เรื่องราวในโลกสัตว์เทพ
-
เขียนโดย NobYK
วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 05.56 น.
8 ตอน
0 วิจารณ์
7,157 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2563 06.06 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) ตอนที่ 5 ระเบิดอารมณ์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เจ้าชายที่อยู่ตรงหน้าฉันยังคงหอบหายใจด้วยความเหนื่อย ทำไมถึงรีบขนาดนี้กันล่ะเนี่ย ฉันทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยแล้วยื่นน้ำให้เขา เจ้าชายรับไว้และดื่มน้ำอึกใหญ่ก่อนจะสงบลงได้ แล้วพูดกับฉัน
“ผมได้ยินทุกอย่างมาจากไอริแล้วล่ะ”
“…อา งั้นหรอ”
ฉันหรี่ตาลงเล็กน้อยและหันหน้าหนีไปทางอื่น เวรล่ะ ลืมบอกยัยนั่นซะได้ว่าห้ามเอาไปบอกใคร พลาดซะแล้วฉันหันกลับไปอีกรอบแล้วพูดกับเขา
“แล้วมีอะไร--”
“เธอหลบหน้าผมก็เพราะรำคาญใช่ไหมล่ะ!”
“หา?”
ฉันหน้าเหวอทันทีเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าชายพูดแทรกขึ้นมา กำลังพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ เขาก็ทำท่าทางลนลานเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“กะ ก็เธอรำคาญผมใช่ไหมล่ะ ที่ต้องคอยพึ่งพาเธอตลอดเลย ไอริบอกว่าเธองอนผมแล้วให้ผมมาง้อเธอ”
ในตอนนั้นเองฉันก็ทำความเข้าใจสิ่งที่เขาพูดได้ นี้ไอริไปพูดอะไรกับเขากันนะ แถมยังเชื่ออีกงั้นหรอสุดยอดเลยแฮะ เชื่อคนง่ายจริงๆ แล้วฉันก็กลั้นขำไม่ไหวก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
“อะ เอ๋ ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า”
“เปล่าๆ ถูกเลยล่ะฉันโคตรจะรำคาญนายเลย”
โว้ว เจ้าชายหงอยไปเลยแฮะ ก็นะ ใครได้ยินก็คงมีซึมบ้างแหละ แต่ว่าฉันยังพูดไม่จบเลยนะ ฉันหยุดหัวเราะลงและนึกถึงวันที่ได้คุยกับไอริครั้งแรก ก่อนจะพูดกับเจ้าชายต่อ
“ก็เจ้าชายเอาแต่เรียกฉันว่า เธอ เธอ อย่างเดียวเลยนี้นะ”
“เอ๋”
“เรียกฉันว่า อันนะ สิฉันชื่อ อันนะ ไม่ใช่เธอซะหน่อย”
ฉันพูดพลางยกเข่าขึ้นมากอดเพื่อบังใบหน้าเล็กน้อย เจ้าชายก็มองฉันแล้วประมวลผมเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเปล่งประกายทันที
“ดะ- ได้หรอ งั้นเธ- อันนะ เรียกผมว่า มารุ ด้วยนะ”
นอกจากจะเหมือนหมาแล้วชื่อก็ยังเหมือนหมาอีกแฮะ ฉันจึงหัวเราะเล็กน้อยแล้วพูดแหย่เขาเล่น
“ชื่อเหมือนหมาที่ฉันเคยเลี้ยงเลยล่ะ”
“นี้~”
“ฮะๆ ล้อเล่นๆ”
แก้มของเจ้าชายป่องเล็กน้อยแล้วหันหน้าหนีไปอีกทางหนึ่ง อะไรเนี่ย งอนอยู่งั้นหรอ
“ถ้างั้นก็หายกันนะ”
“เอ๋”
“ก็ฉันงอนมารุ มารุงอนฉัน เพราะงั้นเลยหายกัน อืมๆ จบลงด้วยดี”
จากนั้นจู่ๆก็เงียบกันทั้งคู่ มารุก็ยังคงจ้องมาที่ฉัน จนพาลให้รู้สึกอึดอัด
“ก็แสดงว่าอันนะหายงอนผมแล้วใช่มะ”
“คงงั้นมั้ง”
“ถ้างั้น พรุ่งนี้ผมขอมานั่งด้วยได้ไหม”
“ตามใจเถอะ”
จากนั้นเจ้าชายก็ทำสหน้ามีความสุขมาก จนเหมือนว่าหางส่ายไปมาด้วยความดีใจเลยล่ะจากนั้นฉันจึงชวนกลับไปที่ห้องก่อนจะเริ่มคาบบ่าย
วันถัดมาฉันก็คุยกับมารุตามปกติโดยไม่หลบหน้าเขาแล้ว ในตอนเที่ยงก็จะออกไปกินข้าวด้านนอกโดยมีไอริตามมาด้วย
จนเวลาผ่านไปอีกสัปดาห์กว่าๆ หรือถ้านับจากเปิดเรียนก็ผ่านมาได้เดือนหนึ่งแล้ว คงถึงเวลาที่พวกนั้นจะมาอีกแล้วมั้ง อา น่ารำคาญจริงๆ
ดูเหมือนรอบนี้จะไม่ใช่ไทยะที่มาเรียกแต่เป็นผู้หญิงอีกคนที่อยู่กับไทยะตลอด ชื่ออะไรนะจำไม่ได้แฮะ เธอเดินมาหาแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันจึงเอียงคอด้วยความสงสัยเล็กน้อย
“เอ ใครนะจำไม่ได้แฮะ”
“…ฉัน รานิ ไงโหดร้ายจังนะจำ ‘เพื่อน’ ไม่ได้แบบนี้เนี่ย”
…เพื่อนเรอะ พูดออกมาได้ไม่อายปากเลยเนอะ แถมยังรอยยิ้มที่ส่งสายตาไปหามารุเรื่อยๆ นั่นอีก จะอ้วกว่ะ ฉันลุกขึ้นแล้วก็เดินตามเธอไปโดยไม่รอช้า
ให้มันรีบๆ จบไปก็พอ เราเดินไปและหยุดอยู่ที่เดิม หืม รอบนี้ไทยะไม่อยู่แฮะมีแต่รานิกับเพื่อนผู้หญิงคนอื่นรวมแล้ว 5 คน? เยอะขึ้นกว่าเดิมอีกแฮะ คนจากห้องอื่นด้วยหรือเปล่านะ
“บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปเกาะแกะเจ้าชายมาก แล้วที่ไปไหนด้วยกันแถมยังเรียกชื่อกันอีก ที่เรียกมาเตือนก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้าสมองเลยใช่ไหม”
“เฮอะ อิจฉารึไง”
รานิทำสีหน้าโกรธจัดแล้วตบฉันแต่ฉันก็รับมือของเธอเอาไว้ เทียบกับแรงผู้ชายแล้วถือว่าเบากว่ามากเลยล่ะ ไม่นานก็มีอีกคนมาเพิ่ม
เขาเป็นผู้ชายร่างใหญ่ ชุดต่างไปจากพวกเราเล็กน้อย…
“ชุดแบบนั้น…มอปลายหรอ”
“ใช่แล้ว รอบนี้แหละแกซ่าแบบครั้งก่อนไม่ได้แน่ รุ่นพี่อีนี่แหละค่ะที่อ่อยเจ้าชาย”
“เห นังนี้เองหรอ…ก็น่ารักไม่ใช่เล่นๆ เลยนี้หว่า”
รุ่นพี่คนนั้นพูดด้วยสีหน้ายิ้มอย่างน่ารังเกียจพลางเลียริมฝีปากของตัวเอง แล้วก็ใช้สายตามองไปทั่วร่างของฉัน ฉันจึงมองขวางใส่เขา พร้อมทั้งดวงตาที่แฝงไปด้วยความรังเกียจ
“...อะไร สีหน้าแบบนั้นหมายความว่าไงวะ อุตส่าห์คิดว่าจะเอ็นดูแล้วก็ ‘เล่นด้วย’ ดีๆ ซะหน่อย”
“มันก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง เพราะรุ่นพี่ทำท่าทางแบบนั้นถึงได้น่าขยะแขยง”
รุ่นพี่เปลี่ยนสีหน้าที่ยิ้มกลายเป็นบูดบึ้งและรู้สึกถึงแรงกดดันเล็กน้อยจนฉันเหงื่อตก แต่ก็ยังคงจ้องกลับไปอยู่ดี
“คงต้องสั่งสอนเด็กดื้อสักหน่อยแล้วว่ะ”
รุ่นพี่พูดพลางยื่นมือขวามาด้านหน้าแต่เราอยู่ห่างกันพอสมควร จึงไม่มีทางมาถึงฉันได้อยู่แล้ว จะทำอะไรกันนะ
“ขา”
ฉันสะดุ้งเพราะเสียงในหัวอีกครั้งก่อนจะกระโดดออกจากจุดที่ยืนอยู่ ทันใดนั้นก็มีเงาสีดำพุ่งขึ้นมาพยายามจับขาฉันเอาไว้ ถ้าไม่ถูกเตือนฉันคงโดนจับขาไปแล้ว
“ใช้ได้นี้หว่า สำหรับพวกระดับ 0 ล่ะนะ!!”
“!! อั๊ค”
มีเงาแบบเดิมโผล่ออกมาจากกำแพงด้านหลังฉันแต่มันพุ่งกระแทกใส่ฉันอย่างแรงจนฉันล้มลง แล้วก็มีเงาขึ้นมาจับแขนและขาดึงฉันขึ้นยืนขึงไปกับกำแพง
“ไหนไม่พูดมากแบบเมื่อกี้หน่อยล่ะวะ ห๊า!!”
“อึก”
รุ่นพี่ต่อยมาที่ท้องของฉันอย่างแรงจนฉันร้องออกมาเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด พร้อมทั้งสีหน้าบูดเบี้ยว และพยายามดิ้นไปมาเพื่อให้หลุดแต่ก็ไม่มีผลแม้แต่น้อย
“ฮ่าๆ ทำสีหน้าดีใช้ได้เลยนี้ว่า แต่จะทนไปได้นานเท่าไหร่กันเชียว”
“อุก อ็อค!!”
เขาหัวเราะชอบใจอย่างสนุกสนานแล้วก็ต่อยเข้ามาที่ฉันเรื่อยๆ จนจุกไปหมด และฉันก็อ้วกออกมา เขาถอยหลังหลบไปเล็กน้อยแล้วยิ้มอย่างหื่นกาม พอมองไปที่กางเกงของเขาก็ตุงขึ้นมากระตุกและแฉะนิดหน่อย
“หวา นี้น่ะหรอฉายานักตุ๊ยท้องของรุ่นพี่”
รานิพูดเบาๆ แล้วยิ้มอย่างสนุกสนานไม่แพ้กัน ในตอนนั้นเองเงาที่จับฉันไว้ก็คลายออก ฉันขดตัวลงไปนอนกับพื้นหอบหายใจอย่างแรง เพราะจุกจนหายใจแทบไม่ออก
แล้วก็รู้สึกเหมือนโดนเหยียบเข้าที่หัวและกดลงกับพื้น พอพยายามเงยขึ้นมองก็เห็นว่าเป็นเท้าของรานินั่นเอง เธอกดแรงเยอะขึ้นพร้อมกับบี้ไปมา โดยที่ฉันไม่มีแรงขัดเธอ
“หึ ทีอยู่ต่อหน้าเจ้าชายล่ะทำเป็นเก่ง พอมาตอนนี้แกน่ะทำอะไรไม่ได้”
…หนวกหู
“แกมันก็แค่ขยะไร้ค่า ไม่คู่ควรจะอยู่เคียงเจ้าชายหรอก”
หนวกหู...
“เพราะงั้นอย่าเสนอหน้าไปยุ่งกับเจ้าชายอีกนะ!!”
“หนวกหูโว้ย!!!”
ฉันใช้แรงเฮือกสุดท้ายหลังจากเริ่มหายจุกปัดเท้าของรานิออก แล้วลุกขึ้นต่อยที่หน้าของเธอจนสุดแรง ทุกคนที่อยู่รอบๆ ได้แต่ยืนอึ้งกับสิ่งที่ฉันทำ
มันแรงขนาดไหนงั้นหรอ ก็ขนาดที่ว่ารานิที่โดนไปเมื่อกี้คงเกือบสลบเลยล่ะ ฉันตั้งหลักยืนขึ้นจ้องไปที่รานิที่ยังคงสติไว้ได้เล็กน้อยโดยไม่ละสายตาไปจากฉัน และฉันระเบิดอารมณ์ออกมา
“หนึ่งคำก็เจ้าชาย สองคำก็เจ้าชาย! มารุมันมีอะไรดีตรงไหนวะ!”
อา ช่างมันแล้ว ฉันจะพูด ในสิ่งที่ฉันอยากพูด
“หัวช้า ซื่อบื้อ งี่เง่า แถมยังหลอกง่าย แทบจะไม่มีอะไรดีสักอย่าง!”
ฉันเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อพักหายใจเพราะตะโกนทำให้หายใจไม่ทัน ดวงตาเริ่มสั่นเครือ สติใกล้จะดับวูบลงทุกที ในตอนที่รานิทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างฉันก็ตะโกนขัดขึ้นมาทันที
“แต่มารุก็คือมารุ ไม่ใช่เจ้าชายในฝันของใครทั้งนั้นแหละ!!”
ฉันโกรธจนเลือดขึ้นหน้าตะโกนออกไปสุดเสียงโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว รานิก็กัดฟันแล้วชี้หน้าของฉันพร้อมทั้งหันไปพูดอะไรบางอย่างกับรุ่นพี่
แต่ฉันไม่ได้ยินอะไรรอบตัวเลย จากน้ันก็รู้สึกเจ็บที่ใบหน้าก่อนที่ตัวฉันจะกระเด็นออกไปทางด้านข้าง เพราะโดนรุ่นพี่ต่อยเข้าอย่างจัง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะพวกเธอ ห้ามใช้เวทมนตร์โดยไม่ได้รับอนุญาตนะ”
“เวรล่ะอาจารย์มา หนีเร็วเข้า”
อะไรนะ…มีอาจารย์มางั้นหรอแสดงว่ามีคนไปฟ้อง? ในตอนนั้นภาพตรงหน้าฉันก็เริ่มเบลอ เห็นเงาคนเข้ามาพลิกตัวฉันขึ้นแล้วเขย่าเบาๆ
ใครน่ะ อาจารย์งั้นหรอ อา จะยังไงก็ช่างแต่ว่า…ตั้งสติ.ไม่อยู่แล้ว…
หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างฉันก็จำไม่ได้แล้วแต่มีอย่างเดียวที่ฉันยังคงรู้สึกได้อยู่อย่างชัดเจน นั่นก็คือ ‘ความเจ็บปวด’
“ผมได้ยินทุกอย่างมาจากไอริแล้วล่ะ”
“…อา งั้นหรอ”
ฉันหรี่ตาลงเล็กน้อยและหันหน้าหนีไปทางอื่น เวรล่ะ ลืมบอกยัยนั่นซะได้ว่าห้ามเอาไปบอกใคร พลาดซะแล้วฉันหันกลับไปอีกรอบแล้วพูดกับเขา
“แล้วมีอะไร--”
“เธอหลบหน้าผมก็เพราะรำคาญใช่ไหมล่ะ!”
“หา?”
ฉันหน้าเหวอทันทีเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าชายพูดแทรกขึ้นมา กำลังพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ เขาก็ทำท่าทางลนลานเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“กะ ก็เธอรำคาญผมใช่ไหมล่ะ ที่ต้องคอยพึ่งพาเธอตลอดเลย ไอริบอกว่าเธองอนผมแล้วให้ผมมาง้อเธอ”
ในตอนนั้นเองฉันก็ทำความเข้าใจสิ่งที่เขาพูดได้ นี้ไอริไปพูดอะไรกับเขากันนะ แถมยังเชื่ออีกงั้นหรอสุดยอดเลยแฮะ เชื่อคนง่ายจริงๆ แล้วฉันก็กลั้นขำไม่ไหวก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
“อะ เอ๋ ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า”
“เปล่าๆ ถูกเลยล่ะฉันโคตรจะรำคาญนายเลย”
โว้ว เจ้าชายหงอยไปเลยแฮะ ก็นะ ใครได้ยินก็คงมีซึมบ้างแหละ แต่ว่าฉันยังพูดไม่จบเลยนะ ฉันหยุดหัวเราะลงและนึกถึงวันที่ได้คุยกับไอริครั้งแรก ก่อนจะพูดกับเจ้าชายต่อ
“ก็เจ้าชายเอาแต่เรียกฉันว่า เธอ เธอ อย่างเดียวเลยนี้นะ”
“เอ๋”
“เรียกฉันว่า อันนะ สิฉันชื่อ อันนะ ไม่ใช่เธอซะหน่อย”
ฉันพูดพลางยกเข่าขึ้นมากอดเพื่อบังใบหน้าเล็กน้อย เจ้าชายก็มองฉันแล้วประมวลผมเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเปล่งประกายทันที
“ดะ- ได้หรอ งั้นเธ- อันนะ เรียกผมว่า มารุ ด้วยนะ”
นอกจากจะเหมือนหมาแล้วชื่อก็ยังเหมือนหมาอีกแฮะ ฉันจึงหัวเราะเล็กน้อยแล้วพูดแหย่เขาเล่น
“ชื่อเหมือนหมาที่ฉันเคยเลี้ยงเลยล่ะ”
“นี้~”
“ฮะๆ ล้อเล่นๆ”
แก้มของเจ้าชายป่องเล็กน้อยแล้วหันหน้าหนีไปอีกทางหนึ่ง อะไรเนี่ย งอนอยู่งั้นหรอ
“ถ้างั้นก็หายกันนะ”
“เอ๋”
“ก็ฉันงอนมารุ มารุงอนฉัน เพราะงั้นเลยหายกัน อืมๆ จบลงด้วยดี”
จากนั้นจู่ๆก็เงียบกันทั้งคู่ มารุก็ยังคงจ้องมาที่ฉัน จนพาลให้รู้สึกอึดอัด
“ก็แสดงว่าอันนะหายงอนผมแล้วใช่มะ”
“คงงั้นมั้ง”
“ถ้างั้น พรุ่งนี้ผมขอมานั่งด้วยได้ไหม”
“ตามใจเถอะ”
จากนั้นเจ้าชายก็ทำสหน้ามีความสุขมาก จนเหมือนว่าหางส่ายไปมาด้วยความดีใจเลยล่ะจากนั้นฉันจึงชวนกลับไปที่ห้องก่อนจะเริ่มคาบบ่าย
วันถัดมาฉันก็คุยกับมารุตามปกติโดยไม่หลบหน้าเขาแล้ว ในตอนเที่ยงก็จะออกไปกินข้าวด้านนอกโดยมีไอริตามมาด้วย
จนเวลาผ่านไปอีกสัปดาห์กว่าๆ หรือถ้านับจากเปิดเรียนก็ผ่านมาได้เดือนหนึ่งแล้ว คงถึงเวลาที่พวกนั้นจะมาอีกแล้วมั้ง อา น่ารำคาญจริงๆ
ดูเหมือนรอบนี้จะไม่ใช่ไทยะที่มาเรียกแต่เป็นผู้หญิงอีกคนที่อยู่กับไทยะตลอด ชื่ออะไรนะจำไม่ได้แฮะ เธอเดินมาหาแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันจึงเอียงคอด้วยความสงสัยเล็กน้อย
“เอ ใครนะจำไม่ได้แฮะ”
“…ฉัน รานิ ไงโหดร้ายจังนะจำ ‘เพื่อน’ ไม่ได้แบบนี้เนี่ย”
…เพื่อนเรอะ พูดออกมาได้ไม่อายปากเลยเนอะ แถมยังรอยยิ้มที่ส่งสายตาไปหามารุเรื่อยๆ นั่นอีก จะอ้วกว่ะ ฉันลุกขึ้นแล้วก็เดินตามเธอไปโดยไม่รอช้า
ให้มันรีบๆ จบไปก็พอ เราเดินไปและหยุดอยู่ที่เดิม หืม รอบนี้ไทยะไม่อยู่แฮะมีแต่รานิกับเพื่อนผู้หญิงคนอื่นรวมแล้ว 5 คน? เยอะขึ้นกว่าเดิมอีกแฮะ คนจากห้องอื่นด้วยหรือเปล่านะ
“บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปเกาะแกะเจ้าชายมาก แล้วที่ไปไหนด้วยกันแถมยังเรียกชื่อกันอีก ที่เรียกมาเตือนก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้าสมองเลยใช่ไหม”
“เฮอะ อิจฉารึไง”
รานิทำสีหน้าโกรธจัดแล้วตบฉันแต่ฉันก็รับมือของเธอเอาไว้ เทียบกับแรงผู้ชายแล้วถือว่าเบากว่ามากเลยล่ะ ไม่นานก็มีอีกคนมาเพิ่ม
เขาเป็นผู้ชายร่างใหญ่ ชุดต่างไปจากพวกเราเล็กน้อย…
“ชุดแบบนั้น…มอปลายหรอ”
“ใช่แล้ว รอบนี้แหละแกซ่าแบบครั้งก่อนไม่ได้แน่ รุ่นพี่อีนี่แหละค่ะที่อ่อยเจ้าชาย”
“เห นังนี้เองหรอ…ก็น่ารักไม่ใช่เล่นๆ เลยนี้หว่า”
รุ่นพี่คนนั้นพูดด้วยสีหน้ายิ้มอย่างน่ารังเกียจพลางเลียริมฝีปากของตัวเอง แล้วก็ใช้สายตามองไปทั่วร่างของฉัน ฉันจึงมองขวางใส่เขา พร้อมทั้งดวงตาที่แฝงไปด้วยความรังเกียจ
“...อะไร สีหน้าแบบนั้นหมายความว่าไงวะ อุตส่าห์คิดว่าจะเอ็นดูแล้วก็ ‘เล่นด้วย’ ดีๆ ซะหน่อย”
“มันก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง เพราะรุ่นพี่ทำท่าทางแบบนั้นถึงได้น่าขยะแขยง”
รุ่นพี่เปลี่ยนสีหน้าที่ยิ้มกลายเป็นบูดบึ้งและรู้สึกถึงแรงกดดันเล็กน้อยจนฉันเหงื่อตก แต่ก็ยังคงจ้องกลับไปอยู่ดี
“คงต้องสั่งสอนเด็กดื้อสักหน่อยแล้วว่ะ”
รุ่นพี่พูดพลางยื่นมือขวามาด้านหน้าแต่เราอยู่ห่างกันพอสมควร จึงไม่มีทางมาถึงฉันได้อยู่แล้ว จะทำอะไรกันนะ
“ขา”
ฉันสะดุ้งเพราะเสียงในหัวอีกครั้งก่อนจะกระโดดออกจากจุดที่ยืนอยู่ ทันใดนั้นก็มีเงาสีดำพุ่งขึ้นมาพยายามจับขาฉันเอาไว้ ถ้าไม่ถูกเตือนฉันคงโดนจับขาไปแล้ว
“ใช้ได้นี้หว่า สำหรับพวกระดับ 0 ล่ะนะ!!”
“!! อั๊ค”
มีเงาแบบเดิมโผล่ออกมาจากกำแพงด้านหลังฉันแต่มันพุ่งกระแทกใส่ฉันอย่างแรงจนฉันล้มลง แล้วก็มีเงาขึ้นมาจับแขนและขาดึงฉันขึ้นยืนขึงไปกับกำแพง
“ไหนไม่พูดมากแบบเมื่อกี้หน่อยล่ะวะ ห๊า!!”
“อึก”
รุ่นพี่ต่อยมาที่ท้องของฉันอย่างแรงจนฉันร้องออกมาเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด พร้อมทั้งสีหน้าบูดเบี้ยว และพยายามดิ้นไปมาเพื่อให้หลุดแต่ก็ไม่มีผลแม้แต่น้อย
“ฮ่าๆ ทำสีหน้าดีใช้ได้เลยนี้ว่า แต่จะทนไปได้นานเท่าไหร่กันเชียว”
“อุก อ็อค!!”
เขาหัวเราะชอบใจอย่างสนุกสนานแล้วก็ต่อยเข้ามาที่ฉันเรื่อยๆ จนจุกไปหมด และฉันก็อ้วกออกมา เขาถอยหลังหลบไปเล็กน้อยแล้วยิ้มอย่างหื่นกาม พอมองไปที่กางเกงของเขาก็ตุงขึ้นมากระตุกและแฉะนิดหน่อย
“หวา นี้น่ะหรอฉายานักตุ๊ยท้องของรุ่นพี่”
รานิพูดเบาๆ แล้วยิ้มอย่างสนุกสนานไม่แพ้กัน ในตอนนั้นเองเงาที่จับฉันไว้ก็คลายออก ฉันขดตัวลงไปนอนกับพื้นหอบหายใจอย่างแรง เพราะจุกจนหายใจแทบไม่ออก
แล้วก็รู้สึกเหมือนโดนเหยียบเข้าที่หัวและกดลงกับพื้น พอพยายามเงยขึ้นมองก็เห็นว่าเป็นเท้าของรานินั่นเอง เธอกดแรงเยอะขึ้นพร้อมกับบี้ไปมา โดยที่ฉันไม่มีแรงขัดเธอ
“หึ ทีอยู่ต่อหน้าเจ้าชายล่ะทำเป็นเก่ง พอมาตอนนี้แกน่ะทำอะไรไม่ได้”
…หนวกหู
“แกมันก็แค่ขยะไร้ค่า ไม่คู่ควรจะอยู่เคียงเจ้าชายหรอก”
หนวกหู...
“เพราะงั้นอย่าเสนอหน้าไปยุ่งกับเจ้าชายอีกนะ!!”
“หนวกหูโว้ย!!!”
ฉันใช้แรงเฮือกสุดท้ายหลังจากเริ่มหายจุกปัดเท้าของรานิออก แล้วลุกขึ้นต่อยที่หน้าของเธอจนสุดแรง ทุกคนที่อยู่รอบๆ ได้แต่ยืนอึ้งกับสิ่งที่ฉันทำ
มันแรงขนาดไหนงั้นหรอ ก็ขนาดที่ว่ารานิที่โดนไปเมื่อกี้คงเกือบสลบเลยล่ะ ฉันตั้งหลักยืนขึ้นจ้องไปที่รานิที่ยังคงสติไว้ได้เล็กน้อยโดยไม่ละสายตาไปจากฉัน และฉันระเบิดอารมณ์ออกมา
“หนึ่งคำก็เจ้าชาย สองคำก็เจ้าชาย! มารุมันมีอะไรดีตรงไหนวะ!”
อา ช่างมันแล้ว ฉันจะพูด ในสิ่งที่ฉันอยากพูด
“หัวช้า ซื่อบื้อ งี่เง่า แถมยังหลอกง่าย แทบจะไม่มีอะไรดีสักอย่าง!”
ฉันเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อพักหายใจเพราะตะโกนทำให้หายใจไม่ทัน ดวงตาเริ่มสั่นเครือ สติใกล้จะดับวูบลงทุกที ในตอนที่รานิทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างฉันก็ตะโกนขัดขึ้นมาทันที
“แต่มารุก็คือมารุ ไม่ใช่เจ้าชายในฝันของใครทั้งนั้นแหละ!!”
ฉันโกรธจนเลือดขึ้นหน้าตะโกนออกไปสุดเสียงโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว รานิก็กัดฟันแล้วชี้หน้าของฉันพร้อมทั้งหันไปพูดอะไรบางอย่างกับรุ่นพี่
แต่ฉันไม่ได้ยินอะไรรอบตัวเลย จากน้ันก็รู้สึกเจ็บที่ใบหน้าก่อนที่ตัวฉันจะกระเด็นออกไปทางด้านข้าง เพราะโดนรุ่นพี่ต่อยเข้าอย่างจัง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะพวกเธอ ห้ามใช้เวทมนตร์โดยไม่ได้รับอนุญาตนะ”
“เวรล่ะอาจารย์มา หนีเร็วเข้า”
อะไรนะ…มีอาจารย์มางั้นหรอแสดงว่ามีคนไปฟ้อง? ในตอนนั้นภาพตรงหน้าฉันก็เริ่มเบลอ เห็นเงาคนเข้ามาพลิกตัวฉันขึ้นแล้วเขย่าเบาๆ
ใครน่ะ อาจารย์งั้นหรอ อา จะยังไงก็ช่างแต่ว่า…ตั้งสติ.ไม่อยู่แล้ว…
หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างฉันก็จำไม่ได้แล้วแต่มีอย่างเดียวที่ฉันยังคงรู้สึกได้อยู่อย่างชัดเจน นั่นก็คือ ‘ความเจ็บปวด’
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ