ยอดสตรีฉางอิ๋ง

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17.20 น.

  35 ตอน
  0 วิจารณ์
  28.45K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

26) โฉมหน้าที่แท้จริงของท่านย่า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เช้าวันต่อมา ซ่งไจ้สุ่ยก็มาเร่งถามเรื่องกลับเมืองหลวงว่าไปถึงไหนแล้ว เว่ยฉางอิ๋งถูกนางเขย่าจนตื่น นางนิ่งงันไปครู่หนึ่งถึงตั้งสติได้แล้วกล่าวอย่างโมโหว่า "เมื่อคืนนี้ท่านปู่บอกแล้วว่าอย่าไปรบกวน ข้าจึงไม่ได้ไปหาท่านปู่ท่านย่า แล้วจะไปคุยอะไรกับท่านย่าได้กัน?"
เห็นซ่งไจ้สุ่ยผิดหวัง เว่ยฉางอิ๋งก็หาวออกมาอย่างเกียจคร้านแล้วกล่าวว่า "แต่เมื่อคืนตอนทานมื้อค่ำข้ากล่าวกับท่านแม่แล้ว ท่านแม่กล่าวว่าจะเขียนจดหมายไปปรึกษากับท่านลุงดูเรื่องการถอนการแต่งงาน"
ได้ยินว่า ‘ถอนการแต่งงาน’ เข้า ซ่งไจ้สุ่ยก็ตาเป็นประกายแล้วโถมตัวเข้ามากอดนางอย่างดีใจ พลางกล่าวอย่างยินดีว่า "ฉางอิ๋งที่แสนดี! เจ้าช่างเป็นดาวช่วยชีวิตข้าจริงๆ!"
เห็นท่าทางนางอย่างนี้ เว่ยฉางอิ๋งกลับตกใจจนตื่นแล้วรีบกล่าวว่า "แต่ท่านแม่ไม่ได้บอกว่าจะสำเร็จแน่ๆ ข้าไม่กล้ารับรองให้ท่านหรอก"
"อะไรนะ ถ้าอย่างนั้นก็แค่พูดหรอกหรือ?" ซ่งไจ้สุ่ยเปลี่ยนหน้าเร็วกว่าพลิกหน้าหนังสือแล้วกล่าวอย่างโมโหว่า "ข้าก็คิดว่าท่านอามีวิธีอะไรที่แน่นอน! เจ้าก็ไม่ยอมพูดให้ชัดเจน ทำให้ข้าดีใจไปเปล่าๆ!"
เว่ยฉางอิ๋งกล่าว "ไอโยว ดูท่านข้ามสะพานทำลายแม่น้ำเข้า ไม่ว่าอย่างไร ท่านแม่ก็มีศักดิ์ฐานะรุ่นเดียวกับท่านลุง อย่างไรก็น่าจะพอมีหวังบ้างไม่ใช่หรือ?"
ซ่งไจ้สุ่ยยิ้มเย็นแล้วกล่าวว่า "ฐานะรุ่นเดียวกันนับเป็นอะไรได้ ข้าบอกเจ้าให้นะว่า ตั้งแต่ตอนที่อยู่เจียงหนานข้าก็ไปขอร้องท่านย่าของข้ามาแล้ว ท่านย่าของข้าให้คนไปสืบข่าววังตะวันออกว่าไม่ไหว และได้เขียนจดหมายไปหาท่านพ่อแล้วเพื่อลองหยั่งเชิงว่ารัชทายาทไม่เอาไหน ต่อให้ข้าเป็นชายารัชทายาทก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับตระกูลซ่งเลย! แต่ว่าท่านพ่อกลับตอบปฏิเสธมา! ไม่อย่างนั้น ข้ายังจะต้องมาคอยเกาะอยู่ที่เฟิ่งโจวนี่หรือ ข้าไปอยู่ที่เจียงหนานเลยไม่สบายกว่าหรือ! ข้าไม่ได้ว่าท่านย่ากับท่านอาปฏิบัติกับข้าไม่ดี แต่ว่าข้าอยู่ที่นี่ ท่านพ่อเขียนจดหมายมาเร่งครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เป็นการทำให้ท่านย่ากับท่านอาต้องลำบากใจ"
เว่ยฉางอิ๋งได้ยินก็ตกใจไปแล้วกล่าวว่า "ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ได้?" เดิมนางยังคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลซ่งเองก็สนับสนุนให้ซ่งไจ้สุ่ยเป็นชายารัชทายาท ซ่งไจ้สุ่ยถึงได้แต่ต้องมาคอยเกาะอยู่ที่เฟิ่งโจว คิดไม่ถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลซ่งเองก็รักใคร่ใส่ใจหลานสาว กลับเป็นการกระทำของซ่งอวี่วั่งคนเดียว
พูดไปแล้วตอนนี้ตำแหน่งของซ่งอวี่วั่งคือเสนาบดีฝ่ายพิธีการ ขุนนางขั้นหนึ่ง เขาเองก็นับว่าเป็นขุนนางระดับสูง ต่อให้บุตรสาวเป็นฮองเฮา ประโยชน์ที่เขาจะได้รับก็มีจำกัดมาก ตระกูลซ่งแห่งเจียงหนาน ประมุขตระกูลซ่งปัจจุบันก็คือซ่งซินผิงบิดาของซ่งอวี่วั่ง ซ่งซินผิงเจ็บปวดกับการจากไปอย่างรวดเร็วของบุตรหลานเช่นเดียวกับฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง บุตรหลานของเขาทั้งสายตรงและจากอนุภรรยาที่เติบโตจนเป็นผู้ใหญ่ได้มีเพียงหนึ่งชายสามหญิงเท่านั้น
ในฐานะที่เป็นบุตรชายคนเดียวและยังเป็นบุตรจากภรรยาเอกของซ่งซินผิง ตำแหน่งเสาค้ำยันประเทศของซ่งซินผิง บรรดาศักดิ์สืบทอดตระกูลอย่างตำแหน่งตวนฮุ่ยกง รวมไปถึงประมุขตระกูล ภายหลังทั้งหมดต่างก็เป็นของซ่งอวี่วั่งทั้งนั้น ในสถานการณ์อย่างนี้ ซ่งอวี่วั่งไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องส่งบุตรสาวเข้าไปในวังเลย
อย่างไรอีกห้าตระกูลที่เหลือก็ไม่ได้ไร้อำนาจอย่างนั้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่แผ่นดินกำลังวุ่นวายอย่างนี้ ฐานะของตระกูลเสิ่น ตระกูลหลิวและตระกูลซูที่กุมอำนาจทหารจะสูงหน่อย ตระกูลตวนมู่ ตระกูลเว่ยต่างก็พยายามให้มีการแต่งงานของสองตระกูลนี้มากขึ้น ซ่งอวี่วั่งมีซ่งไจ้สุ่ยเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว ไม่ว่าอย่างไรก็ควรจะแต่งงานไปกับสามตระกูลนี้ ไม่ใช่ว่าส่งนางเข้าวังไปดูดีแต่ภายนอกที่หากฮองเฮาเสียความโปรดปรานไปเมื่อไหร่ ก็จะต้องกลายเป็นชายารัชทายาทที่ชื่อเสียงสิ้นไปด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ซ่งอวี่วั่งกับนางเว่ยภรรยาคนแรกอย่างก็รักใคร่กันมาก บุตรชายทั้งสองและบุตรสาวอีกหนึ่งต่างก็มาจากภรรยาเอกทั้งนั้น ซ่งไจ้สุ่ยอายุน้อยที่สุด ไม่ว่าจะมองอย่างไร ซ่งอวี่วั่งก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะผลักบุตรสาวไปบนกองเพลิง
เว่ยฉางอิ๋งไม่เข้าใจ ซ่งไจ้สุ่ยยิ่งไม่เข้าใจ ในความทรงจำของนาง ท่านพ่อซ่งอวี่วั่งเป็นบัณฑิตที่งามสง่าอบอุ่น และใจเย็นกับบุตรชายบุตรสาวมาก โดยเฉพาะบุตรสาวของตนคนนี้ เขาเอาใจรักใคร่มาตลอด แต่มีเพียงเรื่องการแต่งงานเข้าวังตะวันออกเท่านั้น ที่ซ่งอวี่วั่งยืนกรานหนักแน่น กระทั่งซ่งไจ้สุ่ยร้อนรนมาก จนเขียนจดหมายขู่จะฆ่าตัวตายก็ยังไม่สามารถทำให้ซ่งอวี่วั่งเปลี่ยนใจได้เลย
คิดไปคิดมาก็คงมีแต่เรื่องที่ซ่งอวี่วั่งให้ความสำคัญกับคำมั่นสัญญาเท่านั้นแล้ว
หากว่าเป็นเรื่องอื่น ซ่งไจ้สุ่ยก็ไม่ใช่คนที่จะไม่ทำตามสัญญา แต่ว่ากลับเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตอย่างนี้ ตัวนางก็ไม่ใช่คนที่ชอบยศศักดิ์ความร่ำรวย แล้วจะให้นางยอมต่อชะตาอย่างนี้ได้หรือ
เว่ยฉางอิ๋งถูกจับหมั้นกับคู่หมั้นอย่างเสิ่นจั้งเฟิงตั้งแต่ยังเล็ก เสิ่นจั้งเฟิงยังเป็นชายหนุ่มอายุน้อยในรุ่นนี้ที่ยอดเยี่ยมโดดเด่นที่สุดและได้รับความสำคัญของเหล่าบุตรหลานในเมืองหลวงอีก! เว่ยฉางอิ๋งยังกังวลว่าตนเองที่เกิดในตระกูลบัณฑิตที่รุ่งเรืองอย่างตระกูลเว่ย เมื่อต้องแต่งไปกับเสิ่นจั้งเฟิงที่เกิดในตระกูลบู๊แล้วจะไปกันไม่ได้และยังถูกรังแกได้ง่ายๆ ถึงขนาดสงบใจไม่ได้และต้องไปตั้งใจร่ำเรียนวิชายุทธ์
เทียบกับซ่งไจ้สุ่ยที่คิดอะไรรอบคอบกว่า เว่ยฉางอิ๋งถือว่าเป็นคนไม่ละเอียดมากแล้ว เพื่อปูทางให้กับชีวิตหลังแต่งงานของตน นางยังพยายามถึงขนาดนี้ แล้วซ่งไจ้สุ่ยที่ต้องเจอกับคนมั่วเมาในสุรานารีเป็นนิสัย ทั้งยังอาจจะมีอันตรายในชีวิตได้ทุกเมื่อจะยอมทิ้งโอกาสช่วยชีวิตตนเองได้หรือ
ซ่งไจ้สุ่ยมีสีหน้าเคร่งขรึมแล้วกล่าวว่า "หากว่าไม่ได้จริงๆ ข้าคงมีแต่ต้องทำลายโฉมอย่างเดียวแล้ว! ข้ายอมถูกคนหัวเราะว่าอัปลักษณ์ดีกว่าที่จะต้อง..."
"ท่านพี่อย่ารีบร้อน!" เห็นนางยิ่งคิดยิ่งคิดไม่ตก เว่ยฉางอิ๋งก็รีบปลอบใจว่า "หรือให้ข้าไปพูดกับท่านย่าดู...ดูว่าท่านย่ามีวิธีอะไรไหม?"
ซ่งไจ้สุ่ยถอนหายใจแล้วกล่าวว่า "ก็ได้"
พูดว่าไปให้ท่านย่าชี้แนะ จริงๆ แล้วความหวังก็มีไม่มากนัก ซ่งไจ้สุ่ยอยู่ที่ตระกูลเว่ยมานานขนาดนี้ เพื่ออะไร นางคุยกับเว่ยฉางอิ๋งแล้วหลายครั้ง แม้ว่าทุกครั้งจะหลบหลีกผู้คน แต่ว่าคนฉลาดอย่างฮูหยินซ่งและฮูหยินผู้เฒ่าซ่งจะไม่รู้หรือ
แม้ว่าจะไม่ได้ไล่นางตรงๆ แต่ว่าหลายครั้งการที่ได้รับจดหมายจากซ่งอวี่วั่งหลายครั้งก็หมายจะเตือนซ่งไจ้สุ่ยว่าควรจะฟังคำของบิดาได้แล้ว เห็นได้ว่าท่านอากับท่านย่าของนางนั้น หากไม่ใช่ว่าไม่สามารถช่วยได้ ก็ต้องเพราะไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลซ่งมากเกินไปนัก แม้ว่าพวกนางต่างก็แซ่ซ่ง แต่ว่าทุกวันนี้แต่งเข้ามาในตระกูลเว่ยแล้ว ต้องคอยกังวลในบุตรชายบุตรสาวของตน แล้วจะจัดการนางเสมือนเป็นบุตรสาวตนได้หรือ ยิ่งไปกว่านั้น ท่านพ่อซ่งอวี่วั่งก็ยืนกรานมาก กระทั่งท่านย่าแท้ๆ ยังขัดไม่ได้...
ดังนั้นเว่ยฉางอิ๋งไปพูด คิดว่าพวกนางก็น่าจะแค่รับไปอย่างนั้นมากกว่า
ในใจของซ่งไจ้สุ่ยคิดว่า ‘หากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วท่านพ่อจะต้องส่งจดหมายให้ตระกูลเว่ยโดยตรงแน่ ถึงตอนนั้นหากว่าพวกเขาใช้กำลังขึ้นมา นับจากนี้ไป...ทางฝั่งตระกูลเว่ยเองก็ไม่สามารถยุ่งเรื่องของตระกูลซ่งได้ สุดท้ายก็เก็บปิ่นที่มีปลายแหลมคมเข้าไปในแขนเสื้อ ข้าคือหญิงสาวที่กำเนิดในตระกูลซ่งจากภรรยาเอก แค่รูปโฉมถูกทำลาย แต่อาศัยฐานะและการแต่งงาน แต่งไปกับชายในตระกูลสาขาอื่นที่ห่างไกลก็ไม่เป็นปัญหา ไม่ว่าอย่างไรก็ดีกว่าต้องแต่งงานกับคนแบบนั้นของวังตะวันออก!’
ระหว่างที่นางแอบลอบสาบาน เว่ยฉางอิ๋งก็ไปที่เรือน เพิ่งจะเข้าไปก็รู้สึกได้ว่ารอบด้านมีบ่าวไพร่น้อยลงไปมาก ผู้ที่อยู่ส่วนใหญ่ต่างก็เป็นคนที่ไว้ใจได้ของฮูหยินผู้เฒ่าซ่งทั้งนั้น
เฉินหรูผิงถึงกับไปยกเอาโต๊ะตัวเล็กมาขวางไว้หน้าประตูด้วยตนเอง เมื่อเห็นเว่ยฉางอิ๋งมานางก็รีบลุกขึ้นทันที "คุณหนูใหญ่มาได้อย่างไร บังเอิญนัก ตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าล้าแล้ว สั่งการว่าห้ามรบกวน!"
เว่ยฉางอิ๋งยังไม่ทันกล่าวอะไร ก็พลันได้ยินเสียงโมโหของฮูหยินผู้เฒ่าซ่งดังมาจากด้านใน แม้ว่าจะมีบานประตูกั้นแต่ก็ยังได้ยินชัดเจน "บุตรชายบุตรสาวของเว่ยเซิ่งอี้ท่านดูแลรักใคร่ แล้วเลือดเนื้อเชื้อไขของเจิ้งหงไม่ใช่คนหรือ?!"
...เว่ยฉางอิ๋งสบตากับเฉินหรูผิง ใบหน้าต่างก็มีท่าทีเก้อกระดาก ลวี่ฝางกับลวี่ปิ้นที่ติดตามเว่ยฉางอิ๋งมารีบมองฟ้ามองดินทันที เหลือเพียงแค่ไม่ได้อุดหูเท่านั้นเอง
ผู้ที่ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งไล่คนไม่เกี่ยวไปแล้วปิดประตูทะเลาะได้อย่างนี้ นอกจากเว่ยฮ่วนแล้ว ในรุ่ยอวี่ถังก็ไม่มีใครอีกแล้ว
เว่ยฉางอิ๋งคิดไม่ถึงว่าตนเองกลับมาเจอท่านปู่ท่านย่าของตนทะเลาะกันอย่างนี้ นางกำลังคิดจะจากไป คิดไม่ถึงว่ากลับได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าซ่งกล่าวเสียงสูงต่อว่า "ข้าเองก็ไม่พูดอะไรกับท่านให้มากความ ในราชสำนักรุ่ยอวี่ถังจะไร้คนไม่ได้ ดี เว่ยเซิ่งอี้อยู่เป็นขุนนางในราชสำนักต่อได้ แต่ว่าฉางอวิ๋น ฉางซุ่นจะต้องกลับมา!
ข้าจะทำอะไรหรือ?! เจ้าสารเลวนั่นออกไปจากสายตาแค่ครู่เดียวกลับอาลัยอาวรณ์ ลำบากใจ! ข้าอยากจะเห็นเสียหน่อยว่านอกจากเขาจะมีหน้าตาใจดำอำมหิตที่คิดแต่จะลอบทำร้ายพี่ชายในอนุภรรยาแล้วยังจะมีนิสัยความเป็นคนอยู่บ้างไหม เขาจะไม่เห็นบุตรชายในภรรยาเอกทั้งสองเป็นคนได้หรือ!" ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งชะงักไป ระหว่างนั้นเหมือนว่าเว่ยฮ่วนจะกล่าวอะไรออกมา ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวต่อว่า
"ข้าไม่พูดมากกับท่านแล้ว! สรุปคือ หากว่าฉางอิ๋งกับฉางเฟิงอยู่ดี เจ้าสองคนนั้นก็จะยังอยู่ดี หากว่าเขากล้าทำอะไรอีก เจ้าสองคนนี้ก็อย่าคิดว่าจะได้อยู่ดีเลย! คิดว่าตอนนี้เขาทั้งครอบครัวอยู่ห่างไกลถึงเมืองหลวงแล้วจะปีกกล้าขาแข็งแล้วจริงๆ หรือ ข้าจะทำอะไรพวกเขาไม่ได้หรือ ตอนนี้ข้ายังไม่ตาย! เขายังกล้ามารังแกบ้านใหญ่อย่างนี้ ร่างกายอย่างเจิ้งหง หากว่าข้าตายไปเสียวันนี้ พรุ่งนี้คงได้ถูกเจ้าคนอำมหิตนั่นส่งไปหาข้าที่ยมโลกแน่?! ใช่ พวกเขาต่างก็เป็นบุตรชายท่าน และเรียกข้าว่าท่านแม่ แต่ว่าผู้ที่ข้าอุ้มท้องและคลอดออกมามีเพียงเจิ้งหงคนเดียว! ตอนนั้นลูกข้าเสียไปหลายคนติดกัน เพื่อให้ท่านมีคนสืบสกุล ข้าถึงได้ทนทรมานยอมให้ท่านรับอนุภรรยา ผลคือตอนนี้ท่านกลับปฏิบัติกับบุตรชายเพียงคนเดียวของข้าอย่างนี้หรือ?! ท่านยังมีหัวใจไหม?! ใครกันแน่ที่เป็นบุตรภรรยาเอก!? หากว่านางลู่นั่นยังมีชีวิตถึงตอนนี้ ท่านคงเรียกให้นางขึ้นมาบนหัวข้าแล้วสินะ?!”
"เจ้าเฒ่านี่หุบปากไปเสีย!"
ในห้องมีเสียงเครื่องเคลือบแตกดังขึ้นมา ฟังเสียงดูแล้วไม่เหมือนกับของแตกเพียงชิ้นเดียว เห็นได้ชัดว่าฮูหยินผู้เฒ่าซ่งโมโหมาก
"ตอนที่ฉางอิ๋งยังไม่เกิดมา ข้าก็มองออกแล้วว่าเขามันใจดำอำมหิต! คิดอยากจะยกเอาบุตรชายมาให้อยู่ภายใต้ชื่อของเจิ้งหง เขาทำเพื่ออะไร ยังไม่ใช่เพราะหวังว่าเจิ้งหงจะไม่มีบุตรหรือ แล้วยึดเอาประโยชน์ของรุ่ยอวี่ถังทั้งหมดไป! สุดท้ายสวรรค์ก็เห็นใจ ถึงได้ให้บ้านใหญ่ไม่ถึงกับไร้คนจุดธูปไหว้ ฉางอิ๋งกับฉางเฟิงจะไม่ถูกเขามองว่าเป็นเข็มที่แทงตาหรือ ฉางอิ๋งคือเด็กผู้หญิง ตามหลักแล้วก็ขวางอะไรนางไม่ได้ ตอนนี้ยังคิดจะใช้เรื่องงานแต่งมางัดกับฉางอิ๋ง! ยิ่งไม่ต้องพูดไปถึงฉางเฟิงเลย!" ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งกรีดร้องแล้วกล่าว "ท่านหุบปากไปเสีย! เจ้าเฒ่าอย่างท่านมันน่าถูกมีดฟันเสีย! นับจากวันนี้ไป ทุกอย่างที่ไม่ดีเกี่ยวกับฉางอิ๋งฉางเฟิง ข้าจะถือว่าเป็นเพราะบ้านสอง! หากว่าท่านยังกล้าพูดให้บ้านสองอีก ข้าเอาเรื่องท่านแน่!"
หลังจากเสียงกรีดร้องสุดท้ายของฮูหยินผู้เฒ่าซ่งแล่ว ในห้องก็มีเสียงดังสนั่นขึ้นมา ราวกับเป็นเสียงของหนักๆ ถูกผลักลงไป
เว่ยฉางอิ๋งลอบปาดเหงื่อแล้วถามเฉินหรูผิงเสียงเบา "แม่นม ท่านย่า..." นางรู้ว่าท่านย่าของตนมีนิสัยแข็งแกร่ง แต่จะอย่างไรเว่ยฮ่วนก็เป็นถึงผู้นำตระกูล แล้วจะยอมให้ภรรยาลงไม้ลงมือด่าทอต่อว่าอย่างนี้โดยไม่ตอบโต้หรือ
ฟังเสียงดูแล้ว คงไม่ใช่ว่าเว่ยฮ่วนทนไม่ได้แล้วลงไม้ลงมือกับฮูหยินผู้เฒ่าซ่งหรอกนะ
ก่อนหน้านี้เฉินหรูผิงคิดจะให้เว่ยฉางอิ๋งไป แต่เกรงว่าหากเว่ยฮ่วนและฮูหยินผู้เฒ่าซ่งภายในห้องได้ยินเข้าจะทำตัวไม่ถูก ตอนนี้จึงรีบเอานิ้ววางไปที่ริมฝีปากบอกให้นางเงียบเสียง หันกลับไปมองยังบานประตูที่ปิดสนิทลอบฟังเสียงอยู่ครู่หนึ่งถึงได้ลากเว่ยฉางอิ๋งไปยังหลังต้นไม้ด้านข้างแล้วกล่าวเสียงเบาว่า "คุณหนูคนดี ท่านรีบไปเร็ว เรื่องวันนี้ท่านอย่าพูดกับใครไป เพื่อไม่ให้ผู้นำตระกูลทำตัวไม่ถูก...ถือเสียว่าท่านไม่ได้มา!"
เว่ยฉางอิ๋งอดไม่ได้แล้วกล่าว "เมื่อครู่นี้เสียงดังมาก แล้วเสียงของท่านย่าก็หายไปแล้ว...เกรงว่าท่านย่า...คงไม่ดี?"
"...ไม่มีทาง" เฉินหรูผิงเหมือนอยากกล่าวอะไรแต่ก็อดทนไว้ พลางกล่าวด้วยสีหน้าประหลาดว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เป็นอะไร กลับเป็นท่านผู้นำ...อืม ท่านผู้นำเองก็ไม่เป็นอะไร คุณหนูใหญ่ท่านไปเถอะ หากว่าอีกสักครู่ฮูหยินเรียกหาคน แล้วรู้ว่าคุณหนูใหญ่อยู่นอก คุณหนูใหญ่ว่า...จะเป็นการทำให้ทั้งสองทำตัวไม่ถูกไหม?"
เว่ยฉางอิ๋งมองไปที่นางอย่างสงสัยแล้วคิดพลางกล่าวว่า "ก็ได้ ข้าไปก่อนแล้วกัน"
เพียงแต่นางเพิ่งจะก้าวเท้าออกไป ก็รีบสั่งการให้ลวี่ฝางและลวี่ปิ้นกลับไปทันที ส่วนตัวนางยังคงอยู่ตามลำพัง เว่ยฉางอิ๋งหันหลังแล้วมองซ้ายขวา เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครก็ยกมุมปากขึ้น นางถลกกระโปรง กำแพงเรือนสูงสองจั้ง ไม่ต้องใช้การวิ่งเข้าช่วย นางกระโดดเบาๆ เหยียบไปบนกำแพงแล้วก้าวไปหลายก้าว แขนนางแตะถึงด้านบนกำแพงพอดี นางออกแรงแล้วพลิกตัวขึ้นไป!
........................................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา