ภวังค์รักในห้วงฝัน
เขียนโดย Yajula
วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 23.05 น.
แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 22.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) ความสุข
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่สิบสี่
ความสุข
เวลาผ่านไปไม่กี่วัน ในที่สุดก็ถึงวันนัดหมายของทั้งสอง โดยช่วงเช้า ชายหนุ่มมารับหญิงสาวออกไปข้างนอกพร้อมกัน เส้นทางที่เขาพาเธอนั่งรถมาด้วย สองข้างทางเต็มไปด้วยชุมชน เห็นชาวบ้านต่างพากันเดินออกมาจากซอยหนึ่งที่อยู่ในระแวกนั้น เมื่อรถของเขาเลี้ยวเขาซอยดังกล่าว จะเห็นได้ว่าทางเข้าข้างหน้าได้ถูกขยายให้กว้างกว่าทางที่ขับผ่านมา เส้นทางเบื้องหน้าถูกทอดยาวจนสิ้นสุดลงตรงหน้าประตูวัดแห่งหนึ่ง รถยนต์ถูกขับเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จนสังเกตเห็นชื่อวัดได้อย่างชัดเจน
วัดอธิษฐานจิต
ที่นี่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากชุมชน ยังมีชาวบ้านมาทำบุญกันบ้างประปราย ทั้งสองเข้ามาถึงข้างในบริเวณวัด จอดรถเสร็จ ก็ลงมาพร้อมกัน
“นายเคยมาที่นี่ด้วยเหรอ?” สังเกตได้จากการขับรถที่ไม่ต้องใช้จีพีเอส หรือสอบถามชาวบ้านสักคำก็ไม่มี หนำซ้ำยังตั้งหน้าตั้งตาขับรถมาด้วยตนเอง จนถึงที่แห่งนี้ด้วยความคล่องแคล่ว ราวกับเคยมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น แต่ทว่าเขาพึ่งย้ายมาทำงานได้เพียงแค่ปีเดียว เทียบกับเธอที่อยู่มานาน ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองด้วย
“เคยมาครั้งแรกหลังจากที่พึ่งย้ายมาใหม่ ๆ” เขาพยักหน้าตอบ
“นายรู้จักที่นี่ได้ยังไง” พาฝันซักต่อด้วยความสงสัย เท่าที่คบกันมา เขาไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย แต่มาวันนี้กลับกลายเป็นว่า ชวนเธอมาโดยไม่บอกกล่าว บอกแต่เพียงว่า จะพามาเที่ยวพักผ่อน ซึ่งเธอไม่คิดว่าจะเป็น...ที่วัด แม้จะผิดคาดไปสักหน่อย แต่ความจริงแล้วเธอแอบพอใจอยู่บ้างกับการที่เขาเลือกที่จะพาเธอมาที่นี่ด้วยกัน
“แม่แนะนำมาอีกทีน่ะ ท่านบอกให้มาขอพรที่นี่ เพราะเชื่อว่าสิ่งที่เราอธิษฐานตั้งใจไว้ ณ ที่แห่งนี้ จะมีแต่ความสุขสมหวัง”
หลังจากนั้นทั้งสองพากันเข้าในวิหาร เพื่อกราบไหว้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประทับอยู่ด้านในด้วยความเคารพ ความเงียบที่มีเพียงสายลมพัดผ่านหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้ สาดเข้ามาพร้อมแสงจ้าของดวงอาทิตย์ ไม่อาจทำลายบรรยากาศที่น่าเกรงขามนี้ลงไปได้ พวกเขาทั้งสองหลับตา พนมมือขึ้นตั้งจิตอธิษฐาน ด้วยความศรัทธา
หลังจากพวกเขาออกมาจากวิหารสีทองเหลืองอร่ามงามตานั้นแล้ว เมศจึงเอ่ยปากชวนให้พาฝันเดินตามเขามา ระหว่างทาง พาฝันเหม่อมองหมู่พันธุ์ไม้รอบ ๆ อย่างชื่นชม สีสันสวยสดรับกับแสงอาทิตย์ชามเช้าสาย ๆ ชวนมองและงามตาจริง ๆ ทั้งสองเดินมาเรื่อย ๆ จนหญิงสาวสังเกตเห็นแม่น้ำสายหนึ่งที่พัดผ่านล่องไปอย่างไร้จุดหมาย พวกเธอยืนอยู่บนสะพานก้มมองลงมา
“สวยจัง” แววตาที่สั่นระริกด้วยความตื่นเต้นของพาฝันเอ่ยชมทันที เบื้องล่างเผยให้เห็นน้ำที่ใสแจ๋วจนมองเห็นตะไคร่น้ำสีเขียวเข้มที่เกาะรอบ ๆ ก้อนหินใหญ่ที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาเล็กน้อย มีปลาอาศัยอยู่บริเวณรอบ ๆ ทั้ง ๆ ที่เป็นสายน้ำแต่ดันมีปลาตัวใหญ่โผล่มาให้เห็นอย่างเชื่อง ๆ ราวกับเลี้ยงสุนัขหรือแมวไว้ เฝ้ารอคอยแต่จะออดอ้อนเจ้าของมาให้อาหารไม่ไปไหน
“ถ้าชอบจะพามาบ่อย ๆ” ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวพยักหน้ารับ พลางส่งยิ้มให้อย่างดีใจ ความใกล้ชิดที่พวกเขามอบให้กัน ต่างรับรู้ได้จากอีกฝ่าย
ไม่นานแสงอาทิตย์เริ่มตกลงมากระทบโดนผิวของทั้งสอง ชวนให้รู้สึกแสบร้อนไม่น้อย
“กลับกันเถอะ”
“อืม”
ระหว่างที่ขับรถ พาฝันที่นั่งข้าง ๆ พูดทำลายความเงียบลง
“แวะทานข้าวกันเถอะ”
“นั่นสิ หิวเหมือนกัน”
ระหว่างนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจ แวะทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากริมฝั่งของถนน พื้นที่ด้านในเป็นที่โล่งเปิดกว้าง มีโต๊ะเรียงรายกันเป็นแถว โดยมีลูกค้าหน้าประจำและหน้าใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ ไม่หยุดหย่อน แม้กระทั่งพวกเขา
พนักงานชายคนหนึ่งของร้านสังเกตเห็น จึงรีบเดินมาต้อนรับ และพาไปนั่งยังบริเวณโต๊ะที่ว่างด้วยความนอบน้อม
“รับอะไรดีครับ?”
“ขอเป็นเกาเหลาน้ำใสเน้นผักและบะหมี่เกี๊ยวปูใส่หมูแดง มาอย่างละหนึ่ง” เขาพูดพลางจ้องไปที่ป้ายเมนูอาหารอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามเธอ “เอาอะไรเพิ่มอีกไหม?” หญิงสาวส่ายหัว พลางคิดในใจ ก็เขาสั่งแทนเธอไปหมดแล้ว
เมื่อเห็นท่าทีของเธอเช่นนั้น ชายหนุ่มก็พยักหน้าให้พนักงานคนนั้น บ่งบอกว่าเขาเอาแค่นี้
“เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีครับ?” ว่าแล้วพนักก็พลิกหน้าเมนูเครื่องดื่มส่งให้พวกเขาได้เลือก
“ฉันขอน้ำเปล่าค่ะ” พาฝันตอบทันที น้ำเปล่าเป็นสิ่งที่เธอชอบดื่มมากกว่าน้ำชนิดไหน ๆ ฉะนั้นเธอไม่ลังเลเลยที่จะสั่งออกไปทันที
“ผมเหมือนกัน” เมศพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ครับ ขออนุญาตทวนเมนูนะครับ ทั้งหมดเป็นเกาเหลาน้ำใสเน้นผักหนึ่ง และบะหมี่เกี๊ยวปูใส่หมูแดงหนึ่ง ส่วนน้ำลูกค้าขอเป็นน้ำเปล่าสองแก้วนะครับ” ทั้งสองพยักหน้ารับ
“ลูกค้ากรุณารอสักครู่นะครับ” บอกเสร็จ พนักงานชายคนนั้นก็รีบเดินตรงไปยังโรงครัวทันที
“เธอเคยมาทานข้าวที่นี่หรือยัง?”
พาฝันส่ายหัว “ยัง”
เขาแสยะยิ้มอย่างเหนือกว่า พร้อมส่ายหน้าด้วยความแปลกใจ“พลาดแล้ว”
“ทำไมเหรอ” ที่นี่ก็เป็นเพียงร้านอาหารทั่วไป มีลูกค้าเข้ามามากมาน้อยก็ไม่เห็นแปลก เธอมองหน้าเขาอย่างงุนงง
“ลองมองไปรอบ ๆ สิ” เมื่อเธอมองไปรอบ ๆ อย่างเรื่อย ๆ จนกระทั่งสะดุดตาเข้ากับลานหญ้าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ ร้านไม่ไกล ไม่สิ! เมื่อเพ่งมองดี ๆ มันคือสวนสาธารณะต่างหาก ที่นั่นเต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายวัย พลุกพล่านอยู่ที่นั่น บ้างก็นอน บ้างก็ถ่ายรูป แม้เวลาเช่นนี้ยังไม่มีคนมาออกกำลังกาย แต่ก็ยังสามารถดำเนินกิจกรรมอื่นต่อไปได้อย่างราบรื่นและสนุก ต้นไม้รอบ ๆ ต่างแข่งกันออกดอก งดงามบานสะพรั่งชวนตะลึง พอมองมาก ๆ เข้ากลับทำให้เธออยากไปเยือนที่นั่นอย่างอดใจไม่ไหวเลยทีเดียว
เมศสังเกตเห็นดวงตาที่เป็นประกายแวววาวของหญิงสาวบ่งบอกถึงความสนใจและนิยมชมชอบอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เขายิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ ไม่เสียแรงที่เขาทุ่มเทแรงกายและแรงใจไปสอบถามหาสถานที่ในตัวเมืองที่น่าเที่ยวมาจากเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้หญิงท่านหนึ่ง เธอได้กำชับให้เขารีบพาแฟนสาวมาเที่ยวภายในเดือนนี้ ไม่อย่างนั้นดอกไม้จะร่วงโรย หาความงามอย่างนี้ไม่ได้แล้ว เพราะหนึ่งปีจะเกิดขึ้นได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
“ทานข้าวเสร็จ พวกเราไปที่นั่นกันเถอะ”
“อืม” พาฝันพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว พร้อมดวงตาที่เจิดจ้า
“ขออนุญาตครับ” สิ้นเสียงของพนักงานชายคนดังกล่าวที่เธอไม่ทันได้ทราบว่าเขามาตอนไหน น้ำเปล่าสองแก้วถูกวางไว้อย่างแผ่วเบาตามมาด้วยอาหารที่สั่งไปได้ไม่นานในความรู้สึกของหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ” สิ้นเสียงของเธอ พนักงานคนดังกล่าวเพียงส่งยิ้มให้บาง ๆ และเดินจากไป
เมศผลักถ้วยที่เป็นเกี๊ยวมาหยุดไว้ตรงด้านหน้าของเธอเบา ๆ ด้วยความคุ้นเคย ส่วนเขาก็นำเกาเหลามาปรุงเป็นรสชาติของตัวเอง พริกที่ถูกเขาตักช้อนแล้วช้อนเล่าลงไปในถ้วยอย่างมีความสุข จนเธออดที่จะเอ่ยปรามไม่ได้
“พอเถอะ ร่างกายนายจะแย่เอา”
“ไม่เผ็ด...จะไปอร่อยได้ยังไง” เมศแย้งด้วยท่าทีจริงจัง เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของเขา ทำให้พาฝันได้แต่ส่ายหัวคร้านจะโต้แย้ง พลางเหลือบมองเข้าไปในถ้วยที่มีเกาเหลาแต่กลับถูกพริกที่แดงฉานบดบังจนมิด
ไม่นานหลังจากนั้นทั้งสองต่างจัดการอาหารของตัวเองจนหมด โดยหญิงสาวมีท่าทีปกติ ตัดภาพมาที่ชายหนุ่ม บนโต๊ะของเขามีน้ำเปล่าขวดใหญ่สองขวดตั้งอยู่ข้างหน้า ในขณะที่เขาวางแก้วลงหลังจากที่เขาพึ่งดื่มหมดแก้วไป เผยให้เห็นใบหน้าที่แดงเข้ม ริมฝีปากที่แดงก่ำราวกับผลเชอรี่ ไหนจะหยาดเงื่อที่รินไหลตกลงมาเป็นสาย สภาพที่น่าสงสารไม่สมกับเป็นเขาเลย ชวนให้หญิงสาวสมน้ำหน้ามากกว่า เพราะเธอเตือนไปเขาก็ไม่ฟัง
ในความเป็นจริง หญิงสาวยื่นทิชชู่เช็ดให้เขาอย่างเงียบ ๆ ด้วยความเป็นห่วง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ