กรุ่นไอรักจากตำหนักหวางเฟย
-
เขียนโดย เหวินฉี
วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.51 น.
21 ตอน
0 วิจารณ์
15.06K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 16.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
17) เดินทาง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความรุ่งเช้าที่มาถึง พวกเขาได้เตรียมพร้อมสำหรับออกไปช่วยเหลือองค์รัชทายาท ชินอ๋องถูกเรียกให้ไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้พร้อมกับจวิ้นอ๋อง
ภายในโถงพระราชวังที่มีแต่ความตึงเครียด แม้แต่ฮองเฮาเองก็ได้แต้กระวนกระวาย เธอจะไม่อยากเห็นลูกชายของตนต้องมารับอันตรายเช่นนี้ ถ้าหากว่าเขาตาย แล้วฮ่องเต้เลือกให้จวิ๋นอ๋องเป็นผู้สืบทอดคนต่อไป นางอาจจะถูกยกเลิกจากการเป็นฮองเฮาก็ว่าได้
"ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะทราบเป็นอย่างดี ได้โปรดตามไปช่วยองค์รัชทายาท" ฮ่องเต้พูดพร้อมกับเดินกระวนกระวาย ตอนนี้เขาเองก็อยู่ไม่เป็นสุข
"ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะมีฝีมือมากพอ อย่างน้อยก็เห็นแก่เมืองของเรา" ฮองเฮาพูดพร้อมกับสีหน้าที่ต้องการความช่วยเหลือปนกับให้ความหวัง
"กระหม่อมทำได้แน่นอนพะยะค่ะ" จวิ้นอ๋องพูดพร้อมกับหันไปมองชินอ๋องด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ นั่นก็หนีไม่พ้นสายตาของฮองเฮาเช่นกัน
"กระหม่อมเองก็ทำได้พะยะค่ะ" ชินอ๋องพูดโดยไม่สนใจท่าทีของคนรอบข้าง
"เสี่ยวโม่ เจ้าพาพระชายาไปด้วยเหรอ" ฮองเฮาพูดเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ข้างหลังของจวิ้นอ๋องคือผิงเยว่ฉี
"นางเคยรบ เคยต่อสู้ กระหม่อมว่าเป็นการดีที่เราทั้งคู่จะไปด้วยกัน เราสามารถช่วยเหลือกันได้พะยะค่ะ รบเคียงบ่าเคียงไหล่" จวิ้นอ๋องเอ่ย เมื่อถึงประโยคสุดท้ายเขากลับทำน้ำเสียงเน้นและมองดูชินอ๋องที่ตกใจไปพร้อมๆกัน ก่อนที่เจ้าตัวจะมองดูจวิ้นอ๋อง ทั้งสองมองกันด้วยสีหน้าบาดหมาง ประโยคสุดท้ายที่จวิ้นอ๋องพูดคือคำที่เขาเคยใช้กับผิงเยว่ฉี
"ใช่แล้วเพคะ เราจะรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน" ผิงเยว่ฉีคำนับพร้อมกับเอ่ยออกไป เพียงมองไปยังชินอ๋องที่พึ่งหันหน้ากลับไปเล็กน้อย ในใจของเธอก็คิดถึงเรื่องราวในอดีตของคำนี้
"แล้วท่านล่ะชินอ๋อง ข้าคิดว่าท่านคงไม่เอาภรรยาที่ป่วยอยู่ไปด้วยหรอกจริงไหม" เสี่ยวโม่หัวเราะในลำคอ
"เป็นหญิงสาวต้องมีหน้าที่อยู่จวนอยู่ตำหนัก เป็นสาวมีสามีต้องมีหน้าที่ดูแลงานบ้าน ส่วนเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของผู้ชาย ไม่เหมาะกับผู้หญิง" เมื่อเขาพูดจบเยว่ฉีก็จ้องมองไปยังเขาทันที มันเหมือนกับคำว่าคำนั้นมีความหมายโดยนัยหรือกล่าวว่าเธออยู่ เธอขมวดคิ้วไปครา
"หยุดเสวนากันได้แล้ว นี่มันควรได้เวลาที่พวกเจ้าต้องไปกันแล้ว" ฮ่องเต้พูดก่อนจะชี้ไปที่พวกเขาที่ตอนนี้เอาแต่ยืนคุยกัน แต่มีเพียงฮ่องเต้ซึ่งกลับเคร่งเครียดไปหมด
"กระหม่อมรับทราบแล้ว จะไปเดี๋ยวนี้" เสี่ยวฉินพูดพร้อมกับเดินออกไปด้วยท่าทีทะมัดทะแมง เขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างทว่าไม่ตายที่นั่นพร้อมกับองค์รัชทายาทก็อาจจะเป็นแพะรับบาป สถานการณ์เช่นนี้จวิ้นอ๋องต้องชอบอยู่แล้วที่เห็นไท่จื่อกำลังได้รับอันตราย
"ชินอ๋อง ท่านอย่าคิดนะว่าจะได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้" เมื่อเดินออกมาได้ไม่นานก็มีเสียงของจวิ้นอ๋องเดินตามหลังมา เสียงนั่นปนกับเสียงหัวเราะสนุกสนานเยาะเย้ยในลำคอ
"ข้ารู้ว่าพวกเจ้าจะทำอะไร นั่นไม่จำเป็นที่ข้าจะต้องได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้" เขาเอ่ยก่อนจะหันไปมองอีกฝ่าย
"ฮึ?" น้ำเสียงในลำคอดังขึ้นด้วยความสงสัย
"เจ้าจะฆ่าข้าตอนนี้ก็ได้นะหลานรัก ข้ารู้จุดประสงค์ของเจ้าแล้ว แต่เจ้ามันขี้ขลาด เสี่ยวโม่" เสี่ยวฉินยิ้มมุมปาก
"คืนวันนั้นมันคืออุบัติเหตุ ข้าไม่ได้ตั้งใจ" จวิ้นอ๋องปฏิเสธหน้าซื่อ มือหนาที่กำแน่นอยู่ก็สั่นเบาๆ
"จริงหรือ?" เขายิ้ม
"ท่านคิดว่าข้าอยากให้ท่านตายนักหรือ? ข้าคงไม่เอาเปรียบท่านหรอก ข้ามีศักดิ์ศรีพอ ท่านจะต้องตายด้วยน้ำมือข้าจริงๆ ไม่ใช่ตายด้วยเล่ห์กลอะไร" จวิ้นอ๋องพูดก่อนจะกำหมัดแน่นและยิ้มกลบเกลื่อนเพื่อให้เห็นว่าตนแกร่งกว่า แต่ทว่าฝ่ายที่ควรจะยิ้มมากกว่านั่นคือชินอ๋อง
"เจ้าก็คงจะโง่อย่างที่ท่านพ่อของเจ้าบอก ฉางเสี่ยวโม่เจ้าคนหน้าโง่" ชินอ๋องเอ่ยด้วยเสียงเรียบแต่ทำให้คนตรงหน้ารู้สึกไม่ดีและโกรธมาก
"ท่าน!! ถ้าวันนั้นนางผู้หญิงนั่นไม่มารับดาบแทนท่าน ท่านก็คงตายไปแล้ว!" จวิ้นอ๋องหมดความอดทนจึงพูดตามความจริงออกไป
"ปากบอกว่ารักนาง แต่พอนางโดนเจ้าทำร้ายเองกลับไม่รู้สึกผิดเสียนิดเดียว ไม่ไปกราบขอขมาลาโทษนางหน่อยหรือ?" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไร เขาจึงเดินหนีไปเลย
"ท่านจงจำเอาไว้ฉางเสี่ยวโม่ ข้าจะทำให้ท่านล้มลงกับพื้น!" จวิ้นอ๋องกล่าว
ชินอ๋องเดินมายังรถม้าที่ถูกเตรียมไว้แล้ว รอบๆเต็มไปด้วยทหารที่สวมผ้าคลุมสีดำ ซึ่งต่างกำลังนั่งอยู่บนหลังม้า แต่ทว่าคนขับรถม้าของเขาเองกลับทำให้รู้สึกว่าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เขาคือใครกัน เหตุใดถึงรู้สึกคุ้นชินที่ไม่คุ้นชิน
"คนขับรถม้านี่เป็นใครโม่สิน ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน" เขาพูดพร้อมกับมองไปยังชายที่มีหน้าที่บังคับม้าซึ่งคลุมผ้าคลุมสีดำกริบอยู่
"เอ่อ.. เขาคือทหารในส่วนของกระหม่อมเองขอรับ" โม่สินที่นั่งอยู่บนหลังม้าตอบกลับ ก่อนที่เสี่ยวฉินเองจะขึ้นรถม้าไป แม้ว่าตนจะยังสงสัยอยู่
"ว่าแต่ชินอ๋องท่านจะไม่ไปบอกลาพระชายาหน่อยหรือ?" โม่สินเอ่ยถามคนที่อยู่ในรถม้า
"ไม่ต้องล่ะ ไปกันเถอะ" ชินอ๋องพูดแม้ว่าตนเองก็คงจะอยากไปเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นรถม้าจึงแล่นออกไปตามถนนดินที่คลุ้งไปตามทาง พร้อมกับทหารที่ขี่ม้าตามมาหลังๆ
ภายในตำหนักของเสี่ยวหลาน เมื่อเสี่ยวฉินออกจากจวนไปแล้ว ก็คงเหลือเพียงแค่เสี่ยวหลานที่อยู่ในตำหนัก นี่คงเป็นทางที่ดีที่จะกำจัดใครสักคน ฮองเฮาเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มแห่งความน่ากลัว พร้อมกับสำรับอาหารที่คนใช้กำลังถือตามมา แม้ว่านางจะกำลังทุกข์ใจอยู่กับลูกตัวเอง แต่นี่ก็เป็นสิ่งดีเช่นกัน
เสียงเคาะประตูดังขึ้นถี่ๆด้วยน้ำมือของฮองเฮา ทำให้คนข้างในก็ต้องตกใจหวาดระแวงจนทำตัวไม่ถูก แต่ก็ต้องตัดสินใจเดินออกไป
"คำนับฮองเฮา"
"ไป๋ไป๋ นายของเจ้าล่ะ อยู่ที่ไหน" ฮองเฮาเอ่ยก่อนจะมองซ้ายมองขวาภายในห้อง แม้ว่าไป๋ไป๋เองจะมาเดินบังหน้าประตูไว้ผิดปกติ
"พระชายายังไม่ตื่นเพคะ นางทรงบาดเจ็บนักและต้องได้รับการพักผ่อน ขอให้ฮองเฮาทรงมาใหม่ในวันหลัง" ไป๋ไป๋เอ่ยอย่างฉะฉานชัดเจนไม่มีแม้พิรุธใดๆ
"อย่างงั้นหรือ?" นางเอ่ยถาม
"พระชายามีรับสั่งให้ฮองเฮาทรงออกไปก่อนเพคะ" ไป๋ไป๋พูดก่อนจะมองไปยังร่างบนเตียง ที่เป็นหมอนข้างและถูกห่อด้วยผ้าห่ม ภายในใจฮองเฮาก็เพียงแต่คิดว่านางช่างกล้าที่ไล่เธอซึ่งเป็นถึงฮองเฮาได้เพียงนี้เชียว
"ข้าขอโทษถ้าหากว่าข้ามากวนเจ้าละกัน ข้ามีอาหารปรุงสุกใหม่ๆจะมามอบให้นาง หวังว่านางจะรับ" ฮองเฮาพูดพร้อมกับผายมือไปยังสำรับอาหาร ในนั้นมีทั้งยา อาหารต่างๆและขนมดอกกุ้ยฮวาของโปรดของเสี่ยวหลาน
"หม่อมฉันจะเอาเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ" ไป๋ไป๋พูดพร้อมกับหยิบสำรับนั้นมาและรีบปิดประตูไว้
"ช่างเสียมารยาท" หญิงสาวที่อยู่นอกตำหนักเอ่ยด้วยน้ำเสียงเค้นแค้น ก่อนที่จะตัดสินใจเดินออกไปเลย
"พระชายานะพระชายา ทำไมถึงได้หนีออกไปเช่นนี้" หญิงสาวพูดก่อนจะวางสำรับอาหารลงและมองสลับกับหมอนข้างบนเตียง
"อืม.. ในเมื่อท่านไม่อยู่ ข้าจะกินเผื่อท่านเอง" ไป๋ไป๋พูดพลางยิ้มด้วยความดีใจก่อนที่จะนั่งลงและค่อยๆเคลียร์อาหารทั้งหมดไปทีละอย่าง
ภายในโถงพระราชวังที่มีแต่ความตึงเครียด แม้แต่ฮองเฮาเองก็ได้แต้กระวนกระวาย เธอจะไม่อยากเห็นลูกชายของตนต้องมารับอันตรายเช่นนี้ ถ้าหากว่าเขาตาย แล้วฮ่องเต้เลือกให้จวิ๋นอ๋องเป็นผู้สืบทอดคนต่อไป นางอาจจะถูกยกเลิกจากการเป็นฮองเฮาก็ว่าได้
"ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะทราบเป็นอย่างดี ได้โปรดตามไปช่วยองค์รัชทายาท" ฮ่องเต้พูดพร้อมกับเดินกระวนกระวาย ตอนนี้เขาเองก็อยู่ไม่เป็นสุข
"ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะมีฝีมือมากพอ อย่างน้อยก็เห็นแก่เมืองของเรา" ฮองเฮาพูดพร้อมกับสีหน้าที่ต้องการความช่วยเหลือปนกับให้ความหวัง
"กระหม่อมทำได้แน่นอนพะยะค่ะ" จวิ้นอ๋องพูดพร้อมกับหันไปมองชินอ๋องด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ นั่นก็หนีไม่พ้นสายตาของฮองเฮาเช่นกัน
"กระหม่อมเองก็ทำได้พะยะค่ะ" ชินอ๋องพูดโดยไม่สนใจท่าทีของคนรอบข้าง
"เสี่ยวโม่ เจ้าพาพระชายาไปด้วยเหรอ" ฮองเฮาพูดเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ข้างหลังของจวิ้นอ๋องคือผิงเยว่ฉี
"นางเคยรบ เคยต่อสู้ กระหม่อมว่าเป็นการดีที่เราทั้งคู่จะไปด้วยกัน เราสามารถช่วยเหลือกันได้พะยะค่ะ รบเคียงบ่าเคียงไหล่" จวิ้นอ๋องเอ่ย เมื่อถึงประโยคสุดท้ายเขากลับทำน้ำเสียงเน้นและมองดูชินอ๋องที่ตกใจไปพร้อมๆกัน ก่อนที่เจ้าตัวจะมองดูจวิ้นอ๋อง ทั้งสองมองกันด้วยสีหน้าบาดหมาง ประโยคสุดท้ายที่จวิ้นอ๋องพูดคือคำที่เขาเคยใช้กับผิงเยว่ฉี
"ใช่แล้วเพคะ เราจะรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน" ผิงเยว่ฉีคำนับพร้อมกับเอ่ยออกไป เพียงมองไปยังชินอ๋องที่พึ่งหันหน้ากลับไปเล็กน้อย ในใจของเธอก็คิดถึงเรื่องราวในอดีตของคำนี้
"แล้วท่านล่ะชินอ๋อง ข้าคิดว่าท่านคงไม่เอาภรรยาที่ป่วยอยู่ไปด้วยหรอกจริงไหม" เสี่ยวโม่หัวเราะในลำคอ
"เป็นหญิงสาวต้องมีหน้าที่อยู่จวนอยู่ตำหนัก เป็นสาวมีสามีต้องมีหน้าที่ดูแลงานบ้าน ส่วนเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของผู้ชาย ไม่เหมาะกับผู้หญิง" เมื่อเขาพูดจบเยว่ฉีก็จ้องมองไปยังเขาทันที มันเหมือนกับคำว่าคำนั้นมีความหมายโดยนัยหรือกล่าวว่าเธออยู่ เธอขมวดคิ้วไปครา
"หยุดเสวนากันได้แล้ว นี่มันควรได้เวลาที่พวกเจ้าต้องไปกันแล้ว" ฮ่องเต้พูดก่อนจะชี้ไปที่พวกเขาที่ตอนนี้เอาแต่ยืนคุยกัน แต่มีเพียงฮ่องเต้ซึ่งกลับเคร่งเครียดไปหมด
"กระหม่อมรับทราบแล้ว จะไปเดี๋ยวนี้" เสี่ยวฉินพูดพร้อมกับเดินออกไปด้วยท่าทีทะมัดทะแมง เขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างทว่าไม่ตายที่นั่นพร้อมกับองค์รัชทายาทก็อาจจะเป็นแพะรับบาป สถานการณ์เช่นนี้จวิ้นอ๋องต้องชอบอยู่แล้วที่เห็นไท่จื่อกำลังได้รับอันตราย
"ชินอ๋อง ท่านอย่าคิดนะว่าจะได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้" เมื่อเดินออกมาได้ไม่นานก็มีเสียงของจวิ้นอ๋องเดินตามหลังมา เสียงนั่นปนกับเสียงหัวเราะสนุกสนานเยาะเย้ยในลำคอ
"ข้ารู้ว่าพวกเจ้าจะทำอะไร นั่นไม่จำเป็นที่ข้าจะต้องได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้" เขาเอ่ยก่อนจะหันไปมองอีกฝ่าย
"ฮึ?" น้ำเสียงในลำคอดังขึ้นด้วยความสงสัย
"เจ้าจะฆ่าข้าตอนนี้ก็ได้นะหลานรัก ข้ารู้จุดประสงค์ของเจ้าแล้ว แต่เจ้ามันขี้ขลาด เสี่ยวโม่" เสี่ยวฉินยิ้มมุมปาก
"คืนวันนั้นมันคืออุบัติเหตุ ข้าไม่ได้ตั้งใจ" จวิ้นอ๋องปฏิเสธหน้าซื่อ มือหนาที่กำแน่นอยู่ก็สั่นเบาๆ
"จริงหรือ?" เขายิ้ม
"ท่านคิดว่าข้าอยากให้ท่านตายนักหรือ? ข้าคงไม่เอาเปรียบท่านหรอก ข้ามีศักดิ์ศรีพอ ท่านจะต้องตายด้วยน้ำมือข้าจริงๆ ไม่ใช่ตายด้วยเล่ห์กลอะไร" จวิ้นอ๋องพูดก่อนจะกำหมัดแน่นและยิ้มกลบเกลื่อนเพื่อให้เห็นว่าตนแกร่งกว่า แต่ทว่าฝ่ายที่ควรจะยิ้มมากกว่านั่นคือชินอ๋อง
"เจ้าก็คงจะโง่อย่างที่ท่านพ่อของเจ้าบอก ฉางเสี่ยวโม่เจ้าคนหน้าโง่" ชินอ๋องเอ่ยด้วยเสียงเรียบแต่ทำให้คนตรงหน้ารู้สึกไม่ดีและโกรธมาก
"ท่าน!! ถ้าวันนั้นนางผู้หญิงนั่นไม่มารับดาบแทนท่าน ท่านก็คงตายไปแล้ว!" จวิ้นอ๋องหมดความอดทนจึงพูดตามความจริงออกไป
"ปากบอกว่ารักนาง แต่พอนางโดนเจ้าทำร้ายเองกลับไม่รู้สึกผิดเสียนิดเดียว ไม่ไปกราบขอขมาลาโทษนางหน่อยหรือ?" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไร เขาจึงเดินหนีไปเลย
"ท่านจงจำเอาไว้ฉางเสี่ยวโม่ ข้าจะทำให้ท่านล้มลงกับพื้น!" จวิ้นอ๋องกล่าว
ชินอ๋องเดินมายังรถม้าที่ถูกเตรียมไว้แล้ว รอบๆเต็มไปด้วยทหารที่สวมผ้าคลุมสีดำ ซึ่งต่างกำลังนั่งอยู่บนหลังม้า แต่ทว่าคนขับรถม้าของเขาเองกลับทำให้รู้สึกว่าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เขาคือใครกัน เหตุใดถึงรู้สึกคุ้นชินที่ไม่คุ้นชิน
"คนขับรถม้านี่เป็นใครโม่สิน ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน" เขาพูดพร้อมกับมองไปยังชายที่มีหน้าที่บังคับม้าซึ่งคลุมผ้าคลุมสีดำกริบอยู่
"เอ่อ.. เขาคือทหารในส่วนของกระหม่อมเองขอรับ" โม่สินที่นั่งอยู่บนหลังม้าตอบกลับ ก่อนที่เสี่ยวฉินเองจะขึ้นรถม้าไป แม้ว่าตนจะยังสงสัยอยู่
"ว่าแต่ชินอ๋องท่านจะไม่ไปบอกลาพระชายาหน่อยหรือ?" โม่สินเอ่ยถามคนที่อยู่ในรถม้า
"ไม่ต้องล่ะ ไปกันเถอะ" ชินอ๋องพูดแม้ว่าตนเองก็คงจะอยากไปเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นรถม้าจึงแล่นออกไปตามถนนดินที่คลุ้งไปตามทาง พร้อมกับทหารที่ขี่ม้าตามมาหลังๆ
ภายในตำหนักของเสี่ยวหลาน เมื่อเสี่ยวฉินออกจากจวนไปแล้ว ก็คงเหลือเพียงแค่เสี่ยวหลานที่อยู่ในตำหนัก นี่คงเป็นทางที่ดีที่จะกำจัดใครสักคน ฮองเฮาเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มแห่งความน่ากลัว พร้อมกับสำรับอาหารที่คนใช้กำลังถือตามมา แม้ว่านางจะกำลังทุกข์ใจอยู่กับลูกตัวเอง แต่นี่ก็เป็นสิ่งดีเช่นกัน
เสียงเคาะประตูดังขึ้นถี่ๆด้วยน้ำมือของฮองเฮา ทำให้คนข้างในก็ต้องตกใจหวาดระแวงจนทำตัวไม่ถูก แต่ก็ต้องตัดสินใจเดินออกไป
"คำนับฮองเฮา"
"ไป๋ไป๋ นายของเจ้าล่ะ อยู่ที่ไหน" ฮองเฮาเอ่ยก่อนจะมองซ้ายมองขวาภายในห้อง แม้ว่าไป๋ไป๋เองจะมาเดินบังหน้าประตูไว้ผิดปกติ
"พระชายายังไม่ตื่นเพคะ นางทรงบาดเจ็บนักและต้องได้รับการพักผ่อน ขอให้ฮองเฮาทรงมาใหม่ในวันหลัง" ไป๋ไป๋เอ่ยอย่างฉะฉานชัดเจนไม่มีแม้พิรุธใดๆ
"อย่างงั้นหรือ?" นางเอ่ยถาม
"พระชายามีรับสั่งให้ฮองเฮาทรงออกไปก่อนเพคะ" ไป๋ไป๋พูดก่อนจะมองไปยังร่างบนเตียง ที่เป็นหมอนข้างและถูกห่อด้วยผ้าห่ม ภายในใจฮองเฮาก็เพียงแต่คิดว่านางช่างกล้าที่ไล่เธอซึ่งเป็นถึงฮองเฮาได้เพียงนี้เชียว
"ข้าขอโทษถ้าหากว่าข้ามากวนเจ้าละกัน ข้ามีอาหารปรุงสุกใหม่ๆจะมามอบให้นาง หวังว่านางจะรับ" ฮองเฮาพูดพร้อมกับผายมือไปยังสำรับอาหาร ในนั้นมีทั้งยา อาหารต่างๆและขนมดอกกุ้ยฮวาของโปรดของเสี่ยวหลาน
"หม่อมฉันจะเอาเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ" ไป๋ไป๋พูดพร้อมกับหยิบสำรับนั้นมาและรีบปิดประตูไว้
"ช่างเสียมารยาท" หญิงสาวที่อยู่นอกตำหนักเอ่ยด้วยน้ำเสียงเค้นแค้น ก่อนที่จะตัดสินใจเดินออกไปเลย
"พระชายานะพระชายา ทำไมถึงได้หนีออกไปเช่นนี้" หญิงสาวพูดก่อนจะวางสำรับอาหารลงและมองสลับกับหมอนข้างบนเตียง
"อืม.. ในเมื่อท่านไม่อยู่ ข้าจะกินเผื่อท่านเอง" ไป๋ไป๋พูดพลางยิ้มด้วยความดีใจก่อนที่จะนั่งลงและค่อยๆเคลียร์อาหารทั้งหมดไปทีละอย่าง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ