ยอดคนแดนนรก
-
เขียนโดย Echang
วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เวลา 05.26 น.
8 ตอน
1 วิจารณ์
6,986 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2563 05.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) 4 ถูกปล่อยทิ้งชั่วกาลนาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ4 ถูกปล่อยทิ้งชั่วกาลนาน พุ่งผ่านมิติไปเรื่อยๆ มันฉุกคิดขึ้นได้ว่า ไม่เห็นมีดวงวิญญาณอื่นเลย เห็นแต่ เทวดา นางฟ้า หรือสัตว์นรก นอกนั้นก็ยังมี ผู้คุม หรือตัวประหลาดอีกมากมายที่ไม่รู้จัก แต่กลับไม่เห็น ดวงวิญญานอื่นให้เห็นเลย มันกำลังประหลาดใจ ก็พอดีหลุดออกจากมิติที่ทับซ้อน มาโผล่ยังสถานที่ที่หนึ่ง ซึ่งมีท้องฟ้าเป็นสีแดงฉานและพื้นดินที่แตกระแหงกับความร้อนที่แผดเผาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ยันต์สีดำซึ่งแทรกระหว่างดวงวิญญาณของมัน พลันสลายหายไป เหลือให้เห็นเป็นลูกทรงกลมขนาดเท่าฝ่ามือ พุ่งดิ่งลงจากท้องฟ้ากระแทกเข้ายังพื้นดิน ที่แตกระแหงเสียงดังสนั่น "ตูมมมมมม" ดวงวิญญาณที่เรืองแสงอยู่แตกกระจายออกทุกทิศทาง แต่แค่อึดใจหนึ่ง เศษเสี้ยวของแสงที่กระจายไปค่อยๆถูกดึงดูดกลับมายังตำแหน่งที่ดวงวิญญาณตกกระทบพื้น หมอกเรืองแสงสีขาวมองเห็นได้ชัดเจนตัดกับแสงสีแดงของท้องฟ้า หมอกขาวเปลี่ยนรูปร่างช้าๆกลายเป็นรูปคล้าย มนุษย์ผิวหนังกระดูกเริ่มก่อเกิดขึ้น ยิ่งนานก็ยิ่งเกิดเร็วขึ้น ชายหนุ่ม นอนแผ่ เปลือยกาย สวมเพียงกางเกงขาสั้น ตัวหนึ่ง กางมือ กางขาอยู่บนพื้นดิน โดยไม่รอช้า ชายหนุ่มลืมตาโพลงขึ้นอย่างฉับพลันทันทีกระเด้งตัวขึ้น ยืนได้ในฉับพลัน "อืมม...ร่างกายข้าถูกสร้างจากดวงวิญญาณขึ้นมาได้เองเลยหรือนี่" อีชางรู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างมาก "มิน่าเล่า จึงไม่พบเห็นดวงวิญญานอื่น ระหว่างทางเลย" แม้ว่าตอนที่อยู่ในโลกมนุษย์มันจะเรียนรู้ยอดวิชากว้างขวางอย่างไม่มีผู้ใดเปรียบได้ แต่การที่สร้าง สังขารขึ้นมาได้เองจากสิ่งที่ว่างเปล่านี้มันช่างมหัศจรรย์และแปลกประหลาดอย่างมาก ในใจอีชางไม่เชื่อว่าสังขารของมันขณะนี้ซึ่งเป็นชายหนุ่มสูงโปร่ง ผิวขาว ใบหน้าคมสัน หรือแม้กระทั่งกางเกงขาสั้นนี้จะสร้างขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้อย่างแท้จริง มันได้เคยเรียนรู้ว่า แสง สี เสียง ที่จับต้องไม่ได้นี้ ความจริงแล้วล้วนแล้วแต่มีตัวตนอยู่จริงๆ มีพลังอยู่จริง เป็นพลังงานที่มีอยู่จริง สามารถรับรู้ได้ ด้วยประสาทสัมผัสของสิ่งมีชีวิต ซึ่งไม่เหมือนกันในสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในขณะเดียวกัน มันก็ได้เรียนรู้ว่าสิ่งใดๆก็ตามล้วนแล้วมีต้นกำเนิดจากสิ่งที่เล็กๆที่สุด เป็นอณูพื้นฐานประกอบขึ้นมาด้วยกรรมวิธีแตกต่างกันไป กลายเป็นพลังงานชนิดต่างๆ เป็นสสารต่างๆ ดังนั้นร่างกายของมันนี้ ที่แท้ก็คือกระบวนการเปลี่ยนพลังงานรอบข้างให้เป็นสสารอย่างหนึ่งอย่างใดนั่นเองโดยมีดวงวิญญาณของมันเป็นส่วนประกอบด้วย โชคดีที่มันอีชางได้เตรียมตัวล่วงหน้าด้วยการใช้ ยอดวิชา (ประทับดวงวิญญาณ) ออกมา ทำให้มันคัดลอกข้อมูลรวมถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้ไว้ได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน เมื่อมันเพ่งจิตไปยังรอยประทับของการเปลี่ยนแปลงนี้มันถึงกับตกตะลึงเพราะมัน ช่างเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีข้อมูลความสัมพันธ์ต่างๆ ของอณูต้นกำเนิดปรากฏขึ้นอย่างซับซ้อนถึงที่สุด กระบวนการส่วนใหญ่ มันไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ด้วยซ้ำ "โอ้เป็นสุดยอดวิชา มรดกวิชาที่มหัศจรรย์อะไรเช่นนี้ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่า จะมียอดวิชาที่สูงส่งดุจอิทธิปาฏิหาริย์ได้เช่นนี้ ในขณะเดียวกันก็ยากที่จะทำความเข้าใจเหลือเกิน" พลังความคิดของอีชางยิ่งใหญ่ไพศาลจนถึงจุดสุดยอดที่ไม่เคยมีผู้ใดสามารถบรรลุถึงได้มาก่อนยอดคนในยุคโบราณที่เก่งกาจที่สุดก็ยัง มีพลังความคิดที่เทียบเท่าเพียงหนึ่งในล้านของพลังความคิดของอีชาง เนื่องจากการฝึกฝนมาตลอดยาวนานถึง 3000 ปี ชีวิตที่สามารถอยู่ได้ถึง 3000 ปี ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนตั้งแต่ มีโลกถือกำเนิดขึ้นมา ที่ฝึกฝนแม้กระทั่งแนวทางแห่งเซียนก็ยังมีอายุเพียง 500 ปีเท่านั้น จิ้งจอกเก้าหางซึ่งเป็นปีศาจที่รู้จักกันดีอย่างที่สุดในโลกมนุษย์ ก็มีชีวิตอยู่ได้เพียงพันปีเท่านั้น แต่แม่ด้วยพลังความคิดอันสูงสุดยอดของอีชางก็ยังไม่ อาจทำความเข้าใจกับกระบวนการเปลี่ยนพลังงานให้กลายเป็นสสารนี้ได้ ดวงตาของอีช้างพลันสว่างวาบ เจิดจ้าขึ้นมันรำพึงกับตัวเองว่า " ข้าจะต้อง เรียนรู้วิชาแปลงอณูต้นกำเนิดนี้ให้ได้" แต่แล้วความคิดของมันกลับ หยุดชะงักอีกครั้งหนึ่งเพราะได้กลิ่นเหม็นไม่ขึ้น ดวงตาของมันพลันเหลือบไปเห็นแขนขวาของมัน ผิวหนังที่ขาวนวลของมันกำลัง ไหม้เกรียมอย่างช้าๆ เหี่ยวแห้งลงค่อยๆเปลี่ยนสีเป็นเข้มขึ้น ทันทีเห็นความเปลี่ยนแปลงนั้น ความแสบร้อนสุดขีดคลั่งก็ พุ่งขึ้นมาในทันใด ความปวดแสบปวดร้อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ความคิดเพียงหนึ่งเดียวที่เกิดขึ้นในขณะนี้ก็คือ หนี! ร่างของมัน เคลื่อนว่าไปข้างหน้าด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด ด้วยวิชาตัวเบา (มังกรเงาแสง) ซึ่งเป็น วิชาตัวเบาของมันเมื่อครั้งอยู่ในโลกมนุษย์ เห็นเป็นประกายแสงลากเส้นยาวเหยียดไปข้างหน้าคล้ายดาวตก ขณะเคลื่อนที่ไปข้างหน้า อีชางรู้สึกถึงความแสบร้อนในร่างกายลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่มันก็ยังคงโคจรลมปราณผนึกร่างกายด้วยยอดวิชาฝ่ายอธรรม (อสูรเหล็กไหล) ซึ่งความแข็งแกร่งของวิชานี้ มันฝึกได้ถึง 12 ส่วนเต็ม สามารถที่จะลงไปดำผุดดำว่ายอยู่ในหินลาวาหลอมเหลวก็ยังทำได้ ผิวหนังที่กำลังระเหยกลายเป็นไอของมัน ค่อยๆหยุดยั้งลง ความปวดแสบปวดร้อนลดลง จนสามารถจะทนทานได้ "ฮ่าๆๆ บัดซบนี้อย่าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้ ฮ่าๆๆ" อีชางหัวเราะในใจอย่างเย็นชา กลับหันมาสนใจทบทวนถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงพลังงานให้เป็นสสาร ซึ่งถูกคัดลอก ฝังอยู่ในดวงวิญญาณของมันออกมา "โอ้ช่างเป็นวิชาที่เรียนรู้ได้ยากเย็นซับซ้อนละเอียดลึกลับอะไรเช่นนี้" มันอดจะรู้สึก ปวดหัวกับความยากเย็นของวิชานี้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่อีชางได้เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆพร้อมทั้งพยายามไขปริศนาของยอดวิชาที่มันพึ่งพบเห็นนี้ ผ่านวันผ่านคืน แม้จะเก่งกาจขนาดไหน แต่มันยังคงเป็นร่างที่เป็นประกอบกันขึ้นเป็นสังขาร ในที่สุดมันก็รู้สึกหิวโหยและกระหายน้ำจนสุดทนทาน พลังภายในของมันเสื่อมโทรมไปจนเกลี้ยงฉาด มองเห็น ประกายแสงค่อยๆช้าลงเรื่อยๆ (อสูรเหล็กไหล) ก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ ผิวหนังเริ่มปรากฏ กลุ่มควันขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งความแสบร้อนเริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพิ่มขึ้นอย่างเรื่อยๆ ทางข้างหน้ายังคงไร้ที่สิ้นสุด รอบข้างยังคงวังเวงนอกจากท้องฟ้าสีแดงฉานและพื้นดินที่แตกระแหงเป็นใยแมงมุม เป็นระลอกคลื่น ภาพที่มองเห็นบิดเบี้ยวไปมา "อะไรกันวะนี่" อีช้างสบถด่า เบื้องหน้าของมันมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดใดๆ หันไปรอบข้างก็เหมือน กัน ขณะนี้พลังของมันลดลงแทบหมดสิ้นสิ่งที่มันทำได้ตอนนี้ก็คือการพยายามก้าวไปข้างหน้าอย่างงกๆเงิ่นๆทีละก้าวทีละก้าวเพื่อที่จะบรรเทา ความเจ็บปวดแสบร้อนของมัน ถึงมันจะรู้สึกถึงความปวดแสบปวดร้อนอย่างมากมายนี้ก็ตามแต่กลับปราศจากความรู้สึกทุกข์เข็ญใดๆ กลับว่ามีความสุขเสียด้วยซ้ำ แม้ว่า ความทรมาน ทรกรรมนี้ มันจะไม่เคยได้รับมาก่อนเลยในชีวิตที่ผ่านมา "มันนับเป็นวิถีแห่งการฝึกตนที่เยี่ยมยอดอะไรเช่นนี้ การตีความยอดวิชา ก่อกำเนิดจากความว่างเปล่านี้ช่างยากต่อการทำความเข้าใจเหลือเกิน มาตั้งนานเท่าไหร่แล้วนี่ ก็ไม่รู้ เพิ่งเข้าใจได้เพียง 1 ในหมื่นเท่านั้น" เพิ่งคิดถึงตอนนี้มันก็ล้มฟาดลงกับพื้น เพราะว่าหมดพลังโดยสิ้นเชิง กลายเป็นไอมากขึ้นและมากขึ้น ความเจ็บปวดทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก ร่างกายของมันอย่างกะทันหัน อีช้างชักดิ้นชักงอด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส แต่ดวงตาของมัน กลับ ตื่นเต้นลิงโลดอย่างบ้าคลั่ง "มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกแล้ว" ด้วยร่างกายที่ชักเกร็งของมัน มันยังผนึกยอดวิชา ( ประทับ รอย วิญญาณ) ขึ้นจนถึง 12 ส่วน เต็มเพื่อรอบันทึกกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น ซ่า...ซ่า...ซ่า.....ร่างกายของมัน สลายกลายเป็นฝุ่นกระจายตัวออกไปรอบข้างเหลือแต่ดวงวิญญาณขนาดเท่าฝ่ามือ ที่เรืองแสงสีขาว อยู่ กลางอากาศ อึดใจต่อมา รอบข้างค่อยๆปรากฏหมอกควันเข้าปกคลุมดวงวิญญาณ แล้วก่อตัวเป็นรูปร่างคล้ายมนุษย์ จากนั้นค่อยๆ ค่อยๆก่อตัวขึ้นกลายเป็นบุรุษ หนุ่มอีกครั้ง กระบวนการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกครั้งแล้ว เมื่อร่างมนุษย์ปรากฏชัด ลงสู่พื้นดินที่แตกระแหง พริบตาความเจ็บ ปวด แสบ ได้เริ่มต้นขึ้นอีก เกมจากความร้อนบางส่วนได้ระเหยกลายเป็นไออีกครั้ง เมื่อร่างของอีชางเริ่มสมบูรณ์อีกครั้ง พล้งของมันก็กลับมาสมบูรณ์อีกครั้งเพื่อลดความเจ็บปวดทรมานลง มันจึงพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง นี่เป็นวัฏจักรของการลงทัณฑ์ของนรกแห่งนี้ "ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะยอมรับมันจนกว่าจะฝึกวิชาผนึกความว่างเปล่านี้ให้สำเร็จจนได้" ดังนั้นแล้วถ้ามีใครเปลี่ยนมาดูอย่างที่นี้ก็จะเห็นประกายแสงเจิดจ้าพุ่งผ่านไปตามพื้นดินที่แตกระแหงไปเรื่อยๆบางครั้งก็ดับไปแล้วก็เกิดใหม่ซ้ำๆไปไม่หยุดยั้ง แต่ใครเล่าจะมา หรือสนใจยังใต้ขุมนรกแห่งนี้ อีชางได้ถูกทอดทิ้งไว้แต่เพียงลำพัง ไปชั่วนิจนิรันดร์
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ