เรื่องราวในโลกสัตว์เทพ

-

เขียนโดย NobYK

วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 05.56 น.

  8 ตอน
  0 วิจารณ์
  7,161 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2563 06.06 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ตอนที่ 2.5 รักครั้งแรก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

*เปลี่ยนชื่อมังกรจาก บาโบ เป็น ชิบารุ ถ้ามีตรงไหนตกหล่นสามารถคอมเมนต์ไว้ได้นะคะ*

 

    โรงเรียนอาจจะไม่แย่อย่างที่คิดก็ได้ ผมคิดแบบนั้นในขณะที่เดินเข้าไปในคฤหาสน์แล้วผมก็เจอพี่ซาจิที่กลับมาก่อนแล้ว

 

“ทำไมวันนี้พี่ซาจิกลับมาเร็วจัง”

 

“วันนี้งานที่สภานักเรียนมีไม่มากน่ะ เลยได้กลับมาเร็ว”

 

“งั้นหรอ”

 

“แล้วเป็นไงบ้างล่ะโรงเรียน”

 

“ไม่แย่เท่าไหร่ คนที่นั่งข้างผมไม่พูดประจบผมด้วยล่ะ แถมยังได้เธอช่วยอะไรหลายอย่างเลย”

 

    ผมพูดแบบนั้นพร้อมกับยิ้มอย่างเบิกบานพี่ซาจิเห็นก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินเข้ามาลูบหัวผมเบาๆ

 

“หรอ ดีแล้วล่ะพยายามเข้านะ”

 

“อื้อ! ผมไปอาบน้ำก่อนนะ”

 

“อืม…หืม เธอ ผู้หญิงงั้นหรอ”

 

    พี่ซาจิพูดอะไรบางอย่างต่อท้ายแต่มันเบาเกินจนผมได้แต่เอียงคอด้วยความสงสัย ซึ่งพี่เขาบอกว่าไม่มีอะไรพลางส่ายหน้าเบาๆ และยิ้มให้

    วันต่อมาผมก็ไปถึงคนสุดท้ายของห้องเหมือนเดิม แต่วันนี้เธอคนนั้นนอนฟุบอยู่กับโต๊ะ ถึงจะเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วเธอก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะตื่น ผมเลยถามออกไปด้วยความเป็นห่วง

 

“นี่เธอ นอนแบบนั้นรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า”

 

    หลังจากพูดแบบนั้นเธอก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาโดยที่มีสีหน้าเบื่อหน่ายเหมือนเดิม แล้วมองรอบๆ ห้องเล็กน้อยและพูดกับผม

 

“เปล่าฉันแค่ง่วงเฉย ๆ”

 

“นอนดึกหรอ อย่าฝืนตัวเองนะ”

 

“อา”

 

    เธอตอบสั้นๆ ง่ายๆ เป็นกันเองเหมือนเดิมแล้วก็นั่งเหม่อมองนอกหน้าต่างไป โดยไม่ได้สังเกตเห็นผมที่มองไปที่ใบหน้าของเธอตลอดเวลาเลย

 

“ทำไมพอมองแบบนี้แล้ว เธอดูสวยจัง...”

 

    ผมเผลอพูดแบบนั้นกับชิบารุในใจ กว่าจะรู้ตัวผมก็จ้องมองไปที่เธอด้วยรอยยิ้มแล้ว ก่อนจะค่อยๆ คุยกับชิบารุต่อ

 

“ไม่เสแสร้ง ไม่ประจบ แถมยังพูดแบบเป็นกันเองกับผมอีก รู้สึกอยากจะอยู่กับเธอตลอดเวลาเลย ความรู้สึกที่มีกับเพื่อนมันเป็นแบบนี้เองงั้นหรอ”

 

“ไม่อะ ไม่มีใครเขามีความรู้สึกแบบนั้นกับเพื่อนกันหรอกนะ”

 

“เอ๊ะ มะ- ไม่ใช่เพื่อนงั้นหรอ แล้วมันคืออะไรอะ”

 

“ไอ้หนูฟังให้ดีนะ เอ็งชอบเธอ”

 

“...”

 

    พอได้ยินแบบนั้นจู่ๆ ใบหน้าของผมก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ก่อนที่จะหันหน้าหนีไปอีกทางหนึ่งเพื่อที่ว่าถ้าเธอหันมาจะไม่เห็นใบหน้าของผม

 

“ฮ่า พอรู้ตัวแล้วหน้าแดงใหญ่เลยนะ ไอ้หนู”

 

“อะเอะ จะ- จริงหรอ นี้ผมชอบเธอหรอ” 

 

“ก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอกนะ ขอเธอคบไปเลย!!”

 

“ไม่ไหวหรอก เราพึ่งเจอกันไม่กี่วันเองนะ แถมยังไม่ค่อยสนิทกับเธอมากเลยด้วย”

 

“งั้นก็คุยกับเธอให้มากกว่านี้ดิวะ เริ่มจากมาให้เช้ากว่านี้ถามเธอซะว่ามาถึงกี่โมง แล้ววันนี้ก็ไปบอกให้คนใช้เตรียมข้าวกล่องให้ด้วย”

 

“ขะ- เข้าใจแล้ว”

 

    ผมตอบรับชิบารุแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหันไปเรียกเธออีกครั้ง โดยที่พยายามเก็บความรู้สึกแบบเมื่อกี้เอาไว้

 

“เธอมาเช้าจังมาถึงกี่โมงหรอ”

 

“มาถึงตั้งแต่ 6 โมงแล้วล่ะ”

 

“อืม งั้นหรอ”

 

    พอพูดจบไม่นานนักอาจารย์ก็เข้ามาในห้องแล้วเริ่มสอนทันที แต่ผมก็ยังคงเหม่อแล้วคุยกับชิบารุในใจ

 

“6 โมงครึ่งหรอ เช้ามากเลยนะ”

 

“นั่นเวลาตื่นเอ็งเลยนี่นะ ต้องมาให้ไล่เลี่ยเธอนะเว้ยจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น”

 

“อืม ผมจะพยายาม ถ้าผมไม่ตื่นช่วยปลุกผมด้วยนะ”

 

“เฮ้ สนใจเรื่องที่เรียนหน่อยสิ”

 

“เอะ อา อืม”

 

    ผมลนลานเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ เธอก็ทักมาเตือนผมโดยที่ไม่หันมามองด้วยซ้ำ พลางจดเนื้อหาเรียนไปด้วย เพราะเธอจดสิ่งที่เรียนทุกอย่างหรือเปล่านะ ถึงได้เก่งขนาดนี้

    แล้วเมื่อผ่านไปตอนเที่ยงผมก็ยังไม่ลุกออกไปทันที แล้วรอดูของที่เธอเอามาเผื่อจะได้เป็นแนวทางว่าจะเอาอะไรมาดี เธอก็เห็นผมมองอยู่แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วเปิดข้าวกล่องมาตามปกติ

    เป็นของที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ผมยิ้มออกมาร่าเริงแล้วค่อยลุกออกจากห้องไป ถ้านั่งกินข้าวด้วยกันแล้วทำให้สนิทด้วยมากขึ้นก็ดีสิ

 

 

    เมื่อกลับไปถึงบ้านผมก็เก็บของรอเวลาทานข้าวเย็น ในตอนที่หาอะไรทำไปเรื่อยก็เจอกับพี่ไคมะเข้า พี่ไคมะเลยยิ้มกว้างและเดินมาหาผม

 

“โอ้ เจอเรื่องดีๆ มางั้นหรอ ยิ้มซะหน้าบานเชียว”

 

“ผม...ทำหน้าแบบนั้นหรอ”

 

“ใช่ๆ นายยิ้มซะหน้าเคลิ้มเชียวล่ะ ไหนบอกพี่ชายคนนี้สิว่าเจอเรื่องอะไรดีๆ มา หรือว่า~”

 

    พี่ไคมะพูดแล้วหรี่ตาลงจนผมเหงื่อตกเล็กน้อยแล้วเขาก็เข้ามากอดคอผมและถามใกล้หูกว่าเดิมในเชิงแหย่เล่น

 

“หรือว่า นายมีสาวที่ชอบแล้วงั้นหรอ~”

 

    ผมเงียบแต่ว่ามีความรู้สึกแบบเดียวกันกับตอนที่ชิบารุบอกว่าผมชอบเธอ พอพี่ไคมะเห็นแบบนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าแปลกใจทันที

 

“จริงหรอเนี่ย ไปโรงเรียนแค่สองวันก็มีคนที่ชอบแล้วหรอสุดยอดเลยแฮะนายเนี่ย”

 

“ยะ- ยังไม่มั่นใจหรอกว่าชอบหรือเปล่า...”

 

    ผมตอบบอกไปพร้อมกับกลอกตาไปมาด้วยความลนลาน

 

“เห๋~ จะจริงหรอ ยังไม่มั่นใจแต่ก็หน้าแดงใหญ่เลยนะ”

 

“งื้อ~ ผมกับเธอยังรู้จักกันไม่นานเลยนะ”

 

“ฮ่าๆ งั้นหรอ เอาเถอะเรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาล่ะนะถึงจะเข้าใจ แต่ก็นะ ยิ่งรู้ตัวเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี จำคำนี้ไว้ล่ะ”

 

“อะ- อืม”

 

    หลังจากนั้นพี่ไคมะก็โบกมือให้แล้วเดินจากไป หลังจากกินข้าวเสร็จทุกคนก็คุยเรื่องต่างๆ กันไปเรื่อยเปื่อย ผมก็รอจังหวะที่จะขอข้าวกล่องไปเรียน

    ในตอนที่ผมทำท่ากระอักกระอ่วนเพราะหาจังหวะไม่ได้ พี่ซาจิที่สังเกตเห็นก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนและหันมาพูดกับผม

 

“มารุดูเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างนะ มีอะไรหรือเปล่า”

 

    เมื่อทำแบบนั้นท่านพ่อก็หยุดพูดแล้วหันมาจ้องเขม็งมาที่ผมทันที ผมสะดุ้งเฮือกใหญ่แต่พี่ซาจิก็คอยให้กำลังใจผ่านรอยยิ้มและสายตา ผมจึงค่อยๆ พูดออกมา

 

“ผม...อยากเอาข้าวกล่องไปที่โรงเรียนครับ”

 

“ทำไมล่ะ”

 

    ท่านพ่อยังคงมองตาขวางใส่ผมไม่เลิกแล้วถามกลับมาด้วยน้ำเสียงขึงขัง ผมจึงหันหน้าหนีพร้อมกับตอบไปด้วย

 

“ผะ- ผม...แค่อยากกินในห้องเงียบๆ ไม่ค่อยมีคนครับ”

 

    ผมโกหกออกไปด้วยเหตุผลที่พึ่งนึกออก ดวงตาสั่นไปหมดหอบหายใจแรงและเหงื่อตก ได้แต่หวังว่าท่านพ่อจะไม่โกรธผม ไม่นานนักท่านพ่อที่จ้องอยู่ก็ถอนหายใจและพูดต่อ

 

“ช่างเถอะ จะให้พ่อครัวเตรียมไว้ให้แต่เช้า อยากได้แบบไหนก็เลือกเอาแล้วกัน”

 

“ขะ- ขอบคุณครับ!”

 

    หลังจากทำทุกอย่างเสร็จผมก็รีบเข้านอนทันทีโดยที่ตั้งนาฬิกาปลุกไว้เช้ากว่าเดิม พอตื่นขึ้นมาก็รีบอาบน้ำแต่งตัวและไปเอาข้าวกล่องที่เตรียมไว้ทันที

    ในตอนที่กำลังออกจากคฤหาสน์ก็เจอกับท่านพ่อพอดี จริงสิท่านพ่อยังโกรธอยู่หรือเปล่านะ ในตอนนั้นท่านพ่อก็ทำสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย

 

“ไหนว่าไม่อยากไปเรียนไง ทีนี้ล่ะไปเร็วจังเลย”

 

“ปะ- เปล่าครับ...”

 

    เพราะรอบก่อนโดนขึ้นเสียงใส่ผมเลยตอบท่านพ่อแบบเสียงสั่นเล็กน้อยและหลบหน้า ท่านพ่อจึงถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

 

“ช่างเถอะ ถ้ามีแรงจูงใจให้ไปก็ดีแล้วล่ะ”

 

    พอพูดจบท่านพ่อก็เดินจากไปโดยไม่ว่าอะไรต่อ ผมจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วก็ขึ้นรถไปโรงเรียน

    พอเธอเห็นผมมาเร็วกว่าปกติก็มีสีหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนจะไม่พูดอะไรแล้วอยู่เงียบๆ ต่อไป พอถึงตอนเที่ยงหลังคนอื่นออกไปกันหมดแล้วผมก็นำข้าวกล่องขึ้นมา

    เธอตกใจมากจนดูน่าตลกเลยล่ะ แต่ผมไม่ได้พูดอะไรก่อนจะถามเธอต่อ

 

“ผมขอนั่งกินข้าวด้วยได้ไหม”

 

“...ทำตามใจเถอะ”

 

    เธอกลับมามีสีหน้าราบเรียบเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว ผมจึงยิ้มออกมาด้วยความดีใจและพยายามหาหัวข้อมาชวนเธอคุย

 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

    ผ่านไป 2 อาทิตย์วันก่อนขึ้นสัปดาห์ใหม่ท่านพ่อก็ทักผมอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“มารุเริ่มคิดเรื่องการเรียนต่อสู้แล้วรึยัง”

 

“ยังครับ ผม-”

 

“ไม่เกี่ยวว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ยังไงแกก็เป็นเจ้าชายของประเทศนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกแกจะต้องปกป้องประเทศของเราไว้”

 

“...ครับ”

 

“เก็บไปคิดด้วยล่ะ พรุ่งนี้ก็จะเริ่มเรียนเวทมนตร์แล้ว ไม่หาคู่หูที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันล่ะ เหมือนซาจิกับไคมะไง”

 

    ท่านพ่อพูดพลางเหลือบไปมองพวกพี่ที่นั่งอยู่ในห้องที่ส่งยิ้มมาให้ผมด้วยความร่าเริง พวกพี่น่ะเป็นคู่หูที่ปิดจุดอ่อนของกันและกันจนหมด ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนก็ฝ่าฟันมันไปได้

 

“แกเองก็คงมีเพื่อนแล้วไม่ใช่หรอ ถึงได้ดูสนุกไปกับโรงเรียนขนาดนี้”

 

“อะ เอะ...”

 

“ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอที่เข้ากับโรงเรียนใหม่ได้”

 

    จู่ๆ ท่านพ่อก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแห้งๆ แทน สีหน้าก็ผ่อนลงน้ำเสียงก็นุ่มขึ้นจนผมปรับตัวตามไม่ทัน แล้วพี่ไคมะก็หัวเราะคิกคัก พี่ซาจิก็ยิ้มและพูดต่อ

 

“ที่จริงตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาท่านพ่อเขาเป็นห่วงว่ามารุจะเข้ากับที่โรงเรียนไม่ได้น่ะ พอเห็นน้องกระตือรือร้นไปโรงเรียนแบบนี้เลยโล่งใจ”

 

    พอพี่ซาจิพูดแบบนั้นท่านพ่อก็ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางไปกับโต๊ะและก็ทำหน้ามุ่ย นี่ท่านพ่อเป็นห่วงผมงั้นหรอ ในตอนนั้นเองพี่ไคมะที่หยุดหัวเราะก็ทำหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่างออกแล้วพูดกับผม

 

“จริงสิสาวที่นายชอบไง อาจจะเข้ากับนายได้ก็ได้นะ พลังน่ะ”

 

    ผมสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันทีเพราะพอพี่ไคมะพูดแบบนั้นก็รู้สึกเสียวสันหลังวูบไปหมด สายตาจากท่านพ่อเปลี่ยนไปอีกแล้ว

 

“อย่าบอกนะว่าที่อยากไปอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะผู้หญิงงั้นเรอะ”

 

“คะ- ครับ...”

 

    พอโดนกดดันแบบนั้นผมจึงตอบไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ด้วยน้ำเสียงสั่นๆ พี่ไคมะเองก็โดนพี่ซาจิใช้มือสับที่หัวไป แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ท่านพ่อถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

“พอล่ะ อย่าให้เรื่องเรียนเสียก็แล้วกัน อย่างน้อยมันก็ทำให้แกไปเรียนได้ทุกวันล่ะนะ”

 

    ท่านพ่อลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปโดยที่ยังมีสีหน้าเหนื่อยๆ พร้อมทั้งกุมขมับไปด้วย ผมกับพวกพี่เลยแยกกันกลับห้องของตัวเอง ถ้าพลังของผมกับเธอเข้ากันได้งั้นหรอ...

 

“เรียนต่อสู้อาจจะไม่แย่แบบที่คิดก็ได้”

 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

    วันต่อมาในคาบแรกที่เป็นเรียนฝึกต่อสู้นั้นผมก็ได้แต่นั่งตกตะลึงอยู่เงียบๆ เพราะตัวของเธอนั้นมีค่าพลังอยู่ที่ 0 หรือก็คือวิญญาณสัตว์เทพไม่ยอมทำสัญญาให้ใช้เวทมนตร์นั่นเอง

 

“น่าตกใจนะเนี่ย ไม่คิดว่าแม่หนูนั่นจะได้ทำสัญญาเวทมนตร์”

 

“ผมก็ตกใจเหมือนกัน”

 

“แล้วคิดยังไงกับเธอล่ะ”

 

“...ไม่รู้สิ แปลกเฉยๆ ล่ะมั้ง ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้มากกว่านั้น”

 

“แบบนั้นแหละ อย่าไปคิดมากเรื่องเล็กน้อยเลย!”

 

“อื้ม!”

 

    ผมพูดแบบนั้นกับชิบารุแล้วเดินกลับห้องทันทีหลังเปลี่ยนชุดเสร็จ เธอดูซึมเล็กน้อยนะหลังจากตรวจพลังเสร็จจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ

    หลังจากจ้องมองเธอมาตลอด 2 สัปดาห์ก็เริ่มจับทางสีหน้าเธอได้แล้วล่ะว่ารู้มีความรู้สึกประมาณไหน พอกลับไปถึงห้องเธอกลับทำสีหน้าที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

    แต่ว่า...เธอดูงดงามยิ่งกว่าเดิม เธอในตอนนี้กำลังยิ้มอยู่ จนผมพลอยยิ้มตามพร้อมกับหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะชวนให้รู้สึกสบายใจ

 

“มีเรื่องอะไรดีๆ งั้นหรอ ยิ้มใหญ่เลย”

 

“เปล่า ไม่มีอะไร”

 

    แต่พอผมทักเธอไปโดยที่ผมไม่รู้ตัว เธอก็กลับมามีสีหน้าแบบปกติทันที ไม่สิ ดูหงุดหงิดนิดหน่อยด้วย...ผมก็อยากให้เธอมองผมแบบเมื่อกี้ด้วยจัง

 

“แล้วนายคิดยังไงกับฉันล่ะ”

 

“อะ เอ๋!”

 

    ผมลนลานแล้วใบหน้าก็ร้อนผ่าวอีกครั้ง ผะ- ผมควรตอบเธอยังไงดี ในตอนที่ร้อนรนผมก็รู้สึกได้ว่าชิบารุกำลังเชียร์ให้สารภาพรักไป ในตอนนั้นเองเธอคนนั้นก็ทำสีหน้าขุ่นเคืองเล็กน้อย

 

“ก็เรื่องพลังของฉันไง”

 

    เอะ เรื่องนั้นหรอกหรอ ละ- โล่งอกนึกว่าเธอจะรู้แล้วซะอีก แถมนี่ยังเป็นครั้งแรกด้วยที่เธอชวนผมคุยก่อน ผมสงบสติลงก่อนจะค่อยๆ เรียบเรียงคำพูดในหัวออกมา

 

“ก็--”

 

“เอาล่ะทุกคนนั่งที่”

 

    แล้วครูสอนคาบต่อไปก็เข้ามาในห้อง เธอก็เมินผมและไปสนใจหน้ากระดานทันทีโดยไม่รอคำตอบจากผมเลย ได้โอกาสเหมาะๆ ค่อยบอกเธอแล้วกัน

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา