(Yaoi/BL) คำสำคัญ
-
เขียนโดย TJทีเจ
วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เวลา 01.15 น.
10 ตอน
0 วิจารณ์
9,795 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2563 00.19 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เฟรช ศศิ (พระจันทร์)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเฟรช ศศิ (พระจันทร์)
ผมเป็นคนชอบพูดตรงๆ คิดอย่างไร ก็พูดออกมาแบบนั้น นิสัยนี้ของผมทำให้มีปากเสียงกับคนอื่นอยู่บ่อยๆ ผมจึงเลือกที่จะเงียบ นั่นเลยทำให้ผมดูหยิ่งในสายตาคนภายนอก แต่ถ้าสนิทกัน ผมก็พูดมาก และมีมุมขี้เล่นในแบบของผม
ผมไม่ค่อยแสดงออกว่าหึงหวงในความเฟรนลี่ที่บางทีมากจนเกินไปของเร เพราะไม่อยากให้มันรู้สึกอึดอัด แค่เราต้องพยายามปิดทุกคนว่าคบกัน มันก็ยากพอแล้ว
“เย็นนี้กินไรดี” เรที่กำลังบังคับพวงมาลัยรถยนต์เอ่ยถามผม
ถึงเราจะบอกทุกคนว่าเรติดรถผมกลับบ้าน และยังติดรถผมมามหาลัยทุกวัน แต่ส่วนใหญ่มันเป็นคนขับ เพื่อนก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะมันชอบทำตัวเป็นสุภาพบุรุษกับทุกคนอยู่แล้ว ชนิดที่ว่าทำเอาสาวๆบางคนเข้าใจผิด คิดว่าชอบบ้าง มีใจให้บ้างล่ะ
“อะไรก็ได้” ตอนนี้ผมเองก็นึกไม่ออกว่าอยากกินอะไร
คู่ของเราไม่ได้หวานเหมือนกับคู่รักคนอื่น เราอยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อนสนิท ดูแลกัน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรที่ดูแลผมซะมากกว่า ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องอาหาร เรื่องความสะอาด ใครได้มันไปถือว่าโชคดีสุดๆ และคนนั้น...ก็คือผม...
ทุกเช้าของผมจะมีแสงแดดสาดส่องและเสียงปลุกจากเร
“ตื่นได้แล้ว” เรดึงผ้าห่มออกจากตัวผม
ผมที่กำลังงัวเงียควานหาโทรศัพท์มาดูเวลา ถึงกับต้องสะดุ้งจากที่นอน
“นี่มันจะแปดโมงแล้ว ทำไมมึงพึ่งปลุก!!”
“กูปลุกเร็วมึงก็บ่นกู กูเลยแต่งตัวเสร็จค่อยปลุกมึงไง”
“ถ้ากูสายนะมึง” ผมชี้หน้าว่ามันด้วยอารมณ์หงุดหงิด
และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำพร้อมกับเสียงแว่วๆจากเร
“ถ้ามึงสาย กูก็สายแหละ”
ผมไม่ชอบไปเรียนสาย เพราะการเดินเข้าห้องเรียนเป็นคนสุดท้ายเป็นเรื่องที่น่าอาย ยิ่งถ้าอาจารย์ดุแล้วถูกเพื่อนในห้องหัวเราะเยาะ รู้สึกเหมือนถูกบูลลี่ แต่ก็นั่นแหละครับ ไอ้เรมันทำให้ผมเคยตัว มันไม่ปลุกผมก็ไม่ตื่น
ส่วนเรถึงจะเป็นหัวหน้าห้อง แต่มันไม่เคยสนเรื่องไปเรียนสาย ขอแค่ได้กวนประสาทผม นี่แหละข้อเสียของมัน บางทีก็ติดเล่นจนเกินไป ที่มันถูกเลือกเป็นหัวหน้าห้อง ไม่น่าจะใช่เพราะความสามารถ หรือการมีความรับผิดชอบ แต่น่าจะเพราะความเฟรนลี่และความหล่อไปเตะตาพวกสาวๆเลยได้คะแนนโหวตมาเต็มๆ นี่ถ้ามันลงคัดเลือกเดือนมหาลัย อาจจะติด1 ใน3 หรือไม่ก็อาจได้ที่1 ไปเลยก็ได้
โชคดีวันนี้อาจารย์ติดธุระทำให้เข้าสอนช้า แต่เป็นโชคร้ายของไอ้เร โดนผมบ่นมาตลอดทาง
พอมาถึงห้องยังไม่ทันจะได้นั่งเก้าอี้ดีๆ ไอ้ต้นก็เอื้อมมือมากอดคอผมก่อนจะถาม
“เฮ้ยเพื่อน! ทำไมวันนี้พวกมึงมาช้าวะ แอบไปส่องสาวไม่ชวนกูใช่ไหม”
“ก็ไอ้เร” ผมชะงักก่อนจะพูดต่อ “พอดีกูลืมตั้งนาฬิกาปลุก”
“แล้วไป...กูนึกว่าพวกมึงแอบไปทำอะไรกันไม่บอกพวกกู”ต้นพูดจบพอดีกับที่อาจารย์เดินเข้ามาสอน
ผมเหลือบไปเห็นไอ้เรมันกำลังแอบยิ้มที่มุมปาก มันคนสนุกแหละที่ได้แกล้งผม
ไอซ์ทำท่าทางเหมือนค้นหาอะไรบางอย่างในกระเป๋า ก่อนจะหันไปพูดกับเร
“ปากกาเราหายไปไหนก็ไม่รู้ สงสัยลืมหยิบมาด้วยแน่เลย”
“ยืมของเรก็ได้”
“ไอซ์ขอเลยได้ไหม ไม่อยากคืน”
“ได้ไง เราซื้อแพงนะ”
“ฮือ...ซื้อต่อก็ได้”
“ล้อเล่น เอาไปเลย มีหลายด้าม”
“ขอบใจน้า...”
สองคนนั้นคุยสนิทสนมเกินไปแล้ว ส่งตาหวาน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กันอีก ผมที่นั่งโต๊ะข้างหลังมองเห็นทุกอย่าง ยิ่งเห็นพวกเพื่อนๆทำท่าทางจิ้นสองคนนั้น ทำผมรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อยากดูเป็นคนงี่เง่าเลยไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา
หลังจบคาบเรียนที่ที่คนส่วนใหญ่ชอบมาก็คงจะเป็นโรงอาหาร รวมถึงกลุ่มของพวกเรา
“กินอะไรดี” เอเอ่ยถามขณะที่พวกเรากำลังเดินมาที่โรงอาหาร
“มึงอย่ามาถามปัญหาโลกแตกกับกูได้ไหม” ต้นพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ปัญหาโรคแตกอะไรของมึง” จี้ถามกลับอย่างสงสัย
“ก็กินอะไรดีไง! ขนาดกูยังตอบตัวเองไม่ได้เลย ว่ากินอะไรถึงจะดี”
“โถ่...” เอเอ่ยพลางใช้มือขยี้หัวต้น ด้วยความหมั่นไส้มุกของมัน
“สวัสดีทุกคน” หนุ่มหล่ออดีตเดือนมหาลัยเดินเข้าทักพวกเรา ทุกคนยกมือไหว้สวัสดีด้วยความคุ้นเคย
“ผมก็นึกว่าหนุ่มหล่อที่ไหน” เรพูดและยิ้มให้บางๆ
พี่ฟร้องค์เป็นรุ่นพี่ตั้งแต่สมัยมัธยมของผมกับเร เราอายุห่างกันหนึ่งปี บ้านผมกับพี่เขาอยู่ติดกันเราเลยสนิทกันทั้งครอบครัว ตอนเด็กผมชอบไปเล่นที่บ้านพี่เขาบ่อยๆ แต่พอเข้ามหาลัยผมย้ายมาอยู่คอนโด พี่เขาก็เรียนหนักขึ้น เราเลยไม่ค่อยได้เจอกัน
“ไม่เจอกันนานนะเฟรช”
“พี่ฟร้องค์ไปไงมาไงครับ ถึงมานี่ได้”
“พี่ก็ตั้งใจมาหาเฟรชนี่แหละ”
“มาหาผม! มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมทำหน้าสงสัย แต่เห็นพี่ฟร้องค์พูดยิ้มๆเลยไม่ได้รู้สึกกังวล
“หรือว่า...ไอ้เฟรช มันไปปากหมาใส่ใครอีกแล้ว พี่เลยจะมาสั่งสอนมันใช่ไหมคะ”
พอจี้พูดขัดขึ้นแบบนั้น ผมก็รีบนึกความผิดที่ทำไว้ช่วงนี้ขึ้นมาเลย
พี่ฟร้องค์ขำขึ้นมาก่อนจะพูด เวลาที่พี่เขาหัวเราะยังคงมีเสน่ห์เหมือนเดิม จนผมต้องเผลอฉีกยิ้มกว้างตามไปด้วย
“เปล่า...พี่จะมาชวนเฟรชไปช่วยกิจกรรม เลี้ยงอาหารเด็กกำพร้า วันเสาร์นี้ ชวนพวกเราทุกคนด้วยนะ”
“ยินดีเลยครับเรื่องดีๆแบบนี้” ผมรีบตอบรับ
พี่ฟร้องค์ยังเป็นผู้ชายอบอุ่นและรักเด็กเสมอ
“ดีเลยครับ! จะได้เอาไอ้ต้นคนบาป ไปหัดทำบุญกับเค้าบ้าง”
ถึงเรจะพูดแซวต้น แต่มันก็แอบทำหน้าจริงจัง จริงๆแล้วมันไม่ค่อยอยากให้ผมยุ่งกับพี่ฟร้องค์สักเท่าไหร่ เอาง่ายๆคือมันหึงผมกับพี่ฟร้องค์ เรเป็นพวกเก็บอาการไม่เก่งไม่เหมือนผม ผมคิดว่าถ้าความลับของเราจะแตกก็คงเพราะมันนี่แหละ
“เออ...แล้วกูจะร้อนไหมวะ” ต้นรับมุกแซวตัวเอง ก่อนที่เอจะเล่นต่อให้ทุกคนขำความเด๋อของต้น
“ไม่ร้อนหรอก ไม่ได้พาเข้าวัด”
เรื่องกัดชาวบ้านต้องบอกเลยว่ากลุ่มพวกเราเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“เพื่อนใหม่เหรอ” พี่ฟร้องค์หันมาถามผม แล้วหันไปยิ้มกับไอซ์
“ใช่ครับ ชื่อไอซ์พึ่งย้ายมา”
ไอซ์โน้มหัวเล็กน้อย ส่งยิ้มให้พี่ฟร้องค์
“พี่ไปก่อนนะ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม พี่จะโทรหาเฟรชนะ”
ทุกคนยกมือสวัสดี ร่ำลา พี่ฟร้องค์ ก่อนที่ต้นจะพูดขึ้นเบาๆ
“มาบอกแค่นี้ ทำไมพี่เขาไม่โทรวะ เสียเวลาเดินมาทำไม”
“เมื่อกี้เค้าอยู่มึงไม่ถามล่ะ” ผมรีบพูดตัดจบเพราะเหลือบไปเห็นสีหน้าหงุดหงิดของเร
ผมอาบน้ำเสร็จ ก็ทิ้งตัวลงบนที่นอน ที่มีเรนอนอยู่ข้างๆ
สักพักพี่ฟร้องค์ก็ทักไลน์มาหาผม ตอนสองทุ่มครึ่ง
P’ฟร้องค์: เฟรช พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนว่างไหม
เฟรช: ว่างนะครับ
P’ฟร้องค์: ไปช่วยพี่ซื้อของหน่อย เพื่อนพี่ยุ่งกันหมดเลย
เฟรช: ได้ครับ
P’ฟร้องค์: ขอบใจมากนะ เดี๋ยวเลิกเรียนพี่โทรหา ฝันดีนะครับ
เฟรช: ครับ ฝันดีครับ
“คุยกับใคร!!”
เรแย่งโทรศัพท์จากมือผม ตอนผมคุยจบพอดี ผมเห็นแล้วแหละว่ามันมองอยู่ตั้งแต่เสียงไลน์ดัง มันคงรอจังหวะอยู่
“ชวนไปซื้อของ แถมยังบอกฝันดีกันอีก ไปซื้ออะไร!” เรทำสีหน้าไม่พอใจใส่ผม
“คงซื้อของไปเลี้ยงเด็กกำพร้านั่นแหละ” ถึงไม่ได้ถามพี่เขา แต่ผมก็คิดแบบนั้น เพราะวันนี้เราพึ่งคุยกันเรื่องนี้ไป
“ทำไมชวนมึงคนเดียว”
“กูจะรู้ไหมล่ะ เอาโทรศัพท์กูคืนมา” ผมแย่งโทรศัพท์คืนจากมือเร
“ถ้ากูไม่ให้ไป!” เรเริ่มขึ้นเสียงใส่ผม
“กูจะไป อย่ามางี้เง่า ไร้สาระ”
ผมคิดว่าบางทีเรมันขี้หึงมากเกินไป ทั้งที่มันก็รู้จักพี่ฟร้องค์ดี และผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับพี่ฟร้องค์เกินพี่น้อง
“ใช่สิ! กูห้ามอะไรมึงไม่เคยฟังอยู่แล้วนิ” เรใช้น้ำเสียงประชด
ผมรู้ว่าตอนนี้มันกำลังโกรธ ผมจึงเลือกที่จะเงียบ เพราะยิ่งคุยยิ่งจะทะเลาะกัน
และคืนนี้เราก็คงนอนหันหลังให้กันทั้งคืน
วันนี้เรายังไม่คุยกันเลย ตั้งแต่ตื่นนอน อยู่บนรถ หรือแม้กระทั่งที่ห้องเรียน ไม่มีใครสงสัยอะไรเพราะปกติผมก็ไม่ค่อยพูด ส่วนไอ้เรมันก็ทำตัวปกติ คุยกับทุกคน ยกเว้นผม
“เร ไอซ์หัดทำขนม ช่วยชิมหน่อยสิ” ไอซ์หยิบขนมจากกระเป๋าส่งให้เร
“แหม...ไอซ์ หล่อนให้แต่เรนะ พวกเรากินขนมไม่เป็นรึไง” เอพูดขัดขึ้น
“อะไรๆก็เร...” จี้เบ้ปากพูดเสริม
“พวกเราเป็นอากาศไปแล้วคร๊าบบบ” ต้นพูดประชดพร้อมกับเอนตัวพิงพนักเก้าอี้
“เปล่า...ก็กะจะให้ชิมทุกคนแหละ” ไอซ์ทำท่าทางยิ้มเขินอายที่ถูกเพื่อนๆแซว
“แซวเก่ง...เอ้า! กินเข้าไป” เรหยิบขนมยัดเข้าปากเอที่กำลังจะอ้าปากพูดต่อ
“ไอ้เฟรช มึงจะถูกแย่งเพื่อนรักก็คราวนี้ล่ะว่ะ” ต้นหันมาคุยกับผม
“ตามสบายเลย” ผมตอบกลับเพื่อนแต่ตาเหลือบมองเร
“มันจะไปสนใจอะไรกู ช่วงนี้มันติดรุ่นพี่เป็นปลิง นั่นไง!พูดยังไม่ทันขาดคำ”
เรพูดประชดพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ของผมที่ดังขึ้น
“มีคนนอยด์ว่ะ” ผมได้ยินเสียงแว่วๆจากจี้ ก่อนที่ผมจะรับสายพี่ฟร้องค์
“ครับพี่ฟร้องค์”
“เลิกเรียนพอดีครับ”
“ได้ครับ ครับ”
“พวกมึงกูไปแล้วนะ” ผมบอกเพื่อนหลังจากที่วางสายพี่ฟร้องค์ และรีบลุกเดินออกจากห้อง เพราะพี่ฟร้องค์กำลังจอดรถรอผมอยู่หน้าตึก
“มันรีบไปไหนวะ” ต้นหันไปถามเรด้วยหน้าตาสงสัย
“พวกมึงอยากรู้ ไม่ตามไปเลยล่ะ” เรทำเสียงหงุดหงิดก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้ ทิ้งให้เพื่อนๆทำหน้างง มองหน้ากันไปมา
“เราจะไปซื้ออะไรกันครับพี่ฟร้องค์” ผมขึ้นมานั่งบนรถก่อนจะเอ่ยถาม
“ของขวัญวันเกิดแม่พี่”
“คุณป้าเกิดวันนี้เหรอครับ! ดีเลยผมจะได้ฝากของขวัญไปให้คุณป้าด้วย” ผมพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“พี่ไม่รับฝากหรอกนะ ต้องเอาไปให้เอง แม่พี่บ่นคิดถึงเราตลอดเลยนะ”
“ก็ดีครับ ผมจะได้ถือโอกาสกลับบ้านด้วย”
จริงๆผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะไปดีไหมเพราะยังไม่ได้บอกเร แถมเราพึ่งทะเลาะกัน แต่คิดว่าเดี๋ยวก็ต้องง้อมันอยู่ดี ไว้ง้อทีเดียวหลังจากกลับเลยละกัน
หลังจากซื้อของเสร็จเราก็ตรงมาที่บ้านพี่ฟร้องค์ เพราะผมรู้ว่าพ่อแม่ต้องอยู่ที่นี่แน่ เลยไม่แวะเข้าบ้านตัวเอง ผมเห็นแม่พี่ฟร้องค์กำลังเตรียมอาหารอยู่ที่สวนหน้าบ้าน ผมจึงเดินเข้าไปยกมือไหว้ท่าน
“คุณป้า สวัสดีครับ”
“น้องเฟรช ป้านึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” แม่พี่ฟร้องค์ทำท่าทางดีใจรีบวางจานอาหารที่ถืออยู่ เดินมากอดผม
“ไม่มาได้ไงครับวันเกิดคุณป้าทั้งที นี่ของขวัญครับ”
ของขวัญที่ผมเลือกคืออาหารเสริมเพราะพี่ฟร้องค์บอกว่าช่วงนี้คุณป้าไม่สบายบ่อย ส่วนพี่ฟร้องค์ซื้อสร้อยไข่มุก ผมเองที่เป็นคนเลือกให้ เห็นว่าคุณป้าชอบใส่บ่อยๆ
“ขอบใจมากเลย กินเยอะๆนะ วันนี้ป้าทำของกินเยอะแยะ ไม่เจอนานผอมลงมากเลยนะเนี่ย” แม่พี่ฟร้องค์พูดพลางสำรวจตัวผม
“ว่าไงลูกชายตัวดี จำทางกลับบ้านได้ด้วยเหรอ” เสียงจากแม่ของผม ไม่ต้องแปลกใจเลยว่านิสัยผมได้ใครมา
“สวัดดีครับคุณแม่ คุณพ่อ คุณลุง”
ผมยกมือไหว้พ่อแม่และพ่อพี่ฟร้องค์ ที่กำลังยกจานอาหารเดินออกมาจากครัว
“หนีแม่ไปอยู่คอนโด นานๆจะกลับบ้านมาได้สักทีนะ”
ตอนแรกพ่อแม่ไม่ยอมให้ผมไป เพราะท่านเป็นห่วงไม่อยากให้อยู่คนเดียว พอผมบอกว่าอยู่กับเพื่อน เพื่อนคนนั้นก็คือเร พ่อแม่เลยอนุญาต ท่านเห็นมันมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยวางใจ
“อย่างอนสิครับ เฟรชก็มาแล้วนี่ไง”ผมเข้าไปกอดและพูดอ้อนคุณแม่สุดที่รักของผม
“เรไม่มาด้วยเหรอ” พ่อผมถามขึ้น
“ไม่ได้มาครับ”
ไม่ทันได้พูดจบดี แม่พี่ฟร้องค์ก็เรียกพวกเราที่กำลังยืนคุยกันอยู่
“มาๆเรามากินข้าวกันเถอะ อาหารพร้อมแล้ว ฟร้องค์ต้องชวนน้องกลับบ้านบ่อยๆนะรู้เปล่า”
“ได้ครับ เดี๋ยวต่อไปผมจะชวนมาทุกวันเลย ดีไหมเฟรช” พี่ฟร้องค์ตอบคุณป้าและหันมายิ้มกับผม
ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้กลับบ้าน เลิกเรียนก็รู้สึกเหนื่อย วันหยุดก็ต้องทำรายงาน จริงๆมหาลัยกับบ้านไม่ได้ไกลกันมาก พี่ฟร้องค์ขับรถไปกลับทุกวัน พี่เขาเป็นลูกคนเดียวเหมือนผม พี่เขาติดบ้าน ส่วนผมติด...ติดที่ไอ้เรนี่ล่ะครับ แต่ผมก็โทรหาพ่อแม่ทุกวัน
พวกเราทานอาหารและพูดคุยถามทุกข์สุขกัน ไม่ว่ากลับมาเมื่อไหร่ที่นี่ยังคงอบอุ่นเสมอ ผมมองเวลาที่โทรศัพท์จะสามทุ่มแล้ว มัวแต่คุยเพลินจนลืมไลน์บอกเร สุดท้ายมันก็ต้องไลน์มาถามเอง สงสัยทนไม่ไหวทั้งที่งอนผมอยู่
เร: มึงอยู่ไหน จะกลับยัง
เร: อ่านไม่ตอบ
เฟรช: กูกลับบ้าน พี่ฟร้องค์ชวนกูมางานวันเกิดแม่พี่เค้า
เร: ถ้ากูไม่ถามนี่คือจะไม่บอก
เฟรช: ก็ไม่ พอดีมากะทันหันเลยยุ่งๆ คืนนี้กูไม่กลับนะ
เร: กูเข้าใจแล้ว
มันเข้าใจผมจริงๆหรือแค่ประชด แต่ช่างเถอะ พรุ่งนี้ขอให้คุณแม่ช่วยทำของอร่อยไปฝาก เดี๋ยวมันคงหายงอน
เรโกรธผมได้ไม่นานหรอกผมรู้จักมันดี
ผมเป็นคนชอบพูดตรงๆ คิดอย่างไร ก็พูดออกมาแบบนั้น นิสัยนี้ของผมทำให้มีปากเสียงกับคนอื่นอยู่บ่อยๆ ผมจึงเลือกที่จะเงียบ นั่นเลยทำให้ผมดูหยิ่งในสายตาคนภายนอก แต่ถ้าสนิทกัน ผมก็พูดมาก และมีมุมขี้เล่นในแบบของผม
ผมไม่ค่อยแสดงออกว่าหึงหวงในความเฟรนลี่ที่บางทีมากจนเกินไปของเร เพราะไม่อยากให้มันรู้สึกอึดอัด แค่เราต้องพยายามปิดทุกคนว่าคบกัน มันก็ยากพอแล้ว
“เย็นนี้กินไรดี” เรที่กำลังบังคับพวงมาลัยรถยนต์เอ่ยถามผม
ถึงเราจะบอกทุกคนว่าเรติดรถผมกลับบ้าน และยังติดรถผมมามหาลัยทุกวัน แต่ส่วนใหญ่มันเป็นคนขับ เพื่อนก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะมันชอบทำตัวเป็นสุภาพบุรุษกับทุกคนอยู่แล้ว ชนิดที่ว่าทำเอาสาวๆบางคนเข้าใจผิด คิดว่าชอบบ้าง มีใจให้บ้างล่ะ
“อะไรก็ได้” ตอนนี้ผมเองก็นึกไม่ออกว่าอยากกินอะไร
คู่ของเราไม่ได้หวานเหมือนกับคู่รักคนอื่น เราอยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อนสนิท ดูแลกัน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรที่ดูแลผมซะมากกว่า ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องอาหาร เรื่องความสะอาด ใครได้มันไปถือว่าโชคดีสุดๆ และคนนั้น...ก็คือผม...
ทุกเช้าของผมจะมีแสงแดดสาดส่องและเสียงปลุกจากเร
“ตื่นได้แล้ว” เรดึงผ้าห่มออกจากตัวผม
ผมที่กำลังงัวเงียควานหาโทรศัพท์มาดูเวลา ถึงกับต้องสะดุ้งจากที่นอน
“นี่มันจะแปดโมงแล้ว ทำไมมึงพึ่งปลุก!!”
“กูปลุกเร็วมึงก็บ่นกู กูเลยแต่งตัวเสร็จค่อยปลุกมึงไง”
“ถ้ากูสายนะมึง” ผมชี้หน้าว่ามันด้วยอารมณ์หงุดหงิด
และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำพร้อมกับเสียงแว่วๆจากเร
“ถ้ามึงสาย กูก็สายแหละ”
ผมไม่ชอบไปเรียนสาย เพราะการเดินเข้าห้องเรียนเป็นคนสุดท้ายเป็นเรื่องที่น่าอาย ยิ่งถ้าอาจารย์ดุแล้วถูกเพื่อนในห้องหัวเราะเยาะ รู้สึกเหมือนถูกบูลลี่ แต่ก็นั่นแหละครับ ไอ้เรมันทำให้ผมเคยตัว มันไม่ปลุกผมก็ไม่ตื่น
ส่วนเรถึงจะเป็นหัวหน้าห้อง แต่มันไม่เคยสนเรื่องไปเรียนสาย ขอแค่ได้กวนประสาทผม นี่แหละข้อเสียของมัน บางทีก็ติดเล่นจนเกินไป ที่มันถูกเลือกเป็นหัวหน้าห้อง ไม่น่าจะใช่เพราะความสามารถ หรือการมีความรับผิดชอบ แต่น่าจะเพราะความเฟรนลี่และความหล่อไปเตะตาพวกสาวๆเลยได้คะแนนโหวตมาเต็มๆ นี่ถ้ามันลงคัดเลือกเดือนมหาลัย อาจจะติด1 ใน3 หรือไม่ก็อาจได้ที่1 ไปเลยก็ได้
โชคดีวันนี้อาจารย์ติดธุระทำให้เข้าสอนช้า แต่เป็นโชคร้ายของไอ้เร โดนผมบ่นมาตลอดทาง
พอมาถึงห้องยังไม่ทันจะได้นั่งเก้าอี้ดีๆ ไอ้ต้นก็เอื้อมมือมากอดคอผมก่อนจะถาม
“เฮ้ยเพื่อน! ทำไมวันนี้พวกมึงมาช้าวะ แอบไปส่องสาวไม่ชวนกูใช่ไหม”
“ก็ไอ้เร” ผมชะงักก่อนจะพูดต่อ “พอดีกูลืมตั้งนาฬิกาปลุก”
“แล้วไป...กูนึกว่าพวกมึงแอบไปทำอะไรกันไม่บอกพวกกู”ต้นพูดจบพอดีกับที่อาจารย์เดินเข้ามาสอน
ผมเหลือบไปเห็นไอ้เรมันกำลังแอบยิ้มที่มุมปาก มันคนสนุกแหละที่ได้แกล้งผม
ไอซ์ทำท่าทางเหมือนค้นหาอะไรบางอย่างในกระเป๋า ก่อนจะหันไปพูดกับเร
“ปากกาเราหายไปไหนก็ไม่รู้ สงสัยลืมหยิบมาด้วยแน่เลย”
“ยืมของเรก็ได้”
“ไอซ์ขอเลยได้ไหม ไม่อยากคืน”
“ได้ไง เราซื้อแพงนะ”
“ฮือ...ซื้อต่อก็ได้”
“ล้อเล่น เอาไปเลย มีหลายด้าม”
“ขอบใจน้า...”
สองคนนั้นคุยสนิทสนมเกินไปแล้ว ส่งตาหวาน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กันอีก ผมที่นั่งโต๊ะข้างหลังมองเห็นทุกอย่าง ยิ่งเห็นพวกเพื่อนๆทำท่าทางจิ้นสองคนนั้น ทำผมรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อยากดูเป็นคนงี่เง่าเลยไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา
หลังจบคาบเรียนที่ที่คนส่วนใหญ่ชอบมาก็คงจะเป็นโรงอาหาร รวมถึงกลุ่มของพวกเรา
“กินอะไรดี” เอเอ่ยถามขณะที่พวกเรากำลังเดินมาที่โรงอาหาร
“มึงอย่ามาถามปัญหาโลกแตกกับกูได้ไหม” ต้นพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ปัญหาโรคแตกอะไรของมึง” จี้ถามกลับอย่างสงสัย
“ก็กินอะไรดีไง! ขนาดกูยังตอบตัวเองไม่ได้เลย ว่ากินอะไรถึงจะดี”
“โถ่...” เอเอ่ยพลางใช้มือขยี้หัวต้น ด้วยความหมั่นไส้มุกของมัน
“สวัสดีทุกคน” หนุ่มหล่ออดีตเดือนมหาลัยเดินเข้าทักพวกเรา ทุกคนยกมือไหว้สวัสดีด้วยความคุ้นเคย
“ผมก็นึกว่าหนุ่มหล่อที่ไหน” เรพูดและยิ้มให้บางๆ
พี่ฟร้องค์เป็นรุ่นพี่ตั้งแต่สมัยมัธยมของผมกับเร เราอายุห่างกันหนึ่งปี บ้านผมกับพี่เขาอยู่ติดกันเราเลยสนิทกันทั้งครอบครัว ตอนเด็กผมชอบไปเล่นที่บ้านพี่เขาบ่อยๆ แต่พอเข้ามหาลัยผมย้ายมาอยู่คอนโด พี่เขาก็เรียนหนักขึ้น เราเลยไม่ค่อยได้เจอกัน
“ไม่เจอกันนานนะเฟรช”
“พี่ฟร้องค์ไปไงมาไงครับ ถึงมานี่ได้”
“พี่ก็ตั้งใจมาหาเฟรชนี่แหละ”
“มาหาผม! มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมทำหน้าสงสัย แต่เห็นพี่ฟร้องค์พูดยิ้มๆเลยไม่ได้รู้สึกกังวล
“หรือว่า...ไอ้เฟรช มันไปปากหมาใส่ใครอีกแล้ว พี่เลยจะมาสั่งสอนมันใช่ไหมคะ”
พอจี้พูดขัดขึ้นแบบนั้น ผมก็รีบนึกความผิดที่ทำไว้ช่วงนี้ขึ้นมาเลย
พี่ฟร้องค์ขำขึ้นมาก่อนจะพูด เวลาที่พี่เขาหัวเราะยังคงมีเสน่ห์เหมือนเดิม จนผมต้องเผลอฉีกยิ้มกว้างตามไปด้วย
“เปล่า...พี่จะมาชวนเฟรชไปช่วยกิจกรรม เลี้ยงอาหารเด็กกำพร้า วันเสาร์นี้ ชวนพวกเราทุกคนด้วยนะ”
“ยินดีเลยครับเรื่องดีๆแบบนี้” ผมรีบตอบรับ
พี่ฟร้องค์ยังเป็นผู้ชายอบอุ่นและรักเด็กเสมอ
“ดีเลยครับ! จะได้เอาไอ้ต้นคนบาป ไปหัดทำบุญกับเค้าบ้าง”
ถึงเรจะพูดแซวต้น แต่มันก็แอบทำหน้าจริงจัง จริงๆแล้วมันไม่ค่อยอยากให้ผมยุ่งกับพี่ฟร้องค์สักเท่าไหร่ เอาง่ายๆคือมันหึงผมกับพี่ฟร้องค์ เรเป็นพวกเก็บอาการไม่เก่งไม่เหมือนผม ผมคิดว่าถ้าความลับของเราจะแตกก็คงเพราะมันนี่แหละ
“เออ...แล้วกูจะร้อนไหมวะ” ต้นรับมุกแซวตัวเอง ก่อนที่เอจะเล่นต่อให้ทุกคนขำความเด๋อของต้น
“ไม่ร้อนหรอก ไม่ได้พาเข้าวัด”
เรื่องกัดชาวบ้านต้องบอกเลยว่ากลุ่มพวกเราเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“เพื่อนใหม่เหรอ” พี่ฟร้องค์หันมาถามผม แล้วหันไปยิ้มกับไอซ์
“ใช่ครับ ชื่อไอซ์พึ่งย้ายมา”
ไอซ์โน้มหัวเล็กน้อย ส่งยิ้มให้พี่ฟร้องค์
“พี่ไปก่อนนะ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม พี่จะโทรหาเฟรชนะ”
ทุกคนยกมือสวัสดี ร่ำลา พี่ฟร้องค์ ก่อนที่ต้นจะพูดขึ้นเบาๆ
“มาบอกแค่นี้ ทำไมพี่เขาไม่โทรวะ เสียเวลาเดินมาทำไม”
“เมื่อกี้เค้าอยู่มึงไม่ถามล่ะ” ผมรีบพูดตัดจบเพราะเหลือบไปเห็นสีหน้าหงุดหงิดของเร
ผมอาบน้ำเสร็จ ก็ทิ้งตัวลงบนที่นอน ที่มีเรนอนอยู่ข้างๆ
สักพักพี่ฟร้องค์ก็ทักไลน์มาหาผม ตอนสองทุ่มครึ่ง
P’ฟร้องค์: เฟรช พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนว่างไหม
เฟรช: ว่างนะครับ
P’ฟร้องค์: ไปช่วยพี่ซื้อของหน่อย เพื่อนพี่ยุ่งกันหมดเลย
เฟรช: ได้ครับ
P’ฟร้องค์: ขอบใจมากนะ เดี๋ยวเลิกเรียนพี่โทรหา ฝันดีนะครับ
เฟรช: ครับ ฝันดีครับ
“คุยกับใคร!!”
เรแย่งโทรศัพท์จากมือผม ตอนผมคุยจบพอดี ผมเห็นแล้วแหละว่ามันมองอยู่ตั้งแต่เสียงไลน์ดัง มันคงรอจังหวะอยู่
“ชวนไปซื้อของ แถมยังบอกฝันดีกันอีก ไปซื้ออะไร!” เรทำสีหน้าไม่พอใจใส่ผม
“คงซื้อของไปเลี้ยงเด็กกำพร้านั่นแหละ” ถึงไม่ได้ถามพี่เขา แต่ผมก็คิดแบบนั้น เพราะวันนี้เราพึ่งคุยกันเรื่องนี้ไป
“ทำไมชวนมึงคนเดียว”
“กูจะรู้ไหมล่ะ เอาโทรศัพท์กูคืนมา” ผมแย่งโทรศัพท์คืนจากมือเร
“ถ้ากูไม่ให้ไป!” เรเริ่มขึ้นเสียงใส่ผม
“กูจะไป อย่ามางี้เง่า ไร้สาระ”
ผมคิดว่าบางทีเรมันขี้หึงมากเกินไป ทั้งที่มันก็รู้จักพี่ฟร้องค์ดี และผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับพี่ฟร้องค์เกินพี่น้อง
“ใช่สิ! กูห้ามอะไรมึงไม่เคยฟังอยู่แล้วนิ” เรใช้น้ำเสียงประชด
ผมรู้ว่าตอนนี้มันกำลังโกรธ ผมจึงเลือกที่จะเงียบ เพราะยิ่งคุยยิ่งจะทะเลาะกัน
และคืนนี้เราก็คงนอนหันหลังให้กันทั้งคืน
วันนี้เรายังไม่คุยกันเลย ตั้งแต่ตื่นนอน อยู่บนรถ หรือแม้กระทั่งที่ห้องเรียน ไม่มีใครสงสัยอะไรเพราะปกติผมก็ไม่ค่อยพูด ส่วนไอ้เรมันก็ทำตัวปกติ คุยกับทุกคน ยกเว้นผม
“เร ไอซ์หัดทำขนม ช่วยชิมหน่อยสิ” ไอซ์หยิบขนมจากกระเป๋าส่งให้เร
“แหม...ไอซ์ หล่อนให้แต่เรนะ พวกเรากินขนมไม่เป็นรึไง” เอพูดขัดขึ้น
“อะไรๆก็เร...” จี้เบ้ปากพูดเสริม
“พวกเราเป็นอากาศไปแล้วคร๊าบบบ” ต้นพูดประชดพร้อมกับเอนตัวพิงพนักเก้าอี้
“เปล่า...ก็กะจะให้ชิมทุกคนแหละ” ไอซ์ทำท่าทางยิ้มเขินอายที่ถูกเพื่อนๆแซว
“แซวเก่ง...เอ้า! กินเข้าไป” เรหยิบขนมยัดเข้าปากเอที่กำลังจะอ้าปากพูดต่อ
“ไอ้เฟรช มึงจะถูกแย่งเพื่อนรักก็คราวนี้ล่ะว่ะ” ต้นหันมาคุยกับผม
“ตามสบายเลย” ผมตอบกลับเพื่อนแต่ตาเหลือบมองเร
“มันจะไปสนใจอะไรกู ช่วงนี้มันติดรุ่นพี่เป็นปลิง นั่นไง!พูดยังไม่ทันขาดคำ”
เรพูดประชดพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ของผมที่ดังขึ้น
“มีคนนอยด์ว่ะ” ผมได้ยินเสียงแว่วๆจากจี้ ก่อนที่ผมจะรับสายพี่ฟร้องค์
“ครับพี่ฟร้องค์”
“เลิกเรียนพอดีครับ”
“ได้ครับ ครับ”
“พวกมึงกูไปแล้วนะ” ผมบอกเพื่อนหลังจากที่วางสายพี่ฟร้องค์ และรีบลุกเดินออกจากห้อง เพราะพี่ฟร้องค์กำลังจอดรถรอผมอยู่หน้าตึก
“มันรีบไปไหนวะ” ต้นหันไปถามเรด้วยหน้าตาสงสัย
“พวกมึงอยากรู้ ไม่ตามไปเลยล่ะ” เรทำเสียงหงุดหงิดก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้ ทิ้งให้เพื่อนๆทำหน้างง มองหน้ากันไปมา
“เราจะไปซื้ออะไรกันครับพี่ฟร้องค์” ผมขึ้นมานั่งบนรถก่อนจะเอ่ยถาม
“ของขวัญวันเกิดแม่พี่”
“คุณป้าเกิดวันนี้เหรอครับ! ดีเลยผมจะได้ฝากของขวัญไปให้คุณป้าด้วย” ผมพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“พี่ไม่รับฝากหรอกนะ ต้องเอาไปให้เอง แม่พี่บ่นคิดถึงเราตลอดเลยนะ”
“ก็ดีครับ ผมจะได้ถือโอกาสกลับบ้านด้วย”
จริงๆผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะไปดีไหมเพราะยังไม่ได้บอกเร แถมเราพึ่งทะเลาะกัน แต่คิดว่าเดี๋ยวก็ต้องง้อมันอยู่ดี ไว้ง้อทีเดียวหลังจากกลับเลยละกัน
หลังจากซื้อของเสร็จเราก็ตรงมาที่บ้านพี่ฟร้องค์ เพราะผมรู้ว่าพ่อแม่ต้องอยู่ที่นี่แน่ เลยไม่แวะเข้าบ้านตัวเอง ผมเห็นแม่พี่ฟร้องค์กำลังเตรียมอาหารอยู่ที่สวนหน้าบ้าน ผมจึงเดินเข้าไปยกมือไหว้ท่าน
“คุณป้า สวัสดีครับ”
“น้องเฟรช ป้านึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” แม่พี่ฟร้องค์ทำท่าทางดีใจรีบวางจานอาหารที่ถืออยู่ เดินมากอดผม
“ไม่มาได้ไงครับวันเกิดคุณป้าทั้งที นี่ของขวัญครับ”
ของขวัญที่ผมเลือกคืออาหารเสริมเพราะพี่ฟร้องค์บอกว่าช่วงนี้คุณป้าไม่สบายบ่อย ส่วนพี่ฟร้องค์ซื้อสร้อยไข่มุก ผมเองที่เป็นคนเลือกให้ เห็นว่าคุณป้าชอบใส่บ่อยๆ
“ขอบใจมากเลย กินเยอะๆนะ วันนี้ป้าทำของกินเยอะแยะ ไม่เจอนานผอมลงมากเลยนะเนี่ย” แม่พี่ฟร้องค์พูดพลางสำรวจตัวผม
“ว่าไงลูกชายตัวดี จำทางกลับบ้านได้ด้วยเหรอ” เสียงจากแม่ของผม ไม่ต้องแปลกใจเลยว่านิสัยผมได้ใครมา
“สวัดดีครับคุณแม่ คุณพ่อ คุณลุง”
ผมยกมือไหว้พ่อแม่และพ่อพี่ฟร้องค์ ที่กำลังยกจานอาหารเดินออกมาจากครัว
“หนีแม่ไปอยู่คอนโด นานๆจะกลับบ้านมาได้สักทีนะ”
ตอนแรกพ่อแม่ไม่ยอมให้ผมไป เพราะท่านเป็นห่วงไม่อยากให้อยู่คนเดียว พอผมบอกว่าอยู่กับเพื่อน เพื่อนคนนั้นก็คือเร พ่อแม่เลยอนุญาต ท่านเห็นมันมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยวางใจ
“อย่างอนสิครับ เฟรชก็มาแล้วนี่ไง”ผมเข้าไปกอดและพูดอ้อนคุณแม่สุดที่รักของผม
“เรไม่มาด้วยเหรอ” พ่อผมถามขึ้น
“ไม่ได้มาครับ”
ไม่ทันได้พูดจบดี แม่พี่ฟร้องค์ก็เรียกพวกเราที่กำลังยืนคุยกันอยู่
“มาๆเรามากินข้าวกันเถอะ อาหารพร้อมแล้ว ฟร้องค์ต้องชวนน้องกลับบ้านบ่อยๆนะรู้เปล่า”
“ได้ครับ เดี๋ยวต่อไปผมจะชวนมาทุกวันเลย ดีไหมเฟรช” พี่ฟร้องค์ตอบคุณป้าและหันมายิ้มกับผม
ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้กลับบ้าน เลิกเรียนก็รู้สึกเหนื่อย วันหยุดก็ต้องทำรายงาน จริงๆมหาลัยกับบ้านไม่ได้ไกลกันมาก พี่ฟร้องค์ขับรถไปกลับทุกวัน พี่เขาเป็นลูกคนเดียวเหมือนผม พี่เขาติดบ้าน ส่วนผมติด...ติดที่ไอ้เรนี่ล่ะครับ แต่ผมก็โทรหาพ่อแม่ทุกวัน
พวกเราทานอาหารและพูดคุยถามทุกข์สุขกัน ไม่ว่ากลับมาเมื่อไหร่ที่นี่ยังคงอบอุ่นเสมอ ผมมองเวลาที่โทรศัพท์จะสามทุ่มแล้ว มัวแต่คุยเพลินจนลืมไลน์บอกเร สุดท้ายมันก็ต้องไลน์มาถามเอง สงสัยทนไม่ไหวทั้งที่งอนผมอยู่
เร: มึงอยู่ไหน จะกลับยัง
เร: อ่านไม่ตอบ
เฟรช: กูกลับบ้าน พี่ฟร้องค์ชวนกูมางานวันเกิดแม่พี่เค้า
เร: ถ้ากูไม่ถามนี่คือจะไม่บอก
เฟรช: ก็ไม่ พอดีมากะทันหันเลยยุ่งๆ คืนนี้กูไม่กลับนะ
เร: กูเข้าใจแล้ว
มันเข้าใจผมจริงๆหรือแค่ประชด แต่ช่างเถอะ พรุ่งนี้ขอให้คุณแม่ช่วยทำของอร่อยไปฝาก เดี๋ยวมันคงหายงอน
เรโกรธผมได้ไม่นานหรอกผมรู้จักมันดี
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ