กรุ่นไอรักจากตำหนักหวางเฟย
เขียนโดย เหวินฉี
วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.51 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 16.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) เจ้าคือใคร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในระหว่างการเดินทางขบวนทหารและรถม้าของชินอ๋อง ชายหนุ่มซึ่งอยู่ในรถรู้สึกยังคงค้างคาใจกับคนขับรถม้าผู้นี้ จึงใช้มือเปิดผ้าม่านออกเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถาม
"เจ้าเป็นคนของโม่สินจริงหรือ? " เขาถามด้วยความสงสัย แต่ทว่าคนข้างหน้ากลับไม่ตอบอะไรเลย เพียงแต่พยายามตีม้าให้วิ่งเร็วขึ้น
"เจ้าจะไม่ตอบข้าหรือ? " เมื่อทุกอย่างเงียบเขาจึงเอ่ยถามไปอีก
"หึ" เขาถอนหายใจด้วยความโมโหเมื่อไม่มีเสียงตอบรับอะไรเลยก่อนจะปิดผ้าม่านลง ปกติแล้วทหารของเขาจะตอบโต้อย่างไว เพราะถ้าขืนชักช้าเช่นนั้นอาจจะโดนอะไรต่างๆ นาๆ โดยรู้นิสัยของชินอ๋องดี ตอนนี้มันเหมือนกับว่าเขากำลังโดนใครเล่นงานอยู่ยังไงยังงั้น
ไม่นานก็เดินทางมาถึง ที่นี่เป็นบ้านพักเก่าแก่ในป่าไผ่ที่ใช้เพื่อตรวจตรารอบเมือง โดยมีองค์รัชทายาทอยู่ แต่ที่นี่กลับห่างไกลจากพระราชวังนัก
เมื่อรถม้าหยุด ชายหนุ่มก็เดินลงพร้อมกับกวาดสายตาไปยังคนขับรถม้าที่ตอนนี้คลุมผ้าดำมิด
"ท่านอ๋อง ข้าว่าเราเข้าไปก่อนดีกว่าขอรับ" โม่สินกระโดดลงจากหลังม้าเมื่อเห็นเช่นนั้นก็กลัวว่าจะไปกันใหญ่ จึงรีบชักชวนเขาให้เข้าไป แต่ทว่าชินอ๋องเองก็สงสัยในตัวของโม่สินเช่นกัน
"ข้าจะไม่บอกเจ้าว่าข้าสงสัยในตัวเจ้านะโม่สิน" เขามองชายแปลกหน้าสลับกับโม่สินซึ่งตอนนี้กำลังก้มลง แต่ทว่าไม่นานกลิ่นดินก็คลุ้งขึ้นจากรถม้าที่วิ่งเข้ามาทีหลัง เป็นใครไม่ได้นอกจากจวิ้นอ๋อง
"หากเป็นเช่นนั้นเราก็เข้าไปกันเถิด" ฉางเสี่ยวฉินพูดเมื่อเห็นว่าจวิ้นอ๋องเองกำลังเดินลงมาพร้อมกับผิงเยว่ฉี เขาไม่อยากจะเสวนาด้วยนัก จึงรีบเดินหนีไป
"คำนับชินอ๋อง" ทหารสองคนที่อยู่หน้าประตูพูดพร้อมกับก้มคำนับ
"องค์รัชทายาทเป็นเช่นใด" เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม
"องค์รัชทายาทตอนนี้ได้รับบาดเจ็บจากการซุ่มโจมตี ตอนนี้ฟื้นแล้วแต่ยังไม่หายดีนักขอรับ" ชายคนหนึ่งเอ่ย
"แล้วสถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นใด" เสี่ยวฉินเอ่ยถามอีก ซึ่งข้างๆ ของเขาก็คือโม่สิน
"ทหารของเราเสียไปเป็นจำนวนมาก กระหม่อมหวั่นเกรงว่าคนพวกนั้นจะมาลอบสังหารพวกเราอีกครั้ง"
"พวกข้ามาแล้ว เราจะปกป้ององค์รัชทายาทและเมืองของเราให้ดีที่สุด" ชายหนุ่มพูดด้วยความหนักแน่น
"ท่านเชิญเข้าไปดูเสียเถิด" ทั้งสองหลีกทางให้ก่อนจะเปิดประตูออก
"ท่านอา" เมื่อเดินเข้าไปถึงไม่กี่ก้าว เสียงแหบพร้าของชายหนุ่มก็ดังขึ้น ตอนนี้เจ้าของร่างกำลังนอนอยู่บนเตียงซึ่งมีรอยแดงรอยเลือดเป็นจ้ำๆ ตามตัวแม้ว่ามันถูกปกปิดด้วยผ้าขาวไว้ก็ตาม
"เสี่ยวลู่ เจ้าเป็นเช่นใด" ตามเดิมแล้วเขากับชินอ๋องสนิทกันมานานด้วยความที่เป็นอาหลาน เสี่ยวลู่เองก็เป็นมิตรได้กับทุกคนแต่เขาไม่เคยรู้ว่ากำลังมีคนที่พยายามจะฆ่าเขาและเห็นเขาตายอย่างยินดี ถ้าให้ชินอ๋องต้องเลือกระหว่างฆ่าเขากับฆ่าจวิ้นอ๋องเพื่อให้ได้เป็นฮ่องเต้คนต่อไป เขาเองก็คงเลือกจะฆ่าจวิ้นอ๋องคนโง่
"ท่านอา ข้านึกว่าข้าตายไปแล้วเสียอีก" เสี่ยวลู่พูดก่อนจะพยายาบจับมือของชินอ๋องที่ตอนนี้เขายืนอยู่ข้างเตียง
"เจ้ายังไม่ตายเสี่ยวลู่ เจ้ายังอยู่" เขาพูดปลอบใจ ไม่นานนักฉางเสี่ยวโม่กับผิงเยว่ฉีก็เดินเข้ามา
"ท่านพี่ ท่านมาด้วยหรือ" เสี่ยวลู่ที่นอนอยู่บนเตียงเอ่ยถาม ภายในใจต่างยินดีปรีดาที่ได้พบทุกคน เขาไม่ได้กลับไปพระราชวังเลยเป็นเวลาสองเดือน
"ข้าก็ต้องมาหาเจ้าอยู่แล้ว น้องรัก" น้ำเสียงแห่งความเสแสร้งดังขึ้น ชินอ๋องเองก็หันไปมอง ดวงตาคมของเสี่ยวโม่จ้องไปที่ชินอ๋องด้วยความโมโหปานจะฆ่าให้ตาย ก่อนจะจ้องดูเสี่ยวลู่ด้วยรอยยิ้มเหมือนรู้สึกยินดีแต่ในนั้นแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์
"ดีเลย พวกเรามีหลายคนจะสามารถจัดการกับมันได้" เสี่ยวลู่หรือในนามองค์รัชทายาทพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังและมีหลักการ
ไม่นานสีหน้าแห่งความดีใจที่แสดงออกได้ไม่นานนักก็หงอยลงเมื่อคิดถึงอะไรบางอย่าง "ข้าเกรงว่า พวกมันจะบุกมาพรุ่งนี้เพราะมันเห็นว่าข้าไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว แผนการของพวกมันต่อไปก็คงจะยึดเมืองเหยี่ยชิงของเรา ลำบากพวกท่านแล้ว" ฉางเสี่ยวลู่พูดพลางมองที่เสี่ยวฉินกับเสี่ยวโม่สลับกันด้วยสีหน้าวิตกกังวล
"พวกเราจะเตรียมการไว้ จะจับพวกมันให้ได้ เจ้าไม่ต้องห่วงเสี่ยวลู่" ชินอ๋องพูดเพื่อให้ทุกคนตรงหน้ารู้สึกดีขึ้น เขาเองก็พยักหน้าตอบรับ
"พวกท่านมาแต่ไกล หาอะไรทานก่อนเถิด ข้าจะบอกทหารของข้าจัดหาอะไรไว้ให้" ฉางเสี่ยวลู่หันไปมองที่ทหารของตนเตรียมจะสั่งแต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงของจวิ้นอ๋องทันที
"เจ้าไม่ต้องจัดหาอะไรมาหรอก พวกเราจะจัดการทั้งหมดเอง และนี่คือยาที่ข้าจะมอบให้เจ้า มันหายดีมากน้องชาย" จวิ้นอ๋องพูดพร้อมกับหันไปสั่งเยว่ฉีให้ยื่นห่ออะไรบางอย่างลงข้างกายให้กับฉางเสี่ยวลู่ ชินอ๋องก็มองตามตาไม่ละ
"นั่นผิงเยว่ฉี ลูกสาวของอดีตแม่ทัพนี่ นางคือภริยาของท่านหรือท่านพี่" ฉางเสี่ยวลู่เอ่ยถามอย่างสับสนและสงสัยเมื่อนางวางห่อนั่นลงและเดินไปหยุดข้างหลังของจวิ้นอ๋อง
"ใช่แล้วนี่คือพระชายาของข้า" เขาโอบกอดนางเล็กน้อยเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ทว่าเสี่ยวลู่เองก็ยังคงสับสน เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอดีตของเยว่ฉีและเสี่ยวฉิน พลางมองดูชินอ๋องที่สีหน้าไม่ค่อยดีนัก ก็รู้สึกว่าตนไม่ควรจะถามหรือสงสัยอะไรแล้ว
"ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกท่านไปพักผ่อนเถิด ข้าว่าตอนนี้ข้าเองก็ต้องการพักผ่อน" เสี่ยวลู่พูด ก่อนที่ทุกคนจะเดินออกไปตามคำสั่ง แต่ทว่าชินอ๋องกลับเดินอยู่ในบ้านหลังนั้นพลางดูสิ่งของต่างๆ ก่อนจะสังเกตเห็นขลุ่ยไม้วางอยู่และหยิบมันขึ้นมาลองเป่า
"ท่านอา ท่านจะเอามันไปเป่าก็ได้ ข้าไม่ว่าท่านหรอก" เสี่ยวลู่พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าชินอ๋องยังไม่ออกไปแต่กำลังจับจ้องขลุ่ยเลานั้นเหมือนถูกอกถูกใจ
"ข้าขอยืมมันก่อน" เขาพูด เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเต็มใจจึงเดินออกไปด้วยขลุ่ยเลานั้น
เขาเดินออกมาเป่าขลุ่ยนั้นที่ป่าไผ่อย่างผ่อนคลาย แต่กลับสังเกตได้ว่ากำลังมีใครซักคนแอบมองเขาอยู่ เขาทำเหมือนไม่สนใจอะไร เพราะถ้าโดนลอบฆ่าก็คงมีวิธีจัดการ เสี่ยวฉินเพียงแต่เป่าขลุ่ยต่อ เพลงนี้คือเพลงที่เขากับเยว่ฉีเคยเป่าเล่นด้วยกัน สายลมพัดโชยมาใบไผ่ก็ร่วงหล่นตามทำนองของเพลง
"ข้าไม่ยักรู้มาก่อนว่าท่านจะเป่าเพลงนั้น" เสียงที่คุ้นเคยของผิงเยว่ฉีดังขึ้นจากข้างหลังก่อนจะเผยให้เห็นนางที่กำลังเดินเข้ามา เขาหยุดชะงักเบาๆ
"เจ้ามาได้ยังไง!? " น้ำเสียงแข็งทื่อเอ่ยขึ้น
"ข้าตามเสียงเพลงมา" นางเอ่ยตอบอย่างนุ่มนวลเหมือนว่าตนไม่มีพิษมีภัย แต่ทว่าจู่ๆ นางกลับโผลเข้ากอดชายหนุ่มแน่นและพูดออกมาเสียงอ่อย "ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน"
"เจ้ามีอันใด.." เขาพูดก่อนจะผลักนางออกจากอ้อมอกเพื่อรอฟังสั่งที่หญิงสาวกำลังจะพูด
"เราควรร่วมมือกันฆ่า.." เมื่อพูดยังไม่ทันจบ กลับมีเสียงใบไผ่เข้าแทรกเหมือนกำลังมีคนหลบซ่อนอยู่ที่ใดซักแห่งไม่ใกล้ไม่ไกล แต่เมื่อเจ้าตัวรู้ตัวก็พยายามเดินหนี
แกร๊บกร๊อบ กร๊อบแกร๊บ แกร๊ก
"เจ้าหยุดนะ! " เมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงเท้าคือชายชุดดำกำลังพยายามเดินหนี เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปจับข้อมือของชายหนุ่มเอาไว้ สัมผัสนี้ช่างคุ้นเคย
"เจ้า! ใครส่งเจ้ามา" เขากอดคอชายชุดดำเอาไว้ แต่เมื่อเห็นว่านี่คือชายที่ขับรถม้าของเขาเมื่อเช้าก็ขมวดคิ้วแน่น
"ข้าว่าแล้วเชียวว่าเจ้ามันน่าสงสัย" เขาพูดพลางยิ้มมุมปาก ผิงเยว่ฉีเองก็เดินเข้ามาดู เธอเพียงแค่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพียงเท่านั้น
"ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร ข้าจะฆ่าเจ้าแล้วหั่นเป็นชิ้นๆ ใครส่งเจ้ามา!? พูดมาซะ! " คำพูดนั้นทำให้คนใต้ผ้าคลุมสีดำรู้สึกกลัว
แค่ก แค่ก
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ มีเพียงแต่เสียงไอเหมือนหายใจไม่ออก เขาถูกแขนของชายหนุ่มรัดคอแน่นเกินไป
"ได้ ในเมื่อเจ้าไม่ยอมบอกข้า" เสี่ยวฉินพูดจบก็ใช้มือข้างซ้ายของตน ถอดผ้าคลุมสีดำของคนตรงหน้าออกอย่างแรง
แต่ทว่าคนที่อยู่ใต้ผ้าคลุมนั้นกลับเป็น..
"หานเสี่ยวหลาน! " ทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ