นักล่าล้างพันธุ์อมตะ (NC 18+)
เขียนโดย Jalando
วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เวลา 10.51 น.
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2563 10.55 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) สังวาสมรณา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เครดิตภาพจาก https://pixabay.com
…………………….
“ แอ๊ด…… ” เสียงเปิดประตูดังยาวกลางราตรีที่เงียบงัน ครู่หนึ่งไฟนีออนแรงสูงบนเพดานก็สว่างขึ้น เผยให้เห็นสภาพห้องพักชั้นกลางที่ดูเรียบร้อย
ภายในห้องนั้นกว้างประมาณ 1 คูหา ส่วนความยาวเป็นห้าเท่าของความกว้าง มีการแบ่งซอยเป็นห้องย่อยๆประมาณสี่ห้าห้อง อันเป็นมาตรฐานทั่วไปของอพาร์ทเม้นท์
บุคคลที่ก้าวเข้ามามีสองคน คนหนึ่งเป็นหญิงสาวอายุประมาณ 20 กลาง ใบหน้าออกหมวยๆ ผิวกายเนียนใส ร่างเพรียวบางได้ส่วนถูกซ่อนอยู่ในเสื้อเกราะอกสีแดงรัดติ้วจนเห็นเนินถันอันขาวผ่อง ส่วนช่วงล่างสวมใส่กระโปรงสั้นรัดรูปอันเผยให้เห็นช่วงขาที่เรียวงาม
ส่วนอีกคนเป็นชายที่ดูเร่าร้อนไม่แพ้กัน เขาซ่อนร่างสูงเพรียวในชุดเสื้อกางเกงรัดรูปสีดำ เผยให้เห็นหุ่นงามระดับนายแบบ ส่วนใบหน้าเรียวยาวก็งามงดไม่ต่างจากเทพบุตร ไม่ว่าจะเป็นปากเล็กบางสีแดง จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วหนา ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายคมซึ้ง บนศีรษะประดับผมรองทรงสั้นที่หยักศกและดกดำ
“ โห….. ห้องของมายดูเรียบร้อยจังเลยนะครับ ” หนุ่มรูปงามร้องชม หลังเหลียวมองไปรอบห้องอยู่ครู่หนึ่ง
“ ก็พอดูได้ค่ะ สเตฟานทำตัวตามสบายเลยนะคะ มายขอตัวไปอาบน้ำก่อน ” หญิงสาวสุดเซ็กซี่ขอตัวไปอาบน้ำ พร้อมเหล่หางตาไปยังชายหนุ่มแบบมีนัยยะ
“ เชิญตามสบายเลยครับ ” หนุ่มอิตาเลี่ยนพูดยิ้มๆ
หญิงสาวมองหนุ่มหล่ออีกครั้ง ก่อนเยื้องย่างเข้าสู่ห้องน้ำอย่างไม่รีบร้อน
เมื่อร่างเพรียวของหญิงสาวหายลับ สเตฟานก็เปลี่ยนท่าทีจากหนุ่มน้อยขี้เล่น อารมณ์ดี กลายเป็นหนุ่มมาดขรึมที่ผ่านโลกมาอย่างยาวนาน เขายืนเอามือล้วงกระเป๋าอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองกระจกเงาหน้าโต๊ะเครื่องแป้งซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่าง ทว่าในกระจกนั้นกลับว่างเปล่า ไม่มีเงาของชายผู้มีนามว่า “สเตฟาน” เลยซักนิด
“ ตามสบายเลย สาวน้อย ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล ” เสียงเรียบต่ำดังแว่วออกจากปากของหนุ่มอิตาเลี่ยน กระแสนั้นทั้งแผ่วเบาและลึกลับราวเสียงกระซิบแห่งความตาย
…………………….
ทันทีที่หญิงสาวเข้ามาในห้องน้ำ เธอก็ปลดเปลื้องอาภรณ์ทีละชิ้น ไม่ว่าจะเป็นเกราะอก กระโปรงสั้น ตามด้วยชั้นในสีดำลายลูกไม้แบบเว้าสูง ไม่นานเรือนกายสูงโปร่งก็เปลือยเปล่าจนเผยให้เห็นความขาวเนียนระดับไข่มุก มือบางเอื้อมไปเปิดฝักบัว เพื่อปล่อยสายน้ำให้ไหลริน
หยาดน้ำใสพรั่งพรูกระทบเรือนกาย เธอตั้งใจชำระล้างคราบไคลและสิ่งหมักหมมที่ติดตัว เมื่อการอาบน้ำสิ้นสุดลง หญิงสาวก็คว้าผ้าขนหนูสีฟ้าอ่อนมาสวมใส่ ชายผ้าขนหนูสั้นเต่อประมาณครึ่งขาอ่อนอันยั่วยวนให้เหล่าชายรู้สึกวาบหวามยิ่งกว่าการได้เห็นร่างเปลือยแบบตรงๆ
หญิงสาวหยุดยืนที่หน้ากระจกบานใหญ่ เพื่อมองเงาสะท้อน เธอรู้สึกสับสน โอเค ยอมรับว่าตนเองไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่สาวใจง่ายที่จู่ๆจะชวนคนแปลกหน้าขึ้นห้อง
หญิงสาวรู้สึกแปลกใจ เพราะในทันทีที่สบกับดวงตาหวานซึ้งของชายหนุ่ม หัวใจก็แปรเปลี่ยนเป็นเหม่อลอยและมึนงง แต่พอทิ้งช่วงไประยะหนึ่ง สภาพจิตใจก็กลับมาเป็นปกติ เธอนึกอยากหลีกหนีจากสภาวะกระอักกระอ่วนเต็มที
“ ทำไงดีนะ หรือจะออกปากไล่ตรงๆ ท่าทางเขาก็ดูสุภาพดีนี่นา คงเข้าใจแหละว่าเราไม่พร้อมจะมีเซ็กส์ ” หญิงสาวค่อนข้างเครียด เพราะไม่รู้จะไล่หนุ่มอิตาเลี่ยนออกจากห้องด้วยวิธีใด
“ เอ๊ะ นึกออกแล้ว ” ทันใดนั้นเองสมองอันฉับไวก็นึกข้อแก้ตัวที่เหมาะสมออก เธอตั้งใจจะแกล้งเสไปดูไลน์บนโทรศัพท์มือถือ แล้วบอกกับชายหนุ่มว่า…..วันนี้แม่ของเธอจะขึ้นมาค้างด้วย ไม่สะดวกที่จะให้ชายหนุ่มอยู่ จากนั้นก็แลกไลน์ เพื่อสานสัมพันธ์ต่อไป
“ ดีล่ะ เอาตามนี้แหละ ” หญิงสาวพยักหน้ากับกระจกเงา หลังปรึกษากับตัวเอง
หญิงสาวก้าวออกจากห้องน้ำอย่างช้าๆ เธออยู่ในชุดผ้าขนหนูกระโจมอกอันชวนให้เหล่าชายจิตเตลิด แต่ไม่มีทางเลือก ถึงอย่างไรชุดนี้ก็ยังดีกว่าชุดวันเกิดอยู่หลายเท่า ทันทีที่เข้าสู่ห้องรับแขก ก็พบว่าทั่วทั้งห้องมืดมิด
ทีแรกหญิงสาวคิดว่าไฟดับ แต่เมื่อพิจารณาดูอีกที น่าจะไม่ใช่ เพราะยังปรากฏแสงไฟนวลอ่อนๆจากโคมไฟเล็กตรงหัวเตียง ทว่าหนุ่มรูปงามที่เชิญมากลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“ อ้าว หายไปไหนแล้ว ” หญิงสาวรำพัน ระหว่างที่นึกสงสัยอยู่นั้น ก็ปรากฏเสียงนุ่มทุ้มลึกดังมาจากด้านหลัง
“ หาผมอยู่หรือครับ ”
“ เอ๊ะ ” หญิงสาวถึงกลับสะดุ้งตกใจอย่างรุนแรง แต่เมื่อหันกลับมา เธอก็ยิ่งตกใจหนักกว่าเดิม เมื่อพบว่าบุคคลที่ร้องทักคือ “สเตฟาน” ผู้อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ปราศจากอาภรณ์แม้แต่ชิ้นเดียว
“ ว้าย……. สเตฟานจะทำอะไรน่ะ ” หญิงสาวเอียงหน้าหลบด้วยความอาย แต่หางตายังแอบเหล่ร่างเปลือยที่ทรงสัดส่วนสมบูรณ์อยู่เป็นระยะ
“ อ้าว จะหลบหน้าทำไมล่ะครับ มายต้องการแบบนี้ไม่ใช่หรือ ” สเตฟานเข้าประชิดกายบาง ดวงตาสีฟ้าอ่อนบนใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรจับจ้องไปที่ดวงหน้าขาวเนียนของหญิงสาว ส่วนสองมือโอบรอบลำตัวอย่างนิ่มนวลและแผ่วเบา
เมื่อหญิงสาวเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่น ร่างบางก็อ่อนระทวย ทันทีที่สบกับดวงตาสีฟ้าอันคมซึ้ง จิตใจก็เกิดวาบหวามอย่างรุนแรง มันหนักหน่วงจนทำให้หลงลืมทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นข้ออ้างที่เพิ่งคิดได้ ความเหมาะสมทางจารีต รวมถึงความละอายที่ถูกชายหนุ่มแปลกหน้ากอดรัด
“ มาย ” น้ำคำหวานซึ้งออกจากปากของชายหนุ่มอย่างแผ่วเบา
“ คะ ” มายรับคำเบาๆ ดวงตาฉายประกายหยาดเยิ้ม คล้ายว่าจิตใจจะล่องลอยไปไกล พร้อมปล่อยกายให้ขลุกอยู่ในวงแขนอย่างง่ายดาย
“ ปล่อยตัว ปล่อยใจ ทำตัวตามสบาย แล้วผมจะทำให้มีความสุขชนิดที่คุณไม่มีวันลืม ” น้ำคำของชายหนุ่มทั้งนิ่มนวลและแผ่วเบาราวเสียงดนตรีคลาสสิกที่ไพเราะเพราะพริ้งระดับตำนาน
“ ค่ะ ” มายรับคำสั้นๆ ดวงตาเรียวเล็กเหม่อลอยและไร้ประกาย คล้ายจะตกอยู่ในภวังค์
ชายหนุ่มค่อยๆช้อนร่างบางขึ้นแนบอก จากนั้นก็พาเธอไปยังเตียงนอน เมื่อก้าวมาถึง ก็บรรจงวางหญิงสาวลงบนฟูกอย่างทะนุถนอม พร้อมทรุดกายลงไปแนบชิดร่างงามที่นอนตาลอย เพื่อประทับปากแดงระเรื่อให้ประกบกับริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยออ้า
“ อืม…… ” หญิงสาวครางยาว ก่อนปิดตาพริ้มด้วยท่าทางเคลิบเคลิ้ม
แรกเริ่มการจูบเป็นไปอย่างละมุนละม่อมและอ่อนโยน แต่ต่อมา มันก็เริ่มดุเดือดขึ้น ในที่สุดก็กลับกลายเป็นการรุกเร้าที่ร้อนแรงชนิดลาวายังละอาย
“ อื้อ……. ” หญิงสาวจูบปากแลกลิ้นกับชายหนุ่มอย่างเมามัน เรือนกายบิดส่ายไปมา พร้อมครวญครางด้วยความรันจวนใจ บัดนี้สาวหมวยร่างบางลืมเลือนทุกสิ่งไปเรียบร้อยแล้ว
หนุ่มหล่ออิตาเลี่ยนระดมเพลงจูบสลับกับลากลิ้นเลื้อยไปทั่วใบหน้าเนียนใส ต่อมาก็ใช้ปากลิ้นจู่โจมไปที่ซอกคอ ติ่งหูและเนินถัน
“ อ้า…… ซี้ด…… ” หญิงสาวเริ่มครางดังและซู้ดปากออกมาเบาๆ
ระหว่างที่หนุ่มรูปงามกำลังปลุกเร้าอารมณ์ มือบางที่เนียนราวสตรีเพศก็เลื่อนลงต่ำไปลูบคลำขาอ่อน ก่อนอาจหาญล้วงลึกเข้าไปสำรวจโลกลี้ลับภายใต้ผ้าขนหนูที่สั้นเต่อ
“ อ้า…….. ” สาวหมวยกระตุกกายแรง จากนั้นก็แอ่นตัวขึ้นสูง เพราะเนินเนื้อในที่เร้นลับถูกปลายนิ้วรุกรานอย่างช่ำชอง จังหวะที่หญิงสาวเกร็งกาย หนุ่มหล่ออิตาเลี่ยนก็เลื่อนใบหน้าลงไปซุกไซ้ที่ซอกอกอวบอัด เพื่อสูดดมกลิ่นสาบสาวที่หอมหวน
“ อืม……. ซี้ด…… ” เมื่อเจอไม้นี้ หญิงสาวก็บังเกิดอารมณ์กระสันมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว นับได้ว่าลีลารักของหนุ่มอิตาเลี่ยน ไม่เลวเลยทีเดียว
หนุ่มอิตาเลี่ยนซุกไซ้ไปทั่วทรวงอกเต่งตึงอย่างดุดัน ส่วนช่วงล่างก็ยังโหมหนักด้วยนิ้วมือ เพื่อทิ่มทะลวงโยนีผืนน้อยอย่างไม่หยุดยั้ง ทุกสิ่งล้วนเป็นการกระตุ้นเร้าที่เร่าร้อนจนหญิงสาวแทบไม่รู้สึกตัวเลยซักนิดว่าผ้าขนหนูผืนน้อยอันเป็นอาภรณ์ผืนสุดท้ายได้หลุดหายเป็นที่เรียบร้อย
หนุ่มอิตาเลี่ยนเล้าโลมไปก็ลอบสังเกตอากัปกิริยาของหญิงสาวไป ท่าทางดูสุขุมราวกับเสือร้ายที่เจนสังเวียนรัก กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะทะยานอยากอย่างรุนแรง เมื่อได้ยลซอกคออันขาวเนียน เขาพยายามบอกกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา
“ อดใจไว้ ยังไม่ถึงเวลา ”
หนุ่มอิตาเลี่ยนโหมโจมตีสาวหมวยอยู่ครู่หนึ่ง จนเห็นว่าหญิงสาวพร้อมที่จะรับบทเรียนรักลำดับถัดไป เขาก็บรรจงกดแก่นกายสอดใส่เข้าสู่ภายในอย่างแผ่วเบา
“ อุ้บ อู้ย….. ซี้ด….. ” แม้หญิงสาวจะมีประสบการณ์มาบ้าง แต่เธอก็รู้สึกเจ็บจี๊ดในหัวใจ เพราะห่างเหินจากการร่วมรักกับบุรุษเพศมาหลายเดือน อีกประการแฟนคนก่อนก็มีขนาดแก่นกายที่เล็กบางกว่าหนุ่มอิตาเลี่ยนอยู่พอสมควร
“ เจ็บรึ มาย เดี๋ยวผมจะเริ่มเบาๆก่อนแล้วกัน ปล่อยตัวปล่อยใจ ผ่อนคลาย ” เมื่อสเตฟานเห็นว่าหญิงสาวเริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาจึงหยุดยั้งการโจมตี แล้วหันมาปลอบประโลมด้วยน้ำคำที่อ่อนโยน
“ อื้อ….. ” สาวหมวยพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
สเตฟานค่อยๆรุกคืบอย่างช้าๆ ปากบางระดมจูบสลับลากลิ้นอันอุ่นร้อนให้เลื้อยไปตามเรือนกายขาวผ่องทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นทรวงอกอวบอิ่ม หน้าท้องเรียบเนียน หัวไหล่กลมกลึง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มคลายอาการเจ็บปวด เขาก็เพิ่มความแรงเร็วในการรุกรานให้มากขึ้น ในที่สุดเตียงนอนอันแสนนิ่มก็ได้กลายเป็นสมรภูมิรักที่เร่าร้อน
“ อ้า…… โอ้ว….. ซี้ด….. อา…… สเตฟาน สเตฟาน สเตฟาน…… ” หญิงสาวโยกตัวรับการกระแทกกระทั้นที่หนักหน่วง ปากก็ครวญดังสลับกับร้องเรียกชื่อคู่สวาทรูปงามด้วยอาการลืมตัว
“ มาย มีความสุขมั้ย ซี้ด……. ” สเตฟานไถ่ถามเบาๆ พร้อมซู้ดปากออกมาด้วยอาการกระสันเสียว
“ โอ้ว…… สุขสุดๆเลย มายๆ มายจะเสร็จแล้ว ” มายตะโกนดัง กายเพรียวงามกระตุกอย่างรุนแรง เธอจิกเล็บลงไปบนแผ่นหลังของหนุ่มอิตาเลี่ยนสุดกำลังจนเลือดแดงหลั่งออกมาจากผิวกายอันขาวซีด
สิ้นเสียงตะโกน ชายหนุ่มรู้สึกว่ามีกระแสน้ำพุอันอุ่นร้อนพุ่งสัมผัสบริเวณส่วนหัวของอาวุธร้าย อันบ่งบอกว่าเขาสามารถพาสาวสวยทะยานถึงสรวงสวรรค์ เป็นเหตุให้สเตฟานเร่งกระแทกกระทั้นสุดกำลัง เพื่อถึงฝั่งฝันตามนารี เมื่อการทิ่มทะลวงที่รุนแรงผ่านไปถึงครั้งที่สิบ หนุ่มหล่ออิตาเลี่ยนก็บรรลุถึงความสุข
“ อ้าก…… แฮ่……. ” ชายหนุ่มตะโกนดังลั่นห้องด้วยเสียงที่เหี้ยมห้าวผิดจากสำเนียงเดิมที่เคยแสดง แถมในปลายกระแสยังคล้ายเสียงคำรามของอสูรร้ายอย่างไม่มีผิดเพี้ยน แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ.....เขี้ยวยาวแหลมคมซึ่งโผล่จากปากที่กำลังอ้ากว้าง
ก่อนที่มายจะสำเหนียกถึงความเปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มก็โผนเข้าไปกดคมเขี้ยวกับซอกคอ ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างฉับพลันจนหญิงสาวไม่ทันตั้งตัว
อสูรร้ายกดร่างเพรียวบางของหญิงสาวเอาไว้แน่น ส่วนปากก็ก้มลงกัดซอกคอแน่วนิ่ง ทีแรกเธอรู้สึกเจ็บปวดและอึดอัด ต่อมาก็เริ่มคลายความทรมานและกลับกลายเป็นเสียวกระสันอย่างรุนแรงจนไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่เป็นแบบนี้ มันเพราะคมเขี้ยวหรือน้ำรักอันอุ่นร้อนกันแน่
อสูรร้ายกัดซอกคออยู่หลายนาที ยิ่งเนิ่นนาน กายขาวเนียนก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด ไร้สีเลือดจนดูคลับคล้ายกับซากศพ แต่ใบหน้ากลับเคลิ้มฝันและเปี่ยมสุข ดวงตาเล็กเรียวเลื่อนลอย เมื่อผ่านไปได้ระยะหนึ่ง ร่างเพรียวบางก็แน่นิ่ง พร้อมลมหายใจสุดท้ายที่ดับลง
อสูรร้ายดึงกายลุกขึ้นนั่ง พร้อมหันไปมองเหยื่อสาวที่แน่นิ่ง ดวงตาคมกร้าวจับไปที่ดวงตาอันไร้แวว มันนั่งมองซากที่ไร้วิญญาณอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวออกมาเบาๆ
“ อย่างน้อย เจ้าก็ตายพร้อมความสุขนะ เจ้ามนุษย์ ฮ่า ฮ่า ฮ่า……. ”
เมื่อปีศาจร้ายกล่าวจบ ร่างขาวซีดก็ค่อยๆลอยตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ หลังจากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นควันดำขนาดใหญ่ อึดใจต่อมาเมฆหมอกแห่งความตายนั้นก็ลอยหายออกไปทางหน้าต่างอย่างรวดเร็ว
……………………
เวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมงจนล่วงเข้าตีสามของค่ำคืน ประตูห้องก็เปิดกว้าง พร้อมแสงไฟจากด้านนอกที่ฉายเข้ามาจนสลายบรรยากาศอันมืดทึบในห้องสังหารได้บางส่วน จากนั้นชายร่างสูงที่ดูมีสง่าราศีก็ก้าวเข้ามา เขาอยู่ในชุดเสื้อโค้ทยาวสีดำ บนผิวหน้ามีร่องรอยของวัยวุฒิเป็นนัยว่าน่าจะอยู่ในวัยฉกรรจ์ จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าคมกร้าวและเคร่งขรึม ดวงตาสีเหล็กจับจ้องไปที่ซากร่างของผู้เคราะห์ร้ายด้วยอาการพินิจ ครู่หนึ่งก็กล่าวกับตัวเอง
“ ใกล้จะได้ตัวปีศาจร้ายแล้ว รอก่อนเถอะ ข้าจะไปล่าหัวเจ้า ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ