กรุ่นไอรักจากตำหนักหวางเฟย
เขียนโดย เหวินฉี
วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.51 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 16.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) เป็นห่วง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความภายในตำหนักของเสี่ยวหลาน หลังจากที่เหตุการณ์สงบลง เธอถูกให้นำกลับมาที่ตำหนักของตนและเรียกหมอหลวง
"นางเป็นยังไงบ้างหมอหลวง" ฉางเสี่ยวฉินที่หายจากอาการนั่นแล้วเอ่ยถามด้วยความร้อนรนปนกับเป็นห่วง เขาไม่เคยห่วงเธอเช่นนี้มาก่อน แต่มาวันนี้เธอกลับช่วยชีวิตของเขาไว้ทั้งๆ ที่โดนสั่งให้อยู่ในห้องห้ามทานข้าวทานน้ำสิบวันสิบคืน เขารู้สึกผิดอยู่เล็กๆ ภายในใจ
"แผลไม่ลึกมากท่านอ๋อง แต่ต้องรอให้นางฟื้นตัวอีกหน่อย นางอ่อนแอมากเรี่ยวแรงไม่ค่อยมี ท่านจงวางใจ ข้าเย็บแผลให้นางแล้ว" หมอหลวงพูดก่อนที่จะเก็บอุปกรณ์รักษาเข้าไปในกล่องและลุกขึ้นยืนพร้อมกับยื่นแผ่นกระดาษบางอย่างให้ชินอ๋อง
"นี่คือสูตรปรุงยา ใช้ประคบที่บาดแผลเล็กน้อยทุกเช้าสิบห้านาที แผลจะยุบจับตัวกันได้เร็ว" หมอหลวงพูดในขณะที่ชินอ๋องกำลังคลี่แผ่นกระดาษพร้อมทั้งเปิดอ่าน พลางมองไปยังหมอหลวง
"ข้าจะหาของพวกนี้มาได้จากที่ใด" ชินอ๋องเอ่ยถาม
"ไม่ยากนัก หากว่าท่านหาไม่ได้ ข้าแนะนำให้ท่านซื้อมันกับหมอที่เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ด้านยา มีอยู่หลายที่ในเมืองเหยี่ยชิงนี้ แต่ข้าเพียงไม่มี ไม่อย่างนั้นข้าคงมอบมันให้ท่านแล้ว" หมอหลวงพูดจาฉะฉานเล่ารายละเอียดทั้งหมดเตรียมตัวจะเดินจากไป
"ขอบคุณท่านมาก" เขาเอ่ยขอบคุณ ในเมื่อไม่มีข้อสงสัยอะไรเกิดขึ้น หมอหลวงจึงเดินออกไปจากตำหนักโดยหายห่วง
ชินอ๋องนั่งลงบนเก้าอี้ไม้พร้อมกระดาษในมือก่อนที่จะนึกคิด ในเมื่อเหตุการณ์เช่นนี้มันเกิดขึ้น เขาเองก็คงประมาทไม่ได้แล้วเมื่อรู้ว่าจวิ้นอ๋องผู้นี้จะฆ่าเขา แถมยังแย่งผิงเยว่ฉีไปอีก เขานึกคิดแล้วก็โกรธแค้น อยากจะฆ่าให้ตายด้วยธนูอาบยาพิษ แต่ในขณะนั้นเองฉางเสี่ยวฉินกลับสังเกตเห็นพิณที่วางอยู่บนโต๊ะ ไม่ยักรู้มาก่อนว่านางดีดพิณเป็นด้วย ในเวลาที่เขาสั่งให้นางอยู่ที่นี่ นางคงจะดีดพิณนี่แก้เหงาสิท่า เขาคิดแล้วก็รู้สึกผิด แม้มันจะไม่ถึงวันกว่าๆ แต่นางเองก็เป็นหญิง อยู่อย่างนี้คงน่าเบื่อไม่เบา
หานหลินฮั่วเดินสวนทางกับหมอหลวงมายังหน้าตำหนักของเสี่ยวหลานอย่างเร่งรีบจากที่แอบอยู่บนต้นไม้นาน เพลานี้พี่สาวเขาลำบาก ไม่ใช่เวลาที่จะมาแปลงร่างเป็นนก แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะเห็นไป๋ไป๋กำลังสอดส่องอยู่หน้าประตู จึงเอ่ยถามไป "ไป๋ไป๋ เจ้าทำอะไรนั่น! "
คนหน้าประตูตกใจสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันมามอง เธอเองก็จำเสียงหลินฮั่วได้ดี "ข้า.. ข้าไม่กล้าเข้าไป ข้ากลัวเลือด" นางตอบด้วยเสียงสั่นออกไปก่อนจะฝืนยิ้มแห้งๆ และตอนนี้ตัวขดหลังชิดแนบประตูไม่กล้าไปไหน
"ข้าจำได้นะว่าเจ้าเป็นคนแรกเลยที่เข้าไปกอดพี่สาวแน่นไม่ว่าเลือดจะไหลอาบแค่ไหนตอนโดนแทง เจ้ากลับทนได้ แต่ตอนนี้กลับขี้ขลาดเสียแล้ว" เขาพูดพร้อมกับยิ้มอย่างภูมิใจบวกกับยีหัวของไป๋ไป๋เบาๆ ด้วยความเอ็นดู
"ก็ก่อนหน้านี้ ข้าเสียใจนี่นา เสียใจจนลืมไปเลยว่าความจริงแล้วข้ากลัวเลือดแค่ไหน" นางพูดก่อนจะก้มหน้างุดลง
"เอาเถิด เข้าไปในตำหนักกัน ถ้าเจ้ากลัวเพียงอยู่หลังข้า" เขาใช้มือยาวของตนจับมือของหญิงสาวที่ตอนนี้ตัวแข็งไม่ยอมไปไหน ก่อนที่จะพานางเดินเข้าไปข้างใน ความรู้สึกแรกของเธอเลยก็คือใจเต้นแรง เธอเม้มปากเบาๆ และยิ้มอยู่ภายใน
"เจ้าเป็นใคร! " ชินอ๋องที่กำลังนั่งอยู่ก็ตกใจเมื่อเห็นชายผมขาวเดินเข้ามา ตามด้วยไป๋ไป๋ที่อยู่ด้านหลัง ทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากัน ไป๋ไป๋ลืมบอกเขาไปเลยว่าในนี้มีชินอ๋องอยู่ เธอจึงส่งยิ้มแห้งๆ ให้
"เอาเถอะ ข้าคือน้องชายของนาง หานหลินฮั่ว" เขาหันมาเอ่ย
"เจ้ารู้ได้ยังไงว่านางป่วย มาดึกดื่นแบบนี้เชียวหรือ? " เขาพูดก่อนจะลุกขึ้นมายืนตรงหน้าและใช้กระดาษตีฝ่ามืออีกข้างของตนไปมา
"ไป๋ไป๋บอกข้า.." หลินฮั่วโกหกออกไปก่อนที่จะใช้แขนสะกิดไป๋ไป๋ให้ช่วย เมื่อเห็นว่าชินอ๋องจ้องพวกเขาใหญ่
"ใช่ๆๆ ใช่..แล้วท่านอ๋อง หม่อมฉันบอกเขาเอง หลินฮั่วเป็นหมอ เขาช่วยรักษาพระชายาได้" ไป๋ไป๋รีบตอบออกไป
"เอาเถอะถึงแม้ว่าข้าจะยังสงสัยอยู่ แต่ในเมื่อเข้ามาแล้วก็ไปหานางสิ" เสี่ยวฉินพูดก่อนจะหันหน้าไปทางเสี่ยวหลาน เพื่อสื่อให้พวกเขาเข้าไป
"ถ้าหากว่าเจ้าเป็นหมอ ถ้างั้นได้โปรดหาสิ่งนี้มาให้พี่สาวเจ้าได้หรือไม่" เขาพูดกับหลินฮั่วก่อนที่จะยื่นแผ่นกระดาษนั่นให้ คนตรงหน้ารับไปก่อนจะยิ้มออกมา
"ข้ามีครบเลย งั้นเพื่อรักษาพี่สาวข้า พรุ่งนี้เช้าข้าจะตำมันรวมกันมาให้ท่านละกัน แบบสำเร็จรูปไปเลยเป็นไง" หลินฮั่วพูด
"งั้นก็ขอบใจเจ้ามาก" เขากล่าวขอบคุณก่อนที่จะมองไปยังไป๋ไป๋
"ส่วนเจ้าไป๋ไป๋ ไปเตรียมอาหารมาให้พระชายาเมื่อนางฟื้นก็ให้นางทาน" เขาพูดด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนที่คุยกับคนทั่วไป ก่อนที่จะเน้นความเย็นชาเข้าไปอีกเมื่อเห็นว่าตนผิดปกติ เพราะไม่อยากให้นางรู้หรือจับได้ว่าเขาเปลี่ยนไป ในใจของไป๋ไป๋เองก็ตกใจเขาพูดดีกับนางไม่เหมือนแต่ก่อน ท่านอ๋องผู้นี้อารมณ์แปรปรวนนัก ช่างเดาใจได้ยาก
"เจ้าค่ะท่านอ๋อง" ไป๋ไป๋รับคำสั่งก่อนจะนั่งลงบนเตียงมองดูเสี่ยวหลานที่ตอนนี้ยังหลับไม่รู้ตัว นางจึงตัดสินลุกขึ้นไปที่ห้องครัวตอนดึกๆ ดื่นๆ
ในตำหนักมีเพียงชินอ๋องกับหลินฮั่วเท่านั้นที่ดูแลเสี่ยวหลานอยู่ หลินฮั่วกำลังจับตัวของเธอเพื่อดูร่องรอยต่างๆ แต่เสี่ยวฉินกลับได้แต่ยืนมองดูอย่างไร้ประโยชน์
"งั้นข้ากลับไปนอนก่อนล่ะ" เสี่ยวฉินพูดเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเข้าที่อยู่ไปก็คงเป็นได้แค่อากาศ จึงเตรียมตัวจะเดินออกไป เดี๋ยวคนจะคิดว่าเขาห่วงภรรยาเกินไป หมดกันเสียความโหด
"เดี๋ยวก่อน! " หลินฮั่วหันไปสั่งให้เขาหยุด ไม่เคยมีใครมาสั่งเขาเช่นนี้ ถ้าหากว่าเป็นตอนนั้นแล้วไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นคงได้สั่งตัดหัวไปเสียแล้ว แต่เขากลับรู้สึกคนละอย่างกัน
"หือ? " เขาหันมามองหลินฮั่วที่จ้องคิ้วขมวด
"นางเป็นชายาท่านนะ ท่านต้องนอนเฝ้านางสิ ตอนนี้นางบาดเจ็บมาก" หลินฮั่วเอ่ยเมื่อเห็นว่า ท่านอ๋องคนนี้ไม่รู้วิธีปรนนิบัติต่อพระชายาเลย หลินฮั่วเป็นคนค่อนข้างอ่อนโยนเอาใจใส่ เลยมักขัดใจกับเรื่องแบบนี้
"ไป๋..ไป๋ไง..นางดูแลเสี่ยวหลานได้" เขาชี้ออกไปนอกตำหนัก
"ไป๋ไป๋กลัวเลือด นางไม่สามารถจัดการเรื่องพวกนี้ได้ อีกอย่างท่านเป็นสวามีท่านต้องทำ" หลินฮั่วพูดก่อนจะลุกขึ้น
"ข้าจะกลับก่อนล่ะ ดูแลพี่สาวข้าด้วย" หลินฮั่วพูดจบก็ตบไหล่ขวาของเสี่ยวฉินเบาๆ เหมือนฝากนางไว้กับเขา การกระทำเช่นนั้นก็คงจะถูกตัดนิ้วสำหรับเขา
เมื่อทุกอย่างเงียบลง เขาไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันยังไง จึงเดินวนในห้องก่อนจะไปหยุดมองหน้าของนางบ้าง บ้างก็ไปดีดพิณเล่นสองสามครา เพื่อรอไป๋ไป๋ ความรู้สึกนี้เขาไม่ได้เป็นมานานแล้ว ตั้งแต่ที่ห่างหายจากผิงเยว่ฉีไป..
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ