ฮักเพียงเจ้าสุดหทัย (omegaverse)
-
เขียนโดย มิมาลินทร์
วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 11.34 น.
8 บท
0 วิจารณ์
6,364 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563 20.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) สามีไม่รัก พ่อสามีก็ร้าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ.2XXX
วันจันทร์ เวลา 8.40 น.
(หนึ่งสัปดาห์หลังแต่งงาน)
"ตื่นได้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน" เสียงชายหนุ่มชาวจีนขยับปรับแต่งเสื้อเชิดสีกรมท่าของตนหลังจากอาบน้ำเสร็จหมาดๆ ตะโกนถามคนที่นอนขดอยู่บนเตียง เด็กหนุ่มตัวน้อยดึงผ้าห่มที่ปิดหน้าลงเผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดเซียวไร้รอยเลือดฝาดบนแก้มอย่างที่เคยเหมือนที่เคยเป็น เจ้าตัวกอดผ้าห่มแน่นแล้วค่อยๆ ตอบเสียงเบาที่แหบแห้งกลับมา
"ขอโทษครับ ผมลุกไม่ไหว" ความจริงอาลิกระอักกระอ่วนตื่นนานแล้ว นานมากพอที่จะได้ยินเสียงทำกิจวัตรต่างๆ ของชายตรงหน้าตั้งแต่ตื่นนอนจนอาบน้ำเสร็จ แต่คนตัวเล็กได้แต่นอนนิ่งตลอดเพราะเขาไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้เลย แค่เพียงหายใจเพียงเล็กน้อยก็ปวดรามไปทั่วตัวโดยเฉพาะจุดสงวนที่ผ่านศึกมาอย่างไม่หยุดพักในราตรีที่แล้ว
"อย่ามาโกหก" หลางตอบไปด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม แม้ว่าเขาจะรู้ว่าสิ่งที่คนตัวเล็กตรงหน้าเอ่ยอธิบายออกมามีส่วนที่เป็นความจริงอยู่บ้าง ยามที่เขามองไปยังร่างกายที่มีรอยกัดเลือดซิบและรอยจ้ำแดงหลายจุดบนเรือนร่างขาวซีดมันทำให้เขารู้ว่าเขาได้ทำอะไรลงไปบ้างกับเด็กชายคนนี้
สัญชาตญาณดิบเถื่อน ทั้งกัดไปที่ต้นคอและกัดไปยังจุดอื่นๆ หมายจะแสดงความเป็นเจ้าของในฐานะอัลฟ่าผู้เป็นนักล่าที่ขย้ำเหยื่อแบบโอเมก้า ไม่มีแม้แต่ความเป็นมนุษย์ในตัวเมื่อยามอัลฟ่าและโอเมก้าเกิดอาการลัทและอาการฮีทขึ้น
"ก็ผม..." อาลินกระอักกระอ่วนที่จะตอบอีกฝ่าย เขาพยายามลุกมานั่งตรงหัวเตียงอย่างยากลำบากหมายจะคุยกับอัลฟ่าหนุ่มที่ยืนกอดอกตรงหน้าเขา ทว่าฝ่ายนั้นก็เอาแต่ทำหน้าดุใส่ราวกับจะฆ่าจะแกงกันได้ทุกเมื่อแบบนั้น มีหรือที่เด็กมัธยมปลายตัวน้อยๆ จะกล้าต่อกร
"คือว่าผมไม่เค....."
"ไม่ต้องมาบอกว่ายังสดใหม่หรอก การที่นายมาปลอมตัวเป็นน้องสาวของตัวเองเพื่อนอนกับฉันถือว่าชั้นต่ำมาก คงเคยมานับไม่ถ้วนเลยหละสิ" ชายหนุ่มชาวจีนพูดขัดอาลินไม่ให้เขาพูดจบประโยค หลางพูดออกไปอย่างขวานผ่าซากเขารู้สึกผิดหวังไม่น้อย คนร่วมหลับนอนกับเขาเป็นเด็กชายที่เห็นแก่ตัวขี้อิจฉาคนหนึ่งและก็เป็นผู้ชายที่ไร้สง่าราศีแบบ 'อาลิน'
"อึก..." อาลินสะดุ้งเฮือก เขารู้สึกสะเทือนใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยบอกมา เจ้าตัวเหลือบบอกร่างกายที่ไร้อาภรณ์ของตนและลอบกลืนน้ำลายไปอึกหนึ่ง อาลินรู้ว่าเขาเป็นคนผิดเองที่ทำแบบนี้และเขายินดีทำใจยอมรับกับสิ่งที่ทำลงไปถึงแม้จะบอกไปว่าทางครอบครัวของเขารู้เห็นเป็นใจ ก็ไม่ได้ความว่าเขาจะกลายเป็นคนที่ดีในสายตาของหลาง อาลินจึงก้มหน้าเงียบไม่โต้ตอบอะไรกลับไปสักคำเดียว
ฝ่ายหลางที่สังเกตมองท่าทางของอีกฝ่ายมาตลอดก็เอาแต่หงุดหงิดกับการเมินเฉยของคนตัวเล็กเป็นอย่างมาก สำหรับหลางแล้วการที่อาลินทำแบบนี้เท่ากับว่าไม่สำนึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น.....ใช่สิ เด็กหนุ่มคนนี้ตกเป็นเมียของเขาแล้ว หมอนี่ก็เป็นหนูตกข้าวสารดีๆ นี้เอง เขาคิดพลางเดินอย่างเร็วหมายจะตรงไปหาอีกฝ่ายพลางแล้วกระชากอาลินลงจากเตียง
"รีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย วันนี้ฉันกับพ่อจะพานายไปหาครอบครัวของนาย เรามีเรื่องต้องตกลงกันใหม่"
สิ้นเสียงของหลาง หลางก็รีบเดินออกจากตรงนั้นตรงไปยังห้องรับแขกในคอนโดแทน ทิ้งให้คนตัวเล็กนอนคว่ำอยู่บนพื้นพร้อมเลือดที่เริ่มไหลออกมาจากช่องทางสีหวานเพราะแรงกระชากเมื่อครู่ทำให้แผลที่ฉีกขาดกว่าเดิมน้ำตาไหลรินจากแก้มช้าๆ ความเสียใจหลายอย่างทำให้อาลินกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้อีกต่อไป เจ้าตัวจึงร้องไห้พร้อมกับพยายามหอบหิ้วร่างกายไร้เรี่ยวแรงนั้นไปห้องอาบน้ำอย่างเร็วเท่าที่จะทำได้ เขาไม่อยากให้อีกฝ่าย 'โกรธ' ไปมากกว่านี้
...................................................................................................
ณ ภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง
ใจกลางเมืองกรุงเทพ
เวลา 15.20 น.
ข้อตกลงระหว่างครอบครัวมาซาเอลและเครือหยงไช้ต้องเปลี่ยนไปเล็กน้อย เรื่องของหนี้ที่จาคีฟก่อไว้ยังคงมีอยู่ ผลมาจากการที่จาคีฟสลับตัวของลูกในคืนวันเข้าหอ เดิมทีหลางนั้นอยากแต่งงานกับ 'จามินทร์' หากจาคีฟปล่อยให้ลูกสาวคนนี้มาแต่งงานหนี้ทั้งหมดก็จะหายไปทันที
แต่ทว่าเขากับส่งลูกเลี้ยงอย่าง 'อาลิน' ที่มีศักดิ์เป็นโอเมก้าเหมือนกันตามสัญญาในเอกสารที่ได้ตกลงเอาไว้ทำให้พ่อของหลางอนุโลมให้ลดหนี้ลงไปครึ่งหนึ่งเพราะเห็นว่าหลางได้หลับนอนกับอาลินไปแล้วรวมทั้งยังทำพันธสัญญาเป็นคู่ของกันและกัน หากวันดีคืนดีมีเด็กในท้องเกิดขึ้นมาก็ถือว่าเด็กคนนี้เป็นของหลานเขาและเป็นลูกของหลางจึงควรให้อาลินถือสถานะภรรยาแทนจามิทร์ไปก่อน หน้าที่หลักของอาลินคือต้องมีทายาทให้ได้เพื่อจะยกหนี้ให้ครึ่งหนึ่งตามสัญญาข้างต้น หากแต่เมื่ออาลินตายหรือมีปัญหาอะไรจนทำให้มีลูกไม่ได้ก็จะถือว่าทั้งหมดเป็นโมฆะสัญญาระหว่างอาลินกับหลางจะจบเร็วขึ้นไปอีกเมื่ออาลินตั้งท้องแล้วคลอดลูกออกมาก็จะให้จามินทร์แต่งงานทันที
หลางที่ได้ยินบิดาตัดสินใจไปแบบนั้นจึงไม่เห็นด้วยเลยทำให้เขาโวยวายขึ้นมาทันที หลางมิอาจยอมรับให้อาลินเป็นเมียของเขาเป็นอันขาด ถ้าอาลินท้องมันหมายความว่าเขาก็ต้องหลับนอนกับเด็กคนนั้นซึ่งไม่มีทางอีกเป็นครั้งที่สอง พฤติกรรมของหลางทำให้พ่อของเขาถึงกลับต้องนั่งนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อหาหนทางที่ยุติธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย ด้วยความที่พ่อของหลางเป็นคนตามใจหลางเป็นอย่างมากจึงยื่นข้อเสนอเพิ่มไปอีกว่าหากจามินทร์อายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์ซึ่งราวหนึ่งปีครึ่งถึงสองปีต่อจากนี้ให้อาลินเป็นภรรยาไปแทนแล้วจามินทร์ที่อายุครบกำหนดเวลาก็กลับมาแต่งงานกับหลางโดยทางครอบครัวจะให้เงินสินสอดอีกสิบล้านพร้อมยกหนี้อีกครึ่งหนึ่งให้โดยที่อาลินไม่ต้องท้องก็ได้แต่ขอให้อยู่ให้ครบสัญญาก็เป็นพอ
สิ้นเสียงของบิดาของหลางทุกคนก็เงียบตามไปหมดรวมทั้งหลางผู้เป็นลูกชายที่นั่งข้างๆ กับบิดา ใบหน้าของชายชาวจีนอ่อนวัยแสดงออกถึงความพอใจกับข้อเสนอนั้น อย่างน้อยๆ เขาก็จะได้แต่งงานกับเธอเพียงแค่รอเวลา ฝ่ายอาลินก็เอาแต่ก้มหน้านิ่งเงียบไม่พูดจาใดๆ จาฟาร์ผู้เป็นพี่ชายก็ค่อยๆ กุมมือน้อยๆ ที่ซีดเซียวนั้นเอาไว้
จาฟาร์รู้ดีว่าอาลินเป็นเด็กชายที่อ่อนโยน ไม่สู้คน เพราะเขาเป็นแบบนี้เอาแต่ยอมรับกลัวคนอื่นต้องลำบากตัวเองจะเป็นอย่างไรก็ช่าง จาฟาร์รู้สึกว่าความเป็นอาลินในสายตาของคนอื่นไม่ได้คิดในสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นฮีโร่ที่คอยปกป้องคนอื่นหรือเป็นคนดีแสนดีน่ายกย่อง เขาเพียงเป็นคนที่โง่คนหนึ่งที่ใครๆ ก็อยากหลอกใช้ สักพักหนึ่งเสียงของจาคีฟผู้เป็นบิดาของอาลิน จาฟาร์และจามินทร์ก็เอ่ยขึ้น เขายอมรับข้อเสนอนั้นและขอให้อาลินและหลางจดทะเบียนสมรสกันให้เร็วที่สุด
วันอังคาร
เวลา 12.20 น.
หลางตื่นขึ้นมาในบ้านหลังใหญ่สุดหรูของเขาที่อยู่อาศัยร่วมกับบิดา เขาตัดสินใจที่จะไม่ไปอยู่คอนโดที่ทางครอบครัวมาซาเอลได้เตรียมเอาไว้ในคืนวันเข้าหอ
สาเหตุมาจากเรื่องส่วนตัวของหลางที่เขารู้สึกว่าห้องมันเล็กคับแคบจนเกินไปบวกกับเขาเองก็แอบสงสัยว่าเหตุการณ์เมื่อวันนั้นอาจเป็นแผนของทางครอบครัวมาซาเอลที่ต้องการ 'สลับตัวลูก' หากเป็นเช่นนั้นจริงการที่ต้องอยู่ในที่แห่งนั้นก็เหมือนกับหลางตกอยู่ในกำมือของทางครอบครัวมาซาเอลทำอะไรๆ ก็ต้องยอมคนฝ่ายนั้นไปหมด พอนึกถึงเรื่องวันนั้นเขาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย วันนี้เอกสารทะเบียนสมรสและนายอำเภอทุกเชิญมายังบ้านและพวกเขาทั้งสองก็จดทะเบียนกันในช่วงบ่าย
'อาลินต้องอยู่ที่นี้' สิ่งที่หลางไม่อยากให้เป็นแต่ก็เลี่ยงไม่ได้
อย่างน้อยๆ โชคชะตาก็ยังเข้าข้างเขาบ้างที่พ่อเองก็ไม่ได้ยินดีกับลูกสะใภ้คนนี้สักเท่าไหร่ จะมีพ่อแม่ที่ไหนบ้างที่จะยิ้มรับยินดีกับโอเมก้าชั้นต่ำที่ไม่ได้ถูกเลือก ในสายตาพ่อของหลางก็คิดไม่ต่างจากลูกชาย.....ที่อาลินเป็นเด็กที่หวังทรัพย์สมบัติจากครอบครัวของเขาและทำตัวราวกับนางมารร้ายที่คิดจะแย่งสามีของน้องสาวตัวเองเพราะความคิดของพ่อรู้คู่ดีที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีเลยเริ่มแผนการกลั่นแกล้งอาลินขึ้นในวันเดียวกันนั้นเอง โดยการไล่แม่บ้านพ่อบ้านราวสี่ถึงห้าคนออกไปทั้งหมดเพื่อให้อาลินทำงานบ้านทั้งหมดเพียงคนเดียว
เวลา 17.32 น.
กระดาษเอสี่แผ่นหนึ่งถูกเขียนด้วยปากกาสีดำเนื้อหาประมาณว่า
" ที่นี้ไม่มีแม่บ้านหรือพ่อบ้านเพราะป่วยกันหมด บ้างก็ลาออกไปแล้ว "
แม่บ้านหลายคนป่วยพร้อมๆ กันอย่างน่าสงสัยถ้าแม่บ้านป่วยจริงๆ อาลินก็ภาวนาให้หายไวๆ แต่ถ้าโดนไล่ออกเพื่อจะกลั่นแกล้งให้ทำงานบ้านทุกวันก็สงสารแม่บ้านกลัวว่าจะมีปัญหาเรื่องการเงินเพราะสังคมของคนรวยล้นฟ้ากับคนหาเช้ากินค่ำอย่างพวกเขามันมีความดิ้นรนเอาชีวิตรอดต่างกัน การใช้ชีวิตต่างกันและการเห็นคุณค่าทางการเงินก็ต่างกันด้วย จะอย่างไรก็แล้วแต่ อาลินก็ต้องมาเป็นแม่บ้านจำเป็นที่ต้องทำงานบ้านเป็นกองภูเขาเหล่ากาโดยที่ไม่ได้เงินสักบาท หนึ่งในงานบ้านเหล่านั้นก็คือ การทำอาหารเย็นให้คุณๆ ทั้งหลาย "เครือหยงไช้” สาเหตุที่ปวดหัวก็คือความเรื่องมากในการเลือกอาหารการกินของพวกเขา....
“นี่....คืออะไร อาหารที่ดูบ้านๆ เนี่ย?”
หลางเอ่ยขึ้น พลางมองไปยังอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วค่อยๆ หยิบช้อนเข้ามาเขี่ยมันไปมา อาลินที่มองอยู่ก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีกับพฤติกรรมของหลางเท่าไหร่ โดยเฉพาะคำพูดของหลางที่พูดออกมาโดยไม่เกรงใจเขาที่อุตส่าห์ตั้งใจทำอาหารนี้ออกมา อาลินก็พยายามใจเย็นแล้วค่อยๆ เดินไปหาพ่อสามีที่นั่งตรงอีกฝั่งของโต๊ะอาหาร และเอ่ยตอบหลางด้วยน้ำเสียงเรียบ
“ข้าวต้มหมูทรงเครื่องครับ” อาลินพูดพลาง ตักข้าวต้มใส่ชามที่ว่างวางอยู่บนโต๊ะให้คุณพ่อของสามีและไปนั่งตรงที่เขาจัดเอาไว้สำหรับตัวเขาเองซึ่งเป็นโซนข้างๆกับหลางผู้เป็นสามี คนตัวเล็กตักอาหารเข้าปากไปเพียงแค่หนึ่งคำก็ต้องหยุดชะงัก เมื่ออีกฝ่ายพูดตอบมาด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวแกมตะคอก
“ฉันไม่อยากกิน แล้วใครสั่งให้นายมานั่งกินอาหารร่วมโต๊ะกับฉันห้ะ!!" หลางยกถ้วยข้าวต้มของตัวเองแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมเดินตรงไปยังถังขยะที่อยู่ตรงปากทางเข้าห้องครัวและเทมันลงไปอย่างไม่ไยดี อาลินถึงกับอึ้งกับการกระทำของเขา
“นี่สินะการกระทำของคนรวย” อาลินได้แต่คิด ไม่ได้พูดออกไป อีกฝ่ายยังไม่ชิมอาหารที่เขาทำด้วยซ้ำ แต่หลางกลับปฏิเสธมันเพียงเพราะว่าอาหารมันดูไม่พิเศษและดูบ้านๆ เกินไป
ร่างบางได้แต่ยืนมองอาหารที่เขาทำโดนเทลงไปในทั้งขยะช้าๆ อาลินนึกขึ้นได้ว่าอย่างน้อยก็มีญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งร่วมโต๊ะอาหารด้วย เขาจึงส่งสายตาไปมองยังพ่อสามีที่นั่งอยู่ ฝ่ายพ่อสามีทำเพิกเฉยกับกิริยาท่าทางของลูกชายตนแล้วเดินจากไปจากห้องนั้นอีกคนโดยไม่ได้แตะต้องข้าวต้มในส่วนของเขาเช่นกัน ทำให้อาหารที่อาลินทำในมื้อนี้ก็ต้องเป็นหม้ายเย็นชืดไปชามหนึ่งกับโดนเททิ้งไปอีกชามหนึ่ง
หลายวันต่อมา
เวลา 04.45 น.
บิดาของหลางจู่ๆ ก็มีอาการอาหารเป็นพิษ เขาตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ทั้งมีอาการอาเจียนและมีอาการท้องเสียอยู่เป็นช่วงๆ อาลินเห็นอาการของชายสูงวัยมาตั้งแต่ตีสามกว่าๆ แล้วจึงคอยมาดูอาการของเขาสาเหตุที่อาลินคิดว่าเป็นลักษณะของอาหารเป็นพิษเพราะว่าสังเกตจากอาการที่ชายสูงวัยเป็นกับระยะนี้เขาต้องไปงานสังคมค่อนข้างบ่อย งานปาร์ตี้บ้าง งานสัมมนาต่างจังหวัดบ้าง คงจะกินอาหารที่ไม่ถูกปากหรือไม่คุ้นชินในอาหารบางประเภทเลยมาลงเอยเป็นแบบนี้
"คุณลุงเป็นอะไรไหมครับ" เด็กน้อยมัธยมปลายเอ่ยถามพ่อของสามีที่หน้าซีดไร้เรี่ยวแรง
"...."
ไร้เสียงตอบรับจากอีกฝ่าย
อาลินได้แต่พยักหน้าและยิ้มน้อยๆ ให้อีกฝ่าย เขาไม่โกรธกับกิริยาท่าทางของพ่อลูกตระกูลนี้เลยอาลินเข้าใจดีว่าเรื่องที่เขาทำมันหนักเกินกว่าที่ใครจะทำดีด้วยและเขาหวังว่าสองปีต่อจากนี้คงจะได้รับการให้อภัย คนตัวเล็กค่อยๆ พยุงชายสูงวัยจากห้องน้ำหรูเนื่องจากห้องของชายสูงวัยนั้นอยู่ข้างล่างของตัวบ้าน เวลาจะเข้าห้องน้ำแต่ละครั้งก็ต้องเข้าห้องน้ำตรงส่วนกลางที่ใกล้กับห้องของอาลิน เขาจึงได้รับรู้ว่าชายสูงวัยกำลังประสบกับปัญหาและทำการให้ความช่วยเหลือ
"ดื่มน้ำเกลือแร่สักหน่อยนะครับ"
ชายสูงวัยรับน้ำสีส้มในแก้วใสไปดื่มช้าๆ อาลินที่นั่งลงข้างๆ ก็คอยพัดให้เป็นระยะๆ ให้ฝ่ายพ่อสามีให้เขาเย็นขึ้นคล้ายร้อนลงบ้าง เมื่อเขาได้ดื่มน้ำจนหมดแก้วเขาก็ไม่ได้เดินไปเข้าห้องน้ำเพิ่มอีก ร่างบางเลยเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่อาการจะหายขาดจึงได้รินน้ำเหลือแร่ให้อีกครึ่งแก้วและพยุงพาชายสูงวัยไปนอนพักเอาแรงต่อยังห้องนอนของชายสูงวัยโดยมีชายสูงวัยแอบมองด้วยตาที่ใกล้ปิดด้วยสายตาบางอย่างที่ยากจะขาดเดาว่าเขารู้สึกเช่นไรในยามนี้
เวลา 09.20 น.
'ก๊อก'
'ก๊อก'
'ก๊อก'
เสียงอาลินเคาะประตูห้องของพ่อสามีอย่างเป็นจังหวะสามครั้ง เมื่อไม่มีการตอบรับจึงเปิดเข้าไปในห้องเพราะกลัวว่าเขาจะมีอาการที่แย่ลงหรือมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น
“คุณลุงครับ อาการอาหารเป็นพิษเป็นอย่างไรบ้างครับ?” อาลินเอ่ยถามชายสูงวัยด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้ชายสูงวัยตื่นจากการหลับเมื่อตอนราวตีห้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใบหน้าของเขาดูแจ่มใสขึ้นมาบ้างแต่ก็ไม่ได้ดีราวกับหายป่วย อาลินจึงหยิบข้าวต้มซึ่งเป็นเมนูที่เขาเคยทำเมื่อหลายมาก่อนมาลงมือทำใหม่อีกครั้งเพราะเมนูนี้คงเหมาะกับคนป่วยเป็นที่สุด
แน่นอนว่าฝ่ายของชายสูงวัยก็ไม่ได้พูดคุยหรือตอบคำถามแต่อย่างใด ร่างบางจึงแค่จัดโต๊ะอาหารไว้ข้างเตียงของคนสูงวัยพร้อมกับนำน้ำเกลือแร่หนึ่งแก้วและเหยือกน้ำเปล่าสะอาดมาวางไว้บนโต๊ะ
"ถ้ารับประทานเสร็จคุณลุงพักอีกสักหน่อยนะครับ" อาลินพูดกับชายสูงวัยแล้วยิ้มให้อย่างสดใส ร่างบางไม่อยากรบกวนอีกฝ่ายไปมากกว่านี้กลัวว่าถ้าทำตัวใกล้ชิด ตีสนิทมากๆ พ่อของสามีจะไม่ยอมรับความหวังดีที่ตนมอบให้ เมื่ออาลินพูดจบเขาจึงรีบออกจากห้องแล้วเดินออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วไปทำงานบ้านงานเรือนที่มีมากมายก่ายกองต่อ แต่ก่อนที่ร่างบางจะปิดประตูลงเขาก็ได้เห็นชายสูงวัยได้ตักอาหารบนโต๊ะใส่ปากอย่างช้าๆ
...................................................................................................
"เดี๋ยว"
เสียงปริศนาเอ่ยขึ้นจากบันไดทางขึ้นของบ้าน อาลินที่กำลังยกผ้าหมายจะไปซักตากก็หันมาตามเสียงนั้นก่อนจะทราบว่าเจ้าของเสียงคือ 'หลาง' ที่หัวฟูเพราะพึ่งตื่น
"ก่อนจะซักผ้า นายมาทำอาหารเช้าให้ฉันกินก่อน" เขาพูดพร้อมจัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทางแล้วเดินนำตรงไปยังห้องอาหารที่อยู่ฝั่งซ้ายมือของอาลินในตอนนี้
อาลินได้แต่ทำหน้างงๆ เขาไม่ได้ทำอาหารให้หลางและพ่อของหลางมาตั้งแต่ที่พวกเขาเลือกที่จะไม่ยอมกินมัน แต่ต้องทำให้พ่อของหลางกินในวันนี้เพราะเขาป่วยอย่างหนักแต่กับหลางที่เทอาหารของเขาคราวก่อนทำไมจู่ๆ ถึงอยากกินขึ้นมา? หรือว่าวันนี้เขาจะแกล้งอะไรอาลินอีกกัน
“เช้านี้ข้าวต้มหมูนะครับ คุณจะลองชิมก่อนมั้ยครับ เผื่อว่าจะอยากให้ปรุงแต่งอะไรเพิ่มเติม” ร่างบางถามอีกฝ่ายพร้อมกับยื่นข้าวต้มร้อนๆ ที่พึ่งทำเมื่อครู่วางไว้บนโต๊ะ หลางมองอาลินด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
"นายทำเป็นแต่ข้าวต้มหมูหรือยังไง?" หลางถามด้วยเสียงห้วนคราวก่อนคนตรงหน้าก็ทำข้าวต้มหมูมา คราวนี้ยังจะทำข้าวต้มหมูอีก หลางรู้สึกไม่ชอบใจนักที่คนตรงหน้าช่างไม่มีความเป็นแม่ศรีเรือนที่ดีเหมือนอย่างจามิทร์ที่ทำอาหารได้อร่อยเสียเลย
“แล้วคุณอยากกินอะไร” ร่างบางเอ่ยถามกลับไปยังอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเจ็บปวดนิดๆ ในใจ เขาทำอาหารเป็นทุกอย่างไม่ใช่ทำอาหารเป็นแต่ข้าวต้มหมูเสียหน่อย อาลินแอบรู้สึกน้อยใจที่ถูกดูถูกจากคนตรงหน้า หลางไม่รู้เลยว่าข้าวต้มหมูที่เขาทำวันนี้มันเป็นเพราะพ่อของหลางป่วยต้องกินอาหารอ่อนๆ ที่ย่อยง่ายมันก็เท่านั้นเอง
“อยากกินอู กราแตง มันฝรั่งกับขนมปังกระเทียมชีส” หลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แล้วค่อยๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น เขาทำเหมือนกับว่าวาจาดูถูกอันหยาบคายที่เอ่ยออกมาเมื่อตะกี้ไม่เคยเกิดขึ้น อาลินก็มองด้วยแววตาตัวพ้อ
“…….” อาลินเงียบไม่ตอบอีกฝ่าย เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนอีก คนบ้าอะไรกินอาหารเลี่ยนๆ เป็นอาหารเช้า อู กราแตงเป็นอาหารที่จะนำของบางอย่างมาอบด้วยชีสโดยทั่วไปจะอบด้วยมันฝรั่งบ้าง มักกะโรนีบ้าง ผักโขมบ้าง แล้วแต่ผู้กินว่าอยากกินแบบไหน แค่นึกว่าตัวเองต้องกิน ก็ไม่อยากกินเป็นอาหารเช้าในฐานะที่อยู่ในเมืองไทยที่อากาศร้อนๆ แล้วล่ะถ้าเป็นคนฝรั่งเอาไว้กินช่วงหน้าหนาวเพื่อจะได้ให้ไขมันเยอะๆ ไว้สร้างความอุ่นในร่างกายไม่ก็กินช่วงเย็นๆ ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก
“หึ....ที่เงียบคือไม่รู้จักสินะ งั้นนายก็โทรไปสั่งให้ฉันทีสิ สั่งจากภัตตาคารอาหารอิตาเลี่ยนเท่านั้นนะ แล้วก็ในฐานะที่นายเป็นลูกหนี้ก็จ่ายค่าอาหารให้ฉันด้วยสำหรับอาหารเช้านี้” หลางเอ่ย แล้วยิ้มเยาะสะใจ และมองดูถูกอีกฝ่ายอีกรอบ เขาช่างคิดไม่ผิดเสียจริงว่าเด็กคนนี้ช่างไม่เหมาะสมจะเป็นภรรยาของเขาสักนิด
“ผมทำเป็นครับ ที่เงียบเพราะว่าแค่สงสัยว่าอาหารเช้าที่คุณจะกินเนี่ยมันเป็นอาหารอิตาเลี่ยน แล้วมันก็เลี่ยนจริงๆ ไม่เหมาะกันกินเป็นมื้อเช้าเท่าไหร่เลย” อาลินพูดพลางยิ้มให้อีกฝ่าย แบบแห้งๆ เพราะเขาเหนื่อยที่ต้องมาโดนอีกฝ่ายคอยดูถูกอย่างเต็มทนแล้ว หลางเมื่อได้รับการโต้ตอบจากคนตัวเล็กก็ได้แต่กลอกตามองบน เขาไม่ค่อยเชื่อหรอกว่าเด็กคนนี้ทำอาหารต่างชาติเป็นจริงๆ คงแค่พูดอวดดีเสียนี้กระมั้ง “ถ้าทำเป็นก็รีบๆ ทำซะสิ พูดมาก” หลางพูดแล้วกลับไปเล่นโทรศัพท์เมินคนตัวเล็กอีกหน
“ครับ”
...................................................................................................
ไม่นานหลังจากนั้น
อาลินก็ไปเดินเข้าไปในครัวอีกครั้งแล้วจัดเตรียมของต่างๆ ที่เป็นส่วนประกอบในเมนูดังกล่าว อย่างตั้งใจ ก่อนจะค่อยๆ ทำอาหารอย่างประณีตจนเสร็จ อาหารหน้าตาออกมาสวยงามมากโดยใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง แล้วก็นำมาวางบนโต๊ะให้อีกฝ่ายที่นั่งกดโทรศัพท์อยู่ พอเขาเห็นอาหารก็รีบแสดงความคิดเห็นวิจารณ์ทันทีทันใด
“อืม หน้าตาอาหารก็งั้นๆ อะนะ” หลางพูดพลางค่อยๆ ตักมันเข้าปาก พอกินเข้าไปคำแรกเขาก็รู้สึกว่ามันอร่อยมาก มันรสชาติแปลกแบบมีเอกลักษณ์ แต่ก็มีเค้าโครงเดิมของรสชาติแบบอิตาเลี่ยนอยู่ ทำให้เขารู้สึกว่าอร่อยกว่าที่เคยกินจากที่อื่นๆ แต่ด้วยความหยิ่งยโสของเขาเอง เขาจึงตอบตรงข้ามกับใจของเขาออกไป
“หึ อาหารรสชาติบ้านๆ” อาลินพอได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกเสียใจมาก เขารู้สึกว่าควรตอบโต้อะไรบางอย่าง ที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเขาไม่ได้เสียใจในคำพูดของหลางที่ประสงค์ไม่ดีต่อเขา แต่ก็ต้องหยุดความคิดนั้นลงเมื่อได้เมื่อได้เห็นอีกฝ่าย...ที่ยิ้มระหว่างกินขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว หลางดูมีความสุขมากที่ได้กินอาหารที่เขาทำ เขากินโดยที่แทบไม่ได้ทำอะไรตอนกินด้วยซ้ำโทรศัพท์ที่เคยอยู่บนมือก็ถูกวางไว้บนโต๊ะอย่างไม่ไยดี หลางจดจ่อกับอาหารมากเกินกว่าที่เขาจะรู้ตัวเสียอีก
อาลินเมื่อเห็นแบบนั้นก็สบายใจขึ้นมาจึงเอ่ยกับหลางอีกครั้งหนึ่งเพื่อเป็นการแจ้งให้อีกฝ่ายทราบ
“งั้นผมขอตัวไปเก็บบ้านก่อนนะครับ” พูดจบอาลินก็รีบหันหลังให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินจากไปหมายจะไปเก็บจานอาหารที่ห้องของพ่อสามีโดยเขาแอบอมยิ้มเล็กในแก้มน้อยๆ ตอนเดินจากมาจากหลาง
วันจันทร์ เวลา 8.40 น.
(หนึ่งสัปดาห์หลังแต่งงาน)
"ตื่นได้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน" เสียงชายหนุ่มชาวจีนขยับปรับแต่งเสื้อเชิดสีกรมท่าของตนหลังจากอาบน้ำเสร็จหมาดๆ ตะโกนถามคนที่นอนขดอยู่บนเตียง เด็กหนุ่มตัวน้อยดึงผ้าห่มที่ปิดหน้าลงเผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดเซียวไร้รอยเลือดฝาดบนแก้มอย่างที่เคยเหมือนที่เคยเป็น เจ้าตัวกอดผ้าห่มแน่นแล้วค่อยๆ ตอบเสียงเบาที่แหบแห้งกลับมา
"ขอโทษครับ ผมลุกไม่ไหว" ความจริงอาลิกระอักกระอ่วนตื่นนานแล้ว นานมากพอที่จะได้ยินเสียงทำกิจวัตรต่างๆ ของชายตรงหน้าตั้งแต่ตื่นนอนจนอาบน้ำเสร็จ แต่คนตัวเล็กได้แต่นอนนิ่งตลอดเพราะเขาไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้เลย แค่เพียงหายใจเพียงเล็กน้อยก็ปวดรามไปทั่วตัวโดยเฉพาะจุดสงวนที่ผ่านศึกมาอย่างไม่หยุดพักในราตรีที่แล้ว
"อย่ามาโกหก" หลางตอบไปด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม แม้ว่าเขาจะรู้ว่าสิ่งที่คนตัวเล็กตรงหน้าเอ่ยอธิบายออกมามีส่วนที่เป็นความจริงอยู่บ้าง ยามที่เขามองไปยังร่างกายที่มีรอยกัดเลือดซิบและรอยจ้ำแดงหลายจุดบนเรือนร่างขาวซีดมันทำให้เขารู้ว่าเขาได้ทำอะไรลงไปบ้างกับเด็กชายคนนี้
สัญชาตญาณดิบเถื่อน ทั้งกัดไปที่ต้นคอและกัดไปยังจุดอื่นๆ หมายจะแสดงความเป็นเจ้าของในฐานะอัลฟ่าผู้เป็นนักล่าที่ขย้ำเหยื่อแบบโอเมก้า ไม่มีแม้แต่ความเป็นมนุษย์ในตัวเมื่อยามอัลฟ่าและโอเมก้าเกิดอาการลัทและอาการฮีทขึ้น
"ก็ผม..." อาลินกระอักกระอ่วนที่จะตอบอีกฝ่าย เขาพยายามลุกมานั่งตรงหัวเตียงอย่างยากลำบากหมายจะคุยกับอัลฟ่าหนุ่มที่ยืนกอดอกตรงหน้าเขา ทว่าฝ่ายนั้นก็เอาแต่ทำหน้าดุใส่ราวกับจะฆ่าจะแกงกันได้ทุกเมื่อแบบนั้น มีหรือที่เด็กมัธยมปลายตัวน้อยๆ จะกล้าต่อกร
"คือว่าผมไม่เค....."
"ไม่ต้องมาบอกว่ายังสดใหม่หรอก การที่นายมาปลอมตัวเป็นน้องสาวของตัวเองเพื่อนอนกับฉันถือว่าชั้นต่ำมาก คงเคยมานับไม่ถ้วนเลยหละสิ" ชายหนุ่มชาวจีนพูดขัดอาลินไม่ให้เขาพูดจบประโยค หลางพูดออกไปอย่างขวานผ่าซากเขารู้สึกผิดหวังไม่น้อย คนร่วมหลับนอนกับเขาเป็นเด็กชายที่เห็นแก่ตัวขี้อิจฉาคนหนึ่งและก็เป็นผู้ชายที่ไร้สง่าราศีแบบ 'อาลิน'
"อึก..." อาลินสะดุ้งเฮือก เขารู้สึกสะเทือนใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยบอกมา เจ้าตัวเหลือบบอกร่างกายที่ไร้อาภรณ์ของตนและลอบกลืนน้ำลายไปอึกหนึ่ง อาลินรู้ว่าเขาเป็นคนผิดเองที่ทำแบบนี้และเขายินดีทำใจยอมรับกับสิ่งที่ทำลงไปถึงแม้จะบอกไปว่าทางครอบครัวของเขารู้เห็นเป็นใจ ก็ไม่ได้ความว่าเขาจะกลายเป็นคนที่ดีในสายตาของหลาง อาลินจึงก้มหน้าเงียบไม่โต้ตอบอะไรกลับไปสักคำเดียว
ฝ่ายหลางที่สังเกตมองท่าทางของอีกฝ่ายมาตลอดก็เอาแต่หงุดหงิดกับการเมินเฉยของคนตัวเล็กเป็นอย่างมาก สำหรับหลางแล้วการที่อาลินทำแบบนี้เท่ากับว่าไม่สำนึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น.....ใช่สิ เด็กหนุ่มคนนี้ตกเป็นเมียของเขาแล้ว หมอนี่ก็เป็นหนูตกข้าวสารดีๆ นี้เอง เขาคิดพลางเดินอย่างเร็วหมายจะตรงไปหาอีกฝ่ายพลางแล้วกระชากอาลินลงจากเตียง
"รีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย วันนี้ฉันกับพ่อจะพานายไปหาครอบครัวของนาย เรามีเรื่องต้องตกลงกันใหม่"
สิ้นเสียงของหลาง หลางก็รีบเดินออกจากตรงนั้นตรงไปยังห้องรับแขกในคอนโดแทน ทิ้งให้คนตัวเล็กนอนคว่ำอยู่บนพื้นพร้อมเลือดที่เริ่มไหลออกมาจากช่องทางสีหวานเพราะแรงกระชากเมื่อครู่ทำให้แผลที่ฉีกขาดกว่าเดิมน้ำตาไหลรินจากแก้มช้าๆ ความเสียใจหลายอย่างทำให้อาลินกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้อีกต่อไป เจ้าตัวจึงร้องไห้พร้อมกับพยายามหอบหิ้วร่างกายไร้เรี่ยวแรงนั้นไปห้องอาบน้ำอย่างเร็วเท่าที่จะทำได้ เขาไม่อยากให้อีกฝ่าย 'โกรธ' ไปมากกว่านี้
...................................................................................................
ณ ภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง
ใจกลางเมืองกรุงเทพ
เวลา 15.20 น.
ข้อตกลงระหว่างครอบครัวมาซาเอลและเครือหยงไช้ต้องเปลี่ยนไปเล็กน้อย เรื่องของหนี้ที่จาคีฟก่อไว้ยังคงมีอยู่ ผลมาจากการที่จาคีฟสลับตัวของลูกในคืนวันเข้าหอ เดิมทีหลางนั้นอยากแต่งงานกับ 'จามินทร์' หากจาคีฟปล่อยให้ลูกสาวคนนี้มาแต่งงานหนี้ทั้งหมดก็จะหายไปทันที
แต่ทว่าเขากับส่งลูกเลี้ยงอย่าง 'อาลิน' ที่มีศักดิ์เป็นโอเมก้าเหมือนกันตามสัญญาในเอกสารที่ได้ตกลงเอาไว้ทำให้พ่อของหลางอนุโลมให้ลดหนี้ลงไปครึ่งหนึ่งเพราะเห็นว่าหลางได้หลับนอนกับอาลินไปแล้วรวมทั้งยังทำพันธสัญญาเป็นคู่ของกันและกัน หากวันดีคืนดีมีเด็กในท้องเกิดขึ้นมาก็ถือว่าเด็กคนนี้เป็นของหลานเขาและเป็นลูกของหลางจึงควรให้อาลินถือสถานะภรรยาแทนจามิทร์ไปก่อน หน้าที่หลักของอาลินคือต้องมีทายาทให้ได้เพื่อจะยกหนี้ให้ครึ่งหนึ่งตามสัญญาข้างต้น หากแต่เมื่ออาลินตายหรือมีปัญหาอะไรจนทำให้มีลูกไม่ได้ก็จะถือว่าทั้งหมดเป็นโมฆะสัญญาระหว่างอาลินกับหลางจะจบเร็วขึ้นไปอีกเมื่ออาลินตั้งท้องแล้วคลอดลูกออกมาก็จะให้จามินทร์แต่งงานทันที
หลางที่ได้ยินบิดาตัดสินใจไปแบบนั้นจึงไม่เห็นด้วยเลยทำให้เขาโวยวายขึ้นมาทันที หลางมิอาจยอมรับให้อาลินเป็นเมียของเขาเป็นอันขาด ถ้าอาลินท้องมันหมายความว่าเขาก็ต้องหลับนอนกับเด็กคนนั้นซึ่งไม่มีทางอีกเป็นครั้งที่สอง พฤติกรรมของหลางทำให้พ่อของเขาถึงกลับต้องนั่งนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อหาหนทางที่ยุติธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย ด้วยความที่พ่อของหลางเป็นคนตามใจหลางเป็นอย่างมากจึงยื่นข้อเสนอเพิ่มไปอีกว่าหากจามินทร์อายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์ซึ่งราวหนึ่งปีครึ่งถึงสองปีต่อจากนี้ให้อาลินเป็นภรรยาไปแทนแล้วจามินทร์ที่อายุครบกำหนดเวลาก็กลับมาแต่งงานกับหลางโดยทางครอบครัวจะให้เงินสินสอดอีกสิบล้านพร้อมยกหนี้อีกครึ่งหนึ่งให้โดยที่อาลินไม่ต้องท้องก็ได้แต่ขอให้อยู่ให้ครบสัญญาก็เป็นพอ
สิ้นเสียงของบิดาของหลางทุกคนก็เงียบตามไปหมดรวมทั้งหลางผู้เป็นลูกชายที่นั่งข้างๆ กับบิดา ใบหน้าของชายชาวจีนอ่อนวัยแสดงออกถึงความพอใจกับข้อเสนอนั้น อย่างน้อยๆ เขาก็จะได้แต่งงานกับเธอเพียงแค่รอเวลา ฝ่ายอาลินก็เอาแต่ก้มหน้านิ่งเงียบไม่พูดจาใดๆ จาฟาร์ผู้เป็นพี่ชายก็ค่อยๆ กุมมือน้อยๆ ที่ซีดเซียวนั้นเอาไว้
จาฟาร์รู้ดีว่าอาลินเป็นเด็กชายที่อ่อนโยน ไม่สู้คน เพราะเขาเป็นแบบนี้เอาแต่ยอมรับกลัวคนอื่นต้องลำบากตัวเองจะเป็นอย่างไรก็ช่าง จาฟาร์รู้สึกว่าความเป็นอาลินในสายตาของคนอื่นไม่ได้คิดในสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นฮีโร่ที่คอยปกป้องคนอื่นหรือเป็นคนดีแสนดีน่ายกย่อง เขาเพียงเป็นคนที่โง่คนหนึ่งที่ใครๆ ก็อยากหลอกใช้ สักพักหนึ่งเสียงของจาคีฟผู้เป็นบิดาของอาลิน จาฟาร์และจามินทร์ก็เอ่ยขึ้น เขายอมรับข้อเสนอนั้นและขอให้อาลินและหลางจดทะเบียนสมรสกันให้เร็วที่สุด
วันอังคาร
เวลา 12.20 น.
หลางตื่นขึ้นมาในบ้านหลังใหญ่สุดหรูของเขาที่อยู่อาศัยร่วมกับบิดา เขาตัดสินใจที่จะไม่ไปอยู่คอนโดที่ทางครอบครัวมาซาเอลได้เตรียมเอาไว้ในคืนวันเข้าหอ
สาเหตุมาจากเรื่องส่วนตัวของหลางที่เขารู้สึกว่าห้องมันเล็กคับแคบจนเกินไปบวกกับเขาเองก็แอบสงสัยว่าเหตุการณ์เมื่อวันนั้นอาจเป็นแผนของทางครอบครัวมาซาเอลที่ต้องการ 'สลับตัวลูก' หากเป็นเช่นนั้นจริงการที่ต้องอยู่ในที่แห่งนั้นก็เหมือนกับหลางตกอยู่ในกำมือของทางครอบครัวมาซาเอลทำอะไรๆ ก็ต้องยอมคนฝ่ายนั้นไปหมด พอนึกถึงเรื่องวันนั้นเขาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย วันนี้เอกสารทะเบียนสมรสและนายอำเภอทุกเชิญมายังบ้านและพวกเขาทั้งสองก็จดทะเบียนกันในช่วงบ่าย
'อาลินต้องอยู่ที่นี้' สิ่งที่หลางไม่อยากให้เป็นแต่ก็เลี่ยงไม่ได้
อย่างน้อยๆ โชคชะตาก็ยังเข้าข้างเขาบ้างที่พ่อเองก็ไม่ได้ยินดีกับลูกสะใภ้คนนี้สักเท่าไหร่ จะมีพ่อแม่ที่ไหนบ้างที่จะยิ้มรับยินดีกับโอเมก้าชั้นต่ำที่ไม่ได้ถูกเลือก ในสายตาพ่อของหลางก็คิดไม่ต่างจากลูกชาย.....ที่อาลินเป็นเด็กที่หวังทรัพย์สมบัติจากครอบครัวของเขาและทำตัวราวกับนางมารร้ายที่คิดจะแย่งสามีของน้องสาวตัวเองเพราะความคิดของพ่อรู้คู่ดีที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีเลยเริ่มแผนการกลั่นแกล้งอาลินขึ้นในวันเดียวกันนั้นเอง โดยการไล่แม่บ้านพ่อบ้านราวสี่ถึงห้าคนออกไปทั้งหมดเพื่อให้อาลินทำงานบ้านทั้งหมดเพียงคนเดียว
เวลา 17.32 น.
กระดาษเอสี่แผ่นหนึ่งถูกเขียนด้วยปากกาสีดำเนื้อหาประมาณว่า
" ที่นี้ไม่มีแม่บ้านหรือพ่อบ้านเพราะป่วยกันหมด บ้างก็ลาออกไปแล้ว "
แม่บ้านหลายคนป่วยพร้อมๆ กันอย่างน่าสงสัยถ้าแม่บ้านป่วยจริงๆ อาลินก็ภาวนาให้หายไวๆ แต่ถ้าโดนไล่ออกเพื่อจะกลั่นแกล้งให้ทำงานบ้านทุกวันก็สงสารแม่บ้านกลัวว่าจะมีปัญหาเรื่องการเงินเพราะสังคมของคนรวยล้นฟ้ากับคนหาเช้ากินค่ำอย่างพวกเขามันมีความดิ้นรนเอาชีวิตรอดต่างกัน การใช้ชีวิตต่างกันและการเห็นคุณค่าทางการเงินก็ต่างกันด้วย จะอย่างไรก็แล้วแต่ อาลินก็ต้องมาเป็นแม่บ้านจำเป็นที่ต้องทำงานบ้านเป็นกองภูเขาเหล่ากาโดยที่ไม่ได้เงินสักบาท หนึ่งในงานบ้านเหล่านั้นก็คือ การทำอาหารเย็นให้คุณๆ ทั้งหลาย "เครือหยงไช้” สาเหตุที่ปวดหัวก็คือความเรื่องมากในการเลือกอาหารการกินของพวกเขา....
“นี่....คืออะไร อาหารที่ดูบ้านๆ เนี่ย?”
หลางเอ่ยขึ้น พลางมองไปยังอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วค่อยๆ หยิบช้อนเข้ามาเขี่ยมันไปมา อาลินที่มองอยู่ก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีกับพฤติกรรมของหลางเท่าไหร่ โดยเฉพาะคำพูดของหลางที่พูดออกมาโดยไม่เกรงใจเขาที่อุตส่าห์ตั้งใจทำอาหารนี้ออกมา อาลินก็พยายามใจเย็นแล้วค่อยๆ เดินไปหาพ่อสามีที่นั่งตรงอีกฝั่งของโต๊ะอาหาร และเอ่ยตอบหลางด้วยน้ำเสียงเรียบ
“ข้าวต้มหมูทรงเครื่องครับ” อาลินพูดพลาง ตักข้าวต้มใส่ชามที่ว่างวางอยู่บนโต๊ะให้คุณพ่อของสามีและไปนั่งตรงที่เขาจัดเอาไว้สำหรับตัวเขาเองซึ่งเป็นโซนข้างๆกับหลางผู้เป็นสามี คนตัวเล็กตักอาหารเข้าปากไปเพียงแค่หนึ่งคำก็ต้องหยุดชะงัก เมื่ออีกฝ่ายพูดตอบมาด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวแกมตะคอก
“ฉันไม่อยากกิน แล้วใครสั่งให้นายมานั่งกินอาหารร่วมโต๊ะกับฉันห้ะ!!" หลางยกถ้วยข้าวต้มของตัวเองแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมเดินตรงไปยังถังขยะที่อยู่ตรงปากทางเข้าห้องครัวและเทมันลงไปอย่างไม่ไยดี อาลินถึงกับอึ้งกับการกระทำของเขา
“นี่สินะการกระทำของคนรวย” อาลินได้แต่คิด ไม่ได้พูดออกไป อีกฝ่ายยังไม่ชิมอาหารที่เขาทำด้วยซ้ำ แต่หลางกลับปฏิเสธมันเพียงเพราะว่าอาหารมันดูไม่พิเศษและดูบ้านๆ เกินไป
ร่างบางได้แต่ยืนมองอาหารที่เขาทำโดนเทลงไปในทั้งขยะช้าๆ อาลินนึกขึ้นได้ว่าอย่างน้อยก็มีญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งร่วมโต๊ะอาหารด้วย เขาจึงส่งสายตาไปมองยังพ่อสามีที่นั่งอยู่ ฝ่ายพ่อสามีทำเพิกเฉยกับกิริยาท่าทางของลูกชายตนแล้วเดินจากไปจากห้องนั้นอีกคนโดยไม่ได้แตะต้องข้าวต้มในส่วนของเขาเช่นกัน ทำให้อาหารที่อาลินทำในมื้อนี้ก็ต้องเป็นหม้ายเย็นชืดไปชามหนึ่งกับโดนเททิ้งไปอีกชามหนึ่ง
หลายวันต่อมา
เวลา 04.45 น.
บิดาของหลางจู่ๆ ก็มีอาการอาหารเป็นพิษ เขาตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ทั้งมีอาการอาเจียนและมีอาการท้องเสียอยู่เป็นช่วงๆ อาลินเห็นอาการของชายสูงวัยมาตั้งแต่ตีสามกว่าๆ แล้วจึงคอยมาดูอาการของเขาสาเหตุที่อาลินคิดว่าเป็นลักษณะของอาหารเป็นพิษเพราะว่าสังเกตจากอาการที่ชายสูงวัยเป็นกับระยะนี้เขาต้องไปงานสังคมค่อนข้างบ่อย งานปาร์ตี้บ้าง งานสัมมนาต่างจังหวัดบ้าง คงจะกินอาหารที่ไม่ถูกปากหรือไม่คุ้นชินในอาหารบางประเภทเลยมาลงเอยเป็นแบบนี้
"คุณลุงเป็นอะไรไหมครับ" เด็กน้อยมัธยมปลายเอ่ยถามพ่อของสามีที่หน้าซีดไร้เรี่ยวแรง
"...."
ไร้เสียงตอบรับจากอีกฝ่าย
อาลินได้แต่พยักหน้าและยิ้มน้อยๆ ให้อีกฝ่าย เขาไม่โกรธกับกิริยาท่าทางของพ่อลูกตระกูลนี้เลยอาลินเข้าใจดีว่าเรื่องที่เขาทำมันหนักเกินกว่าที่ใครจะทำดีด้วยและเขาหวังว่าสองปีต่อจากนี้คงจะได้รับการให้อภัย คนตัวเล็กค่อยๆ พยุงชายสูงวัยจากห้องน้ำหรูเนื่องจากห้องของชายสูงวัยนั้นอยู่ข้างล่างของตัวบ้าน เวลาจะเข้าห้องน้ำแต่ละครั้งก็ต้องเข้าห้องน้ำตรงส่วนกลางที่ใกล้กับห้องของอาลิน เขาจึงได้รับรู้ว่าชายสูงวัยกำลังประสบกับปัญหาและทำการให้ความช่วยเหลือ
"ดื่มน้ำเกลือแร่สักหน่อยนะครับ"
ชายสูงวัยรับน้ำสีส้มในแก้วใสไปดื่มช้าๆ อาลินที่นั่งลงข้างๆ ก็คอยพัดให้เป็นระยะๆ ให้ฝ่ายพ่อสามีให้เขาเย็นขึ้นคล้ายร้อนลงบ้าง เมื่อเขาได้ดื่มน้ำจนหมดแก้วเขาก็ไม่ได้เดินไปเข้าห้องน้ำเพิ่มอีก ร่างบางเลยเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่อาการจะหายขาดจึงได้รินน้ำเหลือแร่ให้อีกครึ่งแก้วและพยุงพาชายสูงวัยไปนอนพักเอาแรงต่อยังห้องนอนของชายสูงวัยโดยมีชายสูงวัยแอบมองด้วยตาที่ใกล้ปิดด้วยสายตาบางอย่างที่ยากจะขาดเดาว่าเขารู้สึกเช่นไรในยามนี้
เวลา 09.20 น.
'ก๊อก'
'ก๊อก'
'ก๊อก'
เสียงอาลินเคาะประตูห้องของพ่อสามีอย่างเป็นจังหวะสามครั้ง เมื่อไม่มีการตอบรับจึงเปิดเข้าไปในห้องเพราะกลัวว่าเขาจะมีอาการที่แย่ลงหรือมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น
“คุณลุงครับ อาการอาหารเป็นพิษเป็นอย่างไรบ้างครับ?” อาลินเอ่ยถามชายสูงวัยด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้ชายสูงวัยตื่นจากการหลับเมื่อตอนราวตีห้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใบหน้าของเขาดูแจ่มใสขึ้นมาบ้างแต่ก็ไม่ได้ดีราวกับหายป่วย อาลินจึงหยิบข้าวต้มซึ่งเป็นเมนูที่เขาเคยทำเมื่อหลายมาก่อนมาลงมือทำใหม่อีกครั้งเพราะเมนูนี้คงเหมาะกับคนป่วยเป็นที่สุด
แน่นอนว่าฝ่ายของชายสูงวัยก็ไม่ได้พูดคุยหรือตอบคำถามแต่อย่างใด ร่างบางจึงแค่จัดโต๊ะอาหารไว้ข้างเตียงของคนสูงวัยพร้อมกับนำน้ำเกลือแร่หนึ่งแก้วและเหยือกน้ำเปล่าสะอาดมาวางไว้บนโต๊ะ
"ถ้ารับประทานเสร็จคุณลุงพักอีกสักหน่อยนะครับ" อาลินพูดกับชายสูงวัยแล้วยิ้มให้อย่างสดใส ร่างบางไม่อยากรบกวนอีกฝ่ายไปมากกว่านี้กลัวว่าถ้าทำตัวใกล้ชิด ตีสนิทมากๆ พ่อของสามีจะไม่ยอมรับความหวังดีที่ตนมอบให้ เมื่ออาลินพูดจบเขาจึงรีบออกจากห้องแล้วเดินออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วไปทำงานบ้านงานเรือนที่มีมากมายก่ายกองต่อ แต่ก่อนที่ร่างบางจะปิดประตูลงเขาก็ได้เห็นชายสูงวัยได้ตักอาหารบนโต๊ะใส่ปากอย่างช้าๆ
...................................................................................................
"เดี๋ยว"
เสียงปริศนาเอ่ยขึ้นจากบันไดทางขึ้นของบ้าน อาลินที่กำลังยกผ้าหมายจะไปซักตากก็หันมาตามเสียงนั้นก่อนจะทราบว่าเจ้าของเสียงคือ 'หลาง' ที่หัวฟูเพราะพึ่งตื่น
"ก่อนจะซักผ้า นายมาทำอาหารเช้าให้ฉันกินก่อน" เขาพูดพร้อมจัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทางแล้วเดินนำตรงไปยังห้องอาหารที่อยู่ฝั่งซ้ายมือของอาลินในตอนนี้
อาลินได้แต่ทำหน้างงๆ เขาไม่ได้ทำอาหารให้หลางและพ่อของหลางมาตั้งแต่ที่พวกเขาเลือกที่จะไม่ยอมกินมัน แต่ต้องทำให้พ่อของหลางกินในวันนี้เพราะเขาป่วยอย่างหนักแต่กับหลางที่เทอาหารของเขาคราวก่อนทำไมจู่ๆ ถึงอยากกินขึ้นมา? หรือว่าวันนี้เขาจะแกล้งอะไรอาลินอีกกัน
“เช้านี้ข้าวต้มหมูนะครับ คุณจะลองชิมก่อนมั้ยครับ เผื่อว่าจะอยากให้ปรุงแต่งอะไรเพิ่มเติม” ร่างบางถามอีกฝ่ายพร้อมกับยื่นข้าวต้มร้อนๆ ที่พึ่งทำเมื่อครู่วางไว้บนโต๊ะ หลางมองอาลินด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
"นายทำเป็นแต่ข้าวต้มหมูหรือยังไง?" หลางถามด้วยเสียงห้วนคราวก่อนคนตรงหน้าก็ทำข้าวต้มหมูมา คราวนี้ยังจะทำข้าวต้มหมูอีก หลางรู้สึกไม่ชอบใจนักที่คนตรงหน้าช่างไม่มีความเป็นแม่ศรีเรือนที่ดีเหมือนอย่างจามิทร์ที่ทำอาหารได้อร่อยเสียเลย
“แล้วคุณอยากกินอะไร” ร่างบางเอ่ยถามกลับไปยังอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเจ็บปวดนิดๆ ในใจ เขาทำอาหารเป็นทุกอย่างไม่ใช่ทำอาหารเป็นแต่ข้าวต้มหมูเสียหน่อย อาลินแอบรู้สึกน้อยใจที่ถูกดูถูกจากคนตรงหน้า หลางไม่รู้เลยว่าข้าวต้มหมูที่เขาทำวันนี้มันเป็นเพราะพ่อของหลางป่วยต้องกินอาหารอ่อนๆ ที่ย่อยง่ายมันก็เท่านั้นเอง
“อยากกินอู กราแตง มันฝรั่งกับขนมปังกระเทียมชีส” หลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แล้วค่อยๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น เขาทำเหมือนกับว่าวาจาดูถูกอันหยาบคายที่เอ่ยออกมาเมื่อตะกี้ไม่เคยเกิดขึ้น อาลินก็มองด้วยแววตาตัวพ้อ
“…….” อาลินเงียบไม่ตอบอีกฝ่าย เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนอีก คนบ้าอะไรกินอาหารเลี่ยนๆ เป็นอาหารเช้า อู กราแตงเป็นอาหารที่จะนำของบางอย่างมาอบด้วยชีสโดยทั่วไปจะอบด้วยมันฝรั่งบ้าง มักกะโรนีบ้าง ผักโขมบ้าง แล้วแต่ผู้กินว่าอยากกินแบบไหน แค่นึกว่าตัวเองต้องกิน ก็ไม่อยากกินเป็นอาหารเช้าในฐานะที่อยู่ในเมืองไทยที่อากาศร้อนๆ แล้วล่ะถ้าเป็นคนฝรั่งเอาไว้กินช่วงหน้าหนาวเพื่อจะได้ให้ไขมันเยอะๆ ไว้สร้างความอุ่นในร่างกายไม่ก็กินช่วงเย็นๆ ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก
“หึ....ที่เงียบคือไม่รู้จักสินะ งั้นนายก็โทรไปสั่งให้ฉันทีสิ สั่งจากภัตตาคารอาหารอิตาเลี่ยนเท่านั้นนะ แล้วก็ในฐานะที่นายเป็นลูกหนี้ก็จ่ายค่าอาหารให้ฉันด้วยสำหรับอาหารเช้านี้” หลางเอ่ย แล้วยิ้มเยาะสะใจ และมองดูถูกอีกฝ่ายอีกรอบ เขาช่างคิดไม่ผิดเสียจริงว่าเด็กคนนี้ช่างไม่เหมาะสมจะเป็นภรรยาของเขาสักนิด
“ผมทำเป็นครับ ที่เงียบเพราะว่าแค่สงสัยว่าอาหารเช้าที่คุณจะกินเนี่ยมันเป็นอาหารอิตาเลี่ยน แล้วมันก็เลี่ยนจริงๆ ไม่เหมาะกันกินเป็นมื้อเช้าเท่าไหร่เลย” อาลินพูดพลางยิ้มให้อีกฝ่าย แบบแห้งๆ เพราะเขาเหนื่อยที่ต้องมาโดนอีกฝ่ายคอยดูถูกอย่างเต็มทนแล้ว หลางเมื่อได้รับการโต้ตอบจากคนตัวเล็กก็ได้แต่กลอกตามองบน เขาไม่ค่อยเชื่อหรอกว่าเด็กคนนี้ทำอาหารต่างชาติเป็นจริงๆ คงแค่พูดอวดดีเสียนี้กระมั้ง “ถ้าทำเป็นก็รีบๆ ทำซะสิ พูดมาก” หลางพูดแล้วกลับไปเล่นโทรศัพท์เมินคนตัวเล็กอีกหน
“ครับ”
...................................................................................................
ไม่นานหลังจากนั้น
อาลินก็ไปเดินเข้าไปในครัวอีกครั้งแล้วจัดเตรียมของต่างๆ ที่เป็นส่วนประกอบในเมนูดังกล่าว อย่างตั้งใจ ก่อนจะค่อยๆ ทำอาหารอย่างประณีตจนเสร็จ อาหารหน้าตาออกมาสวยงามมากโดยใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง แล้วก็นำมาวางบนโต๊ะให้อีกฝ่ายที่นั่งกดโทรศัพท์อยู่ พอเขาเห็นอาหารก็รีบแสดงความคิดเห็นวิจารณ์ทันทีทันใด
“อืม หน้าตาอาหารก็งั้นๆ อะนะ” หลางพูดพลางค่อยๆ ตักมันเข้าปาก พอกินเข้าไปคำแรกเขาก็รู้สึกว่ามันอร่อยมาก มันรสชาติแปลกแบบมีเอกลักษณ์ แต่ก็มีเค้าโครงเดิมของรสชาติแบบอิตาเลี่ยนอยู่ ทำให้เขารู้สึกว่าอร่อยกว่าที่เคยกินจากที่อื่นๆ แต่ด้วยความหยิ่งยโสของเขาเอง เขาจึงตอบตรงข้ามกับใจของเขาออกไป
“หึ อาหารรสชาติบ้านๆ” อาลินพอได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกเสียใจมาก เขารู้สึกว่าควรตอบโต้อะไรบางอย่าง ที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเขาไม่ได้เสียใจในคำพูดของหลางที่ประสงค์ไม่ดีต่อเขา แต่ก็ต้องหยุดความคิดนั้นลงเมื่อได้เมื่อได้เห็นอีกฝ่าย...ที่ยิ้มระหว่างกินขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว หลางดูมีความสุขมากที่ได้กินอาหารที่เขาทำ เขากินโดยที่แทบไม่ได้ทำอะไรตอนกินด้วยซ้ำโทรศัพท์ที่เคยอยู่บนมือก็ถูกวางไว้บนโต๊ะอย่างไม่ไยดี หลางจดจ่อกับอาหารมากเกินกว่าที่เขาจะรู้ตัวเสียอีก
อาลินเมื่อเห็นแบบนั้นก็สบายใจขึ้นมาจึงเอ่ยกับหลางอีกครั้งหนึ่งเพื่อเป็นการแจ้งให้อีกฝ่ายทราบ
“งั้นผมขอตัวไปเก็บบ้านก่อนนะครับ” พูดจบอาลินก็รีบหันหลังให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินจากไปหมายจะไปเก็บจานอาหารที่ห้องของพ่อสามีโดยเขาแอบอมยิ้มเล็กในแก้มน้อยๆ ตอนเดินจากมาจากหลาง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ