วิญญาณร้ายรัก (Yaoi/BL)
-
เขียนโดย TJทีเจ
วันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เวลา 14.29 น.
5 ตอน
0 วิจารณ์
5,277 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2563 16.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) รื้อฟื้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ แม้เจจะอาศัยอยู่ในบ้านใหญ่โต หรูหรา แต่เขาก็เป็นแค่ลูกเลี้ยง พ่อของเขาเสียไปตั้งแต่เขายังเด็ก แม่จึงแต่งงานใหม่ ตอนแรกพ่อเลี้ยงก็ดีกับเขามาก แต่พอแม่เสียตามพ่อไป พ่อเลี้ยงก็แต่งงานใหม่อีกครั้ง และมีลูกด้วยกัน 2 คน จากนั้นมาเขาก็ไม่ค่อยได้รับการใส่ใจอีกเลย เขามีตำแหน่งเป็นแค่หัวหน้าพนักงาน ทั้งที่พ่อเลี้ยงของเขาเป็นถึงประธานบริษัท น้องชายคนกลางชื่อเค ได้รับตำแหน่งเป็นรองประธานบริษัท เคไม่ค่อยลงรอยกับเจสักเท่าไหร่ ส่วนน้องสาวคนสุดท้องชื่อเฟ เรียนอยู่มหาวิทยาลัย ปี 2 เฟคือคนเดียวที่ดีกับเขาที่สุดในบ้าน และเจก็รักเฟมากเหมือนกับเป็นน้องสาวแท้ๆของเขา
“สวัสดีค่ะหัวหน้า”
“หัวหน้าสวัสดีค่ะ”
“หัวหน้าสวัสดีค่ะ”
ทันทีที่เจเดินเข้ามาในบริษัท จะมีพนักงานยกมือไหว้ทักทายเขาตลอดทาง ภูที่ตามมาด้วยตั้งแต่บ้านก็ทำท่าทางอกผายไหล่ผึ่งเสมือนว่าตนเองกำลังถูกพนักงานเหล่านั้นไหว้อยู่
พอเจเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ในห้องทำงานของเขา ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเคาะประตูเดินตามเข้ามา
“เจ ทานอะไรมารึยังคะ”
หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือนีนี่ ถ้าในที่ทำงานเธอมีตำแหน่งเป็นเลขา แต่ถ้าในหัวใจเธอมีตำแหน่งเป็นถึงแฟนสาวของเจ ซึ่งที่จริงแล้วพ่อเลี้ยงของเจเป็นคนจัดการให้ทุกอย่าง เจไม่ได้รักนีนี่ แต่ไม่อยากมีปัญหากับพ่อเลี้ยงเลยต้องตามน้ำไป แม้เขาจะรู้สึกผิดต่อนีนี่อยู่บ้างก็ตาม
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใครเหรอ ดูสนิทกับคุณจัง ผมว่า...เธอก็สวยดีนะ แต่ดูร้ายๆไปซักหน่อย อย่าบอกนะว่าเธอเป็น...”
ขณะที่ภูพูดยังไม่ทันจบประโยคเจก็ตะโกนขึ้น
“คุณช่วยเงียบๆ หน่อยได้ไหม”
แม้ว่าภูจะไม่ได้ยินเสียงของเขา แต่ก็เห็นท่าทางและสีหน้าหงุดหงิดของเจ
“นีนี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะเจ!”
“เอ่อ...ผมไม่ได้ว่านีนี่ ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ตกใจ”
ถึงเจจะไม่ได้คิดอะไรกับนีนี่ แต่ก็เกรงใจเธออยู่ไม่น้อย เพราะเธอเป็นถึงลูกสาวของเพื่อนพ่อเลี้ยง ที่จริงเธอถูกทาบทามให้กับน้องชายของเขา แต่นีนี่กลับชอบเจ พ่อของเธอไม่อยากขัดใจลูกสาวคนเดียว เลยยอมให้คบกับเจ และเป็นเหตุผลที่ทำให้น้องชายของเจไม่พอใจ เพราะว่าเคชอบนีนี่
“เจเป็นอะไรรึป่าว ดูหน้าซีดๆ ทานอะไรมั้ย เดี๋ยวนีนี่ไปจัดมาให้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมทานมาแล้ว ขอบคุณนะครับ”
“นีนี่เคยบอกแล้วไงว่าเจเลิกทำท่าทางเหมือนเกรงใจนีนี่ซักที เราเป็นแฟนกันแล้วนะ”
“นี่พวกคุณเป็นแฟนกันเหรอ! ผมเดาไม่ผิดจริงๆด้วย”
ภูได้ยินนีนี่พูดแบบนั้นก็รีบเอ่ยแทรกขึ้นมา พร้อมกับทำหน้าภูมิใจที่ตนเองทายถูก
“เจ เลิกงานแล้วเราไปดินเนอร์กันมั้ย”
“พอดีเจมีธุระ ไว้คราวหน้านะครับ”
“ปฏิเสธนีนี่อีกแล้วนะ ชวนทีไรก็บอกว่ามีธุระทุกทีเลย นีนี่งอนละ”
หญิงสาวทำท่างอน พลางใช้มือกอดอกเชิดหน้าเล็กน้อย
“นี่! ทำไมคุณไม่ไปกับเธอ เธองอนแล้ว คุณเห็นรึป่าว”
ภูพูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าสงสัย ก่อนที่เจจะถอนหายใจออกมาแรงๆ
“นีนี่ล้อเล่น เจไม่เห็นต้องถอนหายใจใส่นีนี่ขนาดนั้นเลย ไม่ไปก็ไม่ไปค่ะ”
“งั้น...เดี๋ยวนีนี่ไปทำงานก่อนนะคะ”
หลังจากนีนี่เดินออกจากห้องไป เจก็หยิบปากกาและกระดาษขึ้นมาเขียนข้อความ
ผมไม่ไปกับนีนี่ เพราะจะพาคุณไปตามหาความทรงจำ
คุณจะได้รีบออกไปจากชีวิตผม
และคุณก็เลิกรบกวนผมสักที ผมไม่มีสมาธิทำงาน
“อ๋อ...ผมเข้าใจแล้ว คุณนี่ก็พึ่งพาได้เหมือนกันนะเนี่ย”
พูดจบภูก็เดินทะลุกำแพงห้องทำงานของเจออกมา เขาเดินสำรวจไปรอบๆบริษัท และสะดุดกับความรู้สึกบางอย่าง
“ทำไมรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่...”
พอเจเลิกงาน เขาก็ขึ้นมานั่งบนรถในตำแหน่งที่นั่งคนขับ ก่อนจะค้นหากระดาษที่เกะหน้ารถออกมาเขียนข้อความ แม้ว่าเจจะมองไม่เห็นภูแต่เขาก็รู้สึกได้ว่าภูนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ
คุณช่วยบอกที่มาของคุณให้ผมฟังหน่อย
“ผมลืมตาขึ้นมาก็อยู่กลางถนนจำอะไรไม่ได้แล้ว”
“เอ้อ! ผมรู้สึกคุ้นๆกับบริษัทคุณด้วย”
หรือว่าเราจะรู้จักกัน
“ผมว่าไม่น่าใช่ เพราะผมไม่เห็นรู้สึกคุ้นเคยกับคุณเลยซักนิด”
ก็คุณความจำเสื่อม
เจทำท่าทางหงุดหงิดก่อนจะขับรถออกไป เขาพาภูตระเวนไปตามที่ต่างๆใกล้กับถนนที่ภูมา เขาพาเข้าห้างสรรพสินค้า โรงหนัง ร้านอาหาร แม้กระทั่งแผนกเกมส์ และทุกที่เขาก็ใช้บริการ เจรู้สึกเหมือนตัวเองได้มาเที่ยว บวกกับเสียงพูดที่สดใสของภู ทำให้เขาสนุกจนเผลอยิ้มและหัวเราะออกมา ไม่สนใจแม้ว่าคนรอบข้างจะมองมา ตั้งแต่แม่เสียไปเขาก็ไม่เคยมาทำอะไรแบบนี้อีกเลย เขาไม่ชอบสุงสิงกับใคร ทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อน จะมีก็แต่ลูกน้องที่ทำงาน ซึ่งก็ไม่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันเลย
ภูหันมองหน้าที่มีแต่รอยยิ้มของเจ เขารู้สึกว่าเจไม่เหมือนกับตอนที่อยู่บ้านและบริษัท ที่นั่นเขามักทำหน้าเข้มขรึมอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้เจเหมือนกับได้เป็นตัวของตัวเอง
“ทำหน้าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ...”
“สวัสดีค่ะหัวหน้า”
“หัวหน้าสวัสดีค่ะ”
“หัวหน้าสวัสดีค่ะ”
ทันทีที่เจเดินเข้ามาในบริษัท จะมีพนักงานยกมือไหว้ทักทายเขาตลอดทาง ภูที่ตามมาด้วยตั้งแต่บ้านก็ทำท่าทางอกผายไหล่ผึ่งเสมือนว่าตนเองกำลังถูกพนักงานเหล่านั้นไหว้อยู่
พอเจเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ในห้องทำงานของเขา ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเคาะประตูเดินตามเข้ามา
“เจ ทานอะไรมารึยังคะ”
หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือนีนี่ ถ้าในที่ทำงานเธอมีตำแหน่งเป็นเลขา แต่ถ้าในหัวใจเธอมีตำแหน่งเป็นถึงแฟนสาวของเจ ซึ่งที่จริงแล้วพ่อเลี้ยงของเจเป็นคนจัดการให้ทุกอย่าง เจไม่ได้รักนีนี่ แต่ไม่อยากมีปัญหากับพ่อเลี้ยงเลยต้องตามน้ำไป แม้เขาจะรู้สึกผิดต่อนีนี่อยู่บ้างก็ตาม
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใครเหรอ ดูสนิทกับคุณจัง ผมว่า...เธอก็สวยดีนะ แต่ดูร้ายๆไปซักหน่อย อย่าบอกนะว่าเธอเป็น...”
ขณะที่ภูพูดยังไม่ทันจบประโยคเจก็ตะโกนขึ้น
“คุณช่วยเงียบๆ หน่อยได้ไหม”
แม้ว่าภูจะไม่ได้ยินเสียงของเขา แต่ก็เห็นท่าทางและสีหน้าหงุดหงิดของเจ
“นีนี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะเจ!”
“เอ่อ...ผมไม่ได้ว่านีนี่ ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ตกใจ”
ถึงเจจะไม่ได้คิดอะไรกับนีนี่ แต่ก็เกรงใจเธออยู่ไม่น้อย เพราะเธอเป็นถึงลูกสาวของเพื่อนพ่อเลี้ยง ที่จริงเธอถูกทาบทามให้กับน้องชายของเขา แต่นีนี่กลับชอบเจ พ่อของเธอไม่อยากขัดใจลูกสาวคนเดียว เลยยอมให้คบกับเจ และเป็นเหตุผลที่ทำให้น้องชายของเจไม่พอใจ เพราะว่าเคชอบนีนี่
“เจเป็นอะไรรึป่าว ดูหน้าซีดๆ ทานอะไรมั้ย เดี๋ยวนีนี่ไปจัดมาให้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมทานมาแล้ว ขอบคุณนะครับ”
“นีนี่เคยบอกแล้วไงว่าเจเลิกทำท่าทางเหมือนเกรงใจนีนี่ซักที เราเป็นแฟนกันแล้วนะ”
“นี่พวกคุณเป็นแฟนกันเหรอ! ผมเดาไม่ผิดจริงๆด้วย”
ภูได้ยินนีนี่พูดแบบนั้นก็รีบเอ่ยแทรกขึ้นมา พร้อมกับทำหน้าภูมิใจที่ตนเองทายถูก
“เจ เลิกงานแล้วเราไปดินเนอร์กันมั้ย”
“พอดีเจมีธุระ ไว้คราวหน้านะครับ”
“ปฏิเสธนีนี่อีกแล้วนะ ชวนทีไรก็บอกว่ามีธุระทุกทีเลย นีนี่งอนละ”
หญิงสาวทำท่างอน พลางใช้มือกอดอกเชิดหน้าเล็กน้อย
“นี่! ทำไมคุณไม่ไปกับเธอ เธองอนแล้ว คุณเห็นรึป่าว”
ภูพูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าสงสัย ก่อนที่เจจะถอนหายใจออกมาแรงๆ
“นีนี่ล้อเล่น เจไม่เห็นต้องถอนหายใจใส่นีนี่ขนาดนั้นเลย ไม่ไปก็ไม่ไปค่ะ”
“งั้น...เดี๋ยวนีนี่ไปทำงานก่อนนะคะ”
หลังจากนีนี่เดินออกจากห้องไป เจก็หยิบปากกาและกระดาษขึ้นมาเขียนข้อความ
ผมไม่ไปกับนีนี่ เพราะจะพาคุณไปตามหาความทรงจำ
คุณจะได้รีบออกไปจากชีวิตผม
และคุณก็เลิกรบกวนผมสักที ผมไม่มีสมาธิทำงาน
“อ๋อ...ผมเข้าใจแล้ว คุณนี่ก็พึ่งพาได้เหมือนกันนะเนี่ย”
พูดจบภูก็เดินทะลุกำแพงห้องทำงานของเจออกมา เขาเดินสำรวจไปรอบๆบริษัท และสะดุดกับความรู้สึกบางอย่าง
“ทำไมรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่...”
พอเจเลิกงาน เขาก็ขึ้นมานั่งบนรถในตำแหน่งที่นั่งคนขับ ก่อนจะค้นหากระดาษที่เกะหน้ารถออกมาเขียนข้อความ แม้ว่าเจจะมองไม่เห็นภูแต่เขาก็รู้สึกได้ว่าภูนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ
คุณช่วยบอกที่มาของคุณให้ผมฟังหน่อย
“ผมลืมตาขึ้นมาก็อยู่กลางถนนจำอะไรไม่ได้แล้ว”
“เอ้อ! ผมรู้สึกคุ้นๆกับบริษัทคุณด้วย”
หรือว่าเราจะรู้จักกัน
“ผมว่าไม่น่าใช่ เพราะผมไม่เห็นรู้สึกคุ้นเคยกับคุณเลยซักนิด”
ก็คุณความจำเสื่อม
เจทำท่าทางหงุดหงิดก่อนจะขับรถออกไป เขาพาภูตระเวนไปตามที่ต่างๆใกล้กับถนนที่ภูมา เขาพาเข้าห้างสรรพสินค้า โรงหนัง ร้านอาหาร แม้กระทั่งแผนกเกมส์ และทุกที่เขาก็ใช้บริการ เจรู้สึกเหมือนตัวเองได้มาเที่ยว บวกกับเสียงพูดที่สดใสของภู ทำให้เขาสนุกจนเผลอยิ้มและหัวเราะออกมา ไม่สนใจแม้ว่าคนรอบข้างจะมองมา ตั้งแต่แม่เสียไปเขาก็ไม่เคยมาทำอะไรแบบนี้อีกเลย เขาไม่ชอบสุงสิงกับใคร ทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อน จะมีก็แต่ลูกน้องที่ทำงาน ซึ่งก็ไม่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันเลย
ภูหันมองหน้าที่มีแต่รอยยิ้มของเจ เขารู้สึกว่าเจไม่เหมือนกับตอนที่อยู่บ้านและบริษัท ที่นั่นเขามักทำหน้าเข้มขรึมอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้เจเหมือนกับได้เป็นตัวของตัวเอง
“ทำหน้าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ...”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ