Hakon เลือกหนีไปเสียจากความจริง
เขียนโดย CHACHAHAL
วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 14.16 น.
แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 14.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) บทที่ 3 ความทรงจำคือชีวิต
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“แย่แล้วล่ะพี่ ผมเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก กลับไปหาเฮีย เฮียก็เก็บตัวเงียบไม่ยอมมาพบผม พี่ดันมาความจำเสื่อม แล้วพี่เพิร์ทก็ดันติดต่อไม่ได้”
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอัลเทย์เกี่ยวข้องกับพอลแน่นอน!!!”
“เอาจริง ผมก็ไม่รู้อะไรมากนักนะ ผมจะติดต่อพี่เพิร์ทให้ได้ ในระหว่างนี้ ผมจะหาวิธีให้พี่กลับมาจำให้ได้ทั้งหมด!!”
เสียงของซีโน่ยังคงวนเวียนเสมอ ย้ำๆ ทุกวินาที ตลอดที่นั่งเรียนแทบจะไม่มีสมาธิจดจ่อกับบทเรียนเลยสักนิด เฮ้ออออ หาวิธีให้กลับมาจำได้อย่างงั้นหรอ คิดว่าฉันไม่รู้วิธีนั้นหรือยังไงกัน
สามปีก่อน ณ โรงพยาบาล
“แล้ว ... ต้องทำยังไง ให้ความทรงจำกลับมาคะ”
หลังจากที่ฉันพักฟื้นร่างกาย บาดแผลที่ได้จากการที่สมองโดนกระแทรกด้วยของแข็ง ตอนนี้ ได้หายเกือบสนิทแล้ว แต่บาดแผลที่ค่อยๆเลือนหายไป ไม่ได้ทำให้สภาพจิตใจของฉันให้ดีขึ้น ไม่มีอะไรมาเยียวยาจิตใจที่บอบซ้ำได้เลย เขาว่ากันว่า ‘ความทรงจำคือชีวิต แม้คนที่ตายไปแล้ว จะกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้ ก็ต่อเมื่ออยู่ในความทรงจำของใครสักคนหนึ่ง’ แต่บัดนี้ ความทรงจำของฉันไม่หลงเหลืออะไรอยู่เลย ฉันจดจำใครไม่ได้ และไม่เหลือใครแม้แต่คนเดียวที่จะจำจดฉัน ฉันตัวคนเดียว และนั้นก็เหมือนฉันได้ตายไปแล้ว
แต่ฉันยังไม่อยากตายไปทั้งๆที่ไม่มีเรื่องราวใดๆติดไปกับฉันในโลกหลังความตาย....
และนั้นคือคำถามที่ฉันถามคุณหมอ
“มีครับ”
คำตอบของคุณหมอเป็นแสงไฟจากเทียนเล่มหนึ่ง แสงที่สามารถส่องทางในความมืดให้ฉันได้มองทางข้างหน้า แม้มันจะมองไม่ชัดนัก แต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อมีลมที่แรงพอจะดับแสงไฟจากเทียน
“เขาเรียกมันว่า *จุดปฏิกิริยา”
“จุดปฏิกิริยา หรอคะ?”
“ครับ สมองจะจดจำเรื่องราวไว้ ถ้าหากสมองได้รับการกระทบเทือน บวกกับเมื่อเจอเหตุการณ์ที่จิตใจย้ำแย่ สมองอาจสั่งการระงับการแสดงผลครับ เพื่อรักษาสภาพจิตใจนั้น หรืออาจจะเรียกอีกอย่างว่า การจำศีล ...” (*ไม่มีจริงนะคะ)
“….”
ฉันเงียบตั้งใจฟังคุณหมอ คุณหมอเห็นว่าฉันไม่โต้ตอบอะไรจึงพูดต่อ
“ถึงได้เรียกมันว่า จุดปฏิกิริยาครับ จุดปฏิกิริยาคืออะไรก็ได้ครับที่สำคัญสำหรับผู้ป่วย อย่างเช่น สิ่งของ สถานที่ ผู้คน คำพูด หรือความรู้สึกครับ”
“ที่สำคัญสำหรับฉันหรอคะ”
“ใช่ครับ เมื่อผู้ป่วยเจอกับจุดปฏิกิริยาของตัวเอง จุดปฏิกิริยานั้นจะดึงตัวตนที่อยู่ก้นบึ้งในจิตใจให้ตื่นขึ้นมาครับ”
“แสดงว่าฉันต้องหาให้เจอใช่ไหมคะ จุดปฏิกิริยาที่สำคัญสำหรับฉัน”
“ครับ” คุณหมอยิ้ม
คุณหมอยิ้มให้กับฉันเหมือนเป็นการบอกว่า ฉันจะหาจุดปฏิกิริยานั้นเจอได้แน่นอน
ได้แน่นอน
ได้แน่นอน
นี้มันผ่านไปสามปีแล้วค๊าคุณหมอ ไม่มีวี่แววอะไรเลย ฉันทั้งหาสิ่งของ สถานที่ต่างๆในเมือง ผู้คน คำพูดหรอ ก็อย่างที่เห็น พูดปกติอยู่ทุกวัน แทบจะทุกคำอยู่แล้ว ก็ยังไม่เจอจุดปฏิกิริยาของตัวเองเลยสักนิด หรือว่า ... ความรู้สึกกันนะ ความรู้สึกแบบไหนกันล่ะ
อ่าาาา มัวแต่คิดวนเวียนอยู่นั้น เลิกเรียนแล้วหรอเนี้ย
“เจอกันคืนนี้ สองทุ่มที่ผับ G นะทุกคน” เพื่อนผู้หญิงที่ชวนเราตั้งแต่ตอนที่แล้วเน้นย้ำถึงการนัดหมายของเราอีกครั้ง
“ได้ เจอกัน” อิมตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
“ฮอลลี่ เราจะไปพร้อมกันเลยไหม ให้ฉันไปรับที่คอนโดเปล่า” ฉันไม่มีรถ ใช้ชีวิตกับการเดินและรถโดยสาร
“เอาสิ มารับฉันด้วยนะ”
“ได้เลย เจอกันหนึ่งทุ่มหน้าคอนโดนะ เผื่อเวลาขับไปร้านด้วย”
“โอเค้”
ฉันแยกย้ายกับอิมที่หน้าตึกของคณะ แล้วนั่งวินออกมาหน้ามหาลัยเพื่อต่อรถโดยสารประจำทางที่จะผ่านคอนโดของตัวเอง ฉันชอบนั่งรถโดยสารมากเลยล่ะ ได้เจอผู้คนมากมาย ได้มองวิวนอกหน้าต่าง ตึกต่างๆที่ผ่านไปเหมือนกับว่าฉันได้ชมเรื่องราวของใครหลายๆคนเมื่อรถเคลื่อนผ่าน
เรื่องราวที่ฉันไม่อาจมี...
ติ้ง
เสียงข้อความจากโทรศัพท์ ฉันหยิบมันขึ้นมาดู พบว่าเป็นข้อความจากซีโน่
ซีโน่ : ผมยังติดต่อพี่เพิร์ทไม่ได้เลย
ซีโน่ : เขาหายไป
ซีโน่ : หายไป แบบไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย
ซีโน่ : พี่อยู่ไหน
ซีโน่ : ผมอยู่หน้าคอนโดพี่
ฉันเจอซีโน่ที่หน้าคอนโด ฉันพาเขามานั่งคุยกันในห้องรับแขกของคอนโด เขาเปิดประเด็นการคืนความทรงจำให้กับฉัน และแน่นอน เขาพูดเหมือนคุณหมอเปี๊ยบเลย
“อ่าว รู้ละหรอ”
“อืม แต่ก็ยังไม่เจอหรอกนะ จุดปฏิกิริยาหน่ะ”
“…”
“นาย บอกฉันเลยไม่ได้หรอซีโน่”
“ถ้าเกิดว่า รู้ด้วยตัวเอง จะไม่ดีกว่าหรอครับ”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น”
“พี่ ฟังนะ” ฉันเงียบ ตั้งใจฟัง
“เรื่องของพี่ เรื่องราวทั้งหมด ผมไม่รู้”
“อ่าว ... ”
“แต่ผมรู้เรื่องของพี่ หลังจากที่เราเจอกัน ผมเป็นรุ่นน้องของพี่ และเรื่องราวต่อจากนั้น...”
“…”
“ถ้าผมบอกพี่ตรงนี้ ตอนนี้เลย พี่พร้อมรับมือได้จริงๆหรือเปล่า ผมคิดว่า พี่ไม่ควรรู้จากปากของใคร พี่ควรรู้จากจิตใจของพี่เอง”
“…”
“เพราะเรื่องราวต่อนั้น มันไม่มีอะไรดีเลย”
“…”
“นั้นคือเหตุผลที่ผมอยากให้พี่รู้ด้วยตัวเอง ผมกลับไปคิดทบทวนดูแล้ว ลังเลอยู่หลายตลบ คิดว่าที่พี่ความทรงจำหายไปแบบนี้ บางทีมันคงดีกับตัวพี่เอง”
“ถ้ามันเป็นเรื่องราวที่แย่ขนาดนั้น ถ้าเกิดว่าความทรงจำของฉันหายไปเป็นผลดีกับตัวฉันเอง ทำไมวันนี้ยังมาหาอยู่อีก”
“นั้นแหละ สมองผมก็ดันคิดอีกว่า การที่พี่จำอะไรไม่ได้ จะทำให้พี่เจ็บปวดอีกแบบหรือเปล่า แบบไหนทรมานมากกว่ากัน ระหว่างจำได้ หรือจำไม่ได้ แต่ลึกๆผมอยากให้พี่จำได้ ผมคิดถึงเรื่องราวตอนที่เราอยู่ด้วยกัน แล้วผมก็รู้ดี ผมรู้จักพี่ดี ต่อให้พี่เจอเรื่องแย่ๆ ต่อให้ความจำหายไปจากสมองพี่ หรือต่อให้พี่ต้องกลับมาจำเรื่องแย่ๆอีก พี่จะยินดีกลับความจำทรงนั้น มากกว่าเสียใจ”
“มั่นใจได้ยังไง”
“มีใครบางคนที่สำคัญสำหรับพี่ และพี่สำคัญสำหรับเขามาก ผมคิดว่า พี่ไม่มีทางอยากลืมเขาคนนั้น ถึงแม้จะทำให้เจ็บปวดก็ตาม แต่ที่เขาหายไป ไม่มาหาพี่ เขาแค่ไม่อยากให้พี่มาเจอเรื่องพวกนั้นอีก”
“...”
“ติดต่อก็ไม่ได้ ไม่มีร่องรอยเหลืออยู่เลย ที่เหลือล่าสุดคือไปตั๋วเครื่องบินเมื่อสามปีก่อน ตั๋วไปอเมริกา ผมว่าตั๋วนั้น เป็นเวลาหลังจากที่พี่เข้าโรงพยาบาล เขาจงใจหายไป หายไปจากชีวิตพี่...”
“ใคร …”
“พี่เพิร์ทครับ”
“…”
“พี่เพิร์ท เป็นคนเดียวที่สำคัญสำหรับพี่ และผมมั่นใจเลยว่าที่พี่หาจุดปฏิกิริยาไม่เจอ เพราะจุดปฏิกิริยาของพี่อยู่ที่พี่เพิร์ท!!”
ฉันแยกย้ายกับซีโน่ เราสรุปกันว่าให้ฉันตัดสินใจเอง จะหาจุดปฏิกิริยานั้นอยู่หรือเปล่า ส่วนซีโน่ เขามั่นอกมั่นใจว่าต้องเป็นคนที่ชื่อเพิร์ทแน่ๆ ที่เป็นจุดปฏิกิริยาของฉัน ฉันถามเขาไปว่า เพิร์ท เขาคือใคร เกี่ยวอะไรกับฉัน ซีโน่บอกว่า เขาเป็นเพื่อน เป็นครอบครัว และเป็นคนรัก
แต่ที่ในช่วงที่ซีโน่ให้ฉันตัดสินใจ เขาจะพยายามติดต่อเพิร์ทให้ได้อยู่ดี เผื่อการได้เจอเพิร์ท อาจมีคำตอบของคำถามมากมายที่เราต่างสงสัยก็ได้ อ่อ ! ซีโน่บอกฉันว่า ให้อยู่ห่างๆจากพวกมาเฟียด้วย ซึ่งฉันทำได้อยู่แล้ว ตลอดสามปี ไม่มีมาเฟียเข้ามามีบทบาทในชีวิตฉันเลยสักวินาทีเดียว แค่นี้ สบายมาก
สุดท้าย ซีโน่ได้หาข้อมูลเกี่ยวกับแก๊งอัลเทย์ล่าสุด และได้บอกกับฉันว่า ไม่รู้จักยูจีน เขาไม่ใช่คนตระกูลอัลเทย์แน่นอน เขาเป็นใครไม่รู้ที่อยู่ๆก็ขึ้นมาเป็นหัวหน้าของแก๊ง และมีอำนาจสูงสุดในเมืองนี้ ฉันถามซีโน่ต่อว่า แล้วยูจีนเกี่ยวข้องกับฉันที่ต้องเข้าโรงพยายามหรือเปล่า เขาบอกว่าไม่ ถ้าดูจากทามไลน์แล้ว ยูจีน ขึ้นมาปกครองได้ สองปีเท่านั้น แต่ฉันความจำเสื่อมได้สามปีแล้ว
เขาว่า พอลคือหัวหน้าคนก่อน พอลต่างหากที่เป็นหัวหน้าอัลเทย์ในวันที่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันต้องความจำเสื่อม
....
...
‘เพิร์ท’ เขาเป็นเพื่อน เป็นครอบครัว และเป็นคนรัก
ต้องยอมรับว่าชื่อนี้ทำให้หัวใจฉันหวั่นๆ
“เหม่ออะไรหรอ ฮอลลี่ ไม่สนุกหรอ หรือว่าง่วง” อิมเอียงคอมาใกล้ๆหูฉัน ในผับแห่งนี้นี่มันเสียงดังซะมัดเลย
ใช่ค่ะ ฉันมาถึงผับ G แล้วล่ะ
“เปล่าหน่ะ แค่มึนๆ” ฉันเอียงคอใกล้หูอิมบ้าง เพื่อตอบคำถาม เอาจริง ฉันไม่ได้นอนเลย จนไปเรียน กลับจากเรียนก็อาบน้ำแต่งตัวมาผับเลย ง่วงจังโล้ยย (ที่ง่วงอะ นางเอกหรือคนเขียนยะ แงง คนเขียนก็ง่วง)
ตอนนี้ก็มีฉัน อิม และเพื่อนอีกสามคน เราอยู่กันในผับ G เป็นผับที่ใหญ่และดังมากในเมืองนี้ ดารา เซเลบ คนดัง ก็มากันที่นี้ทั้งนั้น พนักงานและดีเจ ก็หล่อลากไส้มาก ฮ่าๆ เป็นคำเล่าจากพวกเพื่อนๆฉันนะ ฉันก็ไม่รู้หรอก ไม่ได้ตามข่าว นอกสังคมเนอะ ว่าไหมคะผู้อ่าน
ผับนี้มีหลายโซน แต่โซนที่ฉันอยู่เป็นโซนไว้สำหรับเต้น ตรงหน้ามีเวทีสำหรับดีเจหน้าหล่อสไตล์ออป้ากำลังเปิดเพลง ข้างล่างเวทีที่ฉันยืนอยู่ จะมีโต๊ะตัวสูงระดับเอวตั้งอยู่หลายโต๊ะ แต่ไม่มีเก้าอี้ ไว้สำหรับให้ผู้คนเต้นนั้นแหละ แล้ว ณ ตอนนี้ เวลานี้ ก็เริ่มมึนหัวแล้วล่ะ คนรอบตัวเต้นเบียดกันจนฉันจะอ้วกแล้ว
“ขอออกไปพักหน่อยได้ไหม มึนมากเลย” ฉันกระซิบบอกอิม เธอพยักหน้า แล้วฉันก็ออกมาเจอตรงนั้นได้ เฮ้อออ โล่งจัง ค่อยหายใจสะดวกหน่อย
ฉันเดินออกมาจากโต๊ะเพื่อน แล้วมาโซนนั่งชิว เป็นโซนที่เปิดเพลงสบายๆ สำหรับนั่งจิบเครื่องดื่มที่เบากระเพาะ ฉันเดินไปที่บาร์
“รับอะไรดีครับ” บาร์เทนเดอร์ยิ้มให้ฉัน
“เอ่อ..” ฉันมองเมนูในมือ ต้องมึน งง กว่าเก่า นี้มันจะเยอะแยะไปไหนเนี้ย ไม่มีความรู้เลย แล้วอันไหนที่มันจะสบายหัวที่กำลังมึนอยู่นี่กันล่ะ
“ให้ผมแนะนำไหมครับ” บาร์เทนเดอร์เห็นฉันเลือกอยู่นาน จึงพูดขึ้น
“ขอน้ำเปล่าได้ไหมคะ พอดีว่าตอนนี้มึนหัวมากเลย”
“ได้ครับ” ฉันรับน้ำเปล่าจากบาร์เทนเดอร์ แล้วจิบเบาๆ ตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว บอกกับผู้อ่านก่อนเลยนะ ฉันเคยดื่มพวกมึนเมามาบ้าง แต่ก็แค่ตอนที่อิมซื้อเข้ามากินในห้องของฉันเท่านั้น ยังไม่ชินกับของมึนเมาเท่าไหร่เลย
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ”
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ”
อยู่ๆผู้ชายสองคนก็เดินเข้าหาฉันทั้งสองข้าง พร้อมพูดเหมือนกันเปี๊ยบ ฉันหันซ้ายทีขวาทีด้วยความมึน และนั้นฉันก็รู้สึกได้ว่า ต้องมีหายนะเกิดขึ้นแน่ๆ ฉันรู้สึกได้ !!!
…………………………….
ห้องบนสุดของผับ G
“นายท่าน นายท่านยูจิน แย่แล้วครับ แก๊งGaston กับ แก๊งSanya ตีกันในร้านครับ” ลูกน้องผมอีกคนวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องทำงาน ผมมองหน้านิ่งๆ และรับฟัง
“อือ ตื่นเต้นขึ้นมาหน่อย” พวกมันกล้าดียังไงถึงมีเรื่องกันในผับของผมได้ มันต้องออกไปสั่งสอนให้รู้จักจำ
“เพราะอะไร” มือขวาของผมพูดขึ้นถามลูกน้องที่มารายงาน
“เรื่องผู้หญิงครับ”
…………………………….
*จุดปฏิกิริยา
มีโอกาสได้ดูซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง a piece of your mind
เนื้อเรื่องของซีรี่ย์นี้ มีสิ่งที่น่าสนใจมากๆ นั้นก็คือ จุดปฏิกิริยา
สปอยนิ๊ดเดียว พระเอกทำเครื่องมือขึ้นมาที่สามารถพูดคุยได้ เหมือนกับสิริ ที่โต้ตอบเรา แต่ขาดความรู้สึกของสิริ ในเรื่อง จะให้เสียงสิริเป็นคนที่เราอยากคุยด้วย แต่การคุยโต้ตอบที่เป็นธรรมชาติของคนนั้นจริงๆ มีความรู้สึก นึกคิดเหมือนคนจริงๆ จึงมีคำว่า จุดปฏิกิริยา ขึ้นมาในเรื่องค่ะ จุดปฏิกิริยาที่จะทำให้เครื่องที่โต้ตอบ มีชีวิตขึ้นมา
ส่วนตัวคิดว่า จุดปฏิกิริยา เป็นตัวเปิดทางตัวตนที่อยู่ลึกในจิตใจของแต่ละคนออกมาค่ะ แต่ละคนจะมีจุดปฏิกิริยาที่ต่างกัน บางคนอาจเป็นสิ่งของที่มี ของกินที่เคยกิน สถานที่ที่เคยไป ผู้คนที่เคยรู้จัก สัมผัสที่คุ้นเคย พวกนี้ล้วนเป็นจุดปฏิกิริยาได้ทั้งนั้น และจุดที่ต่างกันก็เหมือนเรื่องราวที่ต่างกันออกมาของแต่ละคน จุดปฏิกิริยาก็เหมือนเรื่องราว ความทรงจำต่างๆแหละมั่งคะ เลยตั้งใจหยิบคำนี้ แล้วเขียนให้ตัวนางเอกหาจุดนั้นให้เจอ เพื่อให้ตัวตนจริงๆนางเอกออกมา และเพื่อให้นางเอกมีชีวิตอีกครั้ง
จุดปฏิกิริยา = เรื่องราว = ความทรงจำ = ชีวิต
:)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ