กรุ่นไอรักจากตำหนักหวางเฟย
-
เขียนโดย เหวินฉี
วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.51 น.
21 ตอน
0 วิจารณ์
15.09K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 16.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) เทศกาลโคมลอย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเทศกาลโคมไฟถูกจัดขึ้นในเมืองเหยี่ยชิง แสงที่ส่องมาจากโคมไฟแต่ละดวงต่างส่องแสงเป็นสีเหลืองอร่ามแบบเดียวกัน มันเหมือนกับเป็นวันแห่งความรัก ทุกอย่างเป็นสีแดงแม้แต่เสื้อผ้าของหนุ่มสาวที่มาด้วยกัน แต่นั่นเป็นเพียงแค่อีกส่วน
เสี่ยวหลานซึ่งสวมชุดสีม่วงเดินตามชินอ๋องอย่างไม่ห่างแม้ว่าเธอจะยังไม่หายดีนัก แต่เมื่อพูดถึงเทศกาลยังไงเธอก็ต้องมา เธอมองรอบๆงานเทศกาลตลอดจนผู้คนและโคมไฟแต่ละดวง เสี่ยวหลานยิ้มอย่างดีใจที่ได้เห็นพวกนี้ นัยน์ตาเป็นประกาย แสงสีเหลืองจากโคมที่ลอยบนท้องฟ้าดั่งพระจันทร์พันดวงสะท้อนไปยังดวงตาของเธอเป็นวับแวม
"เราไปนั่งตรงนั้นก่อนเถิด" ชินอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะสังเกตว่าหญิงสาวดูตื่นเต้นกับมันมาก เขาจึงค่อยๆกุมมือของเธออย่างอ่อนโยนและพาเดินไปนั่ง
เมื่อมือหนาของเขาสัมผัสกับเธอ กลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ดวงตาคู่สวยจ้องไปที่มือของเขา เธอกำลังทำตัวไม่ถูก
"อืม" เธอพูดในลำคอตอบรับก่อนจะอมยิ้มแก้มป่องเล็กน้อย วันนี้ไป๋ไป๋ไม่ได้มาด้วย นางก็คงจะมีเพียงชินอ๋องที่ต้องดูแลนางแล้วแหละ
เมื่อทั้งสองนั่งลง บนโต๊ะก็ถูกวางด้วยจานขนมดอกกุ้ยฮวาทันที เสี่ยวหลานเห็นดังนั้นจึงมองไปยังเขาเหมือนกับถามว่านี่คือฝีมือของเขาหรอที่บอกให้คนเตรียมไว้ให้ ก่อนที่ฉางเสี่ยวฉินจะพยักหน้าพร้อมกับยิ้มเบาๆ
สองมือที่กุมกันไว้ตอนนี้ก็ยังคงไม่ปล่อย เขาประสานมือข้างหนึ่งไว้บนโต๊ะถัดจากจานขนมกุ้ยฮวา
"ชินอ๋องผู้นี้แปลกไป ใครกันเข้าร่างท่าน" เสี่ยวหลานพูดแซวเล่นพร้อมทั้งหัวเราะเบาๆพองาม นี่มันไม่ใช่เขาเสียหน่อย แต่ถึงยังไงแบบนี้ก็คงจะดีกว่า
"อย่าปล่อยมือข้านะ" ฉางเสี่ยวฉินพูด โดยไม่ได้สนใจคำพูดของนางเมื่อกี๊เลย เขาเพียงแต่จ้องดูมือของตนที่กุมมือนางไว้แน่นอย่างทนุถนอมอยู่ หญิงสาวผลิยิ้มออกมาเบาๆอย่างเขินอาย
"ข้าสัญญา" นางตอบกลับไปพร้อมกับใช้มืออีกข้างที่ว่างหยิบขนมกุ้ยฮวามากินเพื่อแก้เขินอาย
"ท่านดูสิ โคมไฟพวกนั้น สวยมาก!" เสี่ยวหลานตื่นเต้นจนเกินไปจนนางเผลอทำมือข้างนั้นหลุดเพียงเพราะต้องการชี้ให้เขาดู ตอนนี้สีหน้าของชินอ๋องอยู่ในความตกใจ เขามองดูนางอย่างสงสัย ก่อนจะหันไปมองตามที่นางชี้
"เอ่อ.. ข้าขอโทษ" เมื่อรู้ตัวดีว่าผิดไป นางจึงเป็นฝ่ายที่จับมือของเขาไว้เอง
"เอาเถอะ" เสี่ยวฉินพูดอย่างเอ็นดูก่อนจะใช้อีกมือกุมทับเข้าไปให้แน่นอีก ครั้งนี้มันจะไม่หลุดไปไหนแน่นอน
"เราไปลอยโคมไฟกันไหมท่านอ๋อง" หานเสี่ยวหลานเอ่ยพลางวางขนมกุ้ยฮวาที่ยังกินไม่หมดลงในจานแล้วมองเขาเพื่อรอคำตอบ
"อย่าพึ่งสิ ข้าขอมองหน้าของเจ้าก่อน" เขาพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน นั่นยิ่งทำให้เธอเขินจนต้องเบือนหน้าหนีเพื่อไม่ให้เขาเห็น
"ขออภัยด้วย พระชายากับชินอ๋อง" เสียงปริศนาของใครสักคนดังขึ้นแทรก ตอนนี้เจ้าของเสียงยืนอยู่ตรงหน้าของเขาทั้งสอง ชินอ๋องเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเช่นนั้นจึงรีบเงยหน้าไปมอง ทว่าอยู่ๆมือหนาซึ่งกุมอยู่กลับเหมือนจะสั่นคลอนไปคราเหมือนจะหลุดออก ก่อนที่จะกลับมาแน่นเหมือนเดิม
"ผิงเยว่ฉี.." เสี่ยวหลานพูดเบาๆกับตัวเอง ก่อนจะมองไปยังฉางเสี่ยวฉินที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าลง
"ข้าคงไม่ได้มาขัดอะไรพวกท่านหรอกใช่หรือไม่" นางพูดก่อนจะนั่งลงอีกฝั่ง เพราะโต๊ะสี่เหลี่ยมจัตุรัสนี้มีสี่ที่นั่ง
"ท่านมาที่นี่ด้วยหรอ" เมื่อนางนั่งก้นถึงพื้นโต๊ะ ฉางเสี่ยวฉินก็พูดขึ้นมา แม้ว่าเขาเองจะไม่ได้มองหน้าของนาง
"แน่นอนว่าข้าต้องมา แต่ข้าไม่มีเพื่อน จวิ้นอ๋องไม่ชอบอะไรพวกนี้เลย" นางพูดเหมือนตัดพ้อ ภายใต้หน้ากากความซื่อใสบริสุทธิ์ของนางแฝงไปด้วยชั่วร้าย ไม่รู้ว่าจะเผยลูกเล่นอะไรออกมาบ้าง
"โชคดีที่ข้าเห็นท่านก่อน ข้าจะได้ใช้โอกาสนี้คุยกับท่าน" ผิงเยว่ฉีพูดพลางมองดูมือของทั้งสอง ตอนนี้เองเสี่ยวหลานก็มองดูนางก่อนจะมองตามสายตาของเยว่ฉีที่หยุดอยู่ตรงกุมมือนั่น นางก็พอจะเข้าใจ
"ข้าขอคุยกับเสี่ยวฉินก่อนได้ไหมพระชายา" นางถามเสี่ยวหลานที่ตอนนี้นางไม่ได้จดจ่อเลย เพียงแต่มองดูมือหนาของเสี่ยวฉินว่าจะปล่อยนางหรือไม่
"แล้วแต่พวกท่าน" นางเอ่ยเสียงเรียบแม้ว่าความจริงในใจจะตรงกันข้าม
"ถ้าหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ท่านอ๋องท่านสะดวกคุยกับข้าหรือไม่?" ผิงเยว่ฉีเอ่ยก่อนจะมองดูเสี่ยวฉินที่พึ่งเงยหน้าขึ้น เขามองไปยังโคมไฟหลายๆดวงนั่น ก่อนจะหันมามองเสี่ยวหลาน มือหนาก็ค่อยๆออกไปอย่างช้าๆแต่ยังไม่ออกไปนักเพราะนางพยายามจะจับไว้
"เจ้ารอข้านะเราจะปล่อยโคมไฟด้วยกัน ข้าขอคุยกับนางก่อน" เสี่ยวฉินพูด พลางมองดูนางว่าสะดวกใจไหม ตอนนี้มือของเขาได้ปล่อยนางแล้ว
"อืม" นางตอบกลับด้วยน้ำเสียงในลำคอก่อนจะฝืนยิ้มออกมา สองมือกุมเข้าหากันแทนในเมื่อมือหนาออกไปแล้ว เธอสัญญากับเขาว่าจะไม่ปล่อยมือ แต่กลับเป็นเขาเองที่ปล่อยนาง
ภายระเบียงไม้ชั้นสองของบ้านที่ถูกจัดเป็นส่วนหนึ่งในเทศกาลเช่นกัน เสี่ยวฉินกับเยว่ฉีเดินมายังตรงนี้ ทว่าหากเสี่ยวหลายมองขึ้นไปก็รู้ว่าพวกเขาทำอะไร แต่แค่ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันเพียงเท่านั้นเอง
"ที่ข้าอยากคุยกับท่าน ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่าเรื่องแต่ก่อนของเรา มันจบลงแล้วหรือ ทำไมท่านไม่ตามหาข้า ไม่ทำตามสัญญาเล่า" เยว่ฉีพูดพลางกุมมือทั้งสองข้างของเสี่ยวฉินขึ้นมา
"มันจบตั้งแต่ที่เจ้าแต่งงานเข้าจวนกับจวิ้นอ๋องแล้ว ก่อนหน้านี้ข้ารอเจ้าอยู่ตลอด แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ข้าควรจะรักคนที่รักข้า" ฉางเสี่ยวฉินพูดก่อนจะเบือนหน้ามองออกไปด้านนอก ที่มีโคมไฟหลายๆดวงกำลังลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
"ข้าเชื่อ" นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเชียบ และปล่อยมือของเขาลง ก่อนจะก้มหน้าลง เสี่ยวฉินเองก็ไม่ได้ตอบอะไร
"ในวันที่ข้าแต่งงาน ท่านไม่ฉุดตัวข้าเหมือนกับที่ทำกับนาง นั่นก็รู้แล้วว่าท่านหมดรักข้า" เยว่ฉีเอ่ยก่อนที่น้ำในตาจะเอ่อล้น
"ถ้าเจ้าจะพูดแค่นี้ ข้าต้องไปก่อน นางจะรอข้านาน" ชินอ๋องพูดก่อนจะพยายามปลีกตัวออกไป ไม่นานเยว่ฉีก็กอดชายหนุ่มจากข้างหลังแน่นเพื่อรั้งเอาไว้ แต่ทว่าคนที่อยู่ข้างล่างอย่างเสี่ยวหลานกลับเห็นทุกอย่างทั้งหมด นางรู้สึกเสียใจน้อยๆกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะนั่งมองต่อไป
"เหตุใดคนที่อยู่ตรงนั้นถึงไม่ใช่ข้า เหตุใดถึงเป็นนาง!" เธอถามก่อนที่จะผละกอดจากชินอ๋องแล้วเขาก็หันมามองนางอย่างช้าๆ
"ข้าเคยรักเจ้า แต่ตอนนี้คงไม่ได้แล้วล่ะ เจ้าเป็นหญิงมีสามีแล้ว โปรดอย่าทำเช่นนี้" เสี่ยวฉินพูดก่อนที่นางจะโผลเข้ากอดเขาอีก ครั้งนี้นางร้องไห้หนัก มือหนาของชายหนุ่มลูบหัวของนางเบาๆอย่างที่เคยทำเหมือนแต่ก่อน แต่ทว่านั่นกลับเป็นสิ่งที่เสี่ยวหลานเห็นพอดี เธอรู้สึกสั่นไปทั่วอก ตอนแรกคิดว่าจะรอไหว แต่ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วนางไม่สามารถหลอกตัวเองว่ามันไม่ใช่อย่างที่ตนเห็นได้แล้ว หญิงสาวจึงรีบวิ่งร้องไห้ออกไปจากงานเทศกาล
"ข้าเข้าใจแล้ว" นางพูดแม้ว่าในใจจะไม่ได้อยากพูดเช่นนั้น นางแค่ต้องแก้แค้น แต่ที่มาครั้งนี้เพียงอยากถามชินอ๋องให้แจ่มชัดและทำให้เสี่ยวหลานรู้สึกแย่
"ข้าต้องไปแล้ว!" เขาแกะมือสองข้างที่โอบรอบเอวของเขาออกก่อนจะวิ่งลงไปไม่ได้สนใจคนที่ร้องเรียกตามหลังเลย ตอนนี้เสี่ยวหลานได้เดินหนีไปแล้ว คงจะเป็นเพราะเมื่อกี๊นี้ เขาคิดก่อนจะกุมขมับของตนเอง
เสี่ยวหลานซึ่งสวมชุดสีม่วงเดินตามชินอ๋องอย่างไม่ห่างแม้ว่าเธอจะยังไม่หายดีนัก แต่เมื่อพูดถึงเทศกาลยังไงเธอก็ต้องมา เธอมองรอบๆงานเทศกาลตลอดจนผู้คนและโคมไฟแต่ละดวง เสี่ยวหลานยิ้มอย่างดีใจที่ได้เห็นพวกนี้ นัยน์ตาเป็นประกาย แสงสีเหลืองจากโคมที่ลอยบนท้องฟ้าดั่งพระจันทร์พันดวงสะท้อนไปยังดวงตาของเธอเป็นวับแวม
"เราไปนั่งตรงนั้นก่อนเถิด" ชินอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะสังเกตว่าหญิงสาวดูตื่นเต้นกับมันมาก เขาจึงค่อยๆกุมมือของเธออย่างอ่อนโยนและพาเดินไปนั่ง
เมื่อมือหนาของเขาสัมผัสกับเธอ กลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ดวงตาคู่สวยจ้องไปที่มือของเขา เธอกำลังทำตัวไม่ถูก
"อืม" เธอพูดในลำคอตอบรับก่อนจะอมยิ้มแก้มป่องเล็กน้อย วันนี้ไป๋ไป๋ไม่ได้มาด้วย นางก็คงจะมีเพียงชินอ๋องที่ต้องดูแลนางแล้วแหละ
เมื่อทั้งสองนั่งลง บนโต๊ะก็ถูกวางด้วยจานขนมดอกกุ้ยฮวาทันที เสี่ยวหลานเห็นดังนั้นจึงมองไปยังเขาเหมือนกับถามว่านี่คือฝีมือของเขาหรอที่บอกให้คนเตรียมไว้ให้ ก่อนที่ฉางเสี่ยวฉินจะพยักหน้าพร้อมกับยิ้มเบาๆ
สองมือที่กุมกันไว้ตอนนี้ก็ยังคงไม่ปล่อย เขาประสานมือข้างหนึ่งไว้บนโต๊ะถัดจากจานขนมกุ้ยฮวา
"ชินอ๋องผู้นี้แปลกไป ใครกันเข้าร่างท่าน" เสี่ยวหลานพูดแซวเล่นพร้อมทั้งหัวเราะเบาๆพองาม นี่มันไม่ใช่เขาเสียหน่อย แต่ถึงยังไงแบบนี้ก็คงจะดีกว่า
"อย่าปล่อยมือข้านะ" ฉางเสี่ยวฉินพูด โดยไม่ได้สนใจคำพูดของนางเมื่อกี๊เลย เขาเพียงแต่จ้องดูมือของตนที่กุมมือนางไว้แน่นอย่างทนุถนอมอยู่ หญิงสาวผลิยิ้มออกมาเบาๆอย่างเขินอาย
"ข้าสัญญา" นางตอบกลับไปพร้อมกับใช้มืออีกข้างที่ว่างหยิบขนมกุ้ยฮวามากินเพื่อแก้เขินอาย
"ท่านดูสิ โคมไฟพวกนั้น สวยมาก!" เสี่ยวหลานตื่นเต้นจนเกินไปจนนางเผลอทำมือข้างนั้นหลุดเพียงเพราะต้องการชี้ให้เขาดู ตอนนี้สีหน้าของชินอ๋องอยู่ในความตกใจ เขามองดูนางอย่างสงสัย ก่อนจะหันไปมองตามที่นางชี้
"เอ่อ.. ข้าขอโทษ" เมื่อรู้ตัวดีว่าผิดไป นางจึงเป็นฝ่ายที่จับมือของเขาไว้เอง
"เอาเถอะ" เสี่ยวฉินพูดอย่างเอ็นดูก่อนจะใช้อีกมือกุมทับเข้าไปให้แน่นอีก ครั้งนี้มันจะไม่หลุดไปไหนแน่นอน
"เราไปลอยโคมไฟกันไหมท่านอ๋อง" หานเสี่ยวหลานเอ่ยพลางวางขนมกุ้ยฮวาที่ยังกินไม่หมดลงในจานแล้วมองเขาเพื่อรอคำตอบ
"อย่าพึ่งสิ ข้าขอมองหน้าของเจ้าก่อน" เขาพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน นั่นยิ่งทำให้เธอเขินจนต้องเบือนหน้าหนีเพื่อไม่ให้เขาเห็น
"ขออภัยด้วย พระชายากับชินอ๋อง" เสียงปริศนาของใครสักคนดังขึ้นแทรก ตอนนี้เจ้าของเสียงยืนอยู่ตรงหน้าของเขาทั้งสอง ชินอ๋องเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเช่นนั้นจึงรีบเงยหน้าไปมอง ทว่าอยู่ๆมือหนาซึ่งกุมอยู่กลับเหมือนจะสั่นคลอนไปคราเหมือนจะหลุดออก ก่อนที่จะกลับมาแน่นเหมือนเดิม
"ผิงเยว่ฉี.." เสี่ยวหลานพูดเบาๆกับตัวเอง ก่อนจะมองไปยังฉางเสี่ยวฉินที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าลง
"ข้าคงไม่ได้มาขัดอะไรพวกท่านหรอกใช่หรือไม่" นางพูดก่อนจะนั่งลงอีกฝั่ง เพราะโต๊ะสี่เหลี่ยมจัตุรัสนี้มีสี่ที่นั่ง
"ท่านมาที่นี่ด้วยหรอ" เมื่อนางนั่งก้นถึงพื้นโต๊ะ ฉางเสี่ยวฉินก็พูดขึ้นมา แม้ว่าเขาเองจะไม่ได้มองหน้าของนาง
"แน่นอนว่าข้าต้องมา แต่ข้าไม่มีเพื่อน จวิ้นอ๋องไม่ชอบอะไรพวกนี้เลย" นางพูดเหมือนตัดพ้อ ภายใต้หน้ากากความซื่อใสบริสุทธิ์ของนางแฝงไปด้วยชั่วร้าย ไม่รู้ว่าจะเผยลูกเล่นอะไรออกมาบ้าง
"โชคดีที่ข้าเห็นท่านก่อน ข้าจะได้ใช้โอกาสนี้คุยกับท่าน" ผิงเยว่ฉีพูดพลางมองดูมือของทั้งสอง ตอนนี้เองเสี่ยวหลานก็มองดูนางก่อนจะมองตามสายตาของเยว่ฉีที่หยุดอยู่ตรงกุมมือนั่น นางก็พอจะเข้าใจ
"ข้าขอคุยกับเสี่ยวฉินก่อนได้ไหมพระชายา" นางถามเสี่ยวหลานที่ตอนนี้นางไม่ได้จดจ่อเลย เพียงแต่มองดูมือหนาของเสี่ยวฉินว่าจะปล่อยนางหรือไม่
"แล้วแต่พวกท่าน" นางเอ่ยเสียงเรียบแม้ว่าความจริงในใจจะตรงกันข้าม
"ถ้าหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ท่านอ๋องท่านสะดวกคุยกับข้าหรือไม่?" ผิงเยว่ฉีเอ่ยก่อนจะมองดูเสี่ยวฉินที่พึ่งเงยหน้าขึ้น เขามองไปยังโคมไฟหลายๆดวงนั่น ก่อนจะหันมามองเสี่ยวหลาน มือหนาก็ค่อยๆออกไปอย่างช้าๆแต่ยังไม่ออกไปนักเพราะนางพยายามจะจับไว้
"เจ้ารอข้านะเราจะปล่อยโคมไฟด้วยกัน ข้าขอคุยกับนางก่อน" เสี่ยวฉินพูด พลางมองดูนางว่าสะดวกใจไหม ตอนนี้มือของเขาได้ปล่อยนางแล้ว
"อืม" นางตอบกลับด้วยน้ำเสียงในลำคอก่อนจะฝืนยิ้มออกมา สองมือกุมเข้าหากันแทนในเมื่อมือหนาออกไปแล้ว เธอสัญญากับเขาว่าจะไม่ปล่อยมือ แต่กลับเป็นเขาเองที่ปล่อยนาง
ภายระเบียงไม้ชั้นสองของบ้านที่ถูกจัดเป็นส่วนหนึ่งในเทศกาลเช่นกัน เสี่ยวฉินกับเยว่ฉีเดินมายังตรงนี้ ทว่าหากเสี่ยวหลายมองขึ้นไปก็รู้ว่าพวกเขาทำอะไร แต่แค่ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันเพียงเท่านั้นเอง
"ที่ข้าอยากคุยกับท่าน ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่าเรื่องแต่ก่อนของเรา มันจบลงแล้วหรือ ทำไมท่านไม่ตามหาข้า ไม่ทำตามสัญญาเล่า" เยว่ฉีพูดพลางกุมมือทั้งสองข้างของเสี่ยวฉินขึ้นมา
"มันจบตั้งแต่ที่เจ้าแต่งงานเข้าจวนกับจวิ้นอ๋องแล้ว ก่อนหน้านี้ข้ารอเจ้าอยู่ตลอด แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ข้าควรจะรักคนที่รักข้า" ฉางเสี่ยวฉินพูดก่อนจะเบือนหน้ามองออกไปด้านนอก ที่มีโคมไฟหลายๆดวงกำลังลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
"ข้าเชื่อ" นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเชียบ และปล่อยมือของเขาลง ก่อนจะก้มหน้าลง เสี่ยวฉินเองก็ไม่ได้ตอบอะไร
"ในวันที่ข้าแต่งงาน ท่านไม่ฉุดตัวข้าเหมือนกับที่ทำกับนาง นั่นก็รู้แล้วว่าท่านหมดรักข้า" เยว่ฉีเอ่ยก่อนที่น้ำในตาจะเอ่อล้น
"ถ้าเจ้าจะพูดแค่นี้ ข้าต้องไปก่อน นางจะรอข้านาน" ชินอ๋องพูดก่อนจะพยายามปลีกตัวออกไป ไม่นานเยว่ฉีก็กอดชายหนุ่มจากข้างหลังแน่นเพื่อรั้งเอาไว้ แต่ทว่าคนที่อยู่ข้างล่างอย่างเสี่ยวหลานกลับเห็นทุกอย่างทั้งหมด นางรู้สึกเสียใจน้อยๆกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะนั่งมองต่อไป
"เหตุใดคนที่อยู่ตรงนั้นถึงไม่ใช่ข้า เหตุใดถึงเป็นนาง!" เธอถามก่อนที่จะผละกอดจากชินอ๋องแล้วเขาก็หันมามองนางอย่างช้าๆ
"ข้าเคยรักเจ้า แต่ตอนนี้คงไม่ได้แล้วล่ะ เจ้าเป็นหญิงมีสามีแล้ว โปรดอย่าทำเช่นนี้" เสี่ยวฉินพูดก่อนที่นางจะโผลเข้ากอดเขาอีก ครั้งนี้นางร้องไห้หนัก มือหนาของชายหนุ่มลูบหัวของนางเบาๆอย่างที่เคยทำเหมือนแต่ก่อน แต่ทว่านั่นกลับเป็นสิ่งที่เสี่ยวหลานเห็นพอดี เธอรู้สึกสั่นไปทั่วอก ตอนแรกคิดว่าจะรอไหว แต่ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วนางไม่สามารถหลอกตัวเองว่ามันไม่ใช่อย่างที่ตนเห็นได้แล้ว หญิงสาวจึงรีบวิ่งร้องไห้ออกไปจากงานเทศกาล
"ข้าเข้าใจแล้ว" นางพูดแม้ว่าในใจจะไม่ได้อยากพูดเช่นนั้น นางแค่ต้องแก้แค้น แต่ที่มาครั้งนี้เพียงอยากถามชินอ๋องให้แจ่มชัดและทำให้เสี่ยวหลานรู้สึกแย่
"ข้าต้องไปแล้ว!" เขาแกะมือสองข้างที่โอบรอบเอวของเขาออกก่อนจะวิ่งลงไปไม่ได้สนใจคนที่ร้องเรียกตามหลังเลย ตอนนี้เสี่ยวหลานได้เดินหนีไปแล้ว คงจะเป็นเพราะเมื่อกี๊นี้ เขาคิดก่อนจะกุมขมับของตนเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ