กรุ่นไอรักจากตำหนักหวางเฟย
-
เขียนโดย เหวินฉี
วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.51 น.
21 ตอน
0 วิจารณ์
15.05K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 16.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
21) ใส่ร้าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความณ ตำหนักของฮองเฮา ใบหน้านวลกำลังมองตนที่อยู่ในกระจก พลางหยิบเครื่องประดับออกจากผม ริมฝีปากเผยอยิ้มน้อยๆ ภายในใจคิดเพียงแค่ว่าสำรับที่นางจัดให้กับเสี่ยวหลานในเพลานี้คงได้ที่แล้ว รอแค่เพียงมีข่าวออกมาว่านางโดนพิษเท่านั้น ค่ำคืนนี้นางคงจะหลับฝันดีเป็นแน่
"ฮองเฮา มีข่าวมารายงานพะยะค่ะ!" ไม่นานก็มีเสียงดังมาแต่ไกลวิ่งมาหยุดตรงข้างหลังของหญิงสาว นั่นก็คือขันทีของนางเอง นางยิ้มออกมาเล็กน้อยไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด เพราะคิดว่ามันคงจะเป็นข่าวดีที่ตนรอฟังอยู่
"มีคนขององค์รัชทายาทรายงานมาว่า พระชายาหานเสี่ยวหลาน แอบหนีตามชินอ๋องไปพะยะค่ะ" เมื่อพูดจบสีหน้าของหญิงสาวก็เปลี่ยนสีทันที มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดไว้ นางหันไปมองขันทีที่กำลังก้มหน้างุดอยู่ข้างหลังด้วยความเหน็ดเหนื่อย
"นางไปตั้งแต่เมื่อไหร่!?" หญิงสาวถามด้วยความตกใจ นัยน์ตาเค้นถามเหมือนต้องการคำตอบจากอีกฝ่ายมาก มันไม่ได้เป็นไปตามแผนการของเธอหรอกหรือ
"กระหม่อมไม่ทราบพะยะค่ะ" ขันทีผู้นั้นกล่าว
"เป็นไปได้ยังไง ถ้าหากตอนนี้นางกินอาหารในสำรับนั้นไปแล้วล่ะ หรือตอนนี้นางยังไม่กิน" หญิงสาวคิดวิตกกังวล ตอนนี้เธออยู่ไม่เป็นสุข ร่างเล็กเดินวนไปมาแทบอยากจะขว้างสิ่งของที่วางขวางอยู่ทิ้งไปได้
"คำนับฮองเฮา" เสียงแจ้ววิ่งเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรนก่อนจะก้มคำนับ
"เจ้ามีอะไร? ไม่ต้องพิธีรีตรองได้ไหม?" นางพูดด้วยความโมโหก่อนที่สาวใช้จะรีบเงยหน้าและพูดออกไปว่า "มีข่าวมาจากจวนชินอ๋อง บอกว่าไป๋ไป๋ สาวใช้ของพระชายาชินโดนพิษแมลงมุมจากสำรับอาหารที่พวกเราเอาไปให้เพคะ!" เมื่อหญิงสาวพูดจบ ฮองเฮานางเองก็แทบทรุด ความโกรธทั้งความวิตกกังวลเข้ามารุมล้อมในหัว
"เป็นไปได้ยังไงที่เสี่ยวหลานจะไม่ได้กินมัน แต่กลับเป็นไป๋ไป๋ หรือว่านางจะหนีไปก่อนที่ข้าเอาสำรับไปให้!!" นางพูดก่อนจะเดินไปหาขันทีคนสนิทแล้วเขย่าตัวเขาไปมาเพราะต้องการคำตอบ แต่เขากลับยืนนิ่งด้วยความกลัว
"ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้!"
ในเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายทรงมีท่าทีเคร่งเครียดมาก สาวใช้จึงตอบออกไป
"ฮองเฮาอย่าพึ่งวิตกกังวลเพคะ ในเมื่อไป๋ไป๋เห็นทุกอย่างเพียงคนเดียว แล้วนางก็กินอาหารพวกนั้นเข้าไปแล้ว อีกอย่างพิษนี้เมื่อถูกกลืนเข้าไปก็ต้องป่วยไปเจ็ดวัน สุดท้ายก็ต้องตาย ข้าหวังว่านางคงจำอะไรไม่ได้"
"ขอให้มันเป็นแบบนั้นละกัน!" นางหยิบหมอนที่วางอยู่บนเตียงโยนลงกับพื้นเพื่อระบายความโกรธ
ในทางฝั่งของไป๋ไป๋กับหานหลินฮั่วซึ่งตอนนี้เขากำลังเคร่งเครียดอยู่
"ไป๋ไป๋ เหตุใดเรื่องนี้ถึงได้เกิดเรื่องนี้ขึ้นกับเจ้ากัน" หลินฮั่วพูดอย่างเสียใจ สองมือกุมมือเล็กของนางที่ขาวซีดเอาไว้ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เสี่ยวหลานอยู่ที่ไหน ตอนนี้จะรู้ไหมว่าไป๋ไป๋เองเจอกับอะไรบ้าง
รุ่งเช้าวันใหม่ ณ บ้านพักในป่าไผ่ ทหารออกเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้าเพื่อเข้าประจำการตามจุดต่างๆตามคำสั่งคำบัญชาของชินอ๋อง
ตอนนี้พวกเขาเองก็กำลังรวมตัวปรึกษาหารือกันในบ้านพัก แต่ทว่าหานเสี่ยวหลานกลับต้องวกวนอยู่ในครัวกับทหารของจวิ้นอ๋องสองสามคน
"ข้าไม่คิดมาก่อนว่าพวกเจ้าจะเป็นทหารที่ทำอาหารเป็นเช่นนี้" นางพูดพลางเดินไปจัดจานอาหารใส่สำรับ
"เรื่องแค่นี้ง่ายนิดเดียวพระชายา การมาตรวจรอบเมือง ปกป้องเมือง ต้องมีทักษะพวกนี้ด้วย เพื่อความอยู่รอด" ทหารคนหนึ่งเอ่ยแม้ว่าภายใต้คำพูดซื่อใสและดูนับถือจะซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้
ทั้งสามหันหน้าเข้าหากันเหมือนเป็นการส่งสัญญาณ ก่อนที่จะหยิบแก้วน้ำชาหินขึ้นมาใบหนึ่ง แต่ทว่าใบนั้นกลับแปลกไปกับใบอื่น มันมีสีทึบที่แตกต่างกันกับใบอื่น สามารถแยกได้ง่าย
"เอาล่ะ ในเมื่อสำรับอาหารเสร็จแล้ว ข้าคงต้องเอาออกไป พวกเจ้าเตรียมน้ำชาไว้ ข้าจะกลับมาเอา" นางพูดก่อนจะถือสำรับอาหารออกไป
มือหยาบที่กำลังจับแก้วใบนั้นรีบใช้นิ้วมืออีกข้างป้ายยาอะไรบางอย่างลงขอบแก้วก่อนจะวางมันลงที่เดิม
"เสร็จเร็วดีนะพระชายา" ผิงเยว่ฉีพูดเมื่อเห็นว่าเสี่ยวหลานเดินออกมาพอดี แล้วกำลังจัดอาหารลงบนโต๊ะ นางพูดเหมือนจะหาเรื่องแต่อีกฝ่ายกลับไปโต้ตอบอะไร พลางเดินเข้าไปหยิบกาน้ำชาพร้อมกับแก้วชาห้าใบออกมา
ดวงตาคมของเยว่ฉีจดจ้องที่แก้วใบทึบ นางรู้เป้าหมายแล้วว่าควรจะทำเช่นไรต่อไป
"พวกท่านเชิญทานเถิด" เสี่ยวหลานพูดแล้วค่อยๆรินน้ำชาลงในแก้วให้แต่ละคนพร้อมทั้งยื่นให้ แต่ทว่าแก้วใบทึบนั่นกลับอยู่ตรงกับผิงเยว่ฉีพอดี สีหน้าของนางเคร่งตึงขึ้นพลอยคิดวิธีแก้ปัญหา
"นี่ของท่าน องค์รัชทายาท" เสี่ยวหลานรินน้ำชาแก้วใบสุดท้ายก่อนจะยื่นให้เขาซึ่งไม่ใช่แก้วทึบนั่น แต่ทว่าผิงเยว่ฉีกลับแทรกขึ้นมาก่อน
"องค์รัชทายาท ในเมื่อข้าได้รู้จักท่านแล้ว ข้าก็เหมือนพี่สะใภ้ของท่าน ได้โปรดรับแก้วใบนี้จากข้า" เยว่ฉียื่นแก้วทึบนั่นขึ้นแทรกก่อนจะใช้มือขวาของตนจับอีกแก้วในมือของเสี่ยวหลานมาเป็นของตนแทน เสี่ยวหลานได้แต่งงงวยกับสิ่งที่เยว่ฉีกำลังทำ แต่นางไม่ได้สนใจนัก เพียงแต่นั่งลงทานข้าวเมื่อเห็นว่าชินอ๋องส่งสายตาให้นางเหมือนสื่อบอกให้นั่งลง
"ขอให้องค์รัชทายาททรงอายุยืนเป็นหมื่นๆปี" ผิงเยว่ฉีพูดเมื่อเห็นว่าองค์รัชทายาทกำลังจับแก้วใบนั้นไปเขายิ้มให้นางอย่างเป็นมิตรแทบมองไม่เห็นความปองร้าย ในคำพูดกับความคิดกลับตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง
"เอาล่ะ อีกไม่นานข้าคิดว่าพวกนั้นคงมาแล้ว ขอให้พวกท่านจงกินอย่างอิ่มหนำสำราญแล้วเผชิญภัย" องค์รัชทายาทพูดแม้ว่าแก้วชานั้นยังอยู่ในมือ จวิ้นอ๋องก็ได้เพียงแต่ส่งสายตาให้กับผิงเยว่ฉี นางทำได้ดีมาก
"ชินอ๋อง! พวกนั้นบุกมาแล้ว!" ไม่นานเสียงคนข้างนอกก็ดังขึ้น ทุกคนตื่นตาตื่นใจก่อนจะลุกขึ้นมอง และเห็นทหารผู้หนึ่งวิ่งเข้ามา
"พวกนั้นมากันแล้วขอรับพวกท่าน!" เขาเอ่ยพร้อมกับชี้ออกไป แต่ทว่าองค์รัชทายาทที่กำลังจะกินน้ำชาเองก็ต้องชะงักไว้
"ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้แล้ว พวกข้าคงต้องไปแล้ว" ชินอ๋องพูดกับองค์รัชทายาทก่อนจะมองไปที่เสี่ยวหลานที่ตอนนี้นางทำท่าทางเป็นห่วงเขาจึงพยักหน้าให้นางหนึ่งทีว่าจงเชื่อมั่นว่าเขาเอาตัวรอดเองได้แล้วจึงรีบเดินออกไปเลย แม้แต่จวิ้นอ๋องกับเยว่ฉีก็ด้วย นางชายตามองที่องค์รัชทายาทเล็กน้อยว่าได้จิบชาหรือยังก่อนจะรีบออกไป
องค์รัชทายาทรีบยกดื่มน้ำชาในถ้วยทึบนั่นไปอึกใหญ่และหมดในทันที ตอนนี้เขากำลังวิตกกังวลและเป็นห่วงแต่กลับไม่ได้มองดูตัวเองเลยที่กำลังป่วย
"ข้าหวังว่าพวกเขาจะทำได้ดี" หานเสี่ยวหลานพูด แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับนิ่งไป
"อึก.." น้ำเสียงเหมือนมีอะไรตื้นตันในลำคอ มือหนาทาบบนอกของตนเบาๆ เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย
"องค์รัชทายาททรงเป็นอะไรไป" นางถามด้วยความสงสัย เขาเองก็ทำให้นางต้องกังวลไปด้วย
"อึกกก..หึ่บบ.." สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นดูทรมานเหมือนจะขาดใจ รู้สึกแน่นและเจ็บไปทั่วทรวงอก เขาพูดอะไรไม่ออก แต่ทว่าไม่นานกลับมีน้ำลายฟูมปากออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
"อ..องค์รัชทายาท! ท่านทรงเป็นอันใดไป" นางพูดก่อนจะเข้าไปจับตัวเขาไว้ แต่ทว่าเสียงฝีเท้าดังกึกก้องของทหารด้านนอกกลับวิ่งเข้ามาพร้อมกับหันปลายดาบไปทางนางทันที ซึ่งตอนนี้ได้เพียงตกใจ
"นางหมายจะฆ่าไท่จื่อ!"
"ฮองเฮา มีข่าวมารายงานพะยะค่ะ!" ไม่นานก็มีเสียงดังมาแต่ไกลวิ่งมาหยุดตรงข้างหลังของหญิงสาว นั่นก็คือขันทีของนางเอง นางยิ้มออกมาเล็กน้อยไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด เพราะคิดว่ามันคงจะเป็นข่าวดีที่ตนรอฟังอยู่
"มีคนขององค์รัชทายาทรายงานมาว่า พระชายาหานเสี่ยวหลาน แอบหนีตามชินอ๋องไปพะยะค่ะ" เมื่อพูดจบสีหน้าของหญิงสาวก็เปลี่ยนสีทันที มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดไว้ นางหันไปมองขันทีที่กำลังก้มหน้างุดอยู่ข้างหลังด้วยความเหน็ดเหนื่อย
"นางไปตั้งแต่เมื่อไหร่!?" หญิงสาวถามด้วยความตกใจ นัยน์ตาเค้นถามเหมือนต้องการคำตอบจากอีกฝ่ายมาก มันไม่ได้เป็นไปตามแผนการของเธอหรอกหรือ
"กระหม่อมไม่ทราบพะยะค่ะ" ขันทีผู้นั้นกล่าว
"เป็นไปได้ยังไง ถ้าหากตอนนี้นางกินอาหารในสำรับนั้นไปแล้วล่ะ หรือตอนนี้นางยังไม่กิน" หญิงสาวคิดวิตกกังวล ตอนนี้เธออยู่ไม่เป็นสุข ร่างเล็กเดินวนไปมาแทบอยากจะขว้างสิ่งของที่วางขวางอยู่ทิ้งไปได้
"คำนับฮองเฮา" เสียงแจ้ววิ่งเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรนก่อนจะก้มคำนับ
"เจ้ามีอะไร? ไม่ต้องพิธีรีตรองได้ไหม?" นางพูดด้วยความโมโหก่อนที่สาวใช้จะรีบเงยหน้าและพูดออกไปว่า "มีข่าวมาจากจวนชินอ๋อง บอกว่าไป๋ไป๋ สาวใช้ของพระชายาชินโดนพิษแมลงมุมจากสำรับอาหารที่พวกเราเอาไปให้เพคะ!" เมื่อหญิงสาวพูดจบ ฮองเฮานางเองก็แทบทรุด ความโกรธทั้งความวิตกกังวลเข้ามารุมล้อมในหัว
"เป็นไปได้ยังไงที่เสี่ยวหลานจะไม่ได้กินมัน แต่กลับเป็นไป๋ไป๋ หรือว่านางจะหนีไปก่อนที่ข้าเอาสำรับไปให้!!" นางพูดก่อนจะเดินไปหาขันทีคนสนิทแล้วเขย่าตัวเขาไปมาเพราะต้องการคำตอบ แต่เขากลับยืนนิ่งด้วยความกลัว
"ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้!"
ในเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายทรงมีท่าทีเคร่งเครียดมาก สาวใช้จึงตอบออกไป
"ฮองเฮาอย่าพึ่งวิตกกังวลเพคะ ในเมื่อไป๋ไป๋เห็นทุกอย่างเพียงคนเดียว แล้วนางก็กินอาหารพวกนั้นเข้าไปแล้ว อีกอย่างพิษนี้เมื่อถูกกลืนเข้าไปก็ต้องป่วยไปเจ็ดวัน สุดท้ายก็ต้องตาย ข้าหวังว่านางคงจำอะไรไม่ได้"
"ขอให้มันเป็นแบบนั้นละกัน!" นางหยิบหมอนที่วางอยู่บนเตียงโยนลงกับพื้นเพื่อระบายความโกรธ
ในทางฝั่งของไป๋ไป๋กับหานหลินฮั่วซึ่งตอนนี้เขากำลังเคร่งเครียดอยู่
"ไป๋ไป๋ เหตุใดเรื่องนี้ถึงได้เกิดเรื่องนี้ขึ้นกับเจ้ากัน" หลินฮั่วพูดอย่างเสียใจ สองมือกุมมือเล็กของนางที่ขาวซีดเอาไว้ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เสี่ยวหลานอยู่ที่ไหน ตอนนี้จะรู้ไหมว่าไป๋ไป๋เองเจอกับอะไรบ้าง
รุ่งเช้าวันใหม่ ณ บ้านพักในป่าไผ่ ทหารออกเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้าเพื่อเข้าประจำการตามจุดต่างๆตามคำสั่งคำบัญชาของชินอ๋อง
ตอนนี้พวกเขาเองก็กำลังรวมตัวปรึกษาหารือกันในบ้านพัก แต่ทว่าหานเสี่ยวหลานกลับต้องวกวนอยู่ในครัวกับทหารของจวิ้นอ๋องสองสามคน
"ข้าไม่คิดมาก่อนว่าพวกเจ้าจะเป็นทหารที่ทำอาหารเป็นเช่นนี้" นางพูดพลางเดินไปจัดจานอาหารใส่สำรับ
"เรื่องแค่นี้ง่ายนิดเดียวพระชายา การมาตรวจรอบเมือง ปกป้องเมือง ต้องมีทักษะพวกนี้ด้วย เพื่อความอยู่รอด" ทหารคนหนึ่งเอ่ยแม้ว่าภายใต้คำพูดซื่อใสและดูนับถือจะซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้
ทั้งสามหันหน้าเข้าหากันเหมือนเป็นการส่งสัญญาณ ก่อนที่จะหยิบแก้วน้ำชาหินขึ้นมาใบหนึ่ง แต่ทว่าใบนั้นกลับแปลกไปกับใบอื่น มันมีสีทึบที่แตกต่างกันกับใบอื่น สามารถแยกได้ง่าย
"เอาล่ะ ในเมื่อสำรับอาหารเสร็จแล้ว ข้าคงต้องเอาออกไป พวกเจ้าเตรียมน้ำชาไว้ ข้าจะกลับมาเอา" นางพูดก่อนจะถือสำรับอาหารออกไป
มือหยาบที่กำลังจับแก้วใบนั้นรีบใช้นิ้วมืออีกข้างป้ายยาอะไรบางอย่างลงขอบแก้วก่อนจะวางมันลงที่เดิม
"เสร็จเร็วดีนะพระชายา" ผิงเยว่ฉีพูดเมื่อเห็นว่าเสี่ยวหลานเดินออกมาพอดี แล้วกำลังจัดอาหารลงบนโต๊ะ นางพูดเหมือนจะหาเรื่องแต่อีกฝ่ายกลับไปโต้ตอบอะไร พลางเดินเข้าไปหยิบกาน้ำชาพร้อมกับแก้วชาห้าใบออกมา
ดวงตาคมของเยว่ฉีจดจ้องที่แก้วใบทึบ นางรู้เป้าหมายแล้วว่าควรจะทำเช่นไรต่อไป
"พวกท่านเชิญทานเถิด" เสี่ยวหลานพูดแล้วค่อยๆรินน้ำชาลงในแก้วให้แต่ละคนพร้อมทั้งยื่นให้ แต่ทว่าแก้วใบทึบนั่นกลับอยู่ตรงกับผิงเยว่ฉีพอดี สีหน้าของนางเคร่งตึงขึ้นพลอยคิดวิธีแก้ปัญหา
"นี่ของท่าน องค์รัชทายาท" เสี่ยวหลานรินน้ำชาแก้วใบสุดท้ายก่อนจะยื่นให้เขาซึ่งไม่ใช่แก้วทึบนั่น แต่ทว่าผิงเยว่ฉีกลับแทรกขึ้นมาก่อน
"องค์รัชทายาท ในเมื่อข้าได้รู้จักท่านแล้ว ข้าก็เหมือนพี่สะใภ้ของท่าน ได้โปรดรับแก้วใบนี้จากข้า" เยว่ฉียื่นแก้วทึบนั่นขึ้นแทรกก่อนจะใช้มือขวาของตนจับอีกแก้วในมือของเสี่ยวหลานมาเป็นของตนแทน เสี่ยวหลานได้แต่งงงวยกับสิ่งที่เยว่ฉีกำลังทำ แต่นางไม่ได้สนใจนัก เพียงแต่นั่งลงทานข้าวเมื่อเห็นว่าชินอ๋องส่งสายตาให้นางเหมือนสื่อบอกให้นั่งลง
"ขอให้องค์รัชทายาททรงอายุยืนเป็นหมื่นๆปี" ผิงเยว่ฉีพูดเมื่อเห็นว่าองค์รัชทายาทกำลังจับแก้วใบนั้นไปเขายิ้มให้นางอย่างเป็นมิตรแทบมองไม่เห็นความปองร้าย ในคำพูดกับความคิดกลับตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง
"เอาล่ะ อีกไม่นานข้าคิดว่าพวกนั้นคงมาแล้ว ขอให้พวกท่านจงกินอย่างอิ่มหนำสำราญแล้วเผชิญภัย" องค์รัชทายาทพูดแม้ว่าแก้วชานั้นยังอยู่ในมือ จวิ้นอ๋องก็ได้เพียงแต่ส่งสายตาให้กับผิงเยว่ฉี นางทำได้ดีมาก
"ชินอ๋อง! พวกนั้นบุกมาแล้ว!" ไม่นานเสียงคนข้างนอกก็ดังขึ้น ทุกคนตื่นตาตื่นใจก่อนจะลุกขึ้นมอง และเห็นทหารผู้หนึ่งวิ่งเข้ามา
"พวกนั้นมากันแล้วขอรับพวกท่าน!" เขาเอ่ยพร้อมกับชี้ออกไป แต่ทว่าองค์รัชทายาทที่กำลังจะกินน้ำชาเองก็ต้องชะงักไว้
"ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้แล้ว พวกข้าคงต้องไปแล้ว" ชินอ๋องพูดกับองค์รัชทายาทก่อนจะมองไปที่เสี่ยวหลานที่ตอนนี้นางทำท่าทางเป็นห่วงเขาจึงพยักหน้าให้นางหนึ่งทีว่าจงเชื่อมั่นว่าเขาเอาตัวรอดเองได้แล้วจึงรีบเดินออกไปเลย แม้แต่จวิ้นอ๋องกับเยว่ฉีก็ด้วย นางชายตามองที่องค์รัชทายาทเล็กน้อยว่าได้จิบชาหรือยังก่อนจะรีบออกไป
องค์รัชทายาทรีบยกดื่มน้ำชาในถ้วยทึบนั่นไปอึกใหญ่และหมดในทันที ตอนนี้เขากำลังวิตกกังวลและเป็นห่วงแต่กลับไม่ได้มองดูตัวเองเลยที่กำลังป่วย
"ข้าหวังว่าพวกเขาจะทำได้ดี" หานเสี่ยวหลานพูด แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับนิ่งไป
"อึก.." น้ำเสียงเหมือนมีอะไรตื้นตันในลำคอ มือหนาทาบบนอกของตนเบาๆ เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย
"องค์รัชทายาททรงเป็นอะไรไป" นางถามด้วยความสงสัย เขาเองก็ทำให้นางต้องกังวลไปด้วย
"อึกกก..หึ่บบ.." สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นดูทรมานเหมือนจะขาดใจ รู้สึกแน่นและเจ็บไปทั่วทรวงอก เขาพูดอะไรไม่ออก แต่ทว่าไม่นานกลับมีน้ำลายฟูมปากออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
"อ..องค์รัชทายาท! ท่านทรงเป็นอันใดไป" นางพูดก่อนจะเข้าไปจับตัวเขาไว้ แต่ทว่าเสียงฝีเท้าดังกึกก้องของทหารด้านนอกกลับวิ่งเข้ามาพร้อมกับหันปลายดาบไปทางนางทันที ซึ่งตอนนี้ได้เพียงตกใจ
"นางหมายจะฆ่าไท่จื่อ!"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ