Knight of the dawn: The Awakening of Nephilim อัศวิน แห่ง รุ่งอรุณ ตอน อุบัติการณ์ แห่ง เนฟีลิม
-
เขียนโดย The_Emperor
วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 08.50 น.
13 ตอน
6 วิจารณ์
11.53K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2563 09.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) ครอบครัวสุขสันต์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความKnight of the dawn: The Awakening of Nephilim
บทที่ 10 : ครอบครัวสุขสันต์
“อืม...ที่ผ่านมาก็อยู่ที่โชซอนมาตลอดเลยสินะ” อาเธอร์พูดคุยกับหลานชายของเขาด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น ในเวลามีเพียงเขา ภรรยาของเขา หลานชาย และนักเวทผู้เป็นองครักษ์ประจำตัวของหลานชายเท่านั้นที่อยู่ในห้องทำงานของเขา
“ครับ ท่านตา ผมเติบโตมาจากที่นั่นครับ”
“พวกเธอฉลาดมากนะเมเทีย ที่พาเขาไปจนถึงตะวันออกไกลได้” อาเธอร์รู้สึกชื่นชมเธอจากใจจริง ที่ทั้งเธอและเลออสสามารถเลี้ยงดูเด็กหนุ่มคนนี้จนเติบโตได้ขนาดนี้
“ท่านกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว จริง ๆ ตอนนั้นพวกข้าเองก็มืดแปดด้านไปหมด โชคดีที่เรือเหาะลำนั้นไปเทียบท่าที่โชซอนพอดี”
“นั้นสินะ ถ้าตอนนั้นฉันไม่ได้อยู่ในช่วงขาลงของชีวิต พวกเธอก็คงไม่ต้องไประหกระเหินไกลถึงขนาดนั้น” พูดถึงตรงนี้ชายชราตรงหน้าอาเชอร์ก็อดที่จะรู้สึกเสียใจขึ้นมาไม่ได้ ตอนนั้นบริษัทของเขาทำท่าจะเจ๊งแล่ไม่เจ๊งแล่ แถมตอนนั้นเขาก็ยังไม่มีอำนาจในมือมากพอที่จะปกป้องชีวิตหลานชายคนนี้อีกด้วย
ดีไม่ดีอาจจะถูกล้างตระกูลตามซาจิทารัสไปด้วย ดังนั้นการตัดสินใจที่ดีที่สุด ณ ตอนนั้นคือการอยู่เฉย ๆ ออกตามหาหลานชายผู้นี้เงียบ ๆ และค่อย ๆ สะสมบารมีและอำนาจของตนเองขึ้นมาใหม่ จนตอนนี้ไม่ว่าใครก็ตามในลินโด้หรือดินแดนอื่น ๆ ในยูโรเปียนก็ต้องสยบให้เขา
“ท่านตาอย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ตอนนี้ผมก็อยู่นี้แล้วไง” อาเชอร์กุมมือของอาเธอร์อย่างแผ่วเบา ปกติเขาเองก็เป็นคนไม่แสดงความรักต่อผู้อื่นแบบนี้มากนัก แต่พอเป็นคนในครอบครัวที่เขาเพิ่งรู้ว่ายังมีเหลืออยู่ เขาก็อยากจะทำอะไรบางอย่างที่ทำให้พวกท่านรู้สึกสบายใจ
“หลานนี้เหมือนแม่ของหลานจริง ๆ นะ อาเชอร์” การกระทำของอาเชอร์ทำให้เขานึกถึงเอลิน่า บุตรสาวคนกลางของเขาเสียจริง เพราะนางเป็นคนที่ค่อยให้กำลังเขาตลอดมา ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าทั้งนางและอารอนสามีของนางเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง
“เอาเถอะ ตาว่าตอนนี้หลานน่าจะเหนื่อยแล้วแหละ หลานไปพักผ่อนก่อนเถอะ ห้องของหลานอยู่ถัดจากห้องของตากับยายเอง”
“เอ๊ะ ห้องของผมเหรอ?” อาเชอร์เอ่ยออกมาอย่างประหลาดใจ
“ใช่แล้วล่ะจ้ะ พวกเราเตรียมของทุกอย่างให้หลานไว้หมดแล้ว” อาร์เนียยิ้มและตอบหลานชายของเธอ “ไม่เป็นไรจ้ะเทเซียร์ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนพาหลานชายฉันเป็นเอง” อาร์เนียบอกคคนรับใช้รับของเธอที่หน้าห้อง เด็กหนุ่มหันมามองเมเทียอย่างไม่แน่ใจนัก จนเมเทียพยักหน้าบอกให้อาเชอร์เดินตามท่านยายไป เขาจึงตามอาร์เนียออกไป ตอนนี้มีเพียงนายใหญ่ตระกูลคิงสตัน และนักเวทหญิงวัยกลางคนอยู่ในห้องทำงาน
“อาการเลออสเป็นยังไงบ้าง?” อาเธอร์พอจะทราบข่าวมาจากเดวิดว่าพวกนางถูกโจมตีที่เมืองโคโลนิญ่า เขตอิทธิพลของจักรวรรดิราซิยาในเอซาเนีย
“สาหัสค่ะ แต่ตอนนี้เขาถึงมือหมอแล้ว” เมเทียตอบตามความเป็นจริง นั้นทำให้ชายชราตรงหน้าเธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ทำไมล่ะ เขาไม่น่าจะพลาดอะไรง่าย ๆ เช่นนั้นนะ”
“ละอองมารค่ะ อควาฟรีน่าและเดวิดยืนยันว่าเป็นอย่างนั้น...” ชายชราตรงหน้าดูเหมือนจะตกใจคำว่าละอองมารเป็นพิเศษ ทุก ๆ คนรู้ดีว่ามันเป็นสสารอันตรายต่อชีวิตอย่างมาก
“ใครกันนะที่ทำเรื่องแบบนี้” อาเธอร์กล่าวออกมาและทุบโต๊ะอย่างหงุดหงิด เขากันที่กล้าทำเรื่องแบบนี้กับหลานชายของเขาได้
“ดิฉันคิดว่าน่าจะเป็นพวกเดียวกันกับที่ทำลายตระกูลสุริยะวิถีทั้งหมดค่ะ”
“เธอมั่นใจใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ วันนั้นที่คฤหาสน์ของนายท่านก็มีละอองมารปะปนในอากาศเต็มไปหมด ดิฉันมั่นใจว่าพวกเดียวกันแน่นอน” เธอยังคงจำความรู้สึกวันนั้นได้ดี และมันยังทำให้เธอรู้สะอิดสะเอียนทุกครั้งที่นึกถึงมัน
“โอเค ฉันรู้แล้ว แบบนี้เราน่าจะตีกรอบพวกที่มันทำเรื่องเลวทรามนี้ได้แค่ลง น่าจะมีองค์กรใต้ดินไม่กี่กลุ่มที่ใช้วิธีการแบบนี้” อาเธอร์ครุ่นคิดวิเคราะห์ เขาพอจะรู้จักพวกใต้ดินอยู่บ้างแม้จะไม่มากนัก แต่ถ้าเป็นพวกใต้ดินกันเองก็น่าจะรู้ว่าเป็นฝีมือใคร
“ค่ะ นายท่านคิงสตัน แค่นี้นายน้อยของพวกเรากลับมาอยู่ในความปลอดภัย พวกเราก็โล่งใจไปได้เยอะแล้วค่ะ”
“ขอบใจมากนะเมเทีย ถ้าไม่มีพวกเจ้าป่านนี้หลานของข้าคงจะไม่มีวันนี้แน่ ๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะนายท่านคิงสตัน พวกเราเต็มใจอยู่แล้ว”
“ค่ารักษาพยาบาลของเลออส ฉันจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเองนะ ไม่ต้องห่วง”
เมเทียโค้งคำนับของกับอาเธอร์อีกครั้ง ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องทำงานของอาเธอร์ไป เมื่อไร้ผู้คนแล้วอาเธอร์ก็หยิบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะของเขามาดู ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเฮอือกใหญ่
“เอลิน่า ตอนนี้ลูกพ่ออยู่ที่ไหนกันแน่นะ” อย่างน้อยก็โผล่มาดูหน้าตาลูกของเจ้าหน่อยเถอะ ว่าตอนนี้ลูกของเจ้าโตขนาดไหนแล้ว...
“โห...” เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่านับตั้งแต่ที่เขาออกจากโชซอน เขาเกิดความรู้สึกตกตะลึงจนอุทานออกมาแล้วกี่รอบ เพราะห้องนอนที่ท่านตาและท่านยายเตรียมเอาไว้ให้นั้น น่าจะกว้างกว่าบ้านที่เขาอยู่ในโชซอนเสียอีก!
แม้ภายนอกจะดูเหมือนห้องโบราณ แต่ด้านในห้องนั้นกลับดูทันสมัยกว่าด้านนอกเสียอีก ในห้องนอนใหม่ของเขาถูกแบ่งออกเป็นสามโซน ได้แก่ โซนที่เป็นเตียงนอน โซนที่เป็นมุมอ่านหนังสือหรือใช้ทำงานจิปาถะ และส่วนสุดท้ายคือห้องน้ำในตัว ผนังภายในห้องของเขาเป็นผนังสีน้ำน้ำเงินเข้ม และมีเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลอ่อนและสีดำวางสลับกัน
“เป็นยังไงบ้าง หลานชอบมันไหม?” อาเชอร์ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างดีเมื่อท่านยายถามเขา
“คือผม...ไม่รู้จะอธิบายยังไงน่ะครับ” เด็กหนุ่มมักจะติดนิสัยเกาหัวเวลาที่ทำตัวไม่ถูก ทำเอาท่านยายของเขาอมยิ้มนิด ๆ
“ไม่ต้องเกรงใจไปหรอกนะอาเชอร์ พวกเราเต็มใจให้หลานอยู่แล้ว” เธอรู้มาบ้างว่าสังคมที่หลานชายของเธอโตมามันเป็นสังคมแบบชาวตะวันออก ทำให้เขาค่อนข้างเกรงใจอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย
“เอ่อ...ครับท่านยาย”
“แหม ๆ ทำห้องใหม่รับขวัญหลานสุดที่รักนี้เอง...” อาเชอร์มองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่น่าจะอายุพอ ๆ กันกับอาเชอร์ยืนพิงประตูห้องของเขาอยู่ จากน้ำเสียงและสีหน้าท่าทางของผู้ชายคนนี้ เด็กหนุ่มบอกตามตรงว่า เขาไม่ชอบผู้ชายคนนี้เลย
“อะไรกันอาร์กัส เมื่อเดือนที่แล้วหลานก็ได้แม็กเน็ตไบท์รุ่นล่าสุดไปแล้วไม่ใช่หรือไง” อาร์เนียเอ่ยกับอาร์กัสด้วยน้ำเสียงที่เรียบ ๆ ไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ แต่อาเชอร์ติดใจกับคำพูดเมื่อกี้ของท่านยาย นางเรียกชายผู้นี้ว่าหลานเช่นเดียวกันกับเขา แสดงว่าชายคนนี้น่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเขาสินะ...
“โธ่ ท่านยาย ผมก็ยังไม่ทันจะว่าอะไรเลย ผมแค่พูดขึ้นมาเฉย ๆ ว่าทำห้องเตรียมรับขวัญหลานคนใหม่แค่นั้นเอง” อาร์กัสลูบไล้โต๊ะวางของที่อยู่หน้าห้องไปมา “อ้อ! นายคืออาเชอร์ ลูกของท่านน้าเอลิน่าสินะ โทษทีนะเมื่อกี้ไม่ทันสังเกต”
อ่า...ลูกของท่านป้าเอเดรียน่าสินะ ตอนที่นั่งอยู่บนการ์เน็ตเล่าให้เขาฟังว่า เอเดรียน่า บุตรสาวคนโตของท่านตาท่านยายของเขาแต่งมีครอบครัวไปแล้ว นางมีลูกสามคน ลูกสาวคนโตก็เพิ่งแต่งงานออกไป ลูกชายคนรองก็ไปทำงานต่างประเทศ ยังไม่กลับมาที่บ้าน ส่วนอาร์กัสผู้ น่าจะเป็นลูกชายคนสุดท้องของเอเดรียน่า
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้ถือสาอะไร” อาเชอร์ตอบอาร์กัสไปอย่างนิ่ง ๆ ด้วยเช่นกัน จึงทำให้ลูกพี่ลูกน้องผู้นี้หันมามองอาเชอร์แบบสบตา
“อย่าพูดเหมือนกับฉันเป็นคนแปลกหน้าอย่างนั้นสิอาเชอร์ อย่างน้อยพวกเราก็ญาติกันนะ แถมยังเป็นญาติผู้พี่ของนายอีก น่าจะให้ความเคารพฉันหน่อยนะ...” แม้อาร์กัสผู้นี้จะยิ้มอยู่ตลอดเวลา แต่อาเชอร์กลับรู้สึกว่าชายคนนี้ไม่ได้อยากยิ้มให้เขาเลยแม้แต่นิดเดียว อาหลายชอร์เองก็ไม่ได้หลบสายตาของอาร์กัสเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่าบรรยากาศภายในห้องเริ่มคุกรุ่นขึ้นมา อาร์เนียผู้เป็นยายจึงเอ่ยกับอาร์กัสเรื่องที่เขาจะต้องรีบเข้าบริษัทพร้อมแม่ของเขา
“อาร์กัส ยายว่าหลานน่าจะต้องรีบเข้าบริษัทไปช่วยแม่ของหลานแล้วไม่ใช่หรือ? ป่านนี้แม่ของหลานน่าจะยังรอหลานที่ประตูนะ” อาร์เนียเอ่ยตัดบทหลานคนนี้ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรออกมาอีก อาร์กัสที่ถูกท่านยายตัดบทดื้อ ๆ เช่นนั้นก็ไม่ได้เอ่ยอะไรกับอาเชอร์อีก
“อ่า จริงด้วย ขอบคุณท่านยายมาก ๆ นะครับที่เตือนผม...” อาร์กัสหันมามองอาเชอร์อีกครั้งก่อนที่จะเอ่ยลาไปทำธุระของตัวเอง
“แล้วเจอกันนะ อาเชอร์...”
ไม่เจอกันดีกว่าครับ...
ประโยคนี้อาเชอร์ไม่ได้พูดออกไป เขารู้สึกว่าญาติผู้พี่คนนี้ ไม่น่าเข้าใกล้เลยแม้แต่นิดเดียว และเขาก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดญาติผู้พี่ของนี้ถึงแสดงกิริยาแบบนี้ใส่เขา ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเพิ่งจะพบกับครั้งแรก
พออาร์กัสเดินออกจากห้องไป เขาก็เดินสวนกันกับเมเทียที่กำลังจะเดินเข้าห้องของอาเชอร์พอดี นักเวทหญิงวัยกลางคนหยุดเดินและโค้งคำนับให้อาร์กัส แต่ชายคนนั้นกลับทำเหมือนเมเทียเป็นอากาศธาตุแล้วเดินผ่านไปเฉย ๆ
อืม...ต้อนรับกันดีจังเลยแฮะ...
เมเทียได้แต่ส่ายหัวในมารยาทของลูกชายคนเล็กของนายหญิงเอเดรียน่าไม่ได้ เขาเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ แล้ว เธอเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมเขาถึงเป็นเช่นนั้น
“เอ้า มาแล้วเหรอเมเทีย” อาร์เนียเอ่ยทักเธอ เมเทียจึงคำนับอาร์เนียแทนคำตอบ
“อย่าไปถือสาอาร์กัสเลยนะ ช่วงนี้เขาเครียด ๆ น่ะ” ถึงแม้จะไม่ชอบขี้หน้าญาติคนนี้เท่าไหร่นัก แต่เด็กหนุ่มก็เลือกที่จะพยักหน้าตอบอาร์เนียให้นางสบายใจ คนเป็นญาติผู้ใหญ่ก็คงจะไม่หวังอะไรมาก นอกจากลูกหลานรักใคร่กัน
แต่รักกันแบบไหนนั้นอีกเรื่องหนึ่งนะ...
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วเดี๋ยวยายไปแล้วนะ อ้อ! หลานยังไม่ได้เจอป้าของหลานเลยใช่ไหม งั้นหลานไปส่งเขาก่อนออกไปทำงานหน่อยดีกว่าไหม” อาเชอร์พยักหน้าตอบรับอย่างฝืน ๆ ทำยังไงได้ล่ะ เขาไม่อยากทำให้เขาต้องไม่สบายใจเพราะเขาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอาศัยอยู่ที่นี้
ฝ่ายอาร์เนียเมื่อเห็นหลานชายพยักหน้าตกลง เธอก็เดินนำอาเชอร์ด้วยความลั่นล้า อาเชอร์แอบถอนหายใจออกมา และแอบกระซิบกับเมเทียเป็นภาษาโชซอน
“ท่านป้า นี้ข้าจะอยู่ที่นี้ได้จริง ๆ เหรอ?” ขนาดยังไม่ข้ามวันเขายังรู้สึกเหนื่อยขนาดนี้เลย
“ก็...ครอบครัวสุขสันต์น่ะนะ เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง” เมเทียตอบกลับมาด้วยภาษาโชซอนเช่นเดียวกัน และไอ้คำว่าครอบครัวสุขสันต์ที่เมเทียกล่าวมา มันดูไกลห่างกับที่เขาเจอมาเมื่อกี้เป็นอย่างมากเสียด้วย!
“อาร์กัส ทำไมลูกถึงได้ช้าอย่างนี้ล่ะ...” น้ำเสียงขุ่นมัวของเอเดรียน่าบ่งบอกว่าเธอไม่ค่อยพอใจกับลูกชายคนสุดท้องเท่าไหร่นัก ตอนนี้เธออยู่ในชุดยาวสีเขียวเข้ม เครื่องประดับที่เธอสวมใส่อยู่นั้นสามารถบ่งบอกสถานะของเธอได้เป็นอย่างดี ทั้งสร้อยคอ ต่างหู กำไลข้อมือหรือแม้กระทั่งสายเข็มขัดเล็ก ๆ ที่คนทั่วไปดูแล้วก็ได้แต่มองตาปริบ ๆ เพราะไม่ปัญญาซื้อมาใส่เล่นในชีวิตประจำวันได้แหง ๆ
“โธ่ อย่าเพิ่งบ่นผมเลย นี้ผมเพิ่งไปเยี่ยมหลานชายของแม่มานะ” อาร์กัสพับแขนเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนของเขารำคาญ เขาไม่ชอบเสื้อแขนยาวเลยให้ตายสิ แต่จะไม่ใส่ก็ไม่ได้อีก
“ลูกไปกวนอเล็กซ์มาอีกแล้วเหรอ แม่ขอทีเถอะนะ น้องยังเป็นเด็กอยู่ เดี๋ยวร้องไห้งอแงมาจะยุ่งเอา” เธอไม่ชอบเสียงร้องไห้ของเด็กเล็กเอาเสียเลย อีกอย่างถ้าของอเล็กซานดร้าน้องสาวของเธอร้องไห้มาอีก น้องสาวของเธอก็คงไม่พ้นมาโวยวายกับเธออีก
ซึ่งมันน่ารำคาญเป็นอย่างมาก!
“ไม่ใช่ ๆ ท่านแม่ ป่านนี้หมอนั่นยังไม่ตื่นเลยมั้ง”
“อ้าว งั้นใครกัน แม่ว่าแม่จำไม่ผิดนะว่ามีหลานแค่...” ยังไม่ทันที่จะเอ่ยจบประโยค สายตาของเธอไปเลือบไปเห็นหลานชายของเธออีกคน กำลังเดินมาหาเธอพร้อมผู้ติดตามอีกหนึ่งคน
“นายหญิงเอเดรียน่า” ผู้ติดตามคนนั้นโค้งคำนับให้เธอ ทำเอาเด็กหนุ่มคนข้าง ๆ รีบโค้งคำนับเธอเช่นกัน
“ท่านป้าครับ...”
“เธอคือ...”
“ผมอาเชอร์ครับ”
อ่า...เธอพอจะนึกได้แล้วว่าเด็กคนนี้เป็นกัน ลูกชายเพียงคนเดียวของเอลิน่า น้องสาวผู้หายสาญสูญของเธอสินะ ส่วนคนข้าง ๆ นั่น น่าจะเป็นคนของน้องเขยของเธอไม่ผิดแน่
“อ้อ...อาเชอร์นี้เอง ป้าขอโทษทีนะที่ไม่ได้ไปต้อนรับหลาน เพราะป้าต้องรีบเข้าบริษัทในเมืองแต่เช้าน่ะ” เด็กหนุ่มเดาอารมณ์ของท่านป้าไม่ออกเลยว่าเธอรู้สึกยังไงกับเขากันแน่ และเขาก็ไม่แน่ใจว่าเธอไม่ชอบหน้าเขาหรือไม่ เพราะตอนที่เธอพูดกับเขา เธอไม่มองหน้าเขาเลย
“ไม่เป็นครับ ผมตั้งใจว่าจะมาส่งท่านป้าไปทำงานพอดี”
เกร็ง...นี้คือความรู้สึกที่อาเชอร์รู้สึกได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นพี่สาวของแม่ก็ตาม แต่ความรู้สึกของเขานั้นกลับไม่เหมือนกันกับท่านตาท่านยายเมื่อสักครู่ที่เขารู้สึกถึงสายสัมพันธ์ของครอบครัว แต่กับท่านป้าผู้นี้ เขากลับรู้สึกเหมือนเป็นคนอื่น มากกว่าที่จะเป็นเครือญาติกัน
“งั้นเหรอ ขอบใจมากนะที่มาส่งป้า เดี๋ยวเราเจอกันเจอมื้อค่ำนี้ก็แล้วกัน...” เธอกล่าวโดยไม่มองหน้าอาเชอร์อีกแล้ว และเธอก็ขึ้นรถคันหรูไปโดยไม่มองเมเทียที่กำลังคำนับเธอเช่นกัน
“เจอกันมื้อเย็นนะ อาเชอร์” อาร์กัสเอ่ยลาอาเชอร์ก่อนที่เขาจะขึ้นรถตามท่านแม่ของเขาไป
ให้ตายสิ...
คำคำนี้แวบเข้ามาในหัวของเขาทันที เมื่อรถของท่านป้าลับสายตาไป นี้เขาจะต้องมาอยู่ในบรรยากาศน่าอึดอัดแบบนี้จนกว่าจะสอบเข้าที่สถาบันอัศวินแห่งรุ่งอรุณเลยหรือไงกันนะ...
เขาหันไปหาเมเทียอีกครั้ง และเธอก็ได้แต่ขยับปากเป็นคำพูดแต่ไม่มีเสียงว่า
ครอบครัวสุขสันต์...
เฮ้อ...สุขสันต์กันยังไงเนี่ย! หวังว่าท่านน้าของเขาและลูกของนางจะไม่ใช่แบบนี้นะ...
“ฮือ ๆ” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเด็กชายคนหนึ่งดังขึ้นมา ทำให้อาเชอร์ถึงกับหันซ้ายหันขวามองหาต้นเสียงนั่น
“ท่านป้า นี้ท่านเองก็ได้ยินใช่ไหม...”
“อืม ได้ยิน น่าจะอยู่ไม่ไกล แต่อาเชอร์ ตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี้แล้วไม่ควรจะเรียกข้าแบบนั้นอีกนะ เจ้ามีท่านป้าของเจ้าแล้ว” นึกถึงท่านป้าจริง ๆ ของเขาก็ทำเอาเขาขนลุกซู่ขึ้นมา แบบนี้เขายังจะสบายที่จะเรียกเมเทียว่าท่านป้ากว่าเสียอีก!
“แล้วจะให้ข้าเรียกท่านว่าอะไรล่ะ ก็ข้าเรียกแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ”
“เรียกชื่อข้าเฉย ๆ ก็พอ เราไปทางนู้นกันดีกว่า เหมือนเสียงจะมาจากทางนั้น” เมเทียเดินนำอาเชอร์ไปยังต้นเสียง พวกเขาก็พบว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณห้าหกขวบกำลังกอดเข่าร้องไห้อยู่ตรงนั้น
“ฮือ ๆ” เด็กชายคนนั้นยังคงร้องไห้อย่างน่าสงสารอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ อาเชอร์ที่เห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปหาเด็กน้อยคนนั้น
“พ...พวกท่านเป็นใครน่ะ” เมื่อเด็กน้อยคนนั้นเห็นอาเชอร์และเมเทียเดินเข้ามาหาเขา เขาก็ถามทั้งคู่ออกไปทั้ง ๆ ที่ยังสะอึกสะอื้นอยู่
“มีอะไรหรือเปล่า พวกเราพอจะช่วยอะไรนายได้ไหม?” เด็กน้อยไม่ตอบอะไร แต่เขาชี้ไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น บนต้นไม้นั่นมีตุ๊กตาหมีตัวหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนนั้น
“ตุ๊กตาของผมอยู่บนนั้น” อ่า เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเด็กน้อยผู้นี้ถึงมานั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ ว่าแต่ใครกันหนอที่แกล้งเด็กน้อยผู้นี้ได้ลงคอ
“อืม...ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวฉันไปเอามาให้นะ” อาเชอร์ปีนต้นไม้ใหญ่ทันที เขาปีนเขาไปอย่างคล่องแคล่ว ตอนที่ฝึกวิชากับเลออส เขาก็เคยถูกฝึกให้ปีนต้นไม้พื่อเอาตัวรอดอยู่เหมือนกัน แค่นี้น่ะสบายมาก ไม่นานนักเขาก็มาถึงจุดที่ตุ๊กตาหมีนอนอยู่ และมีนกหลายตัวกำลังจิกพุงของตุ๊กตาหมีอยู่ เขาจึงไล่นกพวกนี้ไป และเขาก็พบว่าแขนของมันขาดออกจากตัว
เอ่อ...แบบนี้เด็กคนนั้นต้องร้องไห้ยิ่งกว่าเดิมแน่ ๆ อาเชอร์ปีนกลับลงมาพร้อมกับตุ๊กตาหมีของเด็กน้อย
“อ่า ได้แล้ว แต่ว่า...เอ่อ...ตุ๊กตาโดนอสุรกายโจมตีน่ะ มันเลยบาดเจ็บ” อาเชอร์แต่งเรื่องบอกกับเด็กน้อย
“หา! งั้นทำไงดีอ่ะ” เด็กน้อยมองดูตุ๊กตาหมีของตน แขนของมันขาดออกจากกัน เขาจะพยายามต่อให้ติด แต่ก็แน่นอนว่ามันไม่มีทางติดกันแน่นอน
“งั้นพวกเรามารักษามันกันดีกว่าไหม?”
“เอ๋ ทำได้ด้วยเหรอ” เด็กชายเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ทำได้สิ เดี๋ยวพวกเราไปช่วยกัน แต่ก่อนอื่นเราต้องมีด้ายกับเข็มเย็บผ้าก่อน” เมเทียตอบเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน เด็กน้อยร้องอ๋อออกมาก่อนที่จะพาพวกเขาไปยังห้องของแม่บ้านในคฤหาสน์ เขาจำได้ว่าท่านแม่ของเขาเคยให้น้า ๆ แม่บ้านซ่อมเสื้อผ้าเขาอยู่
“อ้าว นายน้อยอเล็กซ์ มีอะไรหรือเปล่าคะ?” หนึ่งในแม่บ้านที่ซ่อมเสื้อผ้าของอเล็กซ์บ่อยที่สุดเอ่ยทักนายน้อยด้วยความเอ็นดู
อ่า...เด็กคนนี้คืออเล็กซ์ ลูกชายของท่านอเล็กซานดร้าสินะ ยังเป็นเด็กเล็กอยู่เลยนี้นา
“พี่คนนี้บอกว่าตุ๊กตาของผมโดนอสุรกายบนต้นไม้ทำร้าย ดูสิ เจ้าหมีบาดเจ็บเลย” เด็กน้อยชี้ไปทางอาเชอร์และยื่นตุ๊กตาให้น้าแม่บ้านดู
“อืมเดี๋ยวดูสิ...อ้า ถ้าอย่างนั้นข้าจะช่วยรักษามันให้นะคะ” เพียงเท่านั้นแหละเด็กน้อยคนนี้อเล็กซ์ก็ดีใจกระโดดโลดเต้น
“พวกท่านคือคนที่ช่วยนายน้อยอเล็กซ์สินะคะ พวกท่านคือ...”
“อ๋อ ผมอาเชอร์ครับ เพิ่งเข้ามาอยู่ที่นี้วันนี้”
“อาเชอร์ อุ๊ย!” เธอทวนชื่อของเขา ก่อนที่เธอเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ว่าคุณเทเซียร์ คนสนิทนายหญิงอาร์เนียมาบอกพวกเธอแล้วว่าวันนี้จะมีนายน้อยคนใหม่เข้ามานามว่า อาเชอร์ ลูกชายเพียงคนเดียวของนายหญิงเอลิน่า
“ขออภัยค่ะนายน้อยอาเชอร์ที่ไม่ได้คำนับนายน้อยก่อน” เธอรีบก้มตัวคำนับต่ออาเชอร์ นั่นยิ่งทำให้เด็กหนุ่มรีบบอกสาวใช้คนนี้แทบไม่ทันว่าไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร คุยกับผมอย่างปกติเถอะนะครับ” อาเชอร์ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อสาวใช้ผู้นี้หันมาคุยกับเขาอย่างปกติ
“เอ๋ พี่คือพี่อาเชอร์ที่จะเข้ามาอยู่ที่นี้เหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ นายคืออเล็กซ์สินะ”
“อ่า พี่ไม่เห็นเหมือนแบบที่พี่อาร์กัสบอกเลย...” ทั้งเมเทียและอาเชอร์ต่างก็มองหน้ากันทันทีที่ได้ยินชื่อของบุคคลคนนี้
“เขาบอกว่าอะไรเหรอ”
“อืม...เขาบอกว่าพี่อาเชอร์เป็นคนใจร้าย แล้วพี่อาเชอร์จะเข้ามาแย่งสมบัติทุกอย่างไปจากท่านตา...”
เขานึกอยู่แล้ว ว่าอาร์กัสนั้นไม่น่าเข้าใกล้ ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงที่เกิด เขานึกมันพล็อตนิยายน้ำเน่าที่พวกนักเล่าเรื่องในโชซอนเล่าเพื่อแลกเงินในตลาดเสียอีก
“แต่เมื่อกี้พี่อาเชอร์ช่วยผมเอาตุ๊กตาลงมาจากต้นไม้ แถมยังไล่อสุรกายที่ทำร้ายตุ๊กตาหมีอีก ไม่เห็นเหมือนที่พี่อาร์กัสบอกเลยสักนิด” เด็กน้อยทำท่าคิดไปคิดมา เขาไม่แน่ใจเลยว่าสิ่งที่พี่อาร์กัสพูดมานั้นจริงหรือไม่
“เอ่อ...นายน้อยอเล็กซ์ ฉันจำเป็นต้องใช้เวลาในการรักษาเจ้าหมีน้อย นายน้อยลองไปวิ่งเล่นรอฉันรักษามันก่อนดีไหม?” สาวใช้ผู้นี้เริ่มเหงื่อตกเมื่อเธอรู้สึกว่าเดี๋ยวจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น จึงรีบเอ่ยแต่นายอเล็กซ์ให้ไปวิ่งเล่นเสียก่อน
“อืม...เอางั้นก็ได้ แต่ไม่มีใครเล่นด้วยเลยอ่า ท่านแม่ก็ยังไม่กลับบ้านมาสองวันแล้วด้วย...” เด็กน้อยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เหงา ๆ อาเชอร์ที่ยืนอยู่ตรงนั้นเกิดความรู้สึกเห็นใจขึ้นมา เขารู้ซึ้งเลยแหละว่าการที่ไม่มีคุยด้วยหรือเล่นด้วยมันเป็นยังไง
“งั้นฉันเล่นกับนายก็ได้นะอเล็กซ์”
“จริงเหรอ! พี่อาเชอร์จะเล่นกับผมจริง ๆ น่ะเหรอ” อเล็กซ์พูดกับเด็กหนุ่มด้วยความตื่นเต้น
“จริงสิ นายอยากเล่นอะไรล่ะเดี๋ยว...”
“งั้นไปกันเลยดีกว้า เย้!” ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยคเด็กน้อยก็ฉุดกระชากเสื้อของอาเชอร์ให้วิ่งตามเขา อาเชอร์จึงต้องวิ่งตามเด็กน้อยผู้นี้ไป ทำเอาทั้งเมเทียสาวใช้คนนั้นหัวเราะและเอ็นดูในความร่าเริงของนายน้อยอเล็กซ์ แต่สิ่งหนึ่งที่เมเทียรับรู้เพิ่มเติมมาอย่างหนึ่งก็คือ อาร์กัส ทั้งเธอและอาเชอร์ต้องระวังบุคคลนี้ให้มาก และที่สำคัญ เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าต้องระวังเอเดรียน่าอีกคนด้วยหรือเปล่า
“อ้าว หลับไปซะแล้ว” อาเชอร์เอ่ยขึ้นเมื่อมองไปยังเด็กน้อยที่กำลังหลับปุ๋ยบนโซฟาในห้องของเขา วันนี้เด็กน้อยลากเขาไปทัวร์รอบคฤหาสน์ตลอดทั้งบ่ายโดยมีเมเทียคอยตามดูแลความปลอดภัยให้ ทั้งสวนดอกไม้หน้าคฤหาสน์ ทั้งสวนหย่อมที่ไม่หย่อมตามชื่อ ในนั้นท่านตาลงทุนสั่งเครื่องเล่นหลาย ๆ อย่างมามาอเล็กซ์เล่น เพราะหลานคนอื่นไม่น่าจะมีใครมาเล่น (ยกเว้นอาเชอร์ที่มากับอเล็กซ์วันนี้) และที่ไฮไลท์ที่สุดก็คงจะไม่พ้นสวนหลังคฤหาสน์ที่จัดแต่งเป็นกระดานหมากรุก แถมเบี้ยหมากรุกขนาดใหญ่พวกนั้นแถมขยับได้อีกด้วย!
ทั้งเขาและอเล็กซ์เล่นด้วยกันตั้งหลายอย่าง ไม่ว่าจะฟันดาบไม้ ขี่ม้าส่งเมือง (แน่นอนว่าอาเชอร์ต้องรับบทม้า) หรือแม้กระทั่งซ่อนแอบ ซึ่งทำเอาอเล็กซ์ทึ่งกับทักษะการแอบของอาเชอร์มาก ๆ เพราะอาเชอร์เล่นงัดเอาชีวิตเอาตัวรอดในป่ามาใช้กับเด็กน้อย แต่นั่นก็ทำให้อาเชอร์เห็นนิสัยอย่างหนึ่งของเด็กน้อยผู้คือ เขาเป็นเด็กที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะแอบเก่งแค่ไหน อเล็กซ์ก็จะพยายามหาเขาจนเจอให้ได้
อย่างการเล่นอะไรหลายอย่าง หลายกิจกรรม จึงทำให้เด็กน้อยนอนหลับสนิทอยู่ที่โซฟาในห้องเขา เขารู้สึกได้ว่าเด็กคนนี้น่าจะเหงาจริง ๆ พอมีคนมาเล่นด้วย เด็กน้อยก็ดีใจใหญ่เลย
ก๊อก ๆ
เสียงเคาะประตูห้องทำให้สติอาเชอร์กลับมา เอ๋ มีใครมาหาเขาหรือ?
“เชิญครับ” พอเอ่ยเสร็จอาเชอร์ก็พบกลับญาติของเขาอีกคนหนึ่ง ท่านน้าอเล็กซานดร้าในชุดคลุมสีแดงเลือดหมูเดินเข้ามา นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมองมาทางเขาอย่างเหนื่อล้า อเล็กซ์บอกเขาว่าท่านแม่ของเด็กน้อยไปทำงานทีละหลาย ๆ วัน นั่นจึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้อเล็กซ์เกิดความรู้สึกเหงาขึ้นมา
“อาเชอร์...” อเล็กซานดร้าโผตัวเข้ากอดหลานชายของเธอ เธอไม่คิดว่าจะได้เจอหลานชายคนนี้อีกนับตั้งแต่ที่เอลิน่า พี่สาวของเธอพาเขามาเยี่ยมท่านตาท่านยายตั้งแต่ยังแบเบาะ
“ท่านน้า?”
“อืม ใช่แล้วล่ะ น้านึกว่าจะไม่เห็นหน้าหลานอีกแล้ว” อาเชอร์รู้สึกว่าสายสัมพันธ์ที่หายไปมันกลับมาเชื่อมต่อกันอีกครั้ง นั่นอาจเป็นเพราะว่า อเล็กซานดร้าสนิทกับเอลิน่า มากกว่าเอเดรียน่าก็เป็นได้
“นี้หลานโตขึ้นเยอะมากเลยนะเนี่ย สูงกว่าน้าตั้งเยอะ” เธอตบบ่าอาเชอร์อย่างเป็นกันเอง “ดูสิ หลานเหมือนพ่อกับแม่ของหลานมาก ๆ เลยนะ”
“ครับท่านน้า ท่านตากับท่านยายก็บอกผมแบบนั้น”
“นับจากนี้หลานก็จะมาอยู่ที่นี้สินะ”
“ใช่ครับ ผมจะรอเตรียมสอบเข้าที่สถาบันด้วย” ทั้งคู่คุยกันเหมือนกับทั้งคู่รู้จักกันมานาน ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเพิ่งเจอกันครั้งแรก ไม่สิ ครั้งแรกสุดนั้นอาเชอร์จำไม่ได้เองตังหาก เพราะยังแบเบาะอยู่
“อืม...ถูกผนึกแห่งแสงเลือกสินะ แม่ของหลานก็ถูกผนึกแห่งแสงเลือกเหมือนกันนะ” เธอเอ่ยกับอาเชอร์ก่อนที่จะเดินไปลูบลูกชายตัวแสบของเธอเบา ๆ
“จริงเหรอครับท่านน้า?”
“จริงสิ ในบรรดาพวกเราสามคน มีพี่เอลิน่าคนเดียวที่ผนึกแห่งแสงเลือก และนางก็สอบเข้าได้ด้วย จริง ๆ พวกน้าก็เคยไปสอบนะ แต่ไม่ติด” อเล็กซ์จูบหน้าผากอเล็กซ์เบา ๆ ทำให้เด็กน้อยลืมตาอย่างงัวเงีย ก่อนที่จะกอดแม่ของเขาและก็หลับต่อในอ้อมกอดของอเล็กซานดร้า
“ท่านน้าพูดมาแบบนี้ผมรู้สึกหวั่น ๆ ยังไงไม่รู้สิ”
“กลัวอะไรล่ะเจ้าหลานชาย! น้ามั่นใจว่าหลานต้องทำได้อยู่แล้ว” เธอพูดให้กำลังอาเชอร์และเดินอุ้ม อเล็กซ์ออกไป
“อ้อ ขอบใจมากนะที่วันนี้ช่วยดูแลอเล็กซ์ทั้งวันเลย เด็นคนนี้ขี้เหงาน่ะ” อเล็กซานดร้าเอ่ยกับอาเชอร์พร้อมกับลูบหัวอเล็กซ์อีกครั้งหนึ่ง แล้วก็เดินออกจากห้องของอาเชอร์ไป
เอาล่ะ ตอนนี้เขาก็เบาใจไปได้เปลาะหนึ่งแล้วว่าท่านน้าของเขานั้นไม่ได้เย็นชาแบบท่านป้าของเขา และอเล็กซ์เองก็ไม่ได้เป็นเด็กที่เลวร้ายอะไร เพียงแต่อาจจะซนตามประสาเด็กเท่านั้นเอง
“อาร์กัสอยู่ไหนรึเอเดรียน่า?” ผู้นำสูงสุดของตระกูลคิงสตันเอ่ยถามกับบุตรสาวคนโตของเขา ตอนนี้ทุกคนมาพร้อมที่โต๊ะอาหารแล้ว ขาดแค่อาร์กัสเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะท่านพ่อ หมอนี่ชอบทำอะไรตามอำเภอใจตลอด หนูเองก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วเหมือนกัน” เอเดรียน่าเอ่ยกับอาเธอร์แล้วจิบไวน์ของเธอโดยไม่รออาหารมาเสิร์ฟด้วยซ้ำ
“เจ้าเด็กคนนี้ คราวหลังต้องคุยด้วยซะหน่อยแล้ว” อาเธอร์เอ่ยออกมาอย่างหงุดงหงิด วันนี้หลานของเขาอุตส่าห์มากันพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ยังจะทำตัวมีปัญหาแบบนี้อีก
“เทเซียร์จ๊ะ ไปบอกให้เสิร์ฟอาหารมาเลยจ้ะ ตอนนี้ทุกคนน่าจะหิว” อาร์เนียบอกคนสนิทของเธอให้นำอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ เธอไม่อยากให้สามีของเธอต้องมาอารมณ์เสีย เพราะไหน ๆ อาเชอร์ก็กลับมาอยู่กับพวกเขาแล้ว วันนี้เธอไม่อยากให้ใครต้องมาเสียอารมณ์กับเรื่องพวกนี้
อาเชอร์รู้สึกทึ่งกับอาหารที่เสิร์ฟมาจนเต็มโต๊ะอาหาร นี่ถ้าบอกว่าวันนี้มีงานเลี้ยงเขาก็เชื่อนะ
“โห อาหารวันนี้เยอะแยะไปหมดเลยย” อเล็กซ์เอ่ยออกมาตามประสาเด็ก นั่นทำให้อาเธอร์ผู้เป็นตาหัวเราะผ่อนคลายอารมณ์ไปได้บ้าง
“งั้นหลานตาก็ทานเยอะ ๆ เลยนะ จะได้โตไว ๆ”
“ครับท่านตา” อเล็กซ์ที่กำลังใช้มือหยิบอาหารตรงหน้าก็ถูกแม่ของเขาตีมือเบา ๆ
“อเล็กซ์ครับ ต้องทำยังไงครับ?” อเล็กซานดร้าดุเขาเบา ๆ ทำเอาเด็กน้อยหัวเราะแฮะ ๆ ออกมา
“ใช้นี่ครับ” เด็กน้อยชูช้อนเล็ก ๆ ประจำตัวของเขาขึ้นมา
“ดีมากครับ มา อยากกินอะไร เดี๋ยวแม่ตักให้” ทุกคนบนโต๊ะอาหารต่างก็อมยิ้มไปกับเหตุการณ์เล็ก ๆ บนโต๊ะอาหาร ทำให้บรรยากาศกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง
อาเชอร์แอบมองเมเทียที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา เขาพยายามจะส่งซิกถามนางว่าทำไมนางไม่ลงมาทานข้าวด้วยกัน แต่หญิงวัยกลางคนก็ยืนยันกับเขาว่าตอนนี้เธอไม่สามารถร่วมโต๊ะรับประทานกับเขาได้ เพราะสถานะตอนนี้ของเธอคือผู้ติดตามของเขา
“จริงสิอาเชอร์ หลานโตมาจากสังคมทางตะวันออก ที่นู่นเขาใช้ซ้อมกับมีดเหมือนพวกเราไหม?” ตอนนี้กลายเป็นว่าทุกสายตาบนโต๊ะอาหารต่างก็จับจ้องมาทางเขา นั้นทำให้เขาเริ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูกอีกแล้ว
“เอ่อ...ที่นู่นเขาไม่ได้ใช้อุปกรณ์พวกนี้เลยครับ”
“แล้วใช้อะไรล่ะอาเชอร์” อาร์เนียยังคงชวนหลานชายคุยต่อไป เธอไม่อยากให้หลานชายคนต้องรู้แปลกแยกจากพวกเธอ จึงชวนเขาพูดคุยในเรื่องทั่วไป
“เขาใช้ตะเกียบกันครับ”
“ตะเกียบ?” น้ำเสียงแปลกใจของญาติเขาทำให้เขารู้ว่า ครอบครัวใหม่ของเขานี้ไม่รู้จักมันแน่ ๆ
“ใช่ครับ มันเป็นเหมือนไม้สองแท่งยาว ๆ ใช่คีบข้าวแทนซ้อมกับมีดที่ชาวตะวันตกใช้กันครับ”
“แบบนั้นมันทานได้จริง ๆ เหรออาเชอร์” คราวนี้อเล็กซานดร้าถามอาเชอร์ด้วยความสนใจ เธอมีความคิดที่จะขยายสาขาบริษัทไปที่ตะวันออกด้วย ดังนั้นเธอจึงจำเป็นจะต้องเข้าใจในวัฒนธรรมของชาวตะวันออกด้วย
“ได้จริง ๆ นะครับ ไม่ใช่แค่โชซอนที่ใช้เจ้าตะเกียบนี้ที่เดียวด้วยนะครับ พวกต้าชิง นิฮงเองก็ใช้เจ้าตะเกียบนี้เหมือนกัน”
“โห อยากเห็นพี่อาเชอร์ใช้ทานข้าวจังเลย ผมอยากรู้ว่ามันเป็นยังไงอ่ะ”
“ได้สิ เดี๋ยววันหลังจะทำให้ดูนะ”
“แหม ทานข้าวไม่รอผมกันเลยนะครับ...” จู่ ๆ การสนทนาของอาเชอร์กับเครือญาติก็จบลง เมื่ออาร์กัสเพิ่งจะมาถึงที่ห้องรับประทานอาหาร
“อาร์กัส ลูกไปไหนมา”
“โธ่ ท่านแม่ ผมก็ต้องมีธุระปะปังบ้างสิครับ”
“สำคัญกว่าเรื่องของในครอบครัวงั้นเหรออาร์กัส?” จากบรรยากาศที่ดูสดใสเมื่อครู่ จนนี้ดูอึมครึมลงทันที เมื่อท่านตาอาเธอร์เอ่ยคุยกับอาร์กัสด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก
“โอ้ ขอโทษด้วยนะครับท่านตา ผมลืมไปสนิทเลยว่าวันนี้ต้องรีบกลับมารับขวัญหลานชายสุดที่รักของท่านตา”
“อาร์กัส!” เสียงของอาเธอร์ดังขึ้นอย่างเหลืออด ทำเอาทุกคนสะดุ้งกันไปตาม ๆ กัน
อเล็กซานดร้าเห็นท่าจะไม่ดี จึงบอกให้คนสนิทของเธอเก็บอาหารส่วนหนึ่งให้อเล็กซ์ด้วย เธอไม่อยากให้ลูกของเธอต้องมาเห็นท่านตาทะเลาะหลานชายงี่เง่าผู้นี้ เธอจึงหลอกล่อให้อเล็กซ์ออกจากห้องรับประทานอาหารไป
“อาร์กัส รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา ขอโทษท่านตาเดี๋ยวนี้เลยนะ” เอเดรียน่ารีบลุกขึ้นพูดกับลูกชายของเธอ แต่เหมือนอาร์กัสจะไม่ยอมหยุด
“ผมพูดจริงตังหากล่ะท่านแม่ ดูสิ แค่มันเพิ่งมาวันเดียว ท่านตาก็ประเคนของให้มันแล้ว”
"อาร์กัส!” คราวนี้ชายชราหมดความอดทนต่อหลานคนนี้แล้ว เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปหาอาร์กัส อาร์เนียพยายามยื้อห้ามสามีของเธอ ส่วนเอเดรียน่าเองก็พยายามยื้อห้ามอาร์กัสไม่ให้พูดอะไรออกมาอีกแล้ว
“หรือผมพูดผิดไปครับท่านตา ไม่ว่าจะห้องส่วนตัว ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่าง ท่านตาไม่เคยให้อะไรผมเลย!”
“แล้วที่ผ่านมาแกทำอะไรมาบ้างรู้ตัวหรือเปล่า ทำตัวอันธพาลกร่างไปทั่ว คบแต่กับพวกข้างถนน เรียนก็ไม่จบ ถ้าฉันไม่บอกผู้จัดการบริษัทที่แกทำงานอยู่ มันก็ไม่มีใครหน้าไหนรับแกเข้าทำงานแล้ว! ถ้าไม่เห็นแก่หน้าฉัน ไม่เห็นแก่หน้าวงศ์ตระกูล ก็เห็นแก่หน้าแม่ของแกบ้างเถอะ!”
“พอเถอะอาร์กัส...” เอเดรียน่าจับไหล่ลูกชายของเธออย่างแน่ อาเชอร์สังเกตเห็นว่าตาเธอของเริ่มมีน้ำตาซึมออกมา
“มันก็สมเหมาะดีกับผมแล้วไม่ใช่หรือไงครับ ก็ในเมื่อพ่อของผมมันเป็นแค่โจรกระจอก ลูกโจรมันก็ต้องทำตัวแบบนี้แหละ มันถึงจะเหมาะสม อีกอย่างท่านตาไม่เคยต้องการผมอยู่แล้ว ท่านตาจะสนอะไรล่ะ ว่าผมทำอะไรไปบ้าง”
อาเธอร์ไม่ทนอีกต่อไป เขาตบหน้าหลานชายคนโตอย่างเหลืออดจนหน้าของอาร์กัสหันไปอีกทาง หน้าของอาเธอร์นั้นแดงก่ำ และมีน้ำตาไหลออกมาไม่ต่างจากอาร์เนียและเอเดรียน่าที่กำลังร้องไห้อยู่
อาร์กัสไม่พูดอะไรต่อ นอกจากเดินออกมาจากตรงนั้นดื้อ ๆ เอเดรียน่าตะโกนเรียกลูกชายของเธอตามหลังของเขาไป ทิ้งให้อาเธอร์และอาร์เนียยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น
อาเชอร์นั่งอ้าปากค้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เด็กหนุ่มหันมาหาเมเทียอย่างตกใจ ก่อนที่เมเทียจะบอกเขาเป็นภาษาโชซอนอีกครั้งอย่างเหนื่อยใจ
ครอบครัวสุขสันต์...
To be continued....................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ