เพียงตะวันโอบฟ้า
เขียนโดย ผักกาดน้ำ
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 14.01 น.
แก้ไขเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 14.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) 12
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความมาต่อแล้วจ้าาา ต้องขอโทษด้วยนะคะ ไปต่างจังหวัดหลายวันเลยยย
ภูมิตะวันถอนลมหายใจอย่างเบื่อหน่ายหลังจากที่เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางเรียบร้อย เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในวันรุ่งขึ้น ใครว่าเขาอยากจะไปงานศพของสามีเพื่อนแม่เสียเมื่อไหร่ งานนี้ราวกับการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว และเขาคือหนึ่งในนกตัวนั้นที่โดนมารดาเหนี่ยวไก คิดพลางๆก็อยากจะเห็นหน้าผู้หญิงไม่รักดีคนนั้นเหมือนกัน หน้าตาคงจะไม่ดีตามนิสัย นึกถึงเรื่องที่ให้นักสืบไปตามสืบมาแล้วเขาก็ยิ่งฉุน คนแบบนี้น่ะหรือที่แม่ของเขาอยากจะได้มาเป็นสะใภ้ เธอไม่มีเกียรติมากพอขนาดนั้นหรอก เขานี่แหละที่จะเป็นคนทำให้เธอไม่อยากแม้แต่จะเหยียบเข้ามาที่นี่เลย
เมื่อเพื่อนรักบอกจะลงมาร่วมงานศพของสามี ศจีไม่รู้เลยว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี เมริษาก็ยังไม่ยอมกลับมา การที่เธอจะให้เมริษากับภูมิตะวันได้ทำความรู้จักจนถึงขั้นพัฒนาความสัมพันธ์คบหาดูใจกันมันคงเป็นเรื่องที่ยาก ศจีรู้ใจลูกสาวเธอดี เมริษาเป็นคนขี้เอาแต่ใจมาแต่ไหนแต่ไร การที่จะบังคับให้ทำอะไรสักอย่างเป็นเรื่องที่ยากกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก แต่ก็มีอยู่คนหนึ่งที่ศจีสามารถบังคับให้ทำอะไรๆก็ได้ตามใจอยาก คนๆนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเพียงฟ้า
“คุณป้าว่ายังไงนะคะ” เพียงฟ้าถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อศจีบอกให้เธอปลอมตัวเป็นเมริษา
“มันเรื่องอะไรกันคะคุณนาย” หวานสงสัย
“พวกแกฟังกันไม่ผิดหรอก ฉันจะให้แกปลอมตัวเป็นลูกเม” ศจีปลายตามาทางเพียงฟ้า
“ทำไมต้องให้เพียงปลอมตัวด้วยละคะคุณป้า”
“ฉันจะให้แกหมั้นกับลูกชายเพื่อนฉันแทนลูกเม”
เพียงฟ้าถึงกับอึ้งไป
“หมั้น….” หวานตะโกนด้วยความตกใจ
“แกจะต้องหมั้นกับภูมิตะวันแทนลูกเมของฉันไปก่อน ลูกเมกลับมาเมื่อไหร่ หรือลูกเมของฉันพร้อมที่จะแต่งงานกับภูมิตะวันเมื่อไหร่ ฉันจะให้แกถอนหมั้นทันที” ศจีพูดแบบคนเห็นแก่ตัว
“อย่างนี้คุณเพียงก็แย่สิคะ ถ้าคุณเพียงโดนจับได้ก่อนจะทำยังไง” หวานเป็นเดือดเป็นร้อนแทน
“ฉันเตรียมวิธีแก้ปัญหาไว้แล้ว” ศจีหลุบตาต่ำลง “ว่าไงนังเพียง ดีใจจนพูดไม่ออกเลยหรือ”
“เพียงว่ารอให้พี่เมกลับมาก่อนดีกว่าค่ะ”
“ไม่ได้ เพราะเพื่อนของฉันเขาจะมาพรุ่งนี้แล้ว” หวานทำตาโตเท่าไข่ห่าน “ฉันอนุญาตให้แกเอาเสื้อผ้าของลูกเมมาใส่ได้ เลิกใส่ผ้าขี้ริ้วแบบนี้ได้แล้ว” ศจีพูดอย่างดูถูกทั้งๆที่เสื้อผ้าที่เพียงฟ้าสวมใส่ก็ดูสะอาดตา เพียงแต่มันอาจจะดูล้าสมัยไปบ้างก็เท่านั้น
“คุณเพียงอย่ายอมนะคะ ชีวิตคุณเพียงทั้งชีวิตนะคะ” หวานพูดเตือนเมื่อเห็นว่าศจีเดินลับตาไปแล้ว
“ชีวิตที่มันไม่ใช่ของฉันน่ะหรือ” เพียงฟ้าพูดอย่างคนจำยอม
“โธ่คุณเพียง” หวานรู้สึกสงสารหญิงสาวตรงหน้าจับใจ
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นในกลางดึกแต่ไม่มีใครรับ แต่เสียงของมันก็ยังคงดังไปทั่วบ้านเสียงโทรศัพท์ดังอยู่สักพักก็มีร่างสูงโปร่งในชุดนอนสีขาววิ่งมาจากทางด้านหลังของบ้านตรงมายังโต๊ะโทรศัพท์ พอยื่นมือจะไปหยิบเสียงของมันก็เงียบหายไปซะแล้ว เพียงฟ้าหันไปมองนาฬิกาที่มีแสงไฟจากหน้าบ้านส่องมากระทบพอให้เห็นลางๆบอกเวลาว่าตีสองแล้ว ใครนะโทรมาเอาป่านนี้สงสัยจะโทรผิด เอ๊ะ! หรือว่าจะเป็นข่าวคราวของเมริษา เธอคิด มองอย่างชั่งใจสักพักกำลังจะก้าวเท้าเดินออกไปเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง โดยไม่ต้องลังเลเธอรีบยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาทันที
“สวัสดีค่ะบ้านอัครมณีค่ะ” เสียงนิ่มหูกรอกไปตามสาย
“ขอสายคุณเมริษาหน่อย” เสียงทุ้มแบบผู้ชายตอบกลับมา
“ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ”
“ภูมิตะวัน วิสุทธิธาดา” เ ขาบอกเสียงดังฟังชัด
“ ” หัวใจเพียงฟ้าหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเธอตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
“นี่ฟังฉันอยู่รึเปล่า” เขาตะคอกเสียงมาตามสาย
“ดิฉันกำลังเรียนสายกับคุณอยู่ค่ะ” เสียงเธอตะกุกตะกักด้วยความกลัว
“ ” คราวนี้เป็นเขาบ้างที่อึ้งไป
“คุณได้ยินที่ฉันพูดไหมคะ” เธอถามเมื่อรู้สึกว่าเขาเงียบไป
“อ่อ...เธอเองหรือ...เมริษา ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องพูดกับเธอยาวหน่อย” เขายังคงรักษาท่าทีเอาไว้แล้วพูดต่อ
“เชิญค่ะ” เธอพยายามตั้งใจฟังอย่างดี
“ฉันขอพูดตรงๆแบบไม่อ้อมค้อมเลยนะ” ภูมิตะวันเอนหลังลงกับโซฟาตัวยาวในท่วงท่าที่สบาย “เธอรู้ใช่ไหมเรื่องที่แม่ของฉันกับแม่ของเธอจะให้ฉันกับเธอแต่งงานกัน”
“ค่ะ”
“ซึ่งฉันไม่เต็มใจเลยสักนิด” เขาพูดตรงไปตรงมาแบบมะนาวไม่มีน้ำ
“ค่ะ” เสียงของเพียงฟ้าเรียบเฉยเป็นที่สุด แต่เสียงของเธอแบบนี้แหละที่กำลังจะทำให้เกิดพายุลูกย่อมๆขึ้น
“เธอเป็นผู้หญิงประเภทไหนกันแน่ ฉันปฏิเสธขนาดนี้แล้วเธอยังไม่รู้ตัวอีกหรือ” เขาเริ่มใส่อารมณ์
“ฉันทราบค่ะแต่ฉันต้องทำตามคำสั่งของคุณ…แม่” เธอไม่ค่อยชินเท่าไหร่กับคำว่าแม่
“ทำตามคำสั่งของแม่หรือทำตามใจตัวเองกันแน่” เขาทรงตัวขึ้นเล็กน้อยตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
“คุณจะคิดยังไงก็ชั่ง แต่ฉันยืนยันคำเดิมว่าฉันทำตามคำสั่งของคุณแม่” เธอพูดเสียงดังขึ้นมาอีกนิด
“บ้า...เธอมันบ้า ฉันไม่เคยเห็นใครที่มีความคิดบ้าๆอย่างเธอมาก่อนเลย” เขาตะโกนเสียงใส่โทรศัพท์อย่างเดือดดาล ทำเอาคู่สนทนาต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างหู
“นี่...สงบสติอารมณ์หน่อยสิคุณ หูฉันจะแตกอยู่แล้ว” เธอเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นแข่งกับเขา
“ฉันไม่สนใจ แต่เธอต้องทำยังไงก็ได้เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องบ้าๆนี้ขึ้น” เขาออกคำสั่ง
“คุณก็ทำเองสิ...” น้ำเสียงเหมือนคนไม่รู้ร้อนรู้หนาวตอบกลับทันควัน
“เธอ….” เขาชักจะโมโหเธอซะแล้วเขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด “หรือว่าเธออยากแต่งงานกับฉัน เอ๊ะหรือว่า…” เขาเอามือลูบคางตัวเองนิดๆ “มีท้องแล้วหาพ่อไม่ได้” เป็นคำพูดที่ร้ายแรงที่สุดมันทำให้คนฟังถึงกับควันออกหู
“ผู้ชายอะไรปากร้ายยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก ที่คุณว่าฉันบ้าเมื่อกี้ฉันว่าคุณนั่นแหละที่บ้าหลงตัวเอง คุณคิดว่าฉันอยากแต่งงานกับคุณมากนักหรือ คุณไม่อยากแต่งฉันก็ไม่อยากแต่งเหมือนกัน” เธอทำท่าจะวางแต่คิดอะไรบางอย่างออกอีก “อ่อ ฉันลืมบอกไป ว่าผู้ชายปากแย่ๆอย่างคุณไม่มีผู้หญิงที่ไหนเขาอยากได้ไปเป็นพ่อของลูกหรอก” พูดจบเพียงฟ้าก็วางสายทันทีไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูด เธอยอมรับว่าทั้งโกรธทั้งโมโหเขามาก เกิดมาเธอยังไม่เคยรู้สึกกับใครเช่นนี้มาก่อนถือได้ว่าภูมิตะวันเป็นผู้ชายที่โชคดีน้อยที่สุดที่ทำให้คนอารมณ์เย็นอย่างเธอโกรธได้ แต่ฝ่ายเขาสิเขาไม่ได้โกรธเธอเพียงอย่างเดียวแต่เขาเกลียดเธอด้วย ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าต่อว่าเขาแบบนี้มาก่อนแล้วผู้หญิงอย่างเธอเป็นใครกันถึงได้กล้าพูดร้ายๆใส่เขาแบบนี้
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” ภูมิตะวันพูดอย่างมาดหมายพร้อมกับตบโต๊ะเพื่อระบายความโมโห
ร้องเพลงรอกันได้เลย รับรองว่าไม่นานจ้า จะมาต่อให้นะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ