SOMEDAY | โลกกว้างใหญ่ฉันได้พบเธอ
-
เขียนโดย LuckyStars★
วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.21 น.
4 บท
0 วิจารณ์
4,456 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ. 2563 18.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) บทที่ 4 - ใกล้เข้ามา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 4 - ใกล้เข้ามา
อากาศปลายเดือนพฤศจิกายนค่อนข้างหนาวเย็น หลี่เวยกระชับเสื้อคลุมพลางมองออกไปรอบๆ วันนี้เป็นวันที่เธอเดินทางกลับมาถึง เมือง C เพื่อนสนิทของเธอ ‘เมิ่งเหยา’ ยืนยันว่าจะมารับให้ได้ ที่นอกหน้าต่างอาคารสนามบินมีดวงจันทร์กลมโตส่องสว่างทะลุม่านเมฆ แต่ไม่อาจเทียบกับไฟนีออนภายในตัวอาคารได้เลย
“เวยเวย! ” จู่ๆ เสียงเรียกก็ดังขึ้นข้างหู ทำให้ร่างบางตกใจจนสะดุ้ง
ไง เจ้ากระต่ายน้อย
เมิ่งเหยามักมาพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ซุกซนสดใส
“เสียงดัง” หลี่เวยเอ่ยทัก
“หายไปเที่ยวตั้งนาน ไม่คิดถึงกันบ้างเลย ไหนดูสิ มีของฝากอะไรบ้าง”
“กลับก่อนค่อยว่ากัน” หลี่เวยชะโงกตัวไปด้านหน้า ดึงสายลากกระเป๋าเดินทางขึ้นมา และลุกขึ้น
เมิ่งเหยายิ้มแย้มในขณะที่กลั้นหัวเราะไปด้วย
เฮ้อ ยังคงถนอมคำพูดไม่เคยเปลี่ยน
แต่พูดน้อยแบบนี้ก็ดี ถึงจะเหมาะเป็นเพื่อนสนิทพูดไม่หยุดแบบเธอ!
เมิ่งเหยาจำได้ว่าสมัยเด็กๆ หลี่เวยไม่ได้เงียบขรึมแบบนี้ แต่หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่ของหลี่เวยประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน บรรยากาศซุกซนรอบตัวเด็กหญิงก็ดูเหมือนจะหายไป รอยยิ้มที่สดใสก็แทบไม่มีมาให้เห็น แต่หลังจากที่เริ่มจับปากกาเป็นนักเขียนตอนอายุสิบหก หลี่เวยก็ร่าเริงขึ้นมาก เมื่อไหร่ก็ตามที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับหนังสือ เธอก็จะมีชีวิตชีวาราวกับสับสวิตช์อย่างไรอย่างนั้น
เพราะเหตุนี้หลังจากเรียนจบ พวกเธอจึงเปิดร้านหนังสือกึ่งคาเฟ่ขึ้นมา ทำธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายหนังสือเก่า ทั้งรับซื้อและขายหนังสือทางอินเทอร์เน็ต ใครจะไปเชื่อว่าในยุคที่ทุกอย่างอยู่บนออนไลน์ ยังมีกลุ่มคนที่ยังนิยมซื้อหนังสือเป็นเล่มๆ อยู่ด้วย ทั้งหนังสือที่ตีพิมพ์เป็นครั้งแรก หนังสือหายาก หนังสือแปลยอดนิยมที่เป็นปกเก่าไม่ผลิตเพิ่มแล้ว หนังสือรวมภาพถ่าย นิตยสาร หนังสือเกี่ยวกับศิลปะ ปรัชญา และประวัติศาสตร์ รวมไปถึงหนังสือการ์ตูน บรรดาหนังสือจำนวนมากวางเรียงกันเป็นตั้งสูงๆ จากพื้นจรดเพดาน แทบไม่มีที่เหลือให้วางของอย่างอื่นเลย เมิ่งเหยาไม่ค่อยรู้เรื่องหนังสือเก่าสักเท่าไหร่ ดีที่หนังสือของทางร้านนิยมซื้อขายกันทางอินเทอร์เน็ต ถึงแม้จะมีคนเข้ามาที่ร้านบ้าง แต่มักเลือกสินค้ากันเองแบบเงียบๆ มากกว่า
เวลานี้รถแล่นเข้าสู่ตัวเมือง แสงไฟจากข้างทางส่องเข้ามาในตัวรถทำให้เห็นเป็นเงา หลี่เวยนั่งนิ่งพิงเบาะรถข้างคนขับ สายตามองไปยังทิวทัศน์ข้างถนนอันคุ้นเคย หลังจากเลี้ยวรถตรงสี่แยกด้านหน้าก็ใกล้ถึงที่หมาย
เสียงของเมิ่งเหยาเอ่ยทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบ “นี่! ตกลงเธอได้ไปที่นั่นหรือเปล่า”
หลี่เวยยังคงนั่งนิ่ง ไม่หันกลับมาด้วยซ้ำ
ผ่านไปครู่ใหญ่จึงมีเสียง “อืม” ตอบกลับมา
“แล้วเป็นยังไง มีเรื่องดีๆ เข้ามาบ้างหรือยัง” เมิ่งเหยาขยับตัวยิ้มถามด้วยความกระตือรือร้น
หลี่เวยนิ่งคิด ชั่วขณะหนึ่งเงาร่างของชายหนุ่มชุดดำคนนั้นก็วาบเข้ามาในห้วงความคิด ก่อนที่หญิงสาวจะส่ายศีรษะเบาๆ
เมิ่งเหยาถามอย่างอดไม่ได้ “เธอคิดอะไรอยู่! อย่าบอกว่ามีจริงๆ นะ”
“อาเหยา ฉันไปทำงาน เธอนี่ชอบพูดจาเลอะเทอะ” เสียงของหลี่เวยพูดเหมือนกำลังขบขัน
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เสียดายหน้าตาสวยๆ ของเธอชะมัด”
หลี่เวยทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่เพื่อนสนิทพูด
เมื่อถึงที่จอดรถอพาร์ทเม้นท์ใจกลางเมือง หลี่เวยเหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าเกือบสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว จึงอดหันหน้าถามเมิ่งเหยาไม่ได้
“เธอกินอะไรแล้วหรือยัง”
“ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก! เธอก็รีบเข้าไปได้แล้ว และก็อย่าลืม พรุ่งนี้แต่งตัวสวยๆ นะ” เมิ่งเหยาขยิบตา
หลี่เวยตอบเสียงแผ่ว “รู้แล้ว ขอบคุณมากนะที่มาส่ง”
“เพื่อนกันไม่ต้องพูดว่าขอบคุณหรอก”
แปะ
ฝนหยดหนึ่งตกลงมา หลี่เวยจึงเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดมิด “ฝนตกแล้ว ขับรถกลับดีๆ นะ”
เมือง C ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ กลางดึกเมื่อคืนวานมีฝนตกจนถึงรุ่งเช้าทำให้ทั่วทั้งเมืองเหมือนอยู่ท่ามกลางหมอกชื้นเย็นจัด และดูเหมือนว่าบรรยากาศจะครึ้มๆ แบบนี้ไปทั้งวัน ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับบรรยากาศคึกคักในสถานีตำรวจนครบาลแห่งนี้
ทันทีที่กริ่งเลิกงานส่งเสียงดังขึ้น ชายหนุ่มก็เก็บกระเป๋าพลางลุกขึ้น ถึงแม้ว่านี้จะเป็นวันแรกที่ย้ายเข้ามาทำงานที่นี่ แต่เพราะเขามีธุระจึงคิดจะบอกลาทุกคนในกอง
“ผู้กองอวี้! ทำงานวันแรกควรจะเลี้ยงอาหารพี่น้องสักหน่อยไม่ใช่หรือครับ” โม่ไป๋เอ่ยทักชายหนุ่มรุ่นพี่ด้วยความสนิทสนม
อวี้ชิงหยวน “ก็ไม่ใช่นายหรือไงที่ลากฉันออกไป อีกอย่างก็ฉันโทรสั่งอาหารเลี้ยงทุกคนเรียบร้อยแล้ว และนายคงไม่ได้กิน”
โม่ไป๋รู้สึกอ่อนใจนิดๆ ที่รูมเมทรุ่นพี่ของเขาช่างไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย
“ยอมแล้วๆ พี่อย่าทำหน้าตึงอย่างนี้สิ ผ่อนคลายบ้างไม่ได้หรือไง” โม่ไป๋อดบ่นเบาๆ ไม่ได้
“ฉันให้เวลานาย 2 นาที” อวี้ชิงหยวนตบหัวไหล่รุ่นน้องเบาๆ และเดินออกไป
โม่ไป๋หุบปากทันที รีบเก็บของและเริ่มออกวิ่ง
อีกสักครู่พวกเขาต้องไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ภัตตาคารอาหารฝั่งเศสที่ตั้งอยู่ในอาคารสุดหรูของเมือง ไม่รู้ว่าใครเป็นคนออกความคิดกันแน่ นัดรูมเมทนักเรียนโรงเรียนตำรวจเพื่อทานอาหารฝรั่งเศสเนี่ยนะ แทนที่จะเป็นร้านบะหมี่โต้รุ่งที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เติมไม่อั้นดูจะเหมาะมากกว่า โม่ไป๋แอบคิดในใจ
โชคดีที่อวี้ชิงหยวนกลับมาที่เมือง C ได้ทันพอดี หลังจากที่ไปรับใช้ประชาชนที่ชายแดนมานานหลายปี ตอนนี้ถึงกับเป็นผู้กองหนุ่มไฟแรง ส่วนเขาก็ทำงานรับคำสั่งผู้บังคับบัญชาไปวันๆ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักความก้าวหน้าจนไม่ออกไปเผชิญโลกกว้างอะไรหรอกนะ แต่เขาแค่พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ต่างหากล่ะ
“พี่ไม่เปลี่ยนชุดหน่อยหรือไง ร้านอาหารฝรั่งเศสเชียวนะ! ” โม่ไป๋ที่แต่งกายเต็มยศเอ่ยถาม
คนหนึ่งอยู่ในชุดสูทเรียบเนี้ยบ ส่วนอีกคน อืม เสื้อแจ็คเก็ตดำ ยีนดำ มันจะไม่ประหลาดไปหน่อยเหรอ อย่างกับว่าไปกันคนละงาน
“นายต่างหาก แน่ใจนะว่าชุดนี้” อวี้ชิงหยวนหัวเราะเบาๆ
โม่ไป๋พูดไม่ออก
หวังว่าเขาคงไม่ถูกหลอกมาหรอกนะ ..
----------
จบบทที่ 4
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ