เรื่องราวในโลกสัตว์เทพ

-

เขียนโดย NobYK

วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 05.56 น.

  8 ตอน
  0 วิจารณ์
  7,341 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2563 06.06 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ตอนที่ 5 ระเบิดอารมณ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

    เจ้าชายที่อยู่ตรงหน้าฉันยังคงหอบหายใจด้วยความเหนื่อย ทำไมถึงรีบขนาดนี้กันล่ะเนี่ย ฉันทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยแล้วยื่นน้ำให้เขา เจ้าชายรับไว้และดื่มน้ำอึกใหญ่ก่อนจะสงบลงได้ แล้วพูดกับฉัน

 

“ผมได้ยินทุกอย่างมาจากไอริแล้วล่ะ”

 

“…อา งั้นหรอ”

 

    ฉันหรี่ตาลงเล็กน้อยและหันหน้าหนีไปทางอื่น เวรล่ะ ลืมบอกยัยนั่นซะได้ว่าห้ามเอาไปบอกใคร พลาดซะแล้วฉันหันกลับไปอีกรอบแล้วพูดกับเขา

 

“แล้วมีอะไร--”

 

“เธอหลบหน้าผมก็เพราะรำคาญใช่ไหมล่ะ!”

 

“หา?”

 

    ฉันหน้าเหวอทันทีเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าชายพูดแทรกขึ้นมา กำลังพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ เขาก็ทำท่าทางลนลานเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

 

“กะ ก็เธอรำคาญผมใช่ไหมล่ะ ที่ต้องคอยพึ่งพาเธอตลอดเลย ไอริบอกว่าเธองอนผมแล้วให้ผมมาง้อเธอ”

 

    ในตอนนั้นเองฉันก็ทำความเข้าใจสิ่งที่เขาพูดได้ นี้ไอริไปพูดอะไรกับเขากันนะ แถมยังเชื่ออีกงั้นหรอสุดยอดเลยแฮะ เชื่อคนง่ายจริงๆ แล้วฉันก็กลั้นขำไม่ไหวก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา

 

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

 

“อะ เอ๋ ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า”

 

“เปล่าๆ ถูกเลยล่ะฉันโคตรจะรำคาญนายเลย”

 

    โว้ว เจ้าชายหงอยไปเลยแฮะ ก็นะ ใครได้ยินก็คงมีซึมบ้างแหละ แต่ว่าฉันยังพูดไม่จบเลยนะ ฉันหยุดหัวเราะลงและนึกถึงวันที่ได้คุยกับไอริครั้งแรก ก่อนจะพูดกับเจ้าชายต่อ

 

“ก็เจ้าชายเอาแต่เรียกฉันว่า เธอ เธอ อย่างเดียวเลยนี้นะ”

 

“เอ๋”

 

“เรียกฉันว่า อันนะ สิฉันชื่อ อันนะ ไม่ใช่เธอซะหน่อย”

 

    ฉันพูดพลางยกเข่าขึ้นมากอดเพื่อบังใบหน้าเล็กน้อย เจ้าชายก็มองฉันแล้วประมวลผมเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเปล่งประกายทันที

 

“ดะ- ได้หรอ งั้นเธ- อันนะ เรียกผมว่า มารุ ด้วยนะ”

 

    นอกจากจะเหมือนหมาแล้วชื่อก็ยังเหมือนหมาอีกแฮะ ฉันจึงหัวเราะเล็กน้อยแล้วพูดแหย่เขาเล่น

 

“ชื่อเหมือนหมาที่ฉันเคยเลี้ยงเลยล่ะ”

 

“นี้~”

 

“ฮะๆ ล้อเล่นๆ”

 

    แก้มของเจ้าชายป่องเล็กน้อยแล้วหันหน้าหนีไปอีกทางหนึ่ง อะไรเนี่ย งอนอยู่งั้นหรอ

 

“ถ้างั้นก็หายกันนะ”

 

“เอ๋”

 

“ก็ฉันงอนมารุ มารุงอนฉัน เพราะงั้นเลยหายกัน อืมๆ จบลงด้วยดี”

 

    จากนั้นจู่ๆก็เงียบกันทั้งคู่ มารุก็ยังคงจ้องมาที่ฉัน จนพาลให้รู้สึกอึดอัด

 

“ก็แสดงว่าอันนะหายงอนผมแล้วใช่มะ”

 

“คงงั้นมั้ง”

 

“ถ้างั้น พรุ่งนี้ผมขอมานั่งด้วยได้ไหม”

 

“ตามใจเถอะ”

 

    จากนั้นเจ้าชายก็ทำสหน้ามีความสุขมาก จนเหมือนว่าหางส่ายไปมาด้วยความดีใจเลยล่ะจากนั้นฉันจึงชวนกลับไปที่ห้องก่อนจะเริ่มคาบบ่าย

    วันถัดมาฉันก็คุยกับมารุตามปกติโดยไม่หลบหน้าเขาแล้ว ในตอนเที่ยงก็จะออกไปกินข้าวด้านนอกโดยมีไอริตามมาด้วย

    จนเวลาผ่านไปอีกสัปดาห์กว่าๆ หรือถ้านับจากเปิดเรียนก็ผ่านมาได้เดือนหนึ่งแล้ว คงถึงเวลาที่พวกนั้นจะมาอีกแล้วมั้ง อา น่ารำคาญจริงๆ

    ดูเหมือนรอบนี้จะไม่ใช่ไทยะที่มาเรียกแต่เป็นผู้หญิงอีกคนที่อยู่กับไทยะตลอด ชื่ออะไรนะจำไม่ได้แฮะ เธอเดินมาหาแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันจึงเอียงคอด้วยความสงสัยเล็กน้อย

 

“เอ ใครนะจำไม่ได้แฮะ”

 

“…ฉัน รานิ ไงโหดร้ายจังนะจำ ‘เพื่อน’ ไม่ได้แบบนี้เนี่ย”

 

    …เพื่อนเรอะ พูดออกมาได้ไม่อายปากเลยเนอะ แถมยังรอยยิ้มที่ส่งสายตาไปหามารุเรื่อยๆ นั่นอีก จะอ้วกว่ะ ฉันลุกขึ้นแล้วก็เดินตามเธอไปโดยไม่รอช้า

    ให้มันรีบๆ จบไปก็พอ เราเดินไปและหยุดอยู่ที่เดิม หืม รอบนี้ไทยะไม่อยู่แฮะมีแต่รานิกับเพื่อนผู้หญิงคนอื่นรวมแล้ว 5 คน? เยอะขึ้นกว่าเดิมอีกแฮะ คนจากห้องอื่นด้วยหรือเปล่านะ

 

“บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปเกาะแกะเจ้าชายมาก แล้วที่ไปไหนด้วยกันแถมยังเรียกชื่อกันอีก ที่เรียกมาเตือนก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้าสมองเลยใช่ไหม”

 

“เฮอะ อิจฉารึไง”

 

    รานิทำสีหน้าโกรธจัดแล้วตบฉันแต่ฉันก็รับมือของเธอเอาไว้ เทียบกับแรงผู้ชายแล้วถือว่าเบากว่ามากเลยล่ะ ไม่นานก็มีอีกคนมาเพิ่ม

    เขาเป็นผู้ชายร่างใหญ่ ชุดต่างไปจากพวกเราเล็กน้อย…

 

“ชุดแบบนั้น…มอปลายหรอ”

 

“ใช่แล้ว รอบนี้แหละแกซ่าแบบครั้งก่อนไม่ได้แน่ รุ่นพี่อีนี่แหละค่ะที่อ่อยเจ้าชาย”

 

“เห นังนี้เองหรอ…ก็น่ารักไม่ใช่เล่นๆ เลยนี้หว่า”

 

    รุ่นพี่คนนั้นพูดด้วยสีหน้ายิ้มอย่างน่ารังเกียจพลางเลียริมฝีปากของตัวเอง แล้วก็ใช้สายตามองไปทั่วร่างของฉัน ฉันจึงมองขวางใส่เขา พร้อมทั้งดวงตาที่แฝงไปด้วยความรังเกียจ

 

“...อะไร สีหน้าแบบนั้นหมายความว่าไงวะ อุตส่าห์คิดว่าจะเอ็นดูแล้วก็ ‘เล่นด้วย’ ดีๆ ซะหน่อย”

 

“มันก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง เพราะรุ่นพี่ทำท่าทางแบบนั้นถึงได้น่าขยะแขยง”

 

    รุ่นพี่เปลี่ยนสีหน้าที่ยิ้มกลายเป็นบูดบึ้งและรู้สึกถึงแรงกดดันเล็กน้อยจนฉันเหงื่อตก แต่ก็ยังคงจ้องกลับไปอยู่ดี

 

“คงต้องสั่งสอนเด็กดื้อสักหน่อยแล้วว่ะ”

 

    รุ่นพี่พูดพลางยื่นมือขวามาด้านหน้าแต่เราอยู่ห่างกันพอสมควร จึงไม่มีทางมาถึงฉันได้อยู่แล้ว จะทำอะไรกันนะ

 

“ขา”

 

    ฉันสะดุ้งเพราะเสียงในหัวอีกครั้งก่อนจะกระโดดออกจากจุดที่ยืนอยู่ ทันใดนั้นก็มีเงาสีดำพุ่งขึ้นมาพยายามจับขาฉันเอาไว้ ถ้าไม่ถูกเตือนฉันคงโดนจับขาไปแล้ว

 

“ใช้ได้นี้หว่า สำหรับพวกระดับ 0 ล่ะนะ!!”

 

“!! อั๊ค”

 

    มีเงาแบบเดิมโผล่ออกมาจากกำแพงด้านหลังฉันแต่มันพุ่งกระแทกใส่ฉันอย่างแรงจนฉันล้มลง แล้วก็มีเงาขึ้นมาจับแขนและขาดึงฉันขึ้นยืนขึงไปกับกำแพง

 

“ไหนไม่พูดมากแบบเมื่อกี้หน่อยล่ะวะ ห๊า!!”

 

“อึก”

 

    รุ่นพี่ต่อยมาที่ท้องของฉันอย่างแรงจนฉันร้องออกมาเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด พร้อมทั้งสีหน้าบูดเบี้ยว และพยายามดิ้นไปมาเพื่อให้หลุดแต่ก็ไม่มีผลแม้แต่น้อย

 

“ฮ่าๆ ทำสีหน้าดีใช้ได้เลยนี้ว่า แต่จะทนไปได้นานเท่าไหร่กันเชียว”

 

“อุก อ็อค!!”

 

    เขาหัวเราะชอบใจอย่างสนุกสนานแล้วก็ต่อยเข้ามาที่ฉันเรื่อยๆ จนจุกไปหมด และฉันก็อ้วกออกมา เขาถอยหลังหลบไปเล็กน้อยแล้วยิ้มอย่างหื่นกาม พอมองไปที่กางเกงของเขาก็ตุงขึ้นมากระตุกและแฉะนิดหน่อย

 

“หวา นี้น่ะหรอฉายานักตุ๊ยท้องของรุ่นพี่”

 

    รานิพูดเบาๆ แล้วยิ้มอย่างสนุกสนานไม่แพ้กัน ในตอนนั้นเองเงาที่จับฉันไว้ก็คลายออก ฉันขดตัวลงไปนอนกับพื้นหอบหายใจอย่างแรง เพราะจุกจนหายใจแทบไม่ออก

    แล้วก็รู้สึกเหมือนโดนเหยียบเข้าที่หัวและกดลงกับพื้น พอพยายามเงยขึ้นมองก็เห็นว่าเป็นเท้าของรานินั่นเอง เธอกดแรงเยอะขึ้นพร้อมกับบี้ไปมา โดยที่ฉันไม่มีแรงขัดเธอ

 

“หึ ทีอยู่ต่อหน้าเจ้าชายล่ะทำเป็นเก่ง พอมาตอนนี้แกน่ะทำอะไรไม่ได้”

 

    …หนวกหู

 

“แกมันก็แค่ขยะไร้ค่า ไม่คู่ควรจะอยู่เคียงเจ้าชายหรอก”

 

    หนวกหู...

 

“เพราะงั้นอย่าเสนอหน้าไปยุ่งกับเจ้าชายอีกนะ!!”

 

“หนวกหูโว้ย!!!”

 

    ฉันใช้แรงเฮือกสุดท้ายหลังจากเริ่มหายจุกปัดเท้าของรานิออก แล้วลุกขึ้นต่อยที่หน้าของเธอจนสุดแรง ทุกคนที่อยู่รอบๆ ได้แต่ยืนอึ้งกับสิ่งที่ฉันทำ

    มันแรงขนาดไหนงั้นหรอ ก็ขนาดที่ว่ารานิที่โดนไปเมื่อกี้คงเกือบสลบเลยล่ะ ฉันตั้งหลักยืนขึ้นจ้องไปที่รานิที่ยังคงสติไว้ได้เล็กน้อยโดยไม่ละสายตาไปจากฉัน และฉันระเบิดอารมณ์ออกมา

 

“หนึ่งคำก็เจ้าชาย สองคำก็เจ้าชาย! มารุมันมีอะไรดีตรงไหนวะ!”

 

    อา ช่างมันแล้ว ฉันจะพูด ในสิ่งที่ฉันอยากพูด

 

“หัวช้า ซื่อบื้อ งี่เง่า แถมยังหลอกง่าย แทบจะไม่มีอะไรดีสักอย่าง!”

 

    ฉันเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อพักหายใจเพราะตะโกนทำให้หายใจไม่ทัน ดวงตาเริ่มสั่นเครือ สติใกล้จะดับวูบลงทุกที ในตอนที่รานิทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างฉันก็ตะโกนขัดขึ้นมาทันที

 

“แต่มารุก็คือมารุ ไม่ใช่เจ้าชายในฝันของใครทั้งนั้นแหละ!!”

 

    ฉันโกรธจนเลือดขึ้นหน้าตะโกนออกไปสุดเสียงโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว รานิก็กัดฟันแล้วชี้หน้าของฉันพร้อมทั้งหันไปพูดอะไรบางอย่างกับรุ่นพี่

    แต่ฉันไม่ได้ยินอะไรรอบตัวเลย จากน้ันก็รู้สึกเจ็บที่ใบหน้าก่อนที่ตัวฉันจะกระเด็นออกไปทางด้านข้าง เพราะโดนรุ่นพี่ต่อยเข้าอย่างจัง

 

“หยุดเดี๋ยวนี้นะพวกเธอ ห้ามใช้เวทมนตร์โดยไม่ได้รับอนุญาตนะ”

 

“เวรล่ะอาจารย์มา หนีเร็วเข้า”

 

    อะไรนะ…มีอาจารย์มางั้นหรอแสดงว่ามีคนไปฟ้อง? ในตอนนั้นภาพตรงหน้าฉันก็เริ่มเบลอ เห็นเงาคนเข้ามาพลิกตัวฉันขึ้นแล้วเขย่าเบาๆ

    ใครน่ะ อาจารย์งั้นหรอ อา จะยังไงก็ช่างแต่ว่า…ตั้งสติ.ไม่อยู่แล้ว…

 

    หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างฉันก็จำไม่ได้แล้วแต่มีอย่างเดียวที่ฉันยังคงรู้สึกได้อยู่อย่างชัดเจน นั่นก็คือ ‘ความเจ็บปวด’

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา