เพียงตะวันโอบฟ้า

-

เขียนโดย ผักกาดน้ำ

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 14.01 น.

  13 ตอน
  0 วิจารณ์
  9,607 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 14.20 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) 12

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 มาต่อแล้วจ้าาา ต้องขอโทษด้วยนะคะ ไปต่างจังหวัดหลายวันเลยยย 

 

               ภูมิตะวันถอนลมหายใจอย่างเบื่อหน่ายหลังจากที่เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางเรียบร้อย เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในวันรุ่งขึ้น ใครว่าเขาอยากจะไปงานศพของสามีเพื่อนแม่เสียเมื่อไหร่ งานนี้ราวกับการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว และเขาคือหนึ่งในนกตัวนั้นที่โดนมารดาเหนี่ยวไก คิดพลางๆก็อยากจะเห็นหน้าผู้หญิงไม่รักดีคนนั้นเหมือนกัน หน้าตาคงจะไม่ดีตามนิสัย นึกถึงเรื่องที่ให้นักสืบไปตามสืบมาแล้วเขาก็ยิ่งฉุน คนแบบนี้น่ะหรือที่แม่ของเขาอยากจะได้มาเป็นสะใภ้ เธอไม่มีเกียรติมากพอขนาดนั้นหรอก เขานี่แหละที่จะเป็นคนทำให้เธอไม่อยากแม้แต่จะเหยียบเข้ามาที่นี่เลย

 

                เมื่อเพื่อนรักบอกจะลงมาร่วมงานศพของสามี ศจีไม่รู้เลยว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี  เมริษาก็ยังไม่ยอมกลับมา การที่เธอจะให้เมริษากับภูมิตะวันได้ทำความรู้จักจนถึงขั้นพัฒนาความสัมพันธ์คบหาดูใจกันมันคงเป็นเรื่องที่ยาก  ศจีรู้ใจลูกสาวเธอดี เมริษาเป็นคนขี้เอาแต่ใจมาแต่ไหนแต่ไร การที่จะบังคับให้ทำอะไรสักอย่างเป็นเรื่องที่ยากกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก แต่ก็มีอยู่คนหนึ่งที่ศจีสามารถบังคับให้ทำอะไรๆก็ได้ตามใจอยาก คนๆนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเพียงฟ้า

               “คุณป้าว่ายังไงนะคะ”  เพียงฟ้าถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อศจีบอกให้เธอปลอมตัวเป็นเมริษา

               “มันเรื่องอะไรกันคะคุณนาย”  หวานสงสัย

               “พวกแกฟังกันไม่ผิดหรอก ฉันจะให้แกปลอมตัวเป็นลูกเม”  ศจีปลายตามาทางเพียงฟ้า

               “ทำไมต้องให้เพียงปลอมตัวด้วยละคะคุณป้า” 

               “ฉันจะให้แกหมั้นกับลูกชายเพื่อนฉันแทนลูกเม”  

               เพียงฟ้าถึงกับอึ้งไป

               “หมั้น….”  หวานตะโกนด้วยความตกใจ

               “แกจะต้องหมั้นกับภูมิตะวันแทนลูกเมของฉันไปก่อน ลูกเมกลับมาเมื่อไหร่ หรือลูกเมของฉันพร้อมที่จะแต่งงานกับภูมิตะวันเมื่อไหร่ ฉันจะให้แกถอนหมั้นทันที”  ศจีพูดแบบคนเห็นแก่ตัว

               “อย่างนี้คุณเพียงก็แย่สิคะ ถ้าคุณเพียงโดนจับได้ก่อนจะทำยังไง”  หวานเป็นเดือดเป็นร้อนแทน

               “ฉันเตรียมวิธีแก้ปัญหาไว้แล้ว”  ศจีหลุบตาต่ำลง  “ว่าไงนังเพียง ดีใจจนพูดไม่ออกเลยหรือ”

               “เพียงว่ารอให้พี่เมกลับมาก่อนดีกว่าค่ะ”

              “ไม่ได้ เพราะเพื่อนของฉันเขาจะมาพรุ่งนี้แล้ว”  หวานทำตาโตเท่าไข่ห่าน  “ฉันอนุญาตให้แกเอาเสื้อผ้าของลูกเมมาใส่ได้ เลิกใส่ผ้าขี้ริ้วแบบนี้ได้แล้ว”  ศจีพูดอย่างดูถูกทั้งๆที่เสื้อผ้าที่เพียงฟ้าสวมใส่ก็ดูสะอาดตา เพียงแต่มันอาจจะดูล้าสมัยไปบ้างก็เท่านั้น

              “คุณเพียงอย่ายอมนะคะ ชีวิตคุณเพียงทั้งชีวิตนะคะ”  หวานพูดเตือนเมื่อเห็นว่าศจีเดินลับตาไปแล้ว

              “ชีวิตที่มันไม่ใช่ของฉันน่ะหรือ”  เพียงฟ้าพูดอย่างคนจำยอม

             “โธ่คุณเพียง”  หวานรู้สึกสงสารหญิงสาวตรงหน้าจับใจ

 

               เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นในกลางดึกแต่ไม่มีใครรับ  แต่เสียงของมันก็ยังคงดังไปทั่วบ้านเสียงโทรศัพท์ดังอยู่สักพักก็มีร่างสูงโปร่งในชุดนอนสีขาววิ่งมาจากทางด้านหลังของบ้านตรงมายังโต๊ะโทรศัพท์  พอยื่นมือจะไปหยิบเสียงของมันก็เงียบหายไปซะแล้ว  เพียงฟ้าหันไปมองนาฬิกาที่มีแสงไฟจากหน้าบ้านส่องมากระทบพอให้เห็นลางๆบอกเวลาว่าตีสองแล้ว ใครนะโทรมาเอาป่านนี้สงสัยจะโทรผิด  เอ๊ะ! หรือว่าจะเป็นข่าวคราวของเมริษา เธอคิด มองอย่างชั่งใจสักพักกำลังจะก้าวเท้าเดินออกไปเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง  โดยไม่ต้องลังเลเธอรีบยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาทันที

               “สวัสดีค่ะบ้านอัครมณีค่ะ” เสียงนิ่มหูกรอกไปตามสาย

               “ขอสายคุณเมริษาหน่อย”  เสียงทุ้มแบบผู้ชายตอบกลับมา

               “ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ”

               “ภูมิตะวัน วิสุทธิธาดา” เ ขาบอกเสียงดังฟังชัด

               “      ”  หัวใจเพียงฟ้าหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเธอตกใจจนพูดอะไรไม่ออก

               “นี่ฟังฉันอยู่รึเปล่า”  เขาตะคอกเสียงมาตามสาย

               “ดิฉันกำลังเรียนสายกับคุณอยู่ค่ะ”  เสียงเธอตะกุกตะกักด้วยความกลัว

               “      ”  คราวนี้เป็นเขาบ้างที่อึ้งไป

              “คุณได้ยินที่ฉันพูดไหมคะ”  เธอถามเมื่อรู้สึกว่าเขาเงียบไป

              “อ่อ...เธอเองหรือ...เมริษา ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องพูดกับเธอยาวหน่อย” เขายังคงรักษาท่าทีเอาไว้แล้วพูดต่อ

              “เชิญค่ะ” เธอพยายามตั้งใจฟังอย่างดี

              “ฉันขอพูดตรงๆแบบไม่อ้อมค้อมเลยนะ” ภูมิตะวันเอนหลังลงกับโซฟาตัวยาวในท่วงท่าที่สบาย  “เธอรู้ใช่ไหมเรื่องที่แม่ของฉันกับแม่ของเธอจะให้ฉันกับเธอแต่งงานกัน”

              “ค่ะ”

              “ซึ่งฉันไม่เต็มใจเลยสักนิด”  เขาพูดตรงไปตรงมาแบบมะนาวไม่มีน้ำ

             “ค่ะ” เสียงของเพียงฟ้าเรียบเฉยเป็นที่สุด แต่เสียงของเธอแบบนี้แหละที่กำลังจะทำให้เกิดพายุลูกย่อมๆขึ้น

             “เธอเป็นผู้หญิงประเภทไหนกันแน่ ฉันปฏิเสธขนาดนี้แล้วเธอยังไม่รู้ตัวอีกหรือ” เขาเริ่มใส่อารมณ์

             “ฉันทราบค่ะแต่ฉันต้องทำตามคำสั่งของคุณ…แม่” เธอไม่ค่อยชินเท่าไหร่กับคำว่าแม่

             “ทำตามคำสั่งของแม่หรือทำตามใจตัวเองกันแน่”  เขาทรงตัวขึ้นเล็กน้อยตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน

             “คุณจะคิดยังไงก็ชั่ง แต่ฉันยืนยันคำเดิมว่าฉันทำตามคำสั่งของคุณแม่” เธอพูดเสียงดังขึ้นมาอีกนิด

             “บ้า...เธอมันบ้า ฉันไม่เคยเห็นใครที่มีความคิดบ้าๆอย่างเธอมาก่อนเลย” เขาตะโกนเสียงใส่โทรศัพท์อย่างเดือดดาล ทำเอาคู่สนทนาต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างหู

            “นี่...สงบสติอารมณ์หน่อยสิคุณ หูฉันจะแตกอยู่แล้ว” เธอเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นแข่งกับเขา

            “ฉันไม่สนใจ แต่เธอต้องทำยังไงก็ได้เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องบ้าๆนี้ขึ้น” เขาออกคำสั่ง

            “คุณก็ทำเองสิ...”  น้ำเสียงเหมือนคนไม่รู้ร้อนรู้หนาวตอบกลับทันควัน

            “เธอ….”  เขาชักจะโมโหเธอซะแล้วเขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด “หรือว่าเธออยากแต่งงานกับฉัน  เอ๊ะหรือว่า…”   เขาเอามือลูบคางตัวเองนิดๆ “มีท้องแล้วหาพ่อไม่ได้” เป็นคำพูดที่ร้ายแรงที่สุดมันทำให้คนฟังถึงกับควันออกหู

           “ผู้ชายอะไรปากร้ายยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก ที่คุณว่าฉันบ้าเมื่อกี้ฉันว่าคุณนั่นแหละที่บ้าหลงตัวเอง คุณคิดว่าฉันอยากแต่งงานกับคุณมากนักหรือ คุณไม่อยากแต่งฉันก็ไม่อยากแต่งเหมือนกัน” เธอทำท่าจะวางแต่คิดอะไรบางอย่างออกอีก “อ่อ  ฉันลืมบอกไป ว่าผู้ชายปากแย่ๆอย่างคุณไม่มีผู้หญิงที่ไหนเขาอยากได้ไปเป็นพ่อของลูกหรอก”  พูดจบเพียงฟ้าก็วางสายทันทีไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูด เธอยอมรับว่าทั้งโกรธทั้งโมโหเขามาก เกิดมาเธอยังไม่เคยรู้สึกกับใครเช่นนี้มาก่อนถือได้ว่าภูมิตะวันเป็นผู้ชายที่โชคดีน้อยที่สุดที่ทำให้คนอารมณ์เย็นอย่างเธอโกรธได้ แต่ฝ่ายเขาสิเขาไม่ได้โกรธเธอเพียงอย่างเดียวแต่เขาเกลียดเธอด้วย ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าต่อว่าเขาแบบนี้มาก่อนแล้วผู้หญิงอย่างเธอเป็นใครกันถึงได้กล้าพูดร้ายๆใส่เขาแบบนี้

          “แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” ภูมิตะวันพูดอย่างมาดหมายพร้อมกับตบโต๊ะเพื่อระบายความโมโห

 

  ร้องเพลงรอกันได้เลย รับรองว่าไม่นานจ้า จะมาต่อให้นะคะ

 

 

 

 

     

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา