ฮักเพียงเจ้าสุดหทัย (omegaverse)
เขียนโดย มิมาลินทร์
วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 11.34 น.
แก้ไขเมื่อ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563 20.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ผู้ไม่หวังดีและการตอบแทน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหนึ่งเดือนต่อมา
ต้นเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2XXX
วันศุกร์ เวลา 6.40 น.
อาลินเริ่มชินกับงานบ้านทั้งหมดแล้วเพราะเขาสามารถจัดเวลาและแบ่งงานออกเป็นส่วนๆ โดยแยกงานที่ทำคล้ายๆ กันมาทำพร้อมกัน เลยทำให้เสียเวลาไม่มากในการจัดการจนเสร็จทั้งหมดเขาได้รับหน้าที่จากบิดาสามีอย่างคุณลุง 'หมิง' ให้มาทำอาหารทุกๆ มื้อให้เครือหยงไช้เวลาอยู่บ้าน คล้ายกับว่าชายสูงวัยนั้นเริ่มจะเปิดใจให้เขาบ้างจากการที่ไม่พูดด้วยในช่วงแรกๆ พอเริ่มครบเดือนก็กลายเป็นเริ่มตอบในบางคำถามเพราะอาลินคอยดูแลคนป่วยอย่างคุณลุงหมิงตลอดหนึ่งเดือนเต็มนั้นเอง
น่าแปลกที่คุณลุงหมิงยังคงมีอาการอาหารเป็นพิษอยู่ช่วงๆ ในบางครั้งก็มีการปวดท้องและถ่ายเป็นเลือดตามมาด้วยโดยไม่มีทีท่าว่าอาการจะดีขึ้นเลยมีเพียงแค่บรรเทาชั่วคราว อาลินเลยคิดว่ายาสามัญคงไม่สามารถจะรักษาอาการได้อีกต่อไปจึงควรพาไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดจะดีกว่า เขาเคยตักเตือนพ่อสามีไปตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เขาป่วย แต่ทว่ากลับได้รับเพียงการเพิกเฉยในคำที่เขาพูดไป
"คุณลุงหมิงไปหาหมอดีไหมครับ" คนตัวเล็กตัดสินใจที่จะแนะนำชายสูงวัยไปอีกครั้งในรอบหนึ่งเดือน เขาทนไม่ได้จริงๆ ที่จะปล่อยให้ชายมีอายุแบบคนตรงหน้าต้องมาทนทุกข์ทรมานแบบนี้ต่อไป
"คงไม่เป็นอะไรหรอก มันเป็นบ่อยจนชินแล้ว หลางเองก็เคยบ่นๆ เรื่องนี้จนเลิกพูดไปแล้ว" ชายสูงวัยส่ายหัวพร้อมบอก
"อีกอย่างช่วงนี้ฉันไม่มีเวลาจะไปตรวจด้วย มีลูกค้ามาติดต่อธุรกิจต่างๆ เจ้าหลากระเป๋าก็พึ่งจะเรียนรู้งานผู้บริหารมาได้แค่สองปียังไม่รู้อะไรอีกเยอะมากอ่อนประสบการณ์ก็เยอะ ฉันก็เลยต้องคอยสอนงานไปก่อน" ลุงหมิงพูดอธิบายชี้แจ้งให้อาลินฟังต่อว่าทำไมเขาถึงไม่อยากไปพบแพทย์ในยามนี้ ลุงหมิงแค่คิดว่าการไปหาหมอจะไปหาเมื่อใดก็ย่อมได้แต่บริษัทเขาจะทิ้งไปในตอนนี้ยังไม่ได้
อาลินพยักหน้ารับเป็นเชิงว่าเขานั้นเข้าใจ บางครั้งคนมีธุรกิจใหญ่โตที่ต้องดูแลก็ต้องการที่จะอยู่ดูแลมันจนกว่าจะมีคนที่เขาไว้ใจสักคนหนึ่งให้สานมันต่อ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีคนตัวเล็กไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งอย่างน้อยๆ ก็อยากให้ร่างกายของชายสูงวัยแข็งแรงขึ้นบ้าง
"คุณลุงอยากออกไปสูดอากาศยามเช้าหน่อยไหมครับ ตลาดหน้าปากซอยอากาศร่มรื่นมาก" คนตัวเล็กพูดชักชวนชายสูงวัยให้ออกไปเดินขยับร่างกายในตอนเช้า ไหนๆ อาลินตั้งใจว่าจะไปซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารในวันนี้อยู่แล้ว ร่างบางเคยอ่านหนังสือจำพวกแพทย์ทางเลือกและสุขภาพมามากในช่วงสอบสุขศึกษาตอนมัธยมปลาย คงเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้นำความรู้เหล่านี้ออกมาใช้เสียบ้าง 'การออกกำลังกายคือยารักษาโรคภัยที่ดีอย่างหนึ่ง'
ชายสูงวัยทำท่าจะปฏิเสธอาลินแต่พอได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายที่เสียใจกับการกระทำของเขาอยู่ ด้วยความที่เห็นว่าเด็กชายคนนี้คอยดูแลเอาใจใส่อย่างไม่ขาดตกบกพร่องมาหนึ่งเดือนเพราะความจริงใจบวกกับปกติเองเขาก็เดินออกกำลังกายทุกวันแต่ไม่เคยไปไกลถึงตรงนั้นมาก่อน สุดท้ายเขาจึงเลือกที่จะเปลี่ยนใจตกลงไปด้วยกัน
ตลาดดังกล่าวนั้นตั้งอยู่บริเวณหน้าปากซอยบ้านที่ไม่ห่างจากบ้านของหลางมากนัก ในระหว่างทางนั้นเองก็มีรถคันหนึ่งที่ไม่มีป้ายทะเบียน ขับมาอย่างเร็วและแรงมาก ตรงมายังด้านหลังของลุงหมิงและอาลิน แต่โชคยังดีที่อาลินเดินใกล้เข้ามายังตลาดมากแล้ว จึงทำให้เหล่าป้าๆ ที่ขายของแถวนั้นตะโกนเตือนให้หลบกันได้ทันโดยคนที่จะโดนชนในตอนนั้นคือ 'ลุงหมิง' ด้วยความที่เป็นคนชอบห่วงคนอื่นอย่างอาลิน เขาจึงดึงตัวคุณลุงเข้ามาตรงบริเวณที่เขาอยู่ทำให้ชายสูงวัยพ้นจากรัศมีของรถส่วนอาลินได้รับบาดเจ็บแทนเพราะแรงกระแทกจากรถเฉี่ยวชนเล็กน้อย
อาลินนั้นเป็นที่รู้จักของคนขายของในตลาดเพราะเขาต้องมาซื้อของเข้าบ้านอยู่บ่อยๆ ทั้งมารยาทและการมีสัมมาคารวะของเขา ทำให้เป็นที่เอ็นดูแก่เหล่าคนในตลาดนั้นซึ่งการเตือนของคนในตลาดทำให้เขาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจากที่ตอนแรกมีโอกาสจะตายทั้งคู่
“เจ็บตรงไหมลูก” ป้าร้านขายผักถามอาลิน ป้าขายผักคนนี้อยู่ใกล้กับเหตุการณ์ที่สุด แล้วแกก็ตะโกนเตือนเสียงดังสุดๆ จนอาลินได้ยินเสียงชัดแจ๋ว รวมทั้งคนอื่นๆ ในตลาดก็เป็นห่วงเดินมาหาอาลินกันยกใหญ่ บางคนถึงกับหยิบขวดยาและขวดน้ำเตรียมมาด้วย
“ตะกี้ถ้าหลบไม่ทัน ถึงกับตายได้เลยนะ” เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งในตลาดคนหนึ่งเอ่ยขึ้น พออาลินได้ยินแบบนั้นก็ทำให้เขาแปลกใจครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบคำถามของคุณป้าที่ถามมา
“ข้อเท้าแพลงนิดหน่อยครับ ตะกี้หลบแต่มันโดนชนเฉียดๆ ขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับ” ร่างบางกล่าวขอบคุณ แล้วยกมือไหว้คนที่มาช่วยเขาบริเวณนั้น ฝ่ายชายสูงวัยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เพราะคนตัวเล็กช่วยเหลือก็เอาแต่เงียบไม่พูดอะไรเลยตลอดทางลึกๆ เขาแอบชื่นชมเด็กคนนี้ที่ช่วยเขาเอาไว้รวมทั้งอึ้งที่อาลินเป็นเด็กที่ดีจนคนในตลาดแถวนี้รักและเอ็นดูเขาไปเสียหมดทั้งๆ ที่มาอยู่เดือนเดียว
จากนั้นอาลินก็ซื้อของเข้าบ้านต่อด้วยการเดินแปลกๆ เพราะเจ็บข้อเท้าซึ่งลุงหมิกระเป๋าก็ไม่แล้งน้ำใจคอยพยุงช่วยเขาตลอดแม้ตนจะแก่อายุราวห้าสิบกลางๆ แล้วก็ตาม อย่างน้อยๆ อาลินก็ได้เห็นด้านดีของชายสูงวัยบ้าง ว่าแกอาจไม่ได้เกลียดเขามากเหมือนที่สามีของเขาเกลียด
คนในตลาดก็แถมของมาเพื่อเป็นการเยี่ยมคนป่วยไปในตัว ทำให้วันนี้เขาได้ของมามากมายกว่าครั้งไหนๆ พอมาถึงบ้านแล้ว อาลินก็เริ่มคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้
“ตะกี้ถ้าหลบไม่ทัน ถึงกับตายได้เลยนะ” คำพูดของคนในตลาดยังก้องอยู่ในหัวของเด็กหนุ่ม ถ้าคนที่ทำหวังแบบนั้นจริง แล้วเขาไปสร้างศัตรูเอาไว้ตอนไหนกันนะอาลินได้แต่รู้สึกกังวล แต่ก็ต้องรีบสลัดความคิดนี้ออกไปเพราะเขายังมีงานบ้านที่ต้องทำมากมายก่ายกอง
ลุงหมิรางๆ นอนพักผ่อนอยู่ภายในห้องของตนใบหน้าของเขาฉายแววความโกรธอยู่เล็กน้อย เขาไม่ชอบใจเลยที่จู่ๆ เพื่อนสนิทของเขาอย่างนายเกรียงไกรและลูกสาว จะแปรพักตร์กลายเป็นศัตรูแล้ววางแผนลอบทำร้ายเขาแบบนี้ เนื่องจากเมื่อสามเดือนก่อนเขาบอกขอถอนหมั้นระหว่างลูกชายของเขากับ 'เหม่ย' ลูกสาวคนเดียวของนายเกรียงไกรเพราะหลางมีรักแรกอย่างเด็กสาวจามิทร์ที่เคยเจอกันตอนเด็กอยู่ก่อนแล้ว เมื่อมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นในชีวิตของผู้เป็นพ่ออย่างหมิง เขาจึงอดไม่ได้เลยที่จะโทรไปบอกกล่าวแก่ลูกชายตัวแสบของเขาให้ทราบข่าวคราวทันที
"หลาง นี่พ่อเองนะลูก" ชายสูงวัยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรียกชื่อลูกชายตน
"ครับ มีอะไรหรอครับ วันนี้วันหยุดของคุณพ่อไม่ใช่หรอครับ" ชายหนุ่มชาวจีนเอ่ยขานรับพ่อของตนพร้อมถามคำถามด้วยความแปลกใจขึ้นมาทันใด
"วันนี้อาลินโดนรถชนเพราะช่วยชีวิตพ่อเอาไว้"
"ใคร ใครคิดจะทำร้ายคุณพ่อกัน!!" หลางตะโกนเสียงดัง เขารู้สึกตกใจมากที่ได้ยินแบบนั้นจากบิดา เขาแทบอยากจะกลับบ้านไปดูอาการของพ่อเสียเดี๋ยวนี้
"พ่อไม่รู้เพราะป้ายทะเบียนไม่มี แต่พ่อพอจะเดาได้อยู่ว่าเป็นใคร...ลูกต้องลองถามอาลินดูนะเพื่อน้องจะบอกลูกถึงรายละเอียดเพิ่มเติมได้" ใช่แล้วชายสูงวัยรู้ดีว่าเป็นใคร แต่เขาไม่มีหลักฐานมากพอที่จะเอาผิดกับคนร้ายหากไปปรักปรำจะกลายเป็นว่าเขาจะเป็นคนผิดแทน
บทสนทนาของพ่อลูกเงียบไปครู่หนึ่ง
แต่ทว่าจู่ๆ บิดาก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจังออกมา
"เออหลางแล้วก็อีกอย่าง พ่อมีเรื่องจะให้แกช่วย"
...................................................................................................
เมื่อถึงตอนเย็น หลางกลับมาบ้าน อาลินก็ได้เตรียมอาหารให้เขาไว้พร้อมแล้ว แต่หลางดูท่าทางแปลกๆ ใบหน้าของเขาดูวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด เขารีบเดินมาหาร่างบางทันทีเมื่อเขาได้ไปเช็คอาการของพ่อตนเองเสร็จแล้วจนแน่นอนว่าพ่อของเขานั้นปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์
“นายเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บมากไหม?” เขาพูดพลางเดินวนดูรอบตัวของร่างบางด้วยความเป็นห่วง อย่างน้อยๆ เด็กตรงหน้าคนนี้ก็ยอมสละตัวเองเพื่อปกป้องพ่อเขาจากการถูกรถชน
“คุณรู้ได้ยังไงครับ ว่าผมเป็นอะไร” ร่างบางหันมาถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัย เมื่อหลางได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยกถุงที่อยู่บนมือของเขาขึ้นมาให้อาลินดูโดยภายในถึงใบนั้นมีถุงผ้าพันแผลอยู่และยาแก้ปวดและยาหม่องต่างๆ
“พ่อบอกฉันแล้วก็มีป้าคนหนึ่งเขามายืนอยู่หน้าบ้านตะกี้แล้วฝากถุงนี้มาให้ฉัน ฉันเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้นอีกหนหนึ่ง นายเห็นหน้าคนร้ายรึเปล่า?” หลางพูดคำถามที่สงสัยขึ้นมาพร้อมกับวางถุงยานั้นไว้ยังโต๊ะอาหารของตนแล้วพยุงร่างบางที่ตอนนี้ขาไม่ดีเดินไม่สะดวกให้มานั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เขา
“ผมเห็นรางๆ ครับ ตอนเธอขับชนผมแล้วขับต่อไปเธอค่อยๆ เลื่อนกระจกขึ้นจากที่เปิดกระจกรถบริเวณคนขับไว้ครึ่งบานในตอนแรกก่อนจะชนกับคุณลุง”
“เธอ? เป็นผู้หญิงงั้นหรอ!!???”
“ใช่ครับ”
“ชิ....ไว้ใจไม่ได้ทั้งพ่อทั้งลูกแล้วนะคราวนี้” หลางบ่นพึมพำในใจ แววตาของเขาฉายแววโกรธ สาเหตุที่เขาสงสัยเหม่ยลูกสาวของเกรียงไกรนั้นก็เพราะว่าวันนี้ที่บริษัทเกรียงไกรมาหาเรื่องเขาที่ไม่ยอมทำตามสัญญาของครอบครัวที่ว่า หากเครือหยงใช้มีบุตรเป็นชายและครอบครัวของนายเกรียงไกรได้ลูกสาวจะจับมาแต่งงานงานเพื่อดองไมตรีกัน จึงทำให้ฝ่ายนั้นไม่พอใจแล้วเริ่มมาขู่เรื่องเมียเก็บใช้หนี้อย่างอาลิน แล้ววันนี้เหม่ยเองก็หายหน้าหายตาไปเลยทั้งวันทั้งๆ ที่ปกติจะมาทำงานกับบิดาไม่ก็มาวอแวกับเขา
เมื่ออาลินบาดเจ็บอยู่ หลางก็อาสาคอยดูแลต่างๆ นานา ทำให้อาลินเผลอคิดเข้าข้างตัวเองว่าหลางจะให้อภัยกับเขาแล้ว คนตัวเล็กแอบคิดว่าบางทีอาจมีโอกาสที่หลางกับเขาได้ก่อร่างสร้างรักให้เริ่มต้นขึ้นมา แต่ความจริงนั้นกลับตรงข้ามหลางคิดกับอาลินเหมือนกับเป็นแค่น้องชายเท่านั้นรวมทั้งที่เขาทำไปทั้งหมดก็เพราะว่าพ่อเป็นคนขอให้เขาทำ ไม่ใช่มาจากใจของเขาจริงๆ
ตอนแรกที่เขาเกลียดอาลินเพราะคิดว่าอาลินนั้นเป็นคนไม่ดี เห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเองโดยการแย่งหน้าที่เป็นตัวขัดดอกแทนน้องสาว แต่พออาลินได้ช่วยชีวิตของพ่อเขาทำให้หลางรู้สึกขอบคุณอาลินและอยากจะทำดีกับอาลินเพื่อเป็นการตอบแทนจนกว่าอาการขาแพลงจะหายสนิทและเขาจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมคนที่ซื่อสัตย์ต่อรักแรก
วันเสาร์ เวลา 10.00 น.
“คุณหลาง เช้าแล้วครับ” เสียงใสของหนุ่มน้อยร่างบางที่ลุกขึ้นมาจากเตียงได้ช่วงหนึ่งแล้ว เอ่ยบอกคนนอนขดตัวอยู่บนพื้นข้างเตียงที่เขานอนอยู่ อาการของคนตรงหน้าดูท่าทางทรมานมากทีเดียว อาการขดตัวของเขาทำให้ผู้ที่พบเห็นตีความได้ว่า เขาหนาวที่ต้องนอนบนพื้นที่เย็น ถึงแม้จะมีฟูกแต่ฟูกที่ปูนอนก็ไม่ได้หนามากพอนั้นเป็นสาเหตุทำให้คนที่นอนอยู่มีโอกาสค่อนข้างมากที่จะได้สัมผัสกับความเย็นจากพื้นในห้องนอนที่มีแอร์แบบนี้
เมื่อคืนหลางเลือกที่จะมานอนห้องของอาลินเพราะต้องการจะคอยที่จะดูแลอาลินอย่างใกล้ชิด แน่นอนว่าหลางนั้นไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวร่างบางเลย หลางหอบหมอนผ้าห่มและฟูกมาเองเตรียมพร้อมที่จะนอนพื้น อาลินที่เห็นแบบนั้นก็ไม่กล้าขัดอีกฝ่ายเลยยอมปล่อยเขาทำตามใจตนไป
“ฟูลิน.....” หนุ่มร่างใหญ่ยังคงนอนขดตัวอยู่ ตอนนี้เขาอยู่ในห้วงนิทราตาพริ้มหลับ ปากบ่นพึมพำละเมอถึงชื่อใครคนหนึ่งอยู่
“ละเมอว่า ฟูลิน? มันคืออะไรกันนะ คุ้นหูมากเลย” อาลินคิดทบทวนสิ่งที่ได้ยินครู่หนึ่ง ตอนเห็นหลางนอนละเมอไม่ได้สติ และพึมพำถึงคำบางอย่างที่คล้ายชื่อของใครสักคนออกมาตอนนอนอยู่บนพื้น ร่างบางก็ก้มตัวลงไปแล้วเขย่าร่างอีกฝ่ายโดยการจับแขนและเขย่าเบาๆ เป็นระยะ และเอ่ยเรียกชื่อ
“คุณหลางครับ ตื่นได้แล้ว”
“อ๊ะ” หลางตกใจเล็กน้อยเมื่อลืมตามาพบหน้าของอาลิน เขาค่อยๆ ตั้งสติพูดกับร่างบางตรงหน้าของเขา
“ขอโทษที ฉันละเมอนะ” เสียงของเขาแหบแห้งตามประสาของคนพึ่งตื่น เขาค่อยๆ พยุงตัวตื่นใบหน้าของเขาดูเจ็บปวดทรมานมากในที่ตอนพยายามที่จะลุก ด้วยความเจ็บปวดนั้นทำให้เขาจะล้มตัวลงไปนอนอีก เมื่ออาลินเห็นอาการของหลางจึงพยายามจับตัวอีกฝ่ายที่กำลังล้มไปกับพื้น ขึ้นมาแล้วก็ค่อยๆ พยุงอีกฝ่ายทั้งๆ ที่เขาเองก็กำลังใช้ไม้ค้ำตัวเองไปด้วยและพาหลางมายังที่เตียงที่อาลินใช้นอนเมื่อคืน
“คุณท่าทางจะเจ็บมากเลยนะครับ ผมไม่น่าปล่อยให้คุณนอนพื้นเลย” อาลินพูดพลางนวดหลังอีกฝ่าย และเริ่มนวดร่างกายตามส่วนต่างๆ หลางที่เห็นแบบนั้นก็ตกใจอยู่บ้าง แต่เพราะการนวดของอาลินทำให้เขารู้สึกสบายตัวขึ้น จึงยอมให้อีกฝ่ายทำโดยไม่ปริปากบ่น ซ้ำยังชวนอีกฝ่ายคุยอีกด้วย
“ขาเป็นไงบ้าง อาลิน”
“ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ อาการคุณดูทรมานกว่าอีก คนที่ไม่เคยนอนพื้นแข็งๆ มานอน คงปวดตัวไปหมดแล้ว” ร่างบางค่อยๆ เดินหายานวดภายในห้องของหลาง ด้วยท่าทางการเดินที่แปลกๆ เล็กน้อย แต่อาการก็ดูดีขึ้นกว่าเมื่อวานในระดับหนึ่ง
เมื่อหลางได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย แล้วเห็นอีกว่าฝ่ายเป็นห่วงเขา เขาก็ตอบอีกฝ่ายอย่างจริงใจ
“แต่ฉันเต็มใจนะ” หลางยิ้มให้อาลิน แต่เจ้าตัวอาจมองไม่เห็นเพราะอาลินหันหลังให้หลางอยู่ ในขณะที่กำลังหยิบขวดยานวดขวดหนึ่งที่อยู่บนตู้ข้างประตูห้องถึงแม้อาลินจะไม่เห็นอีกฝ่ายยิ้มแต่เขาก็ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แค่ได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้นเขาก็ดีใจมากแล้วหล่ะ
พอหยิบขวดยามาเสร็จ อาลินก็เดินตรงมาหาอีกฝ่ายที่เตียงจากนั้นก็ค่อยๆ ทายาและเริ่มกลับมานวดอีกครั้งช้าๆ หลางก็หันหลังให้อีกฝ่ายนวดแต่โดยดี
“เธอยังไม่ตอบฉันเลยว่าอาการเป็นยังไง ฉันเป็นห่วงเธอนะ” หลางพยายามหันหน้ามาคุยกับอาลินที่กำลังนวดหลังอยู่ ทำให้เขารู้สึกปวดคอ อาลินเมื่อเห็นแบบนั้นก็ค่อยๆ หมุนคอหลางกลับไป แล้วเปลี่ยนจากนวดหลังเป็นคอต่อ และรีบพูดตอบอีกฝ่ายก่อนที่อีกฝ่ายจะหันมาพยายามคุยอีก
“เดินได้ดีกว่าเมื่อวานครับ ไม่แน่พรุ่งนี้อาจจะหายเลยก็ได้” ร่างบางโกหกอีกฝ่ายไป เพราะเขาห่วงไม่อยากให้หลางต้องทรมานตัวเอง ที่สำคัญคือเขาอยากแยกห้องนอนไม่นอนร่วมกับอีกฝ่ายแล้วอยากให้หลางกลับไปนอนห้องของตัวเอง มันทรมานใจเวลาที่ต้องตกหลุมรักเขาซ้ำๆ กับคนที่พยายามหลายต่อหลายครั้งเพื่อจะตัดใจตั้งแต่สมัยเป็นเหล่าซือหลางสอนหนังสือตอนมัธยมปลาย
“เดาไม่ได้หรอก วันนี้ฉันจะพาไปหาหมอ” หลางรู้ทันอีกฝ่ายจึงตอบแบบทันควัน คิดว่าเขาไม่รู้งั้นหรือว่าอยากจะไล่ให้เขาไปนอนที่อื่นหลางบ่นในใจอย่างไม่พอใจนิดๆ
“คุณไม่ต้องทำงานหรอครับ” อาลินเอ่ยถามอย่างสงสัยเขาก็สังเกตอยู่บ้างว่าพ่อลูกคู่นี้จะสลับกันหยุดและสลับกันทำงาน บ้างก็ไปทำงานด้วยกัน ปกติหลางจะหยุดวันจันทร์และวันพุธ ส่วนลุงหมิงจะหยุดเสาร์กับอาทิตย์ซึ่งวันนี้ลุงหมิงกลับไปทำงานทั้งๆ ที่วันนี้เขาควรจะหยุดเพราะอาลินไปเข้าห้องน้ำแล้วไม่เห็นแม้แต่เงาของชายสูงวัย
“ฉันลางานไว้นานแล้ว”
“เอ่อคะ.....ครับ”
หลังจากนวดกันราวชั่วโมงกว่าๆ หลางและอาลินก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำทำธุระของตนจนเสร็จ พวกเขาสองคนตัดสินใจว่าจะไปกินข้าวกันนอกบ้านแทนเพราะที่บ้านตอนนี้ไม่มีวัตถุดิบเพียงพอที่จะทำอาหารได้ เนื่องมาจากอาหารที่ป้าๆ ในตลาดแถมมา เป็นผลไม้ซะส่วนใหญ่ เมื่อมาถึงโรงพยาบาลก็ต้องรอการรักษาและตรวจอาการที่ไม่นานมากนัก เนื่องจากมันเป็นโรงพยาบาลเอกชน สิ่งสำคัญคือหลางได้นั้นล่วงหน้าไว้ตั้งแต่เมื่อวานกับหมอคนที่เป็นเพื่อนของเขา ทำให้คิวรักษาของอาลินอยู่อันดับแรกๆ
พอได้ตรวจดู หมอวินิจฉัยว่าอาการไม่รุนแรงมาก แค่มีแผลถลอกเล็กน้อยบริเวณขาและบริเวณข้อเข่าและข้อเท้า พอมีแผลตามข้อตอนเดินหรือวิ่ง ขยับตัวต่างๆ ที่ใช้ขามันจะทำให้เจ็บแผลเพราะแผลจะปริไม่สามารถสมานได้ แค่หมั่นทายาบริเวณแผลและหลีกเลี่ยงการเดินให้แผลปิดก็เป็นอันใช้ได้ จะกลับมาปกติทันทีเมื่อแผลมันปิด ส่วนเรื่องขาพลิก ขาแพลง กระดูกหัก กระดูกแตก มันไม่ได้เกิดขึ้นเลย ทำให้ทั้งสองต่างโล่งใจไปตามๆ กัน พอหมอตรวจเสร็จแล้วพวกเขาสองคนก็ออกมารับยา หลางอาสาเป็นคนจ่ายเงินทั้งหมดและรับยาแทนอาลินและทั้งคู่ก็ออกมาจากโรงพยาบาลโดยมีหลางเป็นสารถีขับรถให้ตั้งแต่ขามายันขากลับ
“นี่คือยาของเธอนะอาลิน หมอบอกว่าอาการเธอไม่แย่มาก แค่ทายาตามใบสั่งแล้วก็ งดเดินด้วยจะดีถ้าอยากหายเร็วๆ” หลางเอ่ยกับอาลิน พลางหยิบถุงยาให้อีกฝ่าย ก่อนจะค่อยๆ เริ่มสตาร์ทรถช้าๆ สักพักอาลินก็พูดเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงและท่าทางที่ตะกุกตะกัก
“คะ....คือว่า คุณหลาง”
“เรื่องงานบ้าน ฉันจ้างเลขาให้มาดูแลสักอาทิตย์หนึ่ง” หลางตอบอีกฝ่าย โดยที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบ เพราะรู้ว่าร่างบางจะพูดว่าอะไร
จากนั้นอาลินก็นั่งเงียบไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่มองออกไปนอกรถเพื่อชมวิวทิวทัศน์ตามทางไปเรื่อยๆ หลางให้เขานั่งด้านหน้าคนขับเพราะเบาะด้านหลังมีของอะไรไม่รู้เต็มไปหมด เป็นของจำพวกกระเป๋าเดินทางอะไรทำนองนี้ เหมือนอีกฝ่ายจะขนของย้ายบ้าน ในระหว่างที่อาลินดูถนนหนทางก็ต้องแปลกใจ เส้นทางดูไม่เหมือนจะเป็นทางเดียวกันกับตอนมาโรงพยาบาล อีกทั้งยังใช้เวลาเดินทางที่นานกว่าด้วย ร่างบางจึงเอ่ยถามอีกฝ่าย
“เราจะไปไหนหรอครับ ดูไม่คุ้นทางเลย”
“ฉันจะไปเชียงใหม่ สุดสัปดาห์นี้มีงานแต่งของเพื่อนแล้วฉันต้องไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเลยต้องมาค้างที่นี้”
“แล้วคุณจะให้ผมลงตรงไหนครับ” ร่างบางค่อยๆ รวบรวมสัมภาระของตนทันที เช่น กระเป๋าและถุงยาแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำตอบกลับมาของอีกฝ่ายที่เอามือออกจากพวงมาลัยครั้งหนึ่งมาจับมือของเขา
“ลงทำไม ฉันจะให้นายไปด้วย”
“…..”
“ผมกลัวจะไปเกะกะคุณนะครับ”
“นายคิดซะว่า มาเที่ยวกับครอบครัวสิ”
“ครอบครัว?”
“ที่ฉันพานายมาก็เพื่อให้นายได้พักผ่อนหย่อนใจ การเที่ยวคือสิ่งที่ฟื้นฟูคนป่วยที่พักฟื้นนะรู้มั้ย” เสียงหลางเอ่ยขึ้น เขาดูดีใจที่ได้เห็นความสุขของอีกฝ่าย จนเผลอยิ้มไปไม่รู้ตัว แต่อาลินก็ไม่ได้หันมามองหลางในตอนที่เขาพูดทันที อาลินเอาแต่มองวิวทิวทัศน์ช้าๆ ผ่านกระจกประตูบนรถคันหรู
พอถึงระหว่างทางพวกเขาแวะพักยังบ้านหลังหนึ่งก่อนซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นบ้านของเครือหยงไช้เพราะมีชื่อของตระกูลตัวใหญ่ติดอยู่ตรงประตูไม้สักราคาแพง หลางอธิบายกับอาลินว่าต้องพักระหว่างทางสักพักหนึ่งก่อนออกเดินทางอีกครั้งในช่วงเวลาตีสามครึ่งของวันถัดไปเพราะมีโปรแกรมที่วางเอาไว้แล้ว ร่างบางก็ยิ้มรับไม่เอ่ยถามอะไรเพิ่มเติม ส่วนตัวคนตัวเล็กรู้สึกว่าการที่ตนได้มาเที่ยวกับคนที่แอบชอบเป็นสิ่งที่ดีมากเกินกว่าจะขอหรือถามอะไรจากเขาไปมากกว่านี้
วันอาทิตย์ เวลา 3.28 น.
เมื่อถึงเวลาตามนัดหมายหลางก็จอดรถของเขาไว้ที่บ้านพักหลังนั้นไม่นานนักก็มีรถของรีสอร์ตมารับพวกเขาให้ไปยังจุดนัดหมายที่รีสอร์ตนั้นจัดเอาไว้ให้รับรองแขกที่มาเยือน
"ขอบคุณมากครับ ผมรู้สึกคุ้นเคยกับสภาพอากาศที่นี้เหมือนเคยมาแถวนี้เลย" ร่างบางเอ่ยกับหลางตอนอยู่บนรถที่รับลมได้หลายทางทำให้เห็นวิวโดยรอบและรับอากาศอันหนาวเย็นได้ โชคดีที่หลางได้ซื้อเสื้อผ้าและเสื้อกันหนาวเตรียมไว้ให้ร่างบางได้สวมใส่จึงทำให้ไม่หนาวมากนัก คาดว่าคงเป็นหนึ่งในกองกระเป๋าที่เขาแบกใส่มันมาบริเวณหลังรถเป็นแน่
“หืม? ครอบครัวนายเคยพาเที่ยวที่นี้แล้วงั้นหรือ”
“ผมเคยเที่ยวกับครอบครัวจริงๆ ของผมครับ ตอนผมเล็กๆ ผมอยู่กับคุณแม่ชาวญี่ปุ่นนะครับ คุณแม่ท่านชอบอยู่ภาคเหนือมาก ผมเลยได้อยู่แต่บนดอยบนเขาแต่ก็ไม่รู้ว่าใช่เชียงใหม่รึเปล่านะครับ แค่รู้ว่ามันอยู่ภาคเหนือแน่ๆ” ร่างบางเล่าสิ่งที่เขามักฝันถึงมันบ่อยๆ ในยามเป็นเด็กจนเขาแทบจะเชื่อไปแล้วว่ามันคือความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขา
“บนดอยหรอ” น้ำเสียงของเขาดูแปลกใจมาก รู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่นี้อย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็เก็บความสงสัยไปแล้วพูดกับอีกฝ่ายต่อ
“พ่อฉันชอบมาที่นี้บ่อยๆ ชอบมาเชียงใหม่กับแม่เพราะเขาสองคนพบรักกันที่นี้ แกชอบมาย้อนรำลึกความหลังอะไรทำนองนี้ในวันครบรอบวันตายของแม่มักจะชวนฉันมา”
“ครับ ผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับกับแม่ของคุณ”
สักพักหนึ่งบทสนทนาก็เงียบลง “ถึงจะคุยกันได้เยอะขึ้น แต่ก็ใช่ว่าจะคุยกันได้สนุกถูกคอซะทีเดียว” อาลินคิดในใจ บางครั้งกำแพงระหว่างเราสองคนมันก็ยากที่จะทำลายไปให้หมดได้ เหมือนมีอะไรที่หลางปิดบังอยู่ในใจซ่อนเร้นอยู่ อาลินมองอีกฝ่ายที่เอาแต่ถ่ายรูปไปอวดบิดาของตน แล้วมองไปยังวิวบริเวณอื่นๆ ในพื้นที่ของเมืองเชียงใหม่
...................................................................................................
ตัดภาพมาทางด้านหลางในวันที่บิดาของเขาถูกคนลอบทำร้ายโดยการขับรถชน
สองชั่วโมงต่อมาหลังเกิดเหตุการณ์
วันศุกร์ เวลา 9.00 น.
"เออหลางแล้วก็อีกอย่าง พ่อมีเรื่องจะให้แกช่วย"
"ครับ ได้ทุกอย่างที่พ่อต้องการ" หลางเอ่ยรับคำขอร้องของพ่อตนทันที ภายในใจเขาแอบรู้สึกสงสัยเสียเหลือเกินว่าพ่อที่ปกติมักเป็นแต่ผู้ให้แก่เขา ทำไมจู่ๆ ถึงมาขออะไรจากเขาดื้อๆ
"เมื่อวานนี้แกบอกว่าสุดสัปดาห์นี้ต้องไปงานแต่งเพื่อนที่เชียงใหม่ใช่รึเปล่า" ชายสูงวัยเอ่ยถามคำถามเพิ่มไปอีก ลุงหมิงจำได้เมื่อสัปดาห์ก่อนมีบัตรเชิญจากเพื่อนของหลางที่ส่งผ่านมาทางไปรษณีย์หน้าประตู เขาจึงเลือกที่จะถามเพื่อความแน่ใจดูอีกสักครั้งหนึ่ง
"ครับพ่อ"
"พ่ออยากให้แกพาอาลินไปเที่ยวก่อนวันแต่งงานเพื่อนแกสักห้าวัน"
หลางเงียบไปครู่หนึ่ง เขาแทบไม่อยากเชื่อหูของตนเองในสิ่งที่พ่อของเขาเอ่ยขอขึ้นมา นานๆ ทีพ่อจะขออะไรเขาสักอย่าง แต่พอมาขอแล้วดันมาขอเกี่ยวกับเด็กคนนั้นซะได้
"ทำไมครับพ่อ พ่อก็รู้ว่าผมไม่ได้รักเขา" หนุ่มชาวจีนพูดด้วยน้ำเสียงเบาลงอย่างเห็นได้ชัด การพูดเสียงเบาลงของเขาแสดงให้เห็นถึงอาการไม่พอใจของเขาผ่านสายมาด้วย เมื่อหลางรู้สึกไม่พอใจหรือไม่เห็นด้วยอะไรกับพ่อ มักจะแสดงอาการออกมาอย่างใดอย่างหนึ่งคือการเสียงดังใส่ไม่ก็เสียงเบาใส่
"แกก็รู้ใช่ไหมหลาง ว่าเด็กคนนี้เขาช่วยชีวิตพ่อเอาไว้ พ่ออยากให้แกตอบแทนในนามของพ่อ ตอนนี้พ่อพาเด็กคนนั้นไปเที่ยวที่นั่นไม่ได้เพราะต้องดูงานที่อยู่ในกรุงเทพแทนแก" ชายสูงวัยรีบชี้แจงอธิบายให้ลูกชายของตนฟัง เขาอยากจะให้เด็กคนนี้ไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็แค่นั้น
"แค่เที่ยวก็พอใช่มั้ย? ผมขอเป็นใบ้ตลอดทางนะ ผมเกลียดเขาเกลียดถึงไส้ถึงพุง"
"แกลองทำดีกับน้องบ้าง น้องเป็นคนดีนะถ้าแกพยายามใช้ใจดูเวลาอยู่กับน้องอย่างน้อยก็สักปี" ลุงหมิงเอ่ยแนะนำเกี่ยวกับอาลินให้หลางได้ฟัง ลุงหมิงถึงแม้จะเป็นคนชอบตามใจลูกแต่เขาก็ไม่ได้ไร้เหตุผลไปซะทุกเรื่อง เขาก็เห็นอยู่กับตาตัวเองว่าอาลินไม่ใช่คนไม่ดี ชายสูงวัยเชื่อว่าอาลินคงมีเหตุผลที่ทำแบบนี้ เหตุผลที่สลับตัวแต่งงานแทนน้อง ลุงหมิงในฐานะคนเป็นพ่อก็อยากให้หลางได้ปฏิบัติกับอาลินให้ดี หากยังทำไม่ดีกับเด็กน้อยคนนี้ต่อไปหลางนั่นแหละที่ 'เสียใจ'
"พ่อ.....โดนไอ้เด็กคนนี้เล่นของใส่หรอ?"
หลางแทบจะกดวางสายเพราะความโกรธที่พ่อดูเข้าข้างคนที่เขาเกลียด ฝ่ายผู้เป็นพ่อก็ลอบถอนหายใจออกมา ชายสูงวัยรับรู้ได้ว่าคงทำให้ลูกชายของตนเชื่อฟังในเรื่องนี้ไม่ได้ คงต้องไปให้เจ้าตัวเลือกที่จะเรียนรู้ความผิดพลาดเองเสียแล้ว
"งั้นเอาแบบนี้หละกัน แกแค่ทำดีกับน้องแค่ห้าวันตลอดเวลาที่ไปเที่ยวจนหายป่วย พอกลับมาก็ทำตัวแบบเดิมก็ได้"
ชายสูงวัยเปลี่ยนคำขอให้กับลูกชาย เขาขอให้ลูกชายทำดีกับอาลินแค่ตอนอยู่ด้วยกันช่วงเที่ยวและป่วย จากการทำดีหนึ่งปีเปลี่ยนเป็นทำดีต่อเด็กน้อยเพียงอาทิตย์เดียวก็ยังดี
"พ่อจองรีสอร์ตแล้วก็สถานที่เที่ยวต่างๆ เอาไว้แล้ว เดี๋ยวส่งรายละเอียดผ่านอีเมลให้"
"ตู๊ด"
"ตู๊ด"
"ตู๊ด"
"เอ้า พ่อ"
หลางอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ถึงแม้พ่อจะยอมลดคำขอลง แต่เขาก็ยังไม่พร้อมที่จะต้องไปเที่ยวกับเด็กคนนั้นอยู่ดี แต่ทว่ายังไม่ทันจะได้ต่อรองอะไรเพิ่มเติมพ่อของก็กดวางสาย หมายความว่าอย่างไรนะหรือ? หมายความว่ามันคือคำเด็ดขาดของพ่อเขาแล้ว สิ้นสุดการต่อรองและหลางต้องยอมทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข
"อาลิน แค่สัปดาห์เดียวเท่านั้นนะ นานๆ ครั้งพ่อจะยอมขออะไรแบบนี้กับฉัน" เขาบ่นพึมพำภายในห้องทำงานพร้อมกับวางโทรศัพท์เสียงดังจนเลขาที่ยืนอยู่หน้าห้องต้องสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจในยามจะเปิดประตูเขามา
รถจอดลงตรงบริเวณหน้ารีสอร์ต เมื่อหลางลงจากรถเขาก็บอกให้พนักงานคนหนึ่งเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องพักเลย ส่วนหลางก็ไปเช็กอินเข้ารีสอร์ต ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากภูเขามากนักแต่ความสูงของรีสอร์ตบนเขาแห่งนี้ไล่ๆ กันกับภูเขาอีกฟากหนึ่ง บริเวณของห้องที่เขาอาศัยนั้นมีหน้าต่างเป็นกระจกใสมองไปเห็นภูเขาสีน้ำเงินได้ในทันที ภายในห้องประดับตกแต่งด้วยของดอยแบบน่ารักและเรียบง่ายคล้ายของที่มาจากภูมิปัญญาของชาวเหนือแต่ก็มีความหรูหราแอบแฝงอยู่ด้วยเพราะรีสอร์ตนี้เป็นระดับห้าดาวทีเดียว ตัวห้องเป็นห้องกว้างมีหลายๆ ห้องอยู่ข้างในอีกที มีทั้งห้องนั่งเล่น ห้องอาบน้ำ ที่สำคัญเลยก็คือห้องนอน ห้องนอนมีสองเตียง เตียงหนึ่งอยู่ติดกับหน้าต่างกระจกใส ส่วนอีกเตียงอยู่ใกล้ๆ กันแต่ติดกับหน้าต่างกระจกที่มีวิวเป็นสนามหญ้าภายในรีสอร์ต เมื่อพนักงานวางกระเป๋าเสร็จ หลางก็พาอาลินไปยังสถานที่เด่นของที่นี้ทันที
สถานที่ท่องเที่ยวแรก
"ทะเลหมอก"
อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จังหวัดเชียงใหม่
วันอาทิตย์ เวลา 5.00 น.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ