ภวังค์รักในห้วงฝัน
9.0
เขียนโดย Yajula
วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 23.05 น.
19 ตอน
2 วิจารณ์
13.79K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 22.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) สิงหา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่สิบแปด
สิงหา
ร้านอาหารเล็ก ๆ อยู่ไม่ไกลจากบริษัทที่ทำงานของพาฝัน ตึกใหญ่ต่าง ๆ ที่อยู่ล้อมรอบร้านเล็ก ๆ เพียงไม่กี่ร้านเหล่านี้ ไม่อาจทำให้ดูแย่ แต่กลับเป็นที่ฑูดถึงอย่างมากในหมู่พนักงานทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสชาติที่ถูกปาก ราคาไม่แพง และยังคงรักษาความสะอาดเป็นอย่างดี จนต้องชวนให้นึกถึง และต้องกลับมากินอีกครั้งให้ได้
ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย เนื่องจากเป็นเวลาพักเที่ยง พวกเขาจึงพากันมาที่แห่งนี้ ทำให้โต๊ะต่าง ๆ ถูกจับจองไปจนหมด แทบจะไม่มีที่นั่งเหลือแล้ว ยกเว้นโต๊ะของพาฝันที่มีเพียงเธอนั่งทานข้าวเพียงลำพังอย่างเงียบ ๆ จู่ ๆ ก็มีชายหนุ่มแปลกหน้าเดินเข้ามาขอนั่งโต๊ะด้วย เพราะตอนนี้ไม่มีที่ว่างเหลือให้นั่งแล้ว เมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้น มองตรงไปยังใบหน้าของชายคนดังกล่าวอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้าให้นั่งด้วยได้ เพราะเห็นว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สังเกตได้จากใบหน้าที่เคร่งขรึม พูดสั้นกระชับได้ใจความ ไหนจะชุดที่เขาสวมใส่อย่างสุภาพ บุคลิกที่นิ่งเงียบทำให้เธอค่อนข้างพอใจ ไม่นานทั้งสองต่างก้มหน้าก้มตาทานข้าวของใครของมันไปอย่างเงียบ ๆ ไร้ซึ่งเสียงพูด แม้โต๊ะข้าง ๆ จะคุยกันเสียงดังเฮฮาก็ตาม
หนึ่งหญิงหนึ่งชาย พวกเขาในสายตาคนภายนอกที่เห็นเข้าต่างนึกว่าคู่รักมานั่งทานข้าวด้วยกัน เพราะทั้งโต๊ะมีแค่พวกเขาสองคน มองไปที่ฝ่ายชายก็หน้าตาคมคายหล่อเหลา ผิวเข้ม นิ่งเงียบ ฝ่ายหญิงก็ดูสุภาพเรียบร้อย ดูน่ารัก ทั้งสองถูกมองด้วยสายตาที่ชื่นชม ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าตัวไม่มีทางรู้อย่างแน่นอน
หลังจากที่ทั้งสองนั่งทานข้าวโดยไร้บทสนทนา ชายหนุ่มคนดังกล่าวจึงเอ่ยเปิดปากพูด ด้วยประโยคที่ทำให้พาฝันถึงกับเงยหน้ามองตอบ
“ขอบคุณ” เสียงทุ้มอย่างเรียบเรื่อย ในขณะที่เขากำลังนั่งกอดอกใช้สายตาอันนิ่งเฉยจ้องมองเธออยู่
“ไม่เป็นไร” เธอยกแก้วที่ใส่น้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม จากนั้นก็วางแก้วลงอย่างช้า ๆ ทุกการกระทำของเธอตกอยู่ภายใต้สายตาอันนิ่งลึก ยากจะอธิบายของชายหนุ่มตรงหน้า พาฝันจึงคิ้วขมวดขึ้นทันที พลางคิดในใจว่า บางทีเธออาจคิดผิดที่ให้เขามานั่งด้วย ในขณะที่เธอกำลังจะตัดสินใจลุกขึ้นนั้น
“ใช่ของเธอหรือเปล่า?” เขาวางของชิ้นนั้นให้เธอดู
“ใช่ ของฉันเอง” ปากกาสีหวานที่ถูกสลักชื่อของเธอลงไปด้วย เป็นของขวัญที่เมศมอบให้เธอ ไม่มีวันพิเศษอะไรหรอก เพียงแต่เขาอยากให้เฉย ๆ เขาเคยพูดแบบนั้น แต่เธอถูกใจปากกาเล่มนี้มาก ไม่ค่อยได้ใช้บ่อย แต่ก็มักจะพกติดตัวไว้เสมอ เธอคิดว่าเผลอทำหล่นโดยไม่รู้ตัว โชคดีที่เขาเก็บไว้ให้ อารมณ์หงุดหงิดก่อนหน้านี้ได้หายไปพริบตา
"ขอบคุณมากนะ เอ่อ ...คุณ?” ในขณะที่เธอกำลังจะกหล่าวขอบคุณ แต่ต้องเอ่ยอย่างติดขัด เมื่อยังไม่ทราบชื่อของเขาคนนี้เลย
“สิงหา”
“ฉันพาฝัน” เธอแนะนำกลับทันที
“คุณทำงานที่ไหนเหรอ?” ไม่ใช่ว่าเธอจะดูถูกเขานะ เพียงแต่ชุดยูนิฟอร์มที่เขาสวมอยู่นั้น เธอไม่เคยเห็นในย่านนี้มาก่อนเลย
“อืม” สิงหาพยักหน้าลง หลังจากนั้นเขาก็เปิดปากเล่าว่าตนได้ทำงานให้กับบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งซึ่งผลิตแอลกอฮอล์เครื่องดื่มขาย หญิงสาวจึงทำพยักหน้าให้อย่างเข้าใจทันที แต่ในขณะเดียวกันเธอกลับมองเขาด้วยความแปลกใจ ว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ เพราะบริษัทที่เขาพูดถึง ตั้งอยู่ห่างไกลจากที่นี่พอสมควร แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป คงเป็นเรื่องธุระส่วนตัวของเขา
พวกเขาทั้งคู่นั่งพูดคุยกันได้ไม่นานก็พากันแยกยย้ายออกไประหว่างทางที่หญิงสาวกำลังจะเดินเข้าไปข้างในบริษัท เสียงเตือนจากข้อความในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น โดยข้อมความที่หญิงสาวเปิดขึ้นมา ถูกส่งมาจากเมศนั่นเอง
เขาบอกเพียงว่าตอนเย็นจะเข้าไปหา เขามีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อย ปิดท้ายด้วยสติกเกอร์รูปหมีน้อยแสดงสีหน้าขอความเห็นใจ ชวนให้เอ็นดู เธอหลุดยิ้มบาง ๆ ให้กับข้อความที่เขาส่งมา และส่งสติกเกอร์หมีทำท่าโอเคตอบกลับไป
ช่วงนี้ชายหนุ่มมีงานที่เขาต้องเคลียร์เยอะมาก เขาบอกกับเธอแบบนั้น พร้อมส่งรูปที่มีเอกสารวางกองรวมกันอยู่บนโต๊ะทำงานเป็นกอง ๆ เห็นแล้วชวนสงสาร ทำให้ช่วงนี้พวกเขาไม่ค่อยได้ติดต่อกันมากนัก
หลังจากที่แยกกันวันนั้นที่พวกเขาเจอกับภูพิงค์ ต่างก็ไม่ได้เจอกันอีก ซึ่งก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์หนึ่ง ทุกอย่างเหมือนจะกลับมาเงียบสงบได้อีกครั้ง เขาไม่เล่า เธอก็ไม่ถาม ต่างคนต่างยุ่งเรื่องงาน จึงไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาได้สร้างรอยร้าวเล็ก ๆ บนความสัมพันธ์ที่พวกเขาช่วยกันประคับประคองมาอย่างยากลำบากด้วยฝีมือของพวกเขาเอง
เย็นวันนี้เมศเดินเข้ามาสวมกอดเธอจากด้านหลังเบา ๆ แม้จะตกใจที่จู่ ๆ เขาก็เข้ามาประชิดโดยไม่ทันตั้งตัว พอทำทีจะต่อว่า ใบหน้าที่ดูอ่อนเพลีย ซีดเซียว ท่าทางจะไหวของเขานั้น สร้างความเป็นห่วงทันทีเธอจึงยอมให้เขากอดอยู่อย่างนั้นเป็นนานสองนาน โดยไม่มีทีท่าจะขัดขืน
“ฉันว่านายควรนอนพักนะ” อาการดูแย่มาก เธอผลักร่างสูงออกเบา ๆ และคว้าแขนใหญ่เดินตรงไปยังโซฟาตัวโปรด เชิงบอกเขานอนที่ตรงนี้เสียก่อน ซึ่งเหมือนเขาจะเข้าใจดี จึงล้มตัวนอนลงทันที ระหว่างนั้นหญิงสาวจึงใช้เวลาที่รอเขาตื่น เดินด้วยเสียงฝีเท้าอันแผ่วเบา ตรงเข้าไปในห้องครัว ทำอาหารให้เขาทาน หากเขาตื่นขึ้นมา จะได้ทานข้าวได้ทันที
ระหว่างที่เธอกำลังจัดโต๊ะ โทรศัพท์ของเมศส่งเสียงดังขึ้น เพราะเขาวางมันไว้บนโต๊ะ เธอจึงได้ยินและเห็นหมายเลขของสายที่โทรเข้า เป็นเบอร์ที่ไร้ชื่อ แม้จะเป็นคนที่ความจำไม่ค่อยดี แต่คงต้องยกให้เบอร์นี้ที่เธอกลับจำได้อย่างแม่นยำ เพราะอะไรน่ะเหรอ เบอร์นี้ชอบโทรมาทุกครั้งในยามที่เขาอยู่กับเธอ และเป็นเบอร์ที่ชอบโทรมาบ่อยเกินกว่าจะบอกว่าเป็นเพื่อน เบอร์ของผู้หญิงคนนั้น
ภูพิงค์
พาฝันมองมันอย่างเรียบเฉย ไม่นานก็เงียบลง เธอวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม และเดินกลับเข้าไปข้างในเพื่อนำข้าวต้มหมูเมนูทานง่าย ๆ
ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นทันที เพราะได้กลิ่นหอมฉุยของข้าวต้มโชยมา จึงเดินไปตามกลิ่น เห็นหญิงสาวร่างบาง รวบผมอย่างลวก ๆ แต่ไม่ทำให้หญิงสาวดูแย่แต่อย่างใด กลับทำให้น่ามองอย่างเพลินตากับความเป็นธรรมชาติของเธอ แม้จะอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นธรรมดา เธอมักจะสวยเสมอสำหรับเขา
หญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว เมื่อเห็นชายหนุ่มยืนมองมา พร้อมส่งยิ้มอย่างอบอุ่นมอบให้ เธอจึงส่งยิ้มตอบและชวนเขามาทานข้าวด้วยกัน
เมศตอบตกลงทันที ไม่นานทั้งสองก็ช่วยกันกันจัดโต๊ะอาหารจนเสร็จ และพากันนั่งทานข้าว ระหว่างนั้นเมศก็นึกบางอย่างขึ้นได้ จึงลุกเดินตรงไปหยิบมือถือของเขาที่ถูกวางไว้บนโต๊ะ ถือมาไว้ในมือและเดินกลับมานั่งดังเดิม มือข้างหนึ่งถือช้อนเตรียมจะตักข้าว ส่วนอีกข้างหนึ่งยุ่งอยู่กับมือถือ สายตาจดจ่ออยู่กับหน้าจอเล็ก ๆ นั้นอย่างจริงจัง พาฝันที่เห็นท่าทีเช่นนั้นของเขาจึงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
“งานยุ่งมากเหรอ” เธอถามไปอย่างนั้น
“เปล่า เพื่อนทักมาปรึกษาอะไรนิดหน่อย” สิ้นเสียงตอบของเมศ พาฝันที่กำลังจะตักข้าวต้มเข้าปาก ถึงกับชะงักและวางลงไว้ในถ้วยดังเดิม ราวกับอิ่มขึ้นมาทันที
สายตาแห่งความไม่พอใจมองตรงไปยังร่างสูงที่ก้มหน้าพะวงอยู่กับการตอบแชทเพื่อนมือเป็นระวิง โดยไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำให้เธอเริ่มโมโหเข้าแล้ว
“ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน นายก็ควรจะทานข้าวก่อน อย่าพึ่งไปสนใจเรื่องอื่นเลย”
“เฮ้อ...ฉันขอโทษ” สีหน้ากลัดกลุ้มของเขา เริ่มทำให้เธอน้อยใจ ปากเขาเอ่ยว่าขอโทษแต่การกระทำสวนทางกัน มันหมายความว่ายังไง
“ภูพิงค์...เธอเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารมาก”
“เรื่องนี้ใช่ไหมที่นายจะคุยกับฉัน” เธอพูดอย่างตรงประเด็น
“ใช่”
สิงหา
ร้านอาหารเล็ก ๆ อยู่ไม่ไกลจากบริษัทที่ทำงานของพาฝัน ตึกใหญ่ต่าง ๆ ที่อยู่ล้อมรอบร้านเล็ก ๆ เพียงไม่กี่ร้านเหล่านี้ ไม่อาจทำให้ดูแย่ แต่กลับเป็นที่ฑูดถึงอย่างมากในหมู่พนักงานทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสชาติที่ถูกปาก ราคาไม่แพง และยังคงรักษาความสะอาดเป็นอย่างดี จนต้องชวนให้นึกถึง และต้องกลับมากินอีกครั้งให้ได้
ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย เนื่องจากเป็นเวลาพักเที่ยง พวกเขาจึงพากันมาที่แห่งนี้ ทำให้โต๊ะต่าง ๆ ถูกจับจองไปจนหมด แทบจะไม่มีที่นั่งเหลือแล้ว ยกเว้นโต๊ะของพาฝันที่มีเพียงเธอนั่งทานข้าวเพียงลำพังอย่างเงียบ ๆ จู่ ๆ ก็มีชายหนุ่มแปลกหน้าเดินเข้ามาขอนั่งโต๊ะด้วย เพราะตอนนี้ไม่มีที่ว่างเหลือให้นั่งแล้ว เมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้น มองตรงไปยังใบหน้าของชายคนดังกล่าวอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้าให้นั่งด้วยได้ เพราะเห็นว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สังเกตได้จากใบหน้าที่เคร่งขรึม พูดสั้นกระชับได้ใจความ ไหนจะชุดที่เขาสวมใส่อย่างสุภาพ บุคลิกที่นิ่งเงียบทำให้เธอค่อนข้างพอใจ ไม่นานทั้งสองต่างก้มหน้าก้มตาทานข้าวของใครของมันไปอย่างเงียบ ๆ ไร้ซึ่งเสียงพูด แม้โต๊ะข้าง ๆ จะคุยกันเสียงดังเฮฮาก็ตาม
หนึ่งหญิงหนึ่งชาย พวกเขาในสายตาคนภายนอกที่เห็นเข้าต่างนึกว่าคู่รักมานั่งทานข้าวด้วยกัน เพราะทั้งโต๊ะมีแค่พวกเขาสองคน มองไปที่ฝ่ายชายก็หน้าตาคมคายหล่อเหลา ผิวเข้ม นิ่งเงียบ ฝ่ายหญิงก็ดูสุภาพเรียบร้อย ดูน่ารัก ทั้งสองถูกมองด้วยสายตาที่ชื่นชม ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าตัวไม่มีทางรู้อย่างแน่นอน
หลังจากที่ทั้งสองนั่งทานข้าวโดยไร้บทสนทนา ชายหนุ่มคนดังกล่าวจึงเอ่ยเปิดปากพูด ด้วยประโยคที่ทำให้พาฝันถึงกับเงยหน้ามองตอบ
“ขอบคุณ” เสียงทุ้มอย่างเรียบเรื่อย ในขณะที่เขากำลังนั่งกอดอกใช้สายตาอันนิ่งเฉยจ้องมองเธออยู่
“ไม่เป็นไร” เธอยกแก้วที่ใส่น้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม จากนั้นก็วางแก้วลงอย่างช้า ๆ ทุกการกระทำของเธอตกอยู่ภายใต้สายตาอันนิ่งลึก ยากจะอธิบายของชายหนุ่มตรงหน้า พาฝันจึงคิ้วขมวดขึ้นทันที พลางคิดในใจว่า บางทีเธออาจคิดผิดที่ให้เขามานั่งด้วย ในขณะที่เธอกำลังจะตัดสินใจลุกขึ้นนั้น
“ใช่ของเธอหรือเปล่า?” เขาวางของชิ้นนั้นให้เธอดู
“ใช่ ของฉันเอง” ปากกาสีหวานที่ถูกสลักชื่อของเธอลงไปด้วย เป็นของขวัญที่เมศมอบให้เธอ ไม่มีวันพิเศษอะไรหรอก เพียงแต่เขาอยากให้เฉย ๆ เขาเคยพูดแบบนั้น แต่เธอถูกใจปากกาเล่มนี้มาก ไม่ค่อยได้ใช้บ่อย แต่ก็มักจะพกติดตัวไว้เสมอ เธอคิดว่าเผลอทำหล่นโดยไม่รู้ตัว โชคดีที่เขาเก็บไว้ให้ อารมณ์หงุดหงิดก่อนหน้านี้ได้หายไปพริบตา
"ขอบคุณมากนะ เอ่อ ...คุณ?” ในขณะที่เธอกำลังจะกหล่าวขอบคุณ แต่ต้องเอ่ยอย่างติดขัด เมื่อยังไม่ทราบชื่อของเขาคนนี้เลย
“สิงหา”
“ฉันพาฝัน” เธอแนะนำกลับทันที
“คุณทำงานที่ไหนเหรอ?” ไม่ใช่ว่าเธอจะดูถูกเขานะ เพียงแต่ชุดยูนิฟอร์มที่เขาสวมอยู่นั้น เธอไม่เคยเห็นในย่านนี้มาก่อนเลย
“อืม” สิงหาพยักหน้าลง หลังจากนั้นเขาก็เปิดปากเล่าว่าตนได้ทำงานให้กับบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งซึ่งผลิตแอลกอฮอล์เครื่องดื่มขาย หญิงสาวจึงทำพยักหน้าให้อย่างเข้าใจทันที แต่ในขณะเดียวกันเธอกลับมองเขาด้วยความแปลกใจ ว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ เพราะบริษัทที่เขาพูดถึง ตั้งอยู่ห่างไกลจากที่นี่พอสมควร แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป คงเป็นเรื่องธุระส่วนตัวของเขา
พวกเขาทั้งคู่นั่งพูดคุยกันได้ไม่นานก็พากันแยกยย้ายออกไประหว่างทางที่หญิงสาวกำลังจะเดินเข้าไปข้างในบริษัท เสียงเตือนจากข้อความในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น โดยข้อมความที่หญิงสาวเปิดขึ้นมา ถูกส่งมาจากเมศนั่นเอง
เขาบอกเพียงว่าตอนเย็นจะเข้าไปหา เขามีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อย ปิดท้ายด้วยสติกเกอร์รูปหมีน้อยแสดงสีหน้าขอความเห็นใจ ชวนให้เอ็นดู เธอหลุดยิ้มบาง ๆ ให้กับข้อความที่เขาส่งมา และส่งสติกเกอร์หมีทำท่าโอเคตอบกลับไป
ช่วงนี้ชายหนุ่มมีงานที่เขาต้องเคลียร์เยอะมาก เขาบอกกับเธอแบบนั้น พร้อมส่งรูปที่มีเอกสารวางกองรวมกันอยู่บนโต๊ะทำงานเป็นกอง ๆ เห็นแล้วชวนสงสาร ทำให้ช่วงนี้พวกเขาไม่ค่อยได้ติดต่อกันมากนัก
หลังจากที่แยกกันวันนั้นที่พวกเขาเจอกับภูพิงค์ ต่างก็ไม่ได้เจอกันอีก ซึ่งก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์หนึ่ง ทุกอย่างเหมือนจะกลับมาเงียบสงบได้อีกครั้ง เขาไม่เล่า เธอก็ไม่ถาม ต่างคนต่างยุ่งเรื่องงาน จึงไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาได้สร้างรอยร้าวเล็ก ๆ บนความสัมพันธ์ที่พวกเขาช่วยกันประคับประคองมาอย่างยากลำบากด้วยฝีมือของพวกเขาเอง
เย็นวันนี้เมศเดินเข้ามาสวมกอดเธอจากด้านหลังเบา ๆ แม้จะตกใจที่จู่ ๆ เขาก็เข้ามาประชิดโดยไม่ทันตั้งตัว พอทำทีจะต่อว่า ใบหน้าที่ดูอ่อนเพลีย ซีดเซียว ท่าทางจะไหวของเขานั้น สร้างความเป็นห่วงทันทีเธอจึงยอมให้เขากอดอยู่อย่างนั้นเป็นนานสองนาน โดยไม่มีทีท่าจะขัดขืน
“ฉันว่านายควรนอนพักนะ” อาการดูแย่มาก เธอผลักร่างสูงออกเบา ๆ และคว้าแขนใหญ่เดินตรงไปยังโซฟาตัวโปรด เชิงบอกเขานอนที่ตรงนี้เสียก่อน ซึ่งเหมือนเขาจะเข้าใจดี จึงล้มตัวนอนลงทันที ระหว่างนั้นหญิงสาวจึงใช้เวลาที่รอเขาตื่น เดินด้วยเสียงฝีเท้าอันแผ่วเบา ตรงเข้าไปในห้องครัว ทำอาหารให้เขาทาน หากเขาตื่นขึ้นมา จะได้ทานข้าวได้ทันที
ระหว่างที่เธอกำลังจัดโต๊ะ โทรศัพท์ของเมศส่งเสียงดังขึ้น เพราะเขาวางมันไว้บนโต๊ะ เธอจึงได้ยินและเห็นหมายเลขของสายที่โทรเข้า เป็นเบอร์ที่ไร้ชื่อ แม้จะเป็นคนที่ความจำไม่ค่อยดี แต่คงต้องยกให้เบอร์นี้ที่เธอกลับจำได้อย่างแม่นยำ เพราะอะไรน่ะเหรอ เบอร์นี้ชอบโทรมาทุกครั้งในยามที่เขาอยู่กับเธอ และเป็นเบอร์ที่ชอบโทรมาบ่อยเกินกว่าจะบอกว่าเป็นเพื่อน เบอร์ของผู้หญิงคนนั้น
ภูพิงค์
พาฝันมองมันอย่างเรียบเฉย ไม่นานก็เงียบลง เธอวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม และเดินกลับเข้าไปข้างในเพื่อนำข้าวต้มหมูเมนูทานง่าย ๆ
ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นทันที เพราะได้กลิ่นหอมฉุยของข้าวต้มโชยมา จึงเดินไปตามกลิ่น เห็นหญิงสาวร่างบาง รวบผมอย่างลวก ๆ แต่ไม่ทำให้หญิงสาวดูแย่แต่อย่างใด กลับทำให้น่ามองอย่างเพลินตากับความเป็นธรรมชาติของเธอ แม้จะอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นธรรมดา เธอมักจะสวยเสมอสำหรับเขา
หญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว เมื่อเห็นชายหนุ่มยืนมองมา พร้อมส่งยิ้มอย่างอบอุ่นมอบให้ เธอจึงส่งยิ้มตอบและชวนเขามาทานข้าวด้วยกัน
เมศตอบตกลงทันที ไม่นานทั้งสองก็ช่วยกันกันจัดโต๊ะอาหารจนเสร็จ และพากันนั่งทานข้าว ระหว่างนั้นเมศก็นึกบางอย่างขึ้นได้ จึงลุกเดินตรงไปหยิบมือถือของเขาที่ถูกวางไว้บนโต๊ะ ถือมาไว้ในมือและเดินกลับมานั่งดังเดิม มือข้างหนึ่งถือช้อนเตรียมจะตักข้าว ส่วนอีกข้างหนึ่งยุ่งอยู่กับมือถือ สายตาจดจ่ออยู่กับหน้าจอเล็ก ๆ นั้นอย่างจริงจัง พาฝันที่เห็นท่าทีเช่นนั้นของเขาจึงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
“งานยุ่งมากเหรอ” เธอถามไปอย่างนั้น
“เปล่า เพื่อนทักมาปรึกษาอะไรนิดหน่อย” สิ้นเสียงตอบของเมศ พาฝันที่กำลังจะตักข้าวต้มเข้าปาก ถึงกับชะงักและวางลงไว้ในถ้วยดังเดิม ราวกับอิ่มขึ้นมาทันที
สายตาแห่งความไม่พอใจมองตรงไปยังร่างสูงที่ก้มหน้าพะวงอยู่กับการตอบแชทเพื่อนมือเป็นระวิง โดยไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำให้เธอเริ่มโมโหเข้าแล้ว
“ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน นายก็ควรจะทานข้าวก่อน อย่าพึ่งไปสนใจเรื่องอื่นเลย”
“เฮ้อ...ฉันขอโทษ” สีหน้ากลัดกลุ้มของเขา เริ่มทำให้เธอน้อยใจ ปากเขาเอ่ยว่าขอโทษแต่การกระทำสวนทางกัน มันหมายความว่ายังไง
“ภูพิงค์...เธอเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารมาก”
“เรื่องนี้ใช่ไหมที่นายจะคุยกับฉัน” เธอพูดอย่างตรงประเด็น
“ใช่”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ