อนอีก ยิ่งหนัก ผู้คนส่วนใหญ่มักเก็บตัวหลบแสงและเปลวแดดในห้องของตัวเอง นอนเปิดแอร์เย็นฉ่ำ เพื่อพักผ่อนสบายใจเฉิบ หรือไม่ก็ขอเพียงได้หลบแสงแดดอยู่ภายใต้ร่มเงาที่เย็น ก็เพียงพอแล้ว
ห้องของพาฝันในตอนนี้ มีแขกเจ้าประจำมาที่นี่บ่อยขึ้น ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้
“เมศ”
“หือ” เจ้าของชื่อที่ถูกเรียก ส่งเสียงขานรับนั่งอยู่ใกล้ ๆ
“ดูนี่ให้หน่อยสิ มันเล่นยังไงนะ” หญิงสาวถามชายหนุ่มระหว่างที่กำลังทำความเข้าใจไปกับเกมส์ที่เขาให้เธอลองเล่นเป็นครั้งแรกจากเครื่องของเขา เนื่องจากเขาไปเห็นว่าเธอเคร่งเครียมากเกินไป จึงพยายามหาเกมส์มาให้เธอได้เล่น เพื่อให้เธอเกิดความผ่อนคลาย สนุกสนาน ทว่าเกมส์ที่เธอชอบและติดมากในตอนนี้ จะมีลักษณะของเป็นรูปสมอง ถูกแบ่งออกเป็นสองซีก ข้างหนึ่งเป็นสีเหลือง ข้างหนึ่งเป็นเครื่องหมายปริศนา ใช่ นี่คือเกมส์ปริศนาพัฒนาสมอง มีปริศนาที่เราคาดไม่ถึงอยู่ตลอดเวลา ท้าทายสมองของเธอในตอนนี้เป็นอย่างมาก ในตอนแรก เธอไม่สนใจ พอถูกเขาตะล่อมบ่อยเข้า สุดท้ายเธอจึงยอมทดลองเล่นไปก่อน ทว่าพอได้ลองเล่นจริง ๆ กลับรู้สึกว่าสนุกมาก และเขาก็เป็นผู้ช่วยเดียวที่เธอสามารถได้ตอนนี้
“นี่ ต้องขยับมันขึ้นมาด้วย” เมศที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ข้าง ๆ ขยับหน้าเข้ามาใกล้ จากนั้นก็ขยับนิ้วสาธิตให้ดูอย่างใจเย็น ส่วนพาฝันโน้มศีรษะเล็ก ๆ มองลงอย่างตั้งใจ โดยไม่รู้เลย ว่าทั้งสองต่างใกล้ชิดกันมากแค่ไหน
“แล้วอะ..” เสียงของพาฝันกลืนหายลงไปในลำคอ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นและเห็นใบหน้าเมศที่อยู่ใกล้เกินพอดี เห็นดวงตาสีดำที่กำลังจ้องมองมาอย่างเงียบงัน ทำให้หญิงสาวเริ่มทำตัวไม่ถูก จึงทำได้เพียงจ้องกลับอย่างตรง ๆ ใบหน้าคมคายอันน่าดึงดูดของเขา เริ่มขยับเข้ามาใกล้และเผยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ของเขา ทุกการกระทำของเขาส่งผลให้ร่างกายของเธอรู้สึกชาวาบไปทั่ว คำพูดถูกติดอยู่ในลำคอ เรียกได้ว่า ทั่วทั้งร่างกายราวกับถูกสาป เพราะรอยยิ้มและแววตาคู่นั้นที่เธอเฝ้ามองหา จากนั้นขเขยับริมฝีปากและกระซิบบอกกับเธอเบา ๆ ว่า
“หิว” เพียงคำพูดสั้น ๆ ไม่กี่คำ กลับทำให้บรรกาศหวาน ๆ ถูกทำลายลง เป็นอันน่าเสียดายในความคิดของหญิงสาว แน่นอนว่าเธอไม่สามารถแสดงออกมาให้เขาเห็นได้อย่างชัดเจน
“อืม” เธอตอบอึกอักในลำคอ พูดอะไรไม่ออกด้วยความอาย และเขิน ทำให้มือไม้ของเธอบิดไปมา จนชายหนุ่มสังเกต เขาจึงเอื้อมมือของเธอมากุมไว้ และบอกกับเธอด้วยรอยยิ้มว่า
“อยากกินต้มเกี๊ยวใส่กุ้ง” เกี๊ยวที่ว่า เป็นเมนูที่เธอทำเองกับมือ เป็นเมนูโปรดของเมศ เธอจึงทำทิ้งไว้ แช่แข็งเก็บไว้ในตู้เย็น ในยามเมื่อเขาหิวเช่นนี้ เธอสลัดมือเขาออกเบา ๆ ลุกขึ้นตรงไปยังเค้าน์เตอร์เล็ก ๆ ที่ตั้งในห้องครัว ส่วนเขาขยับตัวกลับไปนั่งดูทีวีอย่างสบายใจ หนำซ้ำยังมีหน้ามายักคิ้วใส่เธออีก มันน่า...
เสียดาย
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น?” เขาถามอย่างเจ้าเล่ห์ “ไม่ต้องเสียใจ เดี๋ยวมีรางวัลให้” แววตาอันเป็นประกายวิบวับของเขาสื่อบางอย่าง
“บ้า! นายไปได้นิสัยแบบนี้มาจากใครห้ะ?” ท่าทางเล่นหูเล่นตาของเขาดูแพรวพราว ซึ่งเขาไม่เคยทำให้เธอเห็นมาก่อน จนกระทั่งวันนี้
“มีแต่เธอนั่นแหละ ที่มีโอกาสได้เห็น” เขาบอกอย่างภูมิใจ
ได้ยินดังนั้น เธอก็ย่นจมูกเล็ก ๆ ให้เขาอย่างหมั่นไส้ ลบภาพลักษณ์ของชายหนุ่มสุภาพ ออกไปทันที และรีบเดินหนีเขาไปทันที ในความเป็นจริง หญิงสาวรีบไปทำอาหารให้เขาทาน เพราะกลัวว่าเขาจะหิว
ภายในห้องครัวเล็ก ๆ เมื่อมองเข้าไปจะเห็นด้านหลังเล็ก ๆ ของหญิงสาวที่ถูกสวมด้วยผ้ากันเปื้อนสีหวานผืนเล็ก ๆ ไว้แนบลำตัว กำลังเตรียมทำน้ำ ซุปเกี๊ยวง่าย ๆ โดยการนำน้ำซุปปรุงสำเร็จที่เธอได้ซื้อไว้ ใส่ลงไปในหม้อใบเล็กขนาดกำลังพอเหมาะ เมื่อน้ำซุปเดือดได้ที่ เธอนำเกี๊ยวกุ้งที่จัดเตรียมไว้แล้วลงไป ไม่นานกลิ่นหอมก็ลอยมาพร้อมกับเกี๊ยวกุ้งที่ถูกนำขึ้นมา เผยให้เห็นเกี๊ยวที่มีสีเหลืองนวลใสประกอบกับกุ้งตัวโตสีส้มน่ารับประทาน ใส่ในชาม ตกแต่งด้วยผักกุยช่ายซอยละเอียด เพิ่มความน่าทานเพิ่มขึ้น ระหว่างที่มือเล็กกำลังจะยกชามขึ้น มือใหญ่ที่มาจากไหนไม่ทราบ ชิงยกขึ้นถือไว้ก่อน
“ไม่ต้อง ฉันทำเอง”นายเมศที่เดินเข้ามาเงียบ ๆ รีบบอกทันที เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะยกอีกชาม เขาจึงรีบบอกไปด้วยความเป็นห่วง “มันร้อน”
พาฝันพยักหน้าให้อย่างเชื่อฟัง จากนั้นเดินตามร่างสูงออกไปพร้อมกัน
เกี๊ยวกุ้งถูกวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นชายหนุ่มก็เดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นพร้อมกับแก้วสองใบมาวางไว้และนั่งลงทานพร้อมกับหญิงสาว ทั้งสองนั่งทานด้วยกัน พร้อมนั่งจ้องไปที่จอทีวีอย่างเพลิดเพลิน
“รสชาติอร่อยเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน” เสียงชื่นชมของเมศ ทำให้เธอยิ้มรับอย่างดีใจ
ทั้งสองทานอาหารด้วยกันต่อเรื่อย กลางวันของวันนี้คงไม่ร้อนจนน่าเบื่อนัก อย่างน้อยก็ยังมีสิ่งดี ๆ ที่ทำด้วยกัน ช่วยให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนาก้าวขึ้นไปอีกขั้น
หิว...
“อ้าว? มึงยังคบกับภูพิงค์อีกเหรอ ไหนไอ้เชนมันบอกว่ามึงกับเธอเลิกกันแล้ว อะไรยังไง มึงช่วยอธิบายให้พวกกูหายสงสัยกันหน่อย” พลูพูดขึ้นด้วยความงุนงง พลางมองไปที่เจ้าเชน ที่ทำหน้าสงสัยเหมือนกันราวกับพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเหมือนกัน ส่วนเมศ มันเป็นคนที่เก็บความลับเก่งที่สุดในบรรดาพวกเขา เรื่องส่วนตัวของมันไม่เคยที่จะเล็ดลอดออดจากปากมันสักคำ ถ้ามันไม่อยากพูดขึ้นมาเอง
“กูกับพิงค์เลิกกันแล้ว เรื่องนี้เป็นความจริง ส่วนเหตุผลกูไม่อยากพูด” เขาพูดตัดจบอย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้พวกเขาทั้งหมดอยากจะรู้ไปอีก เชนอดถามไม่ได้ จึงได้ถามต่อโดยไม่สนใจสาว ๆ ที่นั่งคลอเคลียอยู่ใกล้ ๆ เพราะมีเรื่องที่น่าสนใจมากกว่า เพื่อนคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน ที่ต่างพากันจ้องมองมาที่ชายหนุ่มเจ้าของเรื่องจริงจัง
“แล้วตอนนี้มึงคบกับใคร” เมศที่กำลังจะคว้าแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยกมันมากระดกเข้าปากอย่างรวดเร็ว แล้วบอกไปว่า
“กูยังบอกตอนนี้ไม่ได้ เธอขอไว้ เอาเป็นว่ารอให้เธอพร้อมกว่านี้ แล้วกูจะพาเธอมาให้พวกมึงรู้จักเอง” เมศบอกพวกเขาไปตามความจริง
“นายไปเจอผู้หญิงคนนี้ได้ยังไง” เสียงหวานของฟางถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เจอกันบังเอิญ”
“แล้วมึงคบกับเขาเลยเนี่ยนะ ไม่คิดว่ามึงจะป็นคนแบบนี้” เชนทำหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ กว่าที่เพื่อนเขาตรงหน้าจะตัดสินใจคบกับ ภูพิงค์ ช่วงนั้นเขาจำได้ว่าฝ่ายหญิงใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะจีบเพื่อนเขาติด และทั้งสองจะคบกันมานานพอสมควร แจนกระทั่งจบการศึกษาพวกเขาต่างพากันไปทำงานในสถานที่เดียวกัน ในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ทั้งคู่ต่างเป็นคู่รักที่ดูเหมาะสมกันไปหมดทุกอย่าง ถึงขั้นเกือบจะได้หมั้นหมายกันด้วยซ้ำ แต่ทุกอย่างกลับพลิกตาลปัดไปหมด พวกเขาไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองเลิกลากันไป หลังจากที่ทั้งสองแยกทางกัน เมศย้ายตัวเองกลับมาทำงานที่บ้านเกิด ส่วนภูพิงค์ขาดการติดต่อไปทันทีโดยไม่รู้ว่าหญิงสาวไปอยู่ที่ไหน อย่างไร
“ความรักมันไม่ต้องใช้เวลานาน ถ้าความรู้สึกของพวกเราตรงกัน” เมศว่าพลางยิ้มเศร้า
“มึงยังติดต่อเธออยู่หรือเปล่า” เสียงแหบต่ำของสิงหาถามขึ้นทันที
เมศที่ได้ยินดังนั้นก็ชะงัก และลดรอยยิ้มลงทันที พลางเริ่มแสดงสีหน้าที่เคร่งเครียด
“ไม่ ต่างคนต่างอยู่”
“เฮ้ย จบไม่ดีเหรอวะ” พลูมองหน้าเมศอย่างรอคำตอบ
“เปล่า” เขาหันไปถามต่อ “ทำไม”
“ตอนนี้มึงย้ายมาทำงานที่บริษัทลูกแล้วไม่ใช่เหรอ” พลูไม่ได้ตอบเขาทันที แต่กลับเลือกถามต่ออีก
“ใช่ ทำไม” เขาทำหน้าสงสัย เมื่อเพื่อนเขาแสดงสีหน้าแปลก ๆ
“เอ่อ แล้วมึงรู้ยังว่า ภูพิงค์เขาย้ายมาทำงานที่บริษัทใกล้ ๆ กับบริษัทมึง” เชนมองเมศที่ก้มหน้าก้มตา ให้ความสนใจกับโทรศัพท์ของตัวเองอย่างจริงจัง ระหว่างนั้นฟางที่นั่งข้างพลูพูดขึ้น ชวนให้คิดในแง่ดี
“จบกันด้วยดี เจอกันก็ไม่เห็นเป็นไรเลย จริงไหมเมศ” ฟางหันไปพูดกับทุกคน จากนั้นก็ถามความเห็นของเขาว่าสิ่งที่เธอกำลังพูด เป็นอย่างนั้นจริง ส่วนชายหนุ่มที่กำลังตอบแชทอยู่ถึงกับชธงัก และเงยหน้าขึ้นมาพูดกับทุกคนด้วยรอยยิ้มบาง ๆ อย่างฝืนทน
“พูดเรื่องอื่นบ้างเถอะ เรื่องของกูมันไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก” เสียงข้อความดังขึ้น ส่งสัญญาณให้เขารีบมองอย่างตั้งใจ ด้วยสีหน้าท่าทางมีความสุขอย่างชัดเจน
ทุกการกระทำของเขาต่างตกอยู่ในสายตาของเพื่อน ๆ พวกเขามองหน้ากันอย่างรู้ทัน จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก เกี่ยวกับเรื่องราวของเมศและภูพิงค์
ไม่นานเพื่อน ๆ ต่างเปลี่ยนเรื่องพูดไปเรื่อยเปื่อย โดยมีสาว ๆ คอยให้บริการอยู่อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งถึงเวลาห้าทุ่ม ฟางและพลูขอตัวกลับบ้านก่อน เหลือแต่สองหนุ่มที่โสดสนิทกับโสดไม่สนิทอยู่ด้วยกัน ทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก ไม่นานเชนก็ขอตัวกลับไปพร้อมกับสาวสวยน่ารักคนหนึ่ง เหลือเพียงเมศกับสิงหา พวกเขาเดินตรงไปที่รถพร้อมกัน ระหว่างนั้น สิงหาก็เอ่ยถามเขาไปตรง ๆ
“อะไรที่ทำให้มึงหมดรักผู้หญิงคนนั้นเร็ววะ”
“กูกับเขาเราแค่ไปต่อด้วยกันไม่ได้ มึงเข้าใจไหม” เมศมองหน้าเขาตรง ๆ และพูดต่อไปอีกว่า “ความรู้สึกของเธอที่มีให้กู มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”
ชายหนุ่มทั้งสองต่างฝ่ายต่างเงียบไป ไม่มีใครพูดอะไรอีก ราวกับต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น
เที่ยงของวันหยุดอันร้อนแสนร้อน เป็นที่รู้ดีของทุกคน ว่าแดดในประเทศไทย เมื่อเจอความร้อนแบบนี้เข้าตรง ๆ ผิวหนังที่แสนบอบบางของเรา เป็นอันต้องปวดแสบปวดร้อน ราวกับโดนน้ำร้อนราดเข้าให้ ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงหน้าร้อนอีก ยิ่งหนัก ผู้คนส่วนใหญ่มักเก็บตัวหลบแสงและเปลวแดดในห้องของตัวเอง นอนเปิดแอร์เย็นฉ่ำ เพื่อพักผ่อนสบายใจเฉิบ หรือไม่ก็ขอเพียงได้หลบแสงแดดอยู่ภายใต้ร่มเงาที่เย็น ก็เพียงพอแล้ว
ห้องของพาฝันในตอนนี้ มีแขกเจ้าประจำมาที่นี่บ่อยขึ้น ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้
“เมศ”
“หือ” เจ้าของชื่อที่ถูกเรียก ส่งเสียงขานรับนั่งอยู่ใกล้ ๆ
“ดูนี่ให้หน่อยสิ มันเล่นยังไงนะ” หญิงสาวถามชายหนุ่มระหว่างที่กำลังทำความเข้าใจไปกับเกมส์ที่เขาให้เธอลองเล่นเป็นครั้งแรกจากเครื่องของเขา เนื่องจากเขาไปเห็นว่าเธอเคร่งเครียมากเกินไป จึงพยายามหาเกมส์มาให้เธอได้เล่น เพื่อให้เธอเกิดความผ่อนคลาย สนุกสนาน ทว่าเกมส์ที่เธอชอบและติดมากในตอนนี้ จะมีลักษณะของเป็นรูปสมอง ถูกแบ่งออกเป็นสองซีก ข้างหนึ่งเป็นสีเหลือง ข้างหนึ่งเป็นเครื่องหมายปริศนา ใช่ นี่คือเกมส์ปริศนาพัฒนาสมอง มีปริศนาที่เราคาดไม่ถึงอยู่ตลอดเวลา ท้าทายสมองของเธอในตอนนี้เป็นอย่างมาก ในตอนแรก เธอไม่สนใจ พอถูกเขาตะล่อมบ่อยเข้า สุดท้ายเธอจึงยอมทดลองเล่นไปก่อน ทว่าพอได้ลองเล่นจริง ๆ กลับรู้สึกว่าสนุกมาก และเขาก็เป็นผู้ช่วยเดียวที่เธอสามารถได้ตอนนี้
“นี่ ต้องขยับมันขึ้นมาด้วย” เมศที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ข้าง ๆ ขยับหน้าเข้ามาใกล้ จากนั้นก็ขยับนิ้วสาธิตให้ดูอย่างใจเย็น ส่วนพาฝันโน้มศีรษะเล็ก ๆ มองลงอย่างตั้งใจ โดยไม่รู้เลย ว่าทั้งสองต่างใกล้ชิดกันมากแค่ไหน
“แล้วอะ..” เสียงของพาฝันกลืนหายลงไปในลำคอ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นและเห็นใบหน้าเมศที่อยู่ใกล้เกินพอดี เห็นดวงตาสีดำที่กำลังจ้องมองมาอย่างเงียบงัน ทำให้หญิงสาวเริ่มทำตัวไม่ถูก จึงทำได้เพียงจ้องกลับอย่างตรง ๆ ใบหน้าคมคายอันน่าดึงดูดของเขา เริ่มขยับเข้ามาใกล้และเผยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ของเขา ทุกการกระทำของเขาส่งผลให้ร่างกายของเธอรู้สึกชาวาบไปทั่ว คำพูดถูกติดอยู่ในลำคอ เรียกได้ว่า ทั่วทั้งร่างกายราวกับถูกสาป เพราะรอยยิ้มและแววตาคู่นั้นที่เธอเฝ้ามองหา จากนั้นขเขยับริมฝีปากและกระซิบบอกกับเธอเบา ๆ ว่า
“หิว” เพียงคำพูดสั้น ๆ ไม่กี่คำ กลับทำให้บรรกาศหวาน ๆ ถูกทำลายลง เป็นอันน่าเสียดายในความคิดของหญิงสาว แน่นอนว่าเธอไม่สามารถแสดงออกมาให้เขาเห็นได้อย่างชัดเจน
“อืม” เธอตอบอึกอักในลำคอ พูดอะไรไม่ออกด้วยความอาย และเขิน ทำให้มือไม้ของเธอบิดไปมา จนชายหนุ่มสังเกต เขาจึงเอื้อมมือของเธอมากุมไว้ และบอกกับเธอด้วยรอยยิ้มว่า
“อยากกินต้มเกี๊ยวใส่กุ้ง” เกี๊ยวที่ว่า เป็นเมนูที่เธอทำเองกับมือ เป็นเมนูโปรดของเมศ เธอจึงทำทิ้งไว้ แช่แข็งเก็บไว้ในตู้เย็น ในยามเมื่อเขาหิวเช่นนี้ เธอสลัดมือเขาออกเบา ๆ ลุกขึ้นตรงไปยังเค้าน์เตอร์เล็ก ๆ ที่ตั้งในห้องครัว ส่วนเขาขยับตัวกลับไปนั่งดูทีวีอย่างสบายใจ หนำซ้ำยังมีหน้ามายักคิ้วใส่เธออีก มันน่า...
เสียดาย
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น?” เขาถามอย่างเจ้าเล่ห์ “ไม่ต้องเสียใจ เดี๋ยวมีรางวัลให้” แววตาอันเป็นประกายวิบวับของเขาสื่อบางอย่าง
“บ้า! นายไปได้นิสัยแบบนี้มาจากใครห้ะ?” ท่าทางเล่นหูเล่นตาของเขาดูแพรวพราว ซึ่งเขาไม่เคยทำให้เธอเห็นมาก่อน จนกระทั่งวันนี้
“มีแต่เธอนั่นแหละ ที่มีโอกาสได้เห็น” เขาบอกอย่างภูมิใจ
ได้ยินดังนั้น เธอก็ย่นจมูกเล็ก ๆ ให้เขาอย่างหมั่นไส้ ลบภาพลักษณ์ของชายหนุ่มสุภาพ ออกไปทันที และรีบเดินหนีเขาไปทันที ในความเป็นจริง หญิงสาวรีบไปทำอาหารให้เขาทาน เพราะกลัวว่าเขาจะหิว
ภายในห้องครัวเล็ก ๆ เมื่อมองเข้าไปจะเห็นด้านหลังเล็ก ๆ ของหญิงสาวที่ถูกสวมด้วยผ้ากันเปื้อนสีหวานผืนเล็ก ๆ ไว้แนบลำตัว กำลังเตรียมทำน้ำ ซุปเกี๊ยวง่าย ๆ โดยการนำน้ำซุปปรุงสำเร็จที่เธอได้ซื้อไว้ ใส่ลงไปในหม้อใบเล็กขนาดกำลังพอเหมาะ เมื่อน้ำซุปเดือดได้ที่ เธอนำเกี๊ยวกุ้งที่จัดเตรียมไว้แล้วลงไป ไม่นานกลิ่นหอมก็ลอยมาพร้อมกับเกี๊ยวกุ้งที่ถูกนำขึ้นมา เผยให้เห็นเกี๊ยวที่มีสีเหลืองนวลใสประกอบกับกุ้งตัวโตสีส้มน่ารับประทาน ใส่ในชาม ตกแต่งด้วยผักกุยช่ายซอยละเอียด เพิ่มความน่าทานเพิ่มขึ้น ระหว่างที่มือเล็กกำลังจะยกชามขึ้น มือใหญ่ที่มาจากไหนไม่ทราบ ชิงยกขึ้นถือไว้ก่อน
“ไม่ต้อง ฉันทำเอง”นายเมศที่เดินเข้ามาเงียบ ๆ รีบบอกทันที เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะยกอีกชาม เขาจึงรีบบอกไปด้วยความเป็นห่วง “มันร้อน”
พาฝันพยักหน้าให้อย่างเชื่อฟัง จากนั้นเดินตามร่างสูงออกไปพร้อมกัน
เกี๊ยวกุ้งถูกวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นชายหนุ่มก็เดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นพร้อมกับแก้วสองใบมาวางไว้และนั่งลงทานพร้อมกับหญิงสาว ทั้งสองนั่งทานด้วยกัน พร้อมนั่งจ้องไปที่จอทีวีอย่างเพลิดเพลิน
“รสชาติอร่อยเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน” เสียงชื่นชมของเมศ ทำให้เธอยิ้มรับอย่างดีใจ
ทั้งสองทานอาหารด้วยกันต่อเรื่อย กลางวันของวันนี้คงไม่ร้อนจนน่าเบื่อนัก อย่างน้อยก็ยังมีสิ่งดี ๆ ที่ทำด้วยกัน ช่วยให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนาก้าวขึ้นไปอีกขั้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ