ยอดสตรีฉางอิ๋ง

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17.20 น.

  35 ตอน
  0 วิจารณ์
  28.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ความทุกข์ของว่าที่พระชายา (1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว่ยฉางอิ๋งรับเอาวุ้นผลไม้ที่ลวี่ฝางยกมาอย่างเอาใจใส่แล้วส่งให้กับซ่งไจ้สุ่ยด้วยตนเอง พลางกล่าวอย่างเอาใจว่า "ท่านพี่ที่แสนดีท่านอย่าโมโหเลย เป็นฉางเฟิงที่ไม่ดี เขาไม่มาพูดกับข้าสักคำ! ข้ายังคิดว่าเขาจะส่งคนไป ท่านพี่ลองมองใบหน้าข้าดู เมื่อครู่ถูกแดดเผาเสียจนเวียนศีรษะไปหมด คิดแต่จะกลับมาอาบน้ำแต่งตัว นี่ข้ายังตั้งสติไม่ได้เลย!"

ซ่งไจ้สุ่ยรับเอาองุ่นเย็นแล้วกินไปคำหนึ่ง พลางกล่าวอย่างโมโหว่า "สมน้ำหน้าเจ้าแล้ว! ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าแค่ยอมอ่อนให้ท่านอาก็ได้แล้วแท้ๆ เอาแต่แข็งกร้าวไม่เคยยอมไปเสียทุกครั้ง ข้าว่านะ ก็เพราะท่านอานิสัยดีถึงได้ยอมให้เจ้า ไม่อย่างนั้นหากว่าเปลี่ยนเป็นท่านแม่คนอื่น คงได้ใช้กฎตระกูลตีเจ้าเสียจนไม่ยอมก็ต้องยอมแล้ว!"

"จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?" เว่ยฉางอิ๋งหัวเราะแล้วกล่าว "นั่นน่ะท่านแม่แท้ๆ ของข้านะ นางไม่รักข้าใครจะมารักข้ากัน?"

ซ่งไจ้สุ่ยยิ้มเย็นแล้วกล่าวว่า "เจ้านี่มันไม่มีน้ำใจจริงๆ รู้ว่าท่านอารักเจ้า เจ้าก็เอาแต่รังแกนางหรือ? เจ้ามั่นใจว่าร่างกายแข็งแรง คุกเข่ารับโทษก็จงใจเลือกตรงที่มีแดด เรียกท่านอาที่อยู่ในห้องเย็นๆ ใจนางทรมานเสียยิ่งกว่าอยู่ในน้ำมัน ไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าใจดำอำมหิตขนาดนี้มาจากไหน!"

"ข้ารังแกท่านแม่ที่ไหนกัน ท่านแม่อยู่ในห้องที่วางน้ำแข็งไว้อย่างดี ข้าต่างหากที่ถูกแดดเผาไม่น้อย" เว่ยฉางอิ๋งมองแล้วถาม "ใช่แล้ว ท่านแม่พูดไหมว่าต่อไปจะไม่ให้ข้าฝึกฝนงานเย็บปักงานครัวอะไรนั่น?"

"เจ้าคิดไปเถอะ!" ซ่งไจ้สุ่ยถลึงตาใส่นางแล้วยิ้มเย็นพลางกล่าวว่า "ท่านอายอมแกล้งปล่อยเจ้ากลับมา และยังมาเร่งให้ข้ากลับไปเมืองหลวงอีกด้วย..."

เว่ยฉางอิ๋งกล่าวอย่างร้อนตัวว่า "ไอหยา ท่านพี่ที่แสนดี ครั้งหน้าข้าไม่กล้าลืมอีกแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่ว่าผิดพลาดไปหรือ ท่านพี่ใจกว้างที่สุด ท่านปล่อยข้าไปเถอะ! ไม่อย่างนั้นข้าไปตีฉางเฟิงระบายอารมณ์ให้ท่านไหม?"

"เจ้าขายน้องชายตัวเองได้ง่ายดีนี่" ซ่งไจ้สุ่ยตักวุ้นผลไม้ช้อนใหญ่มาทานอย่างรู้สึกไม่ได้ดั่งใจ ชำเลืองมองนางไปทีแล้วเอ่ยว่า “แต่ว่านะ ข้าเองก็มีเรื่องที่ผิดต่อเจ้าเช่นกัน...” นางพลันยิ้มออกมาอย่างไม่ประสงค์ดี "ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะตอบคำถามที่ท่านอาถามว่าข้าจะกลับเมื่อไหร่หรือ ดังนั้น ข้าจึงกล่าวถึงเรื่องแต่งงานของเจ้าแทน กล่าวถึงความชอบต่างๆ ของฮูหยินซู! ตอนนี้ท่านอาอยากรู้เรื่องนี้ที่สุดเลย!"

เว่ยฉางอิ๋งตัวสั่น รู้ดีว่าฮูหยินซูที่นางกล่าวก็คือมารดาของเสิ่นจั้งเฟิงว่าที่สามีที่กำลังจะแต่งงานของตน นายหญิงของตระกูลเสิ่นแห่งซีเหลียง แม้ว่านางจะเตรียมพร้อมในการรับมือกับเสิ่นจั้งเฟิงไว้แล้ว แต่ก็ไม่สามารถใช้หมัดกับแม่สามีได้สินะ? คราวนี้ได้ยินเรื่องว่าที่แม่สามีเข้า นางก็รู้สึกกังวลขึ้นมาแล้วกล่าวถามว่า "เป็นอย่างไรบ้าง?"

ซ่งไจ้สุ่ยยิ้มอย่างชั่วร้าย "ฮูหยินซูชอบสะใภ้ที่งามสง่าเป็นที่สุด เหมือนกับนางหลิวสะใภ้ใหญ่ และนางตวนมู่สะใภ้รองของตระกูลเสิ่น พวกนางต่างก็เป็นคนที่งดงามมีคุณธรรมนิสัยอ่อนหวานอย่างแท้จริง!"

นางจงใจพูดเน้นคำว่า ‘แท้จริง’ กับ ‘อ่อนหวาน’ ทั้งสองคำ หรี่ตาแล้วกล่าวว่า "ดังนั้นเดิมท่านอาที่ถูกเจ้าคุกเข่าเสียจนใจอ่อนแล้ว พอได้ยินความชอบของฮูหยินซูเข้า จึงตัดสินใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจัดการสั่งสอนเจ้าให้เป็นสะใภ้ที่ฮูหยินซูชอบให้ได้ เจ้านี่น้า ความลำบากเจ้าอยู่ภายหลังต่างหาก!"

เว่ยฉางอิ๋งร้องครางออกมา แล้วคว้าแขนนางไว้พร้อมกับสะบัดไปมา "ท่านพี่ท่านใจดำมาก! ข้าเป็นน้องสาวของท่านนะ!"

"น้องสาว ทำไมเจ้าถึงได้กล้าพูดว่าข้าใจดำ?" ซ่งไจ้สุ่ยถูกนางแกว่งเสียจนจับชามไม่อยู่ จึงรีบวางองุ่นเย็นลงบนโต๊ะเพื่อกันไม่ให้ชุดเปรอะเปื้อน นางยิ้มเย็น "กล้าลากข้าให้ซวยไปด้วย และยังไม่ยอมไปช่วยอีก หากว่าข้าไม่จับเจ้ามาเป็นเกราะกำบังจะให้ไปหาใครมาบัง?"

เว่ยฉางอิ๋งกุมขมับแล้วครางกล่าวว่า "ท่านพี่ท่านกำลังจะเอาชีวิตข้าหรือ? ตอนนี้ข้ากำลังยุ่งกับการฝึกการต่อสู้เวลาก็ไม่พอแล้ว ยังจะมีเวลาที่ไหนไปเรียนรู้ความวามสง่าอะไรนั่นได้? ยิ่งไปกว่านั้นของพวกนั้นเรียนคร่าวๆ ไปก็พอแล้ว เรียนลึกซึ้งไปจะมีประโยชน์อะไรกัน? ท่านกับท่านแม่บีบข้าให้ตายไปเลยเถอะ!"

"เจ้าไม่อยากเรียนก็ได้นี่!" ซ่งไจ้สุ่ยพลันเข้ามาใกล้ริมหูนาง แล้วกล่าวคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า "อีกสักครู่ไปคารวะท่านย่า หากว่าเจ้าช่วยข้าไม่ให้ท่านย่าพูดว่าให้ข้าไปได้ ข้าจะช่วยพูดกล่อมท่านอาให้เจ้าเอง ไม่ให้นางบีบเจ้าเรียนสิ่งที่เจ้าไม่อยากเรียนเหล่านั้นอีก เป็นอย่างไร?"

"พวกเราเป็นพี่น้องกันนะ!" เว่ยฉางอิ๋งรีบดึงมือนางเอาไว้ แล้วกล่าวอย่างสนิทสนมว่า "ข้าไม่ช่วยใครก็ได้ แต่ไม่มีทางไม่ช่วยท่านพี่หรอก!"

น้องสาวที่พลิกหน้าเร็วราวกับพลิกหน้าหนังสือ ซ่งไจ้สุ่ยถลึงตาใส่นาง "เชื่อพวกเจ้าสองพี่น้องก็แปลกแล้ว!"

เว่ยฉางอิ๋งไม่สนใจพลางยิ้มแล้วกล่าวว่า "ท่านย่ารักข้าที่สุด ท่านพี่วางใจได้ อีกสักครู่ข้าจะไปพูดกับท่านย่า ให้ท่านอยู่ต่ออีกหลายวันหน่อย ให้ท่านอยู่เป็นเพื่อนข้า"

"เกรงว่าเจ้าคงต้องเปลี่ยนคำพูดที่เป็นประโยชน์กว่านี้" ซ่งไจ้สุ่ยสีหน้าเคร่งขรึม นางถอนหายใจแล้วมองไปยังแม่นมเฮ่อ และพวกลวี่ฝางพลางกล่าวเสียงต่ำว่า "ท่านพ่อข้าเขียนจดหมายมาบอกว่าทางฝั่งชินเทียนเจี้ยน[1]ได้ปรึกษาวันมงคลสำหรับงานสมรสแล้ว..."

เพราะซ่งไจ้สุ่ยมีฐานะเป็นว่าที่พระชายาองค์รัชทายาท พวกแม่นมเฮ่อจึงไม่กล้าปากมากต่อหน้านาง จนถึงตอนนี้จึงได้รวมความกล้าขึ้นแล้วกล่าวว่า "นี่ถือเป็นเรื่องดีนี่ ข้าน้อยขอแสดงความยินดีกับคุณหนูด้วย!" จากที่พวกนางได้ยินข่าวลือมา ฮองเฮาในตอนนั้นได้แต่งตั้งซ่งไจ้สุ่ยให้เป็นชายารัชทายาทหลังงานพิธีปักปิ่น แต่ว่าซ่งไจ้สุ่ยผ่านพิธีปักปิ่นมาแล้วสามปี อย่าว่าแต่จะเข้าไปในวังตะวันออกเลย กระทั่งวันนี้นางยังคงบากหน้าอยู่ที่ตระกูลเว่ยอยู่เลย...เหล่าข้ารับใช้ต่างก็กล่าวซุบซิบกันว่าสัญญานี้เปลี่ยนไปแล้วหรือไม่ ตอนนี้เมื่อได้ยินข่าวนี้เข้า จึงต่างก็รีบกล่าวแสดงความยินดีกันใหญ่

ซ่งไจ้สุ่ยมองไปที่แม่นมเฮ่อเหมือนอยากกล่าวอะไรแต่ก็อดทนไว้ และได้แต่กล่าวไปเสียงเรียบว่า "ขอบคุณท่านอาเฮ่อ"

แล้วหันกลับไปกล่าวกับเว่ยฉางอิ๋งว่า "ต้องพึ่งเจ้าแล้ว"

เว่ยฉางอิ๋งรีบกลืนองุ่นลงไปแล้วกล่าวอย่างประหลาดใจว่า "อะไรนะ? แล้วท่านพี่ยังไม่รีบกลับไปที่เมืองหลวงอีกหรือ?"

ซ่งไจ้สุ่ยถลึงตาใส่นางแล้วกล่าวว่า "เจ้าจะสนใจมากขนาดนั้นทำไมกัน! จะช่วยข้าหรือไม่?"

"นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ว่าข้าจะช่วยหรือไม่ช่วยท่านพี่แล้ว" เว่ยฉางอิ๋งกล่าวอย่างประหลาดใจว่า "ข้าจะช่วยอย่างไร? ทำให้งานสมรสของรัชทายาทล่าช้า นี่มันเรื่องใหญ่ชนาดไหนกัน?"

ซ่งไจ้สุ่ยโมโหจนกระทืบเท้าแล้วกล่าวว่า "พวกเจ้าออกไปก่อน!"

พวกแม่นมเฮ่อมองไปที่เว่ยฉางอิ๋ง เมื่อเห็นเว่ยฉางอิ๋งพยักหน้า จึงวางของในมือแล้วถอยออกไปจากห้อง เมื่อเห็นคนสุดท้ายปิดประตูแล้ว ซ่งไจ้สุ่ยก็จัดการเหยียบความงดงามมีคุณธรรมไว้ใต้ฝ่าเท้าทันที นางม้วนแขนเสื้อแล้วยื่นมือไปบีบคอเว่ยฉางอิ๋งไว้ พร้อมกัดฟันกล่าวอย่างแค้นใจว่า "เจ้าคนไร้น้ำใจ! เจ้ามีว่าที่คู่หมั้นที่ดี ก็ไม่ยอมคิดเผื่อคนอื่นบ้างรึ? รัชทายาท...ตอนนี้เขายังไม่ได้แต่งงาน ยังไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงในวังตะวันออก แค่โอรสธิดาก็มีตั้งห้าคนแล้ว ให้ข้าไปบวชชีทั้งชีวิต ก็ไม่มีทางยอมแต่งงานกับคนพรรค์นั้นหรอก!"

ซ่งไจ้สุ่ยคือหญิงสาวตระกูลสูงธรรมดา ไม่ได้ฝึกฝนการต่อสู้ตั้งแต่เล็กเหมือนอย่างเว่ยฉางอิ๋ง นางไม่ได้ใช้แรงทั้งหมด สำหรับเว่ยฉางอิ๋งแล้วบีบนางอย่างนี้ไม่นับเป็นอะไรได้ จึงปล่อยให้นางระบายอารมณ์ไป พลางกล่าวอย่างยอมแพ้ว่า "ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยท่านพี่ แต่ว่าท่านพี่เองก็รู้ว่า หากทางฝั่งชินเทียนเจี้ยนนั้นกำหนดวันลงมาแล้ว ท่านย่าจะรักข้าขนาดไหนก็ไม่มีทางตอบตกลงให้ท่านพี่อยู่ที่เฟิงโจวต่อไปแน่! ท่านย่าข้าเองก็คือท่านย่าอีกคนของท่านพี่ หากว่าช่วยท่านพี่ได้จะไม่ช่วยหรือ?"

คำพูดนี้ทำให้ใจของซ่งไจ้สุ่ยปวดขึ้นมา นางพลันปล่อยเว่ยฉางอิ๋งลงแล้วกล่าวเสียงสะอื้นว่า "ทำไมข้าถึงมีชีวิตน่าสงสารอย่างนี้?"

"แล้วชีวิตข้าจะดีกว่าท่านพี่เท่าไหร่กัน?" เว่ยฉางอิ๋งถอนหายใจแล้วกล่าวว่า "ตอนนั้นท่านปู่ใช้ป้ายหยกคู่หนึ่งก็จับข้าหมั้นกับเสิ่นจั้งเฟิงแล้ว กระทั่งตอนนี้ยังไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย ตระกูลเสิ่นคือตระกูลฝ่ายบู๊ ตระกูลเว่ยของพวกเรากลับเป็นตระกูลฝ่ายบุ๋นมาหลายอายุคน แค่ดูก็ไม่เหมาะสมกันอย่างมากแล้ว! ปีหน้าข้าจะต้องออกเรือน ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องใช้ชีวิตอย่างไร..."

............................................

[1] ชินเทียนเจี้ยน : รับผิดชอบงานเฝ้าสังเกตดวงดาวเพื่อคำนวณและประกาศใช้ปฏิทินหลวง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา