กรุ่นไอรักจากตำหนักหวางเฟย
เขียนโดย เหวินฉี
วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.51 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 16.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) ยอมตาย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทุกคนตกอยู่ในภวังค์เงียบ สายตาจ้องมาที่ชินอ๋องกันหมด ไม่เพียงแต่เขาที่กำลังมองผิงเยว่ฉีตาละห้อย เขาขยี้ตาตัวเองไปสองสามรอบ มันไม่ได้ตาฝาดจริงๆ สิ่งที่เขาเห็นคือความจริง หากแต่นางหายไปไหนมา ใยไม่กลับมาหาเขาแต่กลับไปอยู่กับเสี่ยวโม่แทน
"ท่านอา ข้าไม่ยักรู้มาก่อนเลยว่าท่านรู้จักนางด้วย" จวิ้นอ๋องพูดก่อนจะยิ้มมุมปาก
"ผิงเยว่ฉี.." เขาแทบไม่ได้สนใจคนที่กำลังยั่วโมโหตรงหน้า เพียงแต่มองดูนางที่กำลังรินน้ำชาให้กับจวิ้นอ๋อง ที่ที่ตรงนั้นมันควรเป็นเขาตั้งแต่แรก นัยน์ตาดำขลับแดงก่ำขึ้น
"หึ" เสี่ยวโม่ใช้มือขวาสอดเข้าเอวของนางก่อนจะดึงนางเข้าไปใกล้ พลางหยิบแก้วน้ำชาที่นางยื่นให้ขึ้นจิบและมองดูชินอ๋องด้วยความสะใจ
"เจ้า! " เขาชี้ไปที่จวิ้นอ๋อง ที่ตอนนี้เขาแทบไม่รู้ว่าทุกคนจ้องมองมายังเขา ฉางเสี่ยวฉิน เขากลายเป็นจุดสนใจให้ใครหลายๆ คน แม้แต่ฮ่องเต้ยังสีหน้าเคร่งเครียด ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ผิงเยว่ฉีที่นั่งอยู่ เธอไม่ได้รู้สึกมีความสุขแม้แต่น้อย เธอแทบไม่เข้าใจว่าเธอกำลังทำอะไร แม้ตอนนี้จะเห็นว่าชินอ๋องมีเยื่อใยให้เธอ แต่ทุกอย่างก็คงไม่น่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เธอไม่บริสุทธิ์แล้ว เธอก้มหน้าลงไม่อยากสบตา แม้ว่าจะเคยอยู่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาแล้วแต่มันคงเป็นแค่อดีต ตอนนี้เธอไม่ต้องออกรบ เพราะเป็นหญิงสาววัยที่ต้องเตรียมออกจวนแต่งงานแล้ว
"เอาล่ะๆ ดีแล้วที่ท่านรู้จักนาง เพราะนางจะแต่งเข้าจวนข้าพรุ่งนี้" พูดจบเขาก็จับมือนางเข้าไปถวายบังคมฮ่องเต้ที่ตอนนี้กลับทำสีหน้าเคร่งเครียด เขาพาผู้หญิงที่ยังไม่ได้เป็นอะไรหรือเกี่ยวอะไรเลยกับราชวงศ์เข้ามาในวังโดยไม่อนุญาตเช่นนี้ ชินอ๋องเห็นเช่นนั้นจึงนั่งลงด้วยความโมโห ตอนนี้เขาไม่สามารถระงับอารมณ์นี้ได้เลย ได้แต่พลอยนั่งกระวนกระวายอยู่ไม่เป็นสุข หันซ้ายหันขวา เพียงแต่ต้องกัดฟันทน
"ถวายบังคมท่านพ่อ" เขาพูดก่อนที่ผิงเยว่ฉีจะคำนับตาม
"นางคือผิงเยว่ฉี ลูกสาวของอดีตแม่ทัพ ในอนาคตนางคือภริยาของข้า หรือไม่ก็วันพรุ่งนี้" เขาพูดก่อนจะหันไปมองชินอ๋องที่ได้แต่นั่งกำหมัดของตน จวิ้นอ๋องยิ้มให้เขาเหมือนเป็นการเยาะเย้ยว่าตนชนะ เพียงแค่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นฝ่ายแพ้เรื่องการงาน
"ใช่เพคะ" นางพูดตอบรับด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก หากจะว่าเหมือนหุ่นยนต์ก็เป็นได้
"หน้าตาสละสลวยดีหนิ" ฮองเฮาพูดพร้อมกับหันไปมองสีหน้าของชินอ๋องพลางหันกลับมามองนางอีกที ก่อนจะพูดขึ้นว่า "เจ้าแต่งเข้าจวนจวิ้นอ๋องแล้ว ก็คงเป็นภริยาถูกต้องตามกฎหมายของเขา ดูไปดูมาแล้วพวกเจ้าก็คงเหมาะสมกันดี" นางพูดพร้อมกับยิ้ม รอยยิ้มนั่นเป็นรอยยิ้มแห่งความมารยา นางกำลังพยายามให้ชินอ๋องรู้สึกไม่ดี
"เอาเถอะ กลับไปนั่ง" ฮ่องเต้พูดก่อนจะละมือไปเหมือนไล่ ปนไปด้วยความเบื่อหน่าย ตอนนี้เขาได้แต่หันหน้าไปซ้ายขวาพลางด่าว่าจวิ้นอ๋องในใจ
เมื่อทั้งสองนั่งลงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นก็เกิดขึ้นอีกครั้ง นั่นยิ่งทำให้ชินอ๋องเสียแรงทรงตัวเมื่อใจจดจ่ออยู่แต่กับนาง เขาแทบอยากจะถือกระบี่พุ่งเข้าไปฟันหัวใจของจวิ้นอ๋องซักร้อยรอบให้ตาย
"นานแล้วนะท่านอา ที่ข้ากับท่านไม่ได้ประลองวรยุทธกันเลย วันนี้ถือเป็นวันดีของท่าน มาประลองกันหน่อยไหม" เขาพูดก่อนที่จะรินเหล้าใส่ในแก้วอีกใบพร้อมกับเดินไปตรงหน้าของชินอ๋อง หวังให้เขาดื่มมัน ก่อนจะวางลงบนโต๊ะอย่างแรง สายตาคู่อาฆาตจ้องมองซึ่งกันและกัน ทุกคนมองดูเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
"ได้! " ชินอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงยืนหยัดยืนกรานยากจะเปลี่ยนใจ ก่อนที่จะยืนขึ้นอย่าง เขาก้มหยิบแก้วเหล้าแก้วนั้นขึ้นมาก่อนจะซดไปหนึ่งอึกใหญ่จนหมดและปล่อยแตกลงกับพื้น ใครที่เห็นก็ต่างตกใจกัน
"ดีเลย มาประลองกันหน่อยว่าใครจะแพ้ ใครจะ ชนะ" จวิ้นอ๋องพูดโดยเน้นคำว่า แพ้กับชนะ เขาไม่เคยชนะชินอ๋องได้เลยตามที่เห็น เพราะเขาช่างไร้ปัญญา แต่วันนี้ทุกอย่างถูกเตรียมไว้แล้ว
เขาทั้งสองยืนประจำที่ก่อนที่จวิ้นอ๋องจะหยิบดาบมาสองเล่ม แล้วโยนอีกเล่มหนึ่งลงต่อหน้าเขา มันถือเป็นการไม่ให้เกียรตินัก
พรึ่บพรั่บ พรึ่บพรั่บ
ภายในตำหนักของหานเสี่ยวหลาน ตอนนี้นางขยี้บดบี้นิ้วมือตัวเอง ภายในใจรู้สึกกระวนกระวาย ป่านนี้แล้วหลินฮั่วยังไม่กลับมารายงานเลย ชินอ๋องจะเป็นยังไงบ้างนางเองก็ไม่รู้ นางไม่ได้ห่วงตัวเองเลยที่ไม่ได้กินอะไรทั้งวัน
ไม่นานนักประตูของตำหนักก็ถูกเปิดออก นางตกใจเมื่อเห็นว่าหานหลินฮั่ววิ่งเข้ามาทางประตู
"ทหารล่ะ พวกนั้นทำอะไรเจ้าไหม" นางเดินไปจับแขนทั้งสองข้างของน้องชายก่อนจะมองดูว่ามีบาดแผลอะไรไหม
"ไม่เลย ไม่เลยท่านพี่ อย่าลืมสิท่านพี่ ข้าเป็นหมอนะ ข้ามียาข้ามีพิษ ข้าจัดการได้" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูรวดเร็วและได้ใจความ พลอยมีเสียงหอบเหนื่อย เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นที่จะเล่า
"ท่านอ๋องล่ะ ท่านอ๋องเป็นยังไง" นางรีบถามออกไปเมื่อเห็นท่าทีร้อนรนของหลินฮั่ว ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ
"ข้าเห็นจวิ้นอ๋องวางยาลงในขวดหล้านั่นที่เขารินให้กับชินอ๋องในขณะที่เขาเองกำลังท้าประลองวรยุทธกับชินอ๋อง ข้าคิดว่ามันคือยาที่ทำให้หมดเรี่ยวแรง อีกประเดี่ยวมันออกฤทธิ์ เขาอาจหมดเรี่ยวแรงและพ่ายแพ้ได้ในที่สุด แถมวันนี้จวิ้นอ๋องยังทำเรื่องไม่ดี พาผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งเข้าจวนมาร่วมงาน ได้ยินว่านางชื่อผิงเยว่ฉี แถมชินอ๋องก็ทำทาที่หึงหวง" หานหลินฮั่วเล่าทุกอย่างอย่างรวดเร็ว ตอนนี้นางเข้าใจทุกอย่างแล้ว เสี่ยวหลานรีบวิ่งออกจากตำหนักไม่ได้สนใจหลินฮั่วที่ตอนนี้กำลังพูด ทั้งวิ่งตามและร้องให้หยุด หานเสี่ยวหลานมุ่งไปที่สวนดอกเหมยหลังพระราชวัง นางทุ่มเทเพื่อเขามาก เขาจะต้องไม่ตาย เขาฉุดนางมาแต่งงานด้วย แต่จะมาตายหนีจากนางไปแบบนี้ไม่ได้
"พี่สาว! ท่านร่างกายอ่อนแอนัก ข้าวปลาไม่ได้กิน ได้โปรดอย่าฝืนตัวเอง! ข้าสามารถหาทางช่วยเขาได้! " หานหลินฮั่วตะโกนตามหลังแต่นางไม่ฟังเลย เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงแปลงร่างเป็นนกพิราบและบินตามนางไป
ตอนนี้จวิ้นอ๋องกับชินอ๋องกำลังต่อสู้กันอยู่กลางอากาศ เสียงดาบกระทบกันไปมาหลายรอบ แต่ทว่าเสี่ยวฉินกลับรู้สึกเหนื่อย ทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขารู้สึกข้อมือร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง ในเวลานี้ดาบของทั้งสองกำลังปะทะกันอยู่ ถ้าหากว่าเข้าอ่อนแอลงตอนนี้ คงเสียท่าให้กับจวิ้นอ๋อง แต่แล้วมันก็เป็นจริงเขาไม่สามารถพยุงร่างกายของตนเองบนอากาศได้ จึงมีท่าทีจะล้มลงไป จวิ้นอ๋องเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงใช้โอกาสนี้ เตะเขาให้ล้มลงไปกับพื้นและกลิ้งไปไกล เมื่อทุกอย่างเข้าที่จึงตัดสินใจใช้มือหนาทั้งสองข้างจับดาบและหันปลายแหลมไปทางชินอ๋องซึ่งอยู่ห่างกันราวยี่สิบเมตร จวิ้นอ๋องกำลังจะพุ่งเข้าไปหาเขาหวังฆ่า แม้แต่ทุกคนยังต้องตกใจ ผิงเยว่ฉีเองก็ด้วย ตอนนี้เธอรู้สึกสั่นผวาไปทั่วอก ชินอ๋องจะตายต่อหน้าเธอเช่นนี้ไม่ได้ เธอไม่สามารถที่จะตัดใจจากเขาได้ เธอจึงตัดสินใจลุกขึ้นหวังจะทำอะไรซักอย่างการกระทำนั่นก็ถูกจับตามองด้วยฮองเฮาไปเสียแล้ว แต่ทว่าจู่ๆ ก็มีเสียงปริศนาดังขึ้น "หยุดนะ!!!! " หานเสี่ยวหลานวิ่งมาแต่ไกลพร้อมกับเสียงร้องที่แทบจะขาดใจ ก่อนที่เธอจะวิ่งเข้าไปหยุดที่หน้าร่างกายของชินอ๋องไว้ที่ตอนนี้เขานอนทรุดจมอยู่แทบพื้นดิน เธอจึงโดนปลายดาบแหลมแทงเข้าไปกลางอกแทนชินอ๋อง เธอทรุดลงด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้เธอนั่งคุกเข่าสลบอยู่ตรงหน้าของชินอ๋องพร้อมทั้งกำลังโดนดาบแทงกลางอกอยู่ เธอรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด น้ำตาก็เอ่อล้นออกมา
"พระชายา!!! " ทุกคนต่างร้องเป็นเสียงเดียวกันโดยเฉาะไป๋ไป๋ที่วิ่งมาดู นางร้องไห้หนักเมื่อเห็นเช่นนั้น แต่ทว่าตอนนี้เสี่ยวฉินกลับไม่เชื่อสายตา เขาไม่สามารถทำอะไรได้เพียงเพราะฤทธิ์ยานี่ แม้แต่จะเอ่ยก็เช่นกัน ส่วนผิงเยว่ฉีเองที่ได้ยินดังนั้นเธอก็ตกใจที่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือชายาเอกของเสี่ยวฉิน แม้แต่จะพลีกาย นางยังทำได้ แต่เธอกลับนิ่งเฉย ผิงเยว่ฉีโทษตัวเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ