ปาฏิหาริย์โลกวิญญาณ (ได้รับการตีพิมพ์จากAmity Publishing แล้ว)
5.3
เขียนโดย watcharakarn
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 12.10 น.
67 ตอน
3 วิจารณ์
41.92K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 23.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
59) หากเป็นฉัน กับ สิ่งที่ฉันเป็น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “ย้ง…ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนหรอกนะที่เข้มแข็งอยู่ได้ตลอดเวลา ไม่มีใครบนโลกนี้หรอกที่ไม่เคยโดนดูถูก หรือรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า ทุกคนย่อมมีวันที่ล้มเหลว หรือพ่ายแพ้ มีวันที่โชคร้าย หรือเจอเรื่องแย่ๆ เข้ามาในชีวิตทั้งนั้นแหละ สิ่งที่นายควรทำก็คือยอมรับมันหรือก้าวผ่านมันไปให้ได้”
“คำพูดดีๆ ใครก็พูดได้ทั้งนั้นแหละคุณ แต่มันทำยาก ถ้าคุณได้ลองมาเป็นผม ชีวิตเจอแต่ปัญหาเข้ามาทุกวี่ทุกวัน เงินก็ไม่มี งานก็ไม่ได้ทำ คุณอาจทำแบบผมก็ได้” ผมแย้งเสียงขุ่น
“ไม่…ฉันจะไม่มีวันทำแบบนั้น” สาริกาโต้ทันควันด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม “เพราะฉันรักชีวิตของฉัน กว่าจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์มันก็ไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะแถมได้เกิดแล้วก็ต้องมาคอยลุ้นว่าจะครบ 32 ประการด้วยรึเปล่า จะมีโอกาสได้ทำบุญทำทานเหมือนใครเค้ามั๊ย ถ้าฉันได้เป็นมนุษย์ฉันจะไม่ทำร้ายตัวเองแบบนาย ฉันต้องมีสติให้มากกว่านี้ และมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขให้มากที่สุด อย่างน้อยที่สุดถ้าไม่ใช่เพื่อตัวของฉันเอง ก็เพื่อคนที่รักฉัน”
“ที่นายบอกว่าทำยากก็ไม่ได้แปลว่าทำไม่ได้นี่นา” เธอกล่าวต่อ “นายผ่านอะไรมาเท่าไหร่แล้วย้ง ไม่เสียดายบ้างเหรอ กว่าจะอดทนอยู่มาได้จนถึงวันนี้ต้องเสียน้ำตามามากเท่าไหร่ เจ็บปวดมามากแค่ไหน จนถึงตอนนี้นายก็ยังอายในสิ่งที่ได้ทำลงไปอยู่เลยไม่ใช่เหรอ เพราะนายเองรู้แก่ใจดีว่ามันไม่ใช่เรื่องที่น่าภาคภูมิใจ…
นายทำไปเพราะแค่ต้องการประชดคนอื่น ประชดโลกใบนี้ เหมือนที่นายใช้เวลาทั้งชีวิตของนายเพื่อชื่นชมคนอื่น เปรียบเทียบตัวเองกับคนนั้นคนนี้ ทำเพื่อให้คนอื่นพอใจหรือยอมรับในตัวนาย แต่ตัวเองกลับเป็นทุกข์ และรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าลงไปทุกวัน ความภาคภูมิใจในตัวนายมันหายไปไหนหมดละย้ง”
“……” เมื่อได้นิ่งฟังแล้วลองคิดทบทวน ผมเองก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะยอมรับมันอย่างที่สาริกาว่าไว้จริงๆ นั่นแหละ แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่อาจเข้าใจในตัวผม
“มันจะมีได้ยังไง ก็ในเมื่อผมแทบไม่เคยได้รับมันเลย” ผมตอบออกมาสั้นๆ ให้กับคำถามที่ว่านั้น
ตั้งแต่จำความได้ผมก็ลืมตาตื่นขึ้นมาบนโลกที่มีแต่การแข่งขัน ชิงดีชิงเด่นกัน มีแต่สิ่งที่ต้องทำ และห้ามทำ ไม่เช่นนั้นตนเองก็จะดูแปลกแยก ผิดเพี้ยน และหล่นหายไปจากสังคมแวดล้อม เหมือนกับที่ผมทำความภาคภูมิใจหล่นหายไปจากชีวิตนานมากแล้วนั่นแหละ ด.ช.วิศรุฒิคนนี้ไม่เคยสอบได้คะแนนที่ดีเหมือนกับใครคนอื่นเขา ไม่เคยถูกเลือกให้เป็นตัวแทน หรือหัวหน้าใคร และไม่เคยได้รับรางวัลใดๆ ประดับเกียรติให้แก่ชีวิตตนเองเลยแม้แต่น้อย
ผมไม่ได้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของครอบครัวต่างจากน้องสาวที่ค่อนข้างเก่งและได้อย่างใจป๊าไปเสียทุกเรื่อง ยามที่แกคุยกับเพื่อนหรือลูกค้าประจำ ก็มักจะพูดถึงหยกก่อนผมเสมอ แม่เองก็ดูเหมือนกระดากอายที่จะเล่าเรื่องผมให้ใครคนอื่นฟัง เช่นเดียวกับรอยยิ้ม และคำชื่นชมยินดีจากป๊าที่เลือนหายไปเมื่อผมค่อยๆ เติบโตขึ้นและกลายเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้มีอะไรเลวร้าย แต่ก็ไม่โดดเด่นพอที่ใครควรจะจดจำ
และถึงผมจะพยายามอย่างหนักจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาลในกรุงเทพฯ ได้ก็ตาม กระนั้นก็เป็นเพียงสถาบันอุดมศึกษาที่ไม่ได้มีชื่อเสียงเลื่องลือหรืออยู่ในลำดับต้นๆ ของประเทศจนสามารถยืดอกบอกใครต่อใครได้อย่างลำพองใจ จบมาก็มาทำงานเป็นพนักงานต็อกต๋อยในบริษัทขายอุปกรณ์สำนักงานแห่งหนึ่ง ทำมานานจนสุดท้ายต้องระเห็จออกมาเพราะจับได้ว่าไอ้หัวหน้าสารเลวนั่นแต่งงบจัดซื้อขึ้นมาเกินจริงเพื่อยักยอกเงินบริษัท
“ตัวเลขพวกนี้มันไม่ใช่ที่ผมทำมาให้หัวหน้านี่ครับ” ผมทักท้วงหลังจากก้มหยิบเอกสารสำคัญชุดหนึ่งที่ร่วงลงมาจากแฟ้มขึ้นมาดูและเผอิญสังเกตุเห็นข้อมูลในเอกสารการจัดซื้อ/จัดจ้างประจำไตรมาสแรกของบริษัทผิดเพี้ยนไปหลายรายการ ผมซึ่งเป็นคนนั่งหลังขดหลังแข็งทำมันเองมากับมือย่อมรู้ดีว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น
ลายเซ็นต์กำกับของหนึ่งในผู้บริหาร และของมัน รวมถึงชื่อของผมซึ่งเป็นผู้เสนอและจัดทำเอกสารพร้อมรอยประทับตราอนุมัติดำเนินการปรากฏหลาอยู่บนนั้น ทำเอาผมได้แต่นิ่งงัน งุนงง และตกใจกับสิ่งไม่คาดฝัน
“คำพูดดีๆ ใครก็พูดได้ทั้งนั้นแหละคุณ แต่มันทำยาก ถ้าคุณได้ลองมาเป็นผม ชีวิตเจอแต่ปัญหาเข้ามาทุกวี่ทุกวัน เงินก็ไม่มี งานก็ไม่ได้ทำ คุณอาจทำแบบผมก็ได้” ผมแย้งเสียงขุ่น
“ไม่…ฉันจะไม่มีวันทำแบบนั้น” สาริกาโต้ทันควันด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม “เพราะฉันรักชีวิตของฉัน กว่าจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์มันก็ไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะแถมได้เกิดแล้วก็ต้องมาคอยลุ้นว่าจะครบ 32 ประการด้วยรึเปล่า จะมีโอกาสได้ทำบุญทำทานเหมือนใครเค้ามั๊ย ถ้าฉันได้เป็นมนุษย์ฉันจะไม่ทำร้ายตัวเองแบบนาย ฉันต้องมีสติให้มากกว่านี้ และมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขให้มากที่สุด อย่างน้อยที่สุดถ้าไม่ใช่เพื่อตัวของฉันเอง ก็เพื่อคนที่รักฉัน”
“ที่นายบอกว่าทำยากก็ไม่ได้แปลว่าทำไม่ได้นี่นา” เธอกล่าวต่อ “นายผ่านอะไรมาเท่าไหร่แล้วย้ง ไม่เสียดายบ้างเหรอ กว่าจะอดทนอยู่มาได้จนถึงวันนี้ต้องเสียน้ำตามามากเท่าไหร่ เจ็บปวดมามากแค่ไหน จนถึงตอนนี้นายก็ยังอายในสิ่งที่ได้ทำลงไปอยู่เลยไม่ใช่เหรอ เพราะนายเองรู้แก่ใจดีว่ามันไม่ใช่เรื่องที่น่าภาคภูมิใจ…
นายทำไปเพราะแค่ต้องการประชดคนอื่น ประชดโลกใบนี้ เหมือนที่นายใช้เวลาทั้งชีวิตของนายเพื่อชื่นชมคนอื่น เปรียบเทียบตัวเองกับคนนั้นคนนี้ ทำเพื่อให้คนอื่นพอใจหรือยอมรับในตัวนาย แต่ตัวเองกลับเป็นทุกข์ และรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าลงไปทุกวัน ความภาคภูมิใจในตัวนายมันหายไปไหนหมดละย้ง”
“……” เมื่อได้นิ่งฟังแล้วลองคิดทบทวน ผมเองก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะยอมรับมันอย่างที่สาริกาว่าไว้จริงๆ นั่นแหละ แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่อาจเข้าใจในตัวผม
“มันจะมีได้ยังไง ก็ในเมื่อผมแทบไม่เคยได้รับมันเลย” ผมตอบออกมาสั้นๆ ให้กับคำถามที่ว่านั้น
ตั้งแต่จำความได้ผมก็ลืมตาตื่นขึ้นมาบนโลกที่มีแต่การแข่งขัน ชิงดีชิงเด่นกัน มีแต่สิ่งที่ต้องทำ และห้ามทำ ไม่เช่นนั้นตนเองก็จะดูแปลกแยก ผิดเพี้ยน และหล่นหายไปจากสังคมแวดล้อม เหมือนกับที่ผมทำความภาคภูมิใจหล่นหายไปจากชีวิตนานมากแล้วนั่นแหละ ด.ช.วิศรุฒิคนนี้ไม่เคยสอบได้คะแนนที่ดีเหมือนกับใครคนอื่นเขา ไม่เคยถูกเลือกให้เป็นตัวแทน หรือหัวหน้าใคร และไม่เคยได้รับรางวัลใดๆ ประดับเกียรติให้แก่ชีวิตตนเองเลยแม้แต่น้อย
ผมไม่ได้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของครอบครัวต่างจากน้องสาวที่ค่อนข้างเก่งและได้อย่างใจป๊าไปเสียทุกเรื่อง ยามที่แกคุยกับเพื่อนหรือลูกค้าประจำ ก็มักจะพูดถึงหยกก่อนผมเสมอ แม่เองก็ดูเหมือนกระดากอายที่จะเล่าเรื่องผมให้ใครคนอื่นฟัง เช่นเดียวกับรอยยิ้ม และคำชื่นชมยินดีจากป๊าที่เลือนหายไปเมื่อผมค่อยๆ เติบโตขึ้นและกลายเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้มีอะไรเลวร้าย แต่ก็ไม่โดดเด่นพอที่ใครควรจะจดจำ
และถึงผมจะพยายามอย่างหนักจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาลในกรุงเทพฯ ได้ก็ตาม กระนั้นก็เป็นเพียงสถาบันอุดมศึกษาที่ไม่ได้มีชื่อเสียงเลื่องลือหรืออยู่ในลำดับต้นๆ ของประเทศจนสามารถยืดอกบอกใครต่อใครได้อย่างลำพองใจ จบมาก็มาทำงานเป็นพนักงานต็อกต๋อยในบริษัทขายอุปกรณ์สำนักงานแห่งหนึ่ง ทำมานานจนสุดท้ายต้องระเห็จออกมาเพราะจับได้ว่าไอ้หัวหน้าสารเลวนั่นแต่งงบจัดซื้อขึ้นมาเกินจริงเพื่อยักยอกเงินบริษัท
“ตัวเลขพวกนี้มันไม่ใช่ที่ผมทำมาให้หัวหน้านี่ครับ” ผมทักท้วงหลังจากก้มหยิบเอกสารสำคัญชุดหนึ่งที่ร่วงลงมาจากแฟ้มขึ้นมาดูและเผอิญสังเกตุเห็นข้อมูลในเอกสารการจัดซื้อ/จัดจ้างประจำไตรมาสแรกของบริษัทผิดเพี้ยนไปหลายรายการ ผมซึ่งเป็นคนนั่งหลังขดหลังแข็งทำมันเองมากับมือย่อมรู้ดีว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น
ลายเซ็นต์กำกับของหนึ่งในผู้บริหาร และของมัน รวมถึงชื่อของผมซึ่งเป็นผู้เสนอและจัดทำเอกสารพร้อมรอยประทับตราอนุมัติดำเนินการปรากฏหลาอยู่บนนั้น ทำเอาผมได้แต่นิ่งงัน งุนงง และตกใจกับสิ่งไม่คาดฝัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ