เพียงตะวันโอบฟ้า

-

เขียนโดย ผักกาดน้ำ

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 14.01 น.

  13 ตอน
  0 วิจารณ์
  10.01K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 14.20 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) 13

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสวดพระอภิธรรมศพของปรีดา  เมื่อพิธีทำบุญในช่วงเช้าผ่านไปศจีก็สั่งให้เพียงฟ้าไปเตรียมตัวให้พร้อมกับการรับบทเป็นเมริษา  เพียงฟ้าไม่สบายใจเท่าไหร่นักเพราะกลัวว่าจะถูกจับได้  ยิ่งเมื่อคืนที่ได้คุยโทรศัพท์กับภูมิตะวันแล้วเธอก็ยิ่งอยากจะย้อนเวลากลับไปเพื่อพูดกับเขาใหม่ จะพยายามพูดกับเขาดีๆแม้ว่าเขาจะใส่อารมณ์กับเธอก็ตาม  ด้วยรู้ตัวดีว่าเป็นฝ่ายผิด ไม่ว่าจะอยู่ในสถานภาพไหนๆเหตุผลมีเพียงข้อเดียวคือเธอโกหก  ความโกหกหลอกลวงล้วนเป็นสิ่งที่ไม่มีใครชอบ เธอเองถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก อย่างที่ปรีดาเคยสอน คนเราแม้ไม่มีอำนาจศักดินาใดๆ แต่ถ้าถือความสัจจะเป็นที่ตั้งในใจก็ถือว่าเป็นยอดคน คำสอนของลุงยังคงก้องดังอยู่ในใจ แต่ยามนี้อย่าว่าแต่ยอดคนเลย แม้แต่ความเป็นคน เพียงฟ้าก็ยังไม่แน่ใจนักว่าเธอมีหรือไม่ ชีวิตทุกวันนี้คงต้องแล้วแต่ความเมตตาของศจี ใช่ว่าไม่มีทางไป หากแต่ความกตัญญูยังคงเป็นสิ่งเดียวที่เธอถือมั่นเสมอมา ข้าวแดงแกงร้อนที่ศจีมีให้ และความสัมพันธ์ฉันญาติในฐานะป้าสะใภ้ ผู้หญิงที่ลุงของเธอรัก ครอบครัวของลุง ยังคงเหนือสิ่งอื่นใด เธอต้องดูแลพวกเขาแทนปรีดาแม้ว่าศจีจะไม่เคยเห็นค่าเธอเลยก็ตาม แต่เพียงฟ้าก็ภูมิใจเพราะอย่างน้อยยามที่ผู้เป็นลุงมองลงมาก็จะได้หมดห่วง

               “คุณเพียงคะเอาชุดไหนดีคะ”  หวานถามขณะเลือกเสื้อผ้าที่วางกองอยู่บนเตียงให้เพียงฟ้าดู แต่เธอกลับไม่สนใจสักนิด  “พี่หวานว่าไม่มีชุดไหนที่เหมาะกับคุณเพียงเลย แต่ละชุดดูมันชิ้นเล็กชิ้นน้อยทั้งนั้นเปิดตรงนั้นเว้าตรงนี้ไม่รู้คุณเมซื้อมาใส่ได้ยังไง ใส่แบบนี้แก้ผ้าไปเลยดีกว่า” หวานยังคงพูดเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้สนใจ แต่พอไม่มีเสียงตอบรับหวานก็หันไปมองด้วยความสงสัย  “คุณเพียงเป็นอะไรไปคะทำไมเงียบจัง”

               “ไม่มีอะไรหรอก แล้วพี่หวานเลือกชุดไหนให้ฉันจ๊ะ”

               “จากที่ดูๆแล้วพี่หวานว่าชุดนี้น่าจะเหมาะนะคะ”  หวานยื่นเดรสสีดำให้

                เพียงฟ้ารับไปโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรแล้วเดินออกไปจากห้องของเมริษาทันที

               “เอ้า…คุณเพียง...”  หวานยืนเกาหัวแกรกๆ

 

                 คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายสำหรับการสวดศพของปรีดา มีแขกเหรื่อมาร่วมงานอย่างหนาตา ศจีและเพียงฟ้าคอยยืนต้อนรับอยู่ด้านหน้าของงาน เพียงฟ้าสวมชุดเดรสสีดำเนื้อผ้าดูบางเบาพลิ้วไปกับทุกจังหวะการเคลื่อนไหว รองเท้าส้นสูง ทำให้เธอดูมีสง่าขึ้นมากว่าเดิมหลายเท่า  ผิวพรรณขาวสะอาดหมดจด เส้นผมดำขลับถูกจัดแต่งให้เข้ากับรูปหน้าโค้งมนโดยฝีมือของหวาน  มีเพียงดวงหน้างามเท่านั้นที่ไร้ชีวิตชีวาราวกับหุ่นยนต์ เพียงฟ้ามักจะมองไปที่รูปของปรีดาที่ตั้งอยู่ด้านหน้า บ่อยๆ พรุ่งนี้แล้วที่ลุงของเธอต้องไปจริงๆไม่เหลือแม้แต่ร่างไว้ให้เห็น พอนึกมาถึงจุดนี้ทีไร ในอกก็ราวกับมีน้ำเอ่อท้นขึ้นมา จนมันพากันมาล้นออกทางดวงตา เพียงฟ้ากระพริบตาถี่ๆหลายครั้งจนนัยน์ตาเริ่มแดง ศจีมองมาทางเธอเป็นการเตือนว่าให้เตรียมตัวการแสดงฉากใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ป้าคงจะรำคานอาการเศร้าโศกเสียใจของเธอเต็มทีจึงไล่ให้ไปล้างหน้าล้างตา

                เพียงฟ้าเดินเลี่ยงออกมาทางด้านหลังของงาน มุมนี้เงียบสงบจนดูน่ากลัว แต่เธอกลับไม่รู้สึกกลัวสักนิด  เพราะความเสียใจมันมีมากกว่าความกลัวใดๆ ว่าจะมาล้างหน้าล้างตาแต่กลายเป็นว่ามานั่งร้องไห้หนักกว่าเดิม ในใจเจ็บปวด มีอาการระบมบริเวณกล้ามเนื้อหน้าอกจากการร้องไห้ติดกันหลายวัน คอแห้งผากจนรู้สึกเจ็บทุกครั้งเวลาที่กลืนน้ำลาย แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนักหนา คล้ายว่าจะมีใครเหยียบกิ่งไม้แถวๆนั้นทำให้เพียงฟ้าตกใจ เธอหันไปมองทางต้นเสียง เห็นชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งยืนมองมาทางเธอ แสงไฟสลัวๆทำให้มองเห็นหน้าเขาไม่ชัดนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เห็น นัยน์ตาของเขามีประกายน้อยๆยามถูกแสงกระทบ ด้วยความตกใจระคนความกลัวทำให้เพียงฟ้ารีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากตรงนั้นทันที           

               “เดี๋ยวสิคุณ...คุณ”  ชายหนุ่มผู้นั้นเรียกเธอ แต่เพียงฟ้าไม่คิดจะหันกลับไปมอง

 

               เธอเป็นใครกันหนอ ภูมิตะวันได้แต่คิด เขาเดินเข้าไปในงานหลังจากที่ขออนุญาตมารดาสูดอากาศด้านนอกสักพัก หญิงสาวเมื่อครู่ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าเธอเป็นใคร และร้องไห้หนักขนาดนั้นด้วยเรื่องใดกัน ดวงตากลมโตของเธอมีแววตระหนกอยู่มากทีเดียว เขาน่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ ภูมิตะวันได้แต่ส่ายหน้ายกยิ้มให้กับอาการของหญิงสาวแปลกหน้าที่พบกันเมื่อครู่ เมื่อเข้ามาถึงศาลาด้านในเห็นมารดากับป้ากำลังยืนคุยกับหญิงวัยกลางคนๆหนึ่ง คงจะเป็นน้าศจีเพื่อนแม่ของเขา

               “ภู..มานี่สิลูก”  แม่หันมาเห็นเขาเข้าพอดี

               ภูมิตะวันเดินเข้าหาอย่างคนว่าง่าย

               “นี่น้าศจี เพื่อนแม่จ้ะ” 

               ชายหนุ่มยกมือไหว้  ศจีรับไหว้แล้วเอ่ยชมเขาตามประสาคนที่ไม่เคยได้พบกัน สักพักก็สั่งให้สาวใช้ไปตามลูกสาวให้มาทำความรู้จักกับเขา คงถึงเวลาของการจับคู่แล้วสินะ ภูมิตะวันคิด ในงานแบบนี้นี่นะ อาการของแต่ละคนช่างเก็บกันไว้ไม่อยู่เสียจริง แต่ก็อย่างว่า เพราะเหตุการณ์มันพาไปนี่นะ กำลังคิดเพลินๆ หญิงสาวที่เขาเห็นเมื่อครู่และจำได้แม่นยำกำลังเดินมาทางนี้ ใช่เธอเดินมาตรงที่เขายืนอยู่จริงๆ ภูมิตะวันมองทุกอากัปกริยาของเธอ หญิงสาวผู้นี้คือเมริษาอย่างนั้นหรือ ทำไมเขาถึงรู้สึกผิดหวังขึ้นมานะ ภูมิตะวันยกมือรับไหว้เมื่อหญิงสาวไหว้เขา พยายามไม่สบตากับอีกฝ่าย สงสัยคงจะจำเขาได้กระมัง ก็เพิ่งเจอกันเมื่อครู่นี่นะ หากจำไม่ได้ก็ถือว่าความจำสั้นกว่าปลาทองเต็มที

               “เมริษา...ลูกสาวของน้าจ้ะ” ศจีแนะนำ

               เพียงฟ้าแย้มมุมปากน้อยๆราวกับจะยิ้ม แต่ภูมิตะวันรีบตัดบท

               “ผมว่าเราเข้างานกันดีกว่านะครับแม่ ป้าสร้อย”

               “จ้ะ...หนูเมไปนั่งข้างๆป้านะจ๊ะ” ระย้ารีบชวน

               หลังจากทำความเคารพศพเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็พากันมานั่งเก้าอี้ที่ทางเจ้าภาพจัดไว้ให้ ภูมิตะวันขยับกายหนีเบาๆ เป็นการแสดงออกว่าเขาไม่อยากนั่งข้างๆลูกสาวของศจี เพียงฟ้าหันมามองเขานิดๆแล้วก็นั่งลงตามคำเชื้อเชิญของระย้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พระเริ่มสวดเป็นทำนองบาลีสันสกฤตอย่างที่เคยฟังกันมา เวลาผ่านไปนานพอสมควรจนบทสวดจบลง ภูมิตะวันก็ตั้งท่าว่าจะกลับแทบจะทันที ระย้าจึงให้เขาออกไปสูดอากาศด้านนอกรอ โดยมีเมริษาออกมาเดินเป็นเพื่อน เข้าแผนแม่ของเขาเลยทีเดียว

 

               ภูมิตะวันเดินลิ่วๆโดยไม่ได้สนใจคนที่เดินตามมาด้วยสักนิด ตามไม่ทันก็คงจะเดินกลับไปเอง แต่เปล่าเลย เมริษายังคงเดินตามเขามาติดๆเช่นกัน ภูมิตะวันจึงแกล้งหยุดเดินกะทันหันทำให้เพียงฟ้าที่เดินตามมาชนเข้ากับแผ่นหลังของชายหนุ่มเต็มแรง ภูมิตะวันหยักยิ้มอย่างสะใจ

               “เดินตามฉันมาทำไม...” เขาหันกลับไปถาม

               เพียงฟ้ายังคงเอามือลูบหัวป้อยๆ สีหน้าไม่ดีเท่าไหร่นัก คงจะเจ็บเอาการอยู่เหมือนกัน “คือ....ฉัน...”

               “หรือว่าเดินตามผู้ชายจนเคยชิน”

               เพียงฟ้าตาโตขึ้นเล็กน้อย ตกใจหรือโกรธเขา เธอเองก็ไม่รู้

                “ฉันแค่อยากจะมาขอโทษ ที่คืนก่อนเสียมารยาทกับคุณ”  เธอบอก

               “ไม่จำเป็น...”  เขาบอกเสียงแข็ง

               “แต่ฉันรู้สึกผิด”

               ภูมิตะวันเหยียดยิ้มน้อยๆพลางคิดว่าเธอจะมาไม้ไหน มารยาหญิงมีเป็นร้อยเล่มเกวียน  “ฉันบอกแล้วไง ว่าไม่จำเป็น” น้ำเสียงทุ้มต่ำห้วนจัด

               “แต่คนเรา ถ้ารู้ตัวว่าผิดก็ควรที่จะขอโทษ ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีและก็สมควรทำ  ดีกว่าบางคนที่คิดว่าตัวเองไม่ผิดทั้งๆที่ตัวเองผิด”  เพียงฟ้าพูดไปตามที่คิด แต่กลับทำให้คนฟังหน้านิ่วคิ้วขมวด

                “นี่เธอว่าฉันหรอ” เขากระชากแขนเธออย่างแรง “ปากกล้านักนะ” เขาเพิ่มแรงบีบมากขึ้นจนหญิงสาวหน้าเสีย

                “ปล่อยนะ คุณภูมิตะวันฉันเจ็บ”  เธอพยายามจะแกะมือของเขาออก

                “ถ้ายังมายุ่งกับฉันอีกเธอได้เจ็บตัวมากกว่านี้แน่” เขาบีบแขนเธอแรงขึ้น จนเมื่อได้ยินเสียงมารดาดังแว่วมาแต่ไกลๆ ภูมิตะวันจึงสลัดแขนเธอออกอย่างนึกรังเกียจ

                “คุยอะไรกับน้องหรอตาภู” ระย้าถามเมื่อเดินมาถึง

                “ไม่มีอะไรหรอกครับ” เขาปรายตาดุๆมาให้

                “ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อนนะ ทำใจให้สบายนะศจี ฉันจะจัดการให้เธอทุกอย่าง” ระย้าตบหลังมือเพื่อนรักเบาๆ

คำพูดที่ว่า จะจัดการให้ทุกอย่าง สร้างความสงสัยใคร่รู้ให้ภูมิตะวันไม่น้อย ศจีมีเรื่องอันใดให้มารดาของเขาต้องจัดการ ภูมิตะวันอยากจะเดาเอาเอง ว่าคงไม่พ้นเรื่องเงินๆทองๆ แต่ถ้าคิดแบบนั้นก็จะเป็นการปักปำอีกฝ่ายมากไป อาจจะเป็นเรื่องอื่นก็ได้ แต่เขาจะต้องรู้ให้ได้ ไม่มีทางยอมปล่อยผ่านเด็ดขาด

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา