Concealing ( กำเนิดเร้นลับ )
-
2) ความทรงจำที่หายไป
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากนั้นไม่กี่วันผมถูกย้ายจากตึกผู้ป่วยหนักไปตึกผู้ป่วยใน เนื่องจากสภาพร่างกายโดยรวมเกือบจะเป็นปรกติแล้ว ผลจากการตรวจวิเคราะห์ของแพทย์หลายสาขาระบุว่าผมมีภาวะสูญเสียความทรงจำบางส่วน ซึ่งมันเป็นเรื่องน่าวิตกแต่สิ่งที่หนักใจที่สุดคือ ในตอนนี้ผมอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนที่ดีที่สุดและมีค่าใช้จ่ายสูงที่สุด ด้วยอาชีพตำรวจสายสืบธรรมดาเงินเดือนห้าหมื่นเหรียญจะมีเงินเก็บพอค่ารักษาพยาบาลหรือไม่ก็ยังเป็นที่สงสัยอยู่ ไม่รู้บริษัทประกันภัยจะยอมจ่ายเงินมากมายเพื่อผมหรือเปล่า ให้ตายสิใครใจดีส่งผมมาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ๆ ดีๆ ของรัฐบาลก็อยู่ไม่ไกล คิดแล้วอยากกลั้นใจตายเสียจริง
เช้าตรู่ของวันนั้นมีชายคนหนึ่งมาเยี่ยม
เขาสูงใหญ่ผิวเข้มและมีรอยยิ้มกว้างขวาง
หนุ่มคนนั้นนำไฮเดรนเยียมาทั้งกระถาง
เขาวางไว้ข้างเตียงแล้วจึงหันมาทักทาย
“ เมื่อคืนหลับสบายดีไหม ”
ผมรู้เขาแสร้งไม่แนะนำตัวก่อน
เพื่อหยั่งดูว่าผมจำเขาได้หรือไม่
แววตาคู่นั้นคาดหวังอย่างที่สุด
“ ไงไทเลอร์ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้ ”
แน่นอนตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เป็น
ผมรู้ว่าเขาคือเพื่อนคู่หูในสายงาน
และเราสนิทกันมาก
หมอนั่นเผลอหัวเราะเสียงดัง
พุ่งตัวมาจับไหล่ผมเขย่า
“ ฉันบอกพวกนั้นแล้วแต่ไม่มีใครเชื่อนายต้องจำฉันได้ รอก่อนเถอะต้องมีงานเลี้ยงฉลองใหญ่แน่ ”
“ นายกำลังจะฆ่าฉัน ”
ถึงกับต้องประท้วงเพราะไทเลอร์มือหนักเกินไป
และผมเพิ่งจะไปกายภาพบำบัดมา
เนื่องจากนอนเป็นผักนานไปหน่อย
“ ขอโทษๆ ”
หมอนั่นว่า
“ นายรู้อะไรไหม ฉันมาหานายทุกวันแต่พวกนั้นให้เยี่ยมผ่านจอมอนิเตอร์ ล้ำสุดๆ ไปเลย ”
“ คงเพราะเขากลัวนายเอาเชื้อบ้ามาปล่อยน่ะสิ ”
ผมแหย่อย่างอารมณ์ดี
เพื่อนผิวเข้มคนนั้นหยุดยิ้มแล้วมองหน้าผมอย่างจริงจัง
“ มีอะไรหรือ ”
ผมถามเพราะเห็นสีหน้าแปลกประหลาดของเขา
“ เห็นนายอารมณ์ดีก็ดีแล้ว คงทำใจได้แล้วสินะ ถึงอย่างนั้นก็ขอแสดงความเสียใจด้วยกับเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันรู้ว่ามันยากแต่นายแกร่งจริงๆ ”
“ ไม่ได้พิการเสียหน่อยก็แค่หัวกระแทกเลือดอาบ พูดอย่างกับมีใครตาย ไม่มีอะไรหรอกหมอบอกว่าส่วนสำคัญยังอยู่ดีส่วนที่เสียหายมันต้องใช้เวลา ฉันสามารถใช้ชีวิตแบบคนปรกติได้อย่างแน่นอน ”
“ อ้อ นายไม่รู้พวกเขาคงยังไม่บอกนายสินะ ”
เสียงของเจ้านั่นแปร่งอย่างประหลาด
“ เรื่องอะไร เกิดอะไรขึ้น ”
ผมเริ่มระแวง
ในใจรู้สึกสังหรณ์ไม่ดี
ไทเลอร์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
“ โทษทีฉันมีประชุมด่วน ”
หมอนั่นพูดหน้าตาเฉย
และผมรู้ว่ามันคือคำโกหก
“ เดี๋ยวสิ นายกำลังจะบอกอะไรฉัน ไทเลอร์ ไทเลอร์ ”
แต่เพื่อนสนิทผิวสีเข้มก็เดินตัวปลิวหายไป
พร้อมกับคำมั่นว่าจะกลับมาเยี่ยมใหม่
ในอีกไม่นาน
วันนั้นผมจึงอยู่ในอารมณ์อึมครึม
ปัญหาเดิมยังไม่กระจ่าง
ยังมีเรื่องใหม่มาให้คิด
แต่ไม่ว่าจะคิดทบทวนอย่างไร
ในหัวก็มีแต่ความว่างเปล่า
ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
ว่าความทรงจำครั้งสุดท้ายนั่นคืออะไร
ทุกอย่างขาดเป็นห้วงๆ
แม้ความทรงจำวัยเด็กก็ยังไม่มีเหลือ
แต่อย่างน้อยความทรงจำบางอย่างในปัจจุบัน
ก็ยังอยู่ดี
ผมรู้ว่าผมทำงานอะไรที่ไหนอย่างไร
บ้านพักเป็นอย่างไร
มีเพื่อนกี่คนใครบ้าง
บางทีสิ่งที่หายไปอาจไม่สลักสำคัญอะไร
แต่การมาถึงของเพื่อนผิวเข้มอย่างไทเลอร์
คู่หูหลักในสายงาน
ทำให้เกิดความสงสัย
หรือผมจะลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดไป
ผมอยากได้ความทรงจำคืนมา
อยากรู้วันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ก่อนที่จะสลบไปเป็นเดือน
มันมีอะไรซับซ้อนกว่าที่คิด
อย่างนั้นหรือเปล่า
เช้าตรู่ของวันนั้นมีชายคนหนึ่งมาเยี่ยม
เขาสูงใหญ่ผิวเข้มและมีรอยยิ้มกว้างขวาง
หนุ่มคนนั้นนำไฮเดรนเยียมาทั้งกระถาง
เขาวางไว้ข้างเตียงแล้วจึงหันมาทักทาย
“ เมื่อคืนหลับสบายดีไหม ”
ผมรู้เขาแสร้งไม่แนะนำตัวก่อน
เพื่อหยั่งดูว่าผมจำเขาได้หรือไม่
แววตาคู่นั้นคาดหวังอย่างที่สุด
“ ไงไทเลอร์ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้ ”
แน่นอนตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เป็น
ผมรู้ว่าเขาคือเพื่อนคู่หูในสายงาน
และเราสนิทกันมาก
หมอนั่นเผลอหัวเราะเสียงดัง
พุ่งตัวมาจับไหล่ผมเขย่า
“ ฉันบอกพวกนั้นแล้วแต่ไม่มีใครเชื่อนายต้องจำฉันได้ รอก่อนเถอะต้องมีงานเลี้ยงฉลองใหญ่แน่ ”
“ นายกำลังจะฆ่าฉัน ”
ถึงกับต้องประท้วงเพราะไทเลอร์มือหนักเกินไป
และผมเพิ่งจะไปกายภาพบำบัดมา
เนื่องจากนอนเป็นผักนานไปหน่อย
“ ขอโทษๆ ”
หมอนั่นว่า
“ นายรู้อะไรไหม ฉันมาหานายทุกวันแต่พวกนั้นให้เยี่ยมผ่านจอมอนิเตอร์ ล้ำสุดๆ ไปเลย ”
“ คงเพราะเขากลัวนายเอาเชื้อบ้ามาปล่อยน่ะสิ ”
ผมแหย่อย่างอารมณ์ดี
เพื่อนผิวเข้มคนนั้นหยุดยิ้มแล้วมองหน้าผมอย่างจริงจัง
“ มีอะไรหรือ ”
ผมถามเพราะเห็นสีหน้าแปลกประหลาดของเขา
“ เห็นนายอารมณ์ดีก็ดีแล้ว คงทำใจได้แล้วสินะ ถึงอย่างนั้นก็ขอแสดงความเสียใจด้วยกับเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันรู้ว่ามันยากแต่นายแกร่งจริงๆ ”
“ ไม่ได้พิการเสียหน่อยก็แค่หัวกระแทกเลือดอาบ พูดอย่างกับมีใครตาย ไม่มีอะไรหรอกหมอบอกว่าส่วนสำคัญยังอยู่ดีส่วนที่เสียหายมันต้องใช้เวลา ฉันสามารถใช้ชีวิตแบบคนปรกติได้อย่างแน่นอน ”
“ อ้อ นายไม่รู้พวกเขาคงยังไม่บอกนายสินะ ”
เสียงของเจ้านั่นแปร่งอย่างประหลาด
“ เรื่องอะไร เกิดอะไรขึ้น ”
ผมเริ่มระแวง
ในใจรู้สึกสังหรณ์ไม่ดี
ไทเลอร์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
“ โทษทีฉันมีประชุมด่วน ”
หมอนั่นพูดหน้าตาเฉย
และผมรู้ว่ามันคือคำโกหก
“ เดี๋ยวสิ นายกำลังจะบอกอะไรฉัน ไทเลอร์ ไทเลอร์ ”
แต่เพื่อนสนิทผิวสีเข้มก็เดินตัวปลิวหายไป
พร้อมกับคำมั่นว่าจะกลับมาเยี่ยมใหม่
ในอีกไม่นาน
วันนั้นผมจึงอยู่ในอารมณ์อึมครึม
ปัญหาเดิมยังไม่กระจ่าง
ยังมีเรื่องใหม่มาให้คิด
แต่ไม่ว่าจะคิดทบทวนอย่างไร
ในหัวก็มีแต่ความว่างเปล่า
ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
ว่าความทรงจำครั้งสุดท้ายนั่นคืออะไร
ทุกอย่างขาดเป็นห้วงๆ
แม้ความทรงจำวัยเด็กก็ยังไม่มีเหลือ
แต่อย่างน้อยความทรงจำบางอย่างในปัจจุบัน
ก็ยังอยู่ดี
ผมรู้ว่าผมทำงานอะไรที่ไหนอย่างไร
บ้านพักเป็นอย่างไร
มีเพื่อนกี่คนใครบ้าง
บางทีสิ่งที่หายไปอาจไม่สลักสำคัญอะไร
แต่การมาถึงของเพื่อนผิวเข้มอย่างไทเลอร์
คู่หูหลักในสายงาน
ทำให้เกิดความสงสัย
หรือผมจะลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดไป
ผมอยากได้ความทรงจำคืนมา
อยากรู้วันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ก่อนที่จะสลบไปเป็นเดือน
มันมีอะไรซับซ้อนกว่าที่คิด
อย่างนั้นหรือเปล่า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ