Mention Of Love (รัก)
-
เขียนโดย Nanpm
วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 20.52 น.
12 ตอน
0 วิจารณ์
10.27K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 21.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ภาพทรงจำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หญิงสาวกำลังช่วยแม่ของเธอล้างจานอยู่ในครัว ต้องรีบวิ่งออกมาเปิดประตูเมื่อได้ยินเสียงกริ่งที่หน้าบ้านของเธอดังขึ้น
“นึกว่าใคร มาทำอะไรแต่เช้าเนี่ยนายเต้”
ว่านเปิดประตูให้ชายหนุ่มเข้ามาในบ้านแล้วเดินกลับเข้ามานั่งในบ้านโดยมีเต้เดินตามเข้ามาด้วย
“นึกว่าเราเป็นอิงเหรอ ผิดหวังล่ะสิ” เต้ถามขึ้นเหมือนรู้อะไรบางอย่างมา
“พูดอะไร แล้วทำไมคิดว่าเรารออิงอยู่” หญิงสาวถามกลับเมื่อเห็นเต้ทำหน้าตาเครียดแปลก ๆ
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่รู้มาว่าเมื่อวานอิงมาส่งว่านแล้วยังเป็นตัวแทนเราซ้อมละครเมื่อวานเย็นด้วย” ชายหนุ่มตอบคำถามหญิงสาวที่กำลังนั่งจ้องหน้าเขาอยู่
“ใครบอกนายล่ะเนี่ย” หญิงสาวถามกลับเพราะสงสัยว่าชายหนุ่มรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานได้อย่างไร เพราะเขาท้องเสียเข้าโรงพยาบาล
“ไม่น่าถามเลยว่าน ก็ว่านมีใครเป็นเพื่อนสนิทล่ะ ยั้ยพัทรู้อะไรก็พูดหมดน่ะแหละ” เต้บอกชื่อหญิงสาวที่โทรมาถามอาการของเขา แล้วบ่นเขาและเล่าเรื่องเมื่อวานให้เขาฟัง
“เหรอ” หญิงสาวตอบสั้น ๆ
“วันนี้เราออกไปเที่ยวกันไหม ชวนพี่หว้าไปเที่ยวกัน” เต้รีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อรู้ว่าเขาพูดถึงชายหนุ่มอีกคนไปก็เท่านั้น
ว่านทำท่าเห็นด้วย แล้วหญิงสาวก็รีบวิ่งขึ้นห้องไปชวนพี่หว้าออกไปเที่ยวด้วยกัน ซึ่งลูกหว้าก็ตกลงไปเที่ยวกับว่านและเต้ ลูกหว้ายืมรถของแม่เพื่อขับพาน้อง ๆ ไปเที่ยว แม่อนุญาตให้ลูก ๆ ไปได้แต่ไม่ให้กลับดึกมาก
“ลิน! เป็นยังไงบ้าง พอรู้เรื่องก็รีบมาเลย อิงตกใจแทบแย่” ชายหนุ่มที่ทำหน้าตาตื่นเดินเข้ามาในห้องพักของโรงพยาบาล แล้วถามหญิงสาวที่นอนยิ้มให้เขาอยู่บนเตียงด้วยความเป็นห่วง
“ลินไม่เป็นไรเลย แค่หัวใจมันเต้นผิดสเต็ปไปนิดเดียวเอง อาจเป็นเพราะไม่ได้เจอหน้าอิงนาน” หญิงสาวพูดอ้อนปนน้อยใจเล็กน้อย
“ขอโทษนะ พอดีช่วงนี้มีงานกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยเลยไม่ค่อยมีเวลาโทรหาหรือไปหาลินเลย” ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆ เตียงพร้อมกับกุมมือของหญิงสาวไว้
“อ้าว! ตาอิง หายหน้าหายตาไปนาน นึกว่าลืมลูกสาวลุงไปซะแล้ว” พ่อของหญิงสาวเดินเข้ามาทักชายหนุ่ม
“สวัสดีครับคุณลุง คุณป้า” ชายหนุ่มยกมือไหว้พ่อกับแม่ของลิน
“คุณพ่อก็ อย่าตำหนิอิงเลย อิงเขามีธุระน่ะค่ะ จะให้มานั่งเฝ้าลินตลอดไม่ได้หรอก แต่ยังไงอิงเขาไม่มีทางลืมลินอยู่แล้วค่ะ จริงไหมอิง” หญิงสาวพยายามแก้ตัวแทนชายหนุ่มคนรัก
“จริงครับ” อิงตอบรับแล้วยิ้มออกมา
อิงอยู่นั่งคุยกับลินและพ่อกับแม่ของเธอได้สักพัก พยาบาลก็เดินเอายาเข้ามาให้หญิงสาวรับประทาน
“ลินพักผ่อนเยอะ ๆ นะ หายเร็ว ๆ วันนี้อิงกลับก่อนไว้มาหาวันหลัง” ชายหนุ่มบอกลาแล้วยกมือลูบผมของหญิงสาว
ลินพยักหน้ารับแล้วหลับตาลงด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย
อิงเดินออกจากห้องพร้อมกับพ่อของลิน เหลือแค่เพียงแม่ของลินที่นั่งเฝ้าหญิงสาวอยู่ในห้องพัก อิงกับพ่อของลินเดินมาด้วยกันสักพักก็หยุดแล้วหาที่นั่งคุยกัน
“อิง ลุงมีเรื่องจะรบกวนเราหน่อย” พ่อของหญิงสาวพูดออกมาด้วยสายตาเศร้า ๆ
“มีอะไรครับคุณลุง” ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้ากังวลที่แสดงออกมาจากพ่อของหญิงสาว
“หมอบอกลุงว่า เขามีหัวใจเปลี่ยนให้ลินแล้ว อาจจะได้ผ่าตัดเร็ว ๆ นี้”
“ก็ดีสิครับ ลินจะได้หายเสียที” ชายหนุ่มรู้สึกดีขึ้นมา แต่ก็แปลกใจว่าทำไมสีหน้าพ่อของลินยังดูกังวล
“ดีมันก็ดี แต่โอกาสก็ห้าสิบห้าสิบ แถมลินยังไม่ยอมจะผ่า ยั้ยลินบอกกับลุงว่าเขากลัว กลัวว่าจะหลับไปแล้วจะไม่ฟื้น” พ่อของลินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้าสร้อย
“อิงพอช่วยคุยกับลินได้ไหม ช่วยให้กำลังใจเขาหน่อย” พ่อของหญิงสาวขอร้องให้หน้าชายหนุ่ม
“ครับ ผมเต็มใจช่วย” ชายหนุ่มรับปาก
อิงเดินมาที่ลานจอดรถแล้วเปิดประตูเข้ามานั่งอยู่ในรถของเขา แล้วนึกถึงคำพูดที่พ่อของลินบอกกับเขา ทำให้เขานึกภาพของหญิงสาวที่กำลังนอนป่วยอยู่บนเตียง แต่แล้วอยู่ดี ๆ ภาพในหัวของเขาเปลี่ยนเป็นใบหน้าของหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ยิ้มให้กับเขา อิงพยายามสลัดความคิดดังกล่าวออกแล้วรีบขับรถกลับบ้าน
“กลับมาแล้วเหรออิง ลินเป็นยังไงบ้างลูก” แม่ของชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อลูกชายของเธอเดินกลับเข้าบ้านมา
“ก็งั้น ๆ แหละครับ” ชายหนุ่มตอบแม่ของเขา แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับนั่งหลับตาเอามือกุมขมับ
“อิงกำลังเบื่อใช่ไหมลูก แต่เราต้องช่วยลินนะ” แม่ของชายหนุ่มพูดขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดและเห็นอาการแปลก ๆ ของลูกชาย
“ใช่ครับ ผมเบื่อ ขอโทษครับแม่ ผมคงเหนื่อยและสับสนกับอะไรบางอย่าง ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ”
ชายหนุ่มเดินขึ้นห้องไป แม่ของเขายังคงนั่งมองตามเขาไปด้วยความเป็นห่วง
ลูกหว้ากำลังขับรถจะกลับบ้านหลังจากได้ออกมาเที่ยวเล่นกับว่านและเต้อย่างสนุกสนาน อยู่ดี ๆ เสียงเต้ก็ตะโกนออกมา
“จอด”
ลูกหว้าตกใจเหยียบเบรกเกือบหน้าทิ่มกันทั้งคัน
“อะไรของนายเนี่ย ดีนะที่คาดเข็มขัด” ว่านหันไปโวยเต้
“ขอโทษครับ พี่หว้าช่วยจอดรถข้าง ๆ สะพานตรงนั้นหน่อยสิครับ” เต้ชี้มือให้ลูกหว้าขับรถไปจอด
เมื่อรถจอดสนิท เต้เปิดประตูลงจากรถแล้วเดินขึ้นสะพานไปยืนหยุดนิ่งแล้วก้มลงไปดูบางอย่างด้านล่าง ซึ่งสองสาวสงสัยว่าชายหนุ่มกำลังจะทำอะไรจึงรีบเดินตามมา
“เราไม่ได้ผ่านเส้นทางนี้นานแล้วเนอะ ตั้งแต่ที่เราย้ายบ้านไปอยู่หมู่บ้านเดียวกัน” เต้พูดขึ้น
ว่านมองลงไปที่แม่น้ำเห็นเรือขนสินค้ากำลังแล่นผ่านไป ทำให้หญิงสาวคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ
“พี่หว้าจำได้ไหม รถเราเคยมาจอดเสียอยู่บนสะพานนี้ ตอนที่พ่อขับรถมาส่งเต้กลับบ้าน” ว่านพูดขึ้นเมื่อนึกถึงความหลังขึ้นมาได้
“จำได้สิ บ้านหลังเก่าเราอยู่ฝั่งนู้น ตอนเด็ก ๆ เต้ชอบไปเล่นกับว่านแทบทุกวัน แล้วพ่อก็ต้องขับรถมาส่งเต้กลับบ้านทุกครั้ง” ลูกหว้ายิ้มเมื่อนึกถึงภาพวันเก่า ๆ ที่เคยมีความสุข
“อ้าว น้องสาวของพี่อยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้ซะแล้ว” ลูกหว้าหันไปเห็นว่านที่ยืนเบะปากทำท่าร้องไห้เพราะหญิงสาวกำลังคิดถึงพ่อของเธอ
“เรากลับกันเถอะพี่หว้า เดี๋ยวว่านจะปล่อยโฮหนักกว่านี้” เต้รีบชวนทั้งสองสาวกลับบ้าน เมื่อเห็นเพื่อนของเขาเกิดอาการเศร้าขึ้นมา
นี่ล่ะนะที่เขาว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน
เมื่อการซ้อมใหญ่เสร็จสิ้นลง
“พวกน้อง ๆ ได้บัตรกันหรือยังจ๊ะ เดี๋ยวมารับจากพี่คนละใบนะ แต่ถ้าบ้านไหนหรือเพื่อนใครมาเยอะให้เขาสนับสนุนเงินเข้ากองทุนช่วยซื้อละครเราด้วยนะ ช่วย ๆ กันโปรโมทล่ะ” พี่นกเดินเข้ามาถามน้อง ๆ ในห้องแต่งตัวหลังซ้อมละครเสร็จ
“ว่านจะเอาบัตรนี้ไปให้ใครเหรอ” พัทถามขึ้นมา
“ถามทำไมล่ะ ว่าแต่พัทเถอะจะเอาไปให้ใคร” ว่านถามพัทกลับไปบ้าง
“ก็ต้องคุณหญิงแม่สิคะ ส่วนคุณพ่อต้องให้จ่ายเต็มจ้ะ เออ! ที่เราถามเมื่อกี้ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะถ้าว่านจะเอาไปให้อิงไม่ต้องก็ได้นะ เพราะอิงก็ได้ไปเหมือนกันพี่ไผ่ให้เป็นค่ามาช่วยงาน” พัทอธิบายถึงจุดประสงค์ที่เธอถาม
“แล้วใครบอกว่าเราจะให้อิง”
พัทเดินมากระซิบข้าง ๆ หูว่าน
“เรื่องแบบนี้ไม่ต้องบอก แค่มองตาก็รู้ใจกันแล้ว”
“พอเลยรีบไปเปลี่ยนชุดกลับบ้านได้แล้ว” ว่านหันไปพูดกับพัทพร้อมกับเอามือไปหยิกต้นแขนพัทเบา ๆ
“โอ๊ย! เจ็บ ไปก็ได้ คนแถวนี้อายจนหน้าแดงแล้ว” พัทพูดล้อว่านเสร็จก็รีบวิ่งไปเปลี่ยนชุดทันที
ระหว่างทางเดินกลับบ้าน เต้สังเกตเห็นว่าวันนี้ว่านเงียบจนผิดปกติเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ถึงเขาจะสงสัยมากแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเธอออกไป ซึ่งใจจริงเขาก็พอจะรู้ว่าหญิงสาวคิดอะไรและคิดถึงใครอยู่ อาจจะเป็นเพราะใครบางคนหายหน้าไปหลังจากวันที่ใครคนนั้นเป็นตัวแทนซ้อมละครแทนเขา
เต้ส่งว่านถึงบ้านก็ร่ำลากันตามปกติ แล้วหญิงสาวก็เดินเข้าบ้านมาเจอแม่กำลังสอนพี่หว้าปักผ้าอยู่
“ว่านวันนี้เราลืมมือถือไว้ที่บ้านเหรอ พี่เห็นมีคนโทรหาหลายสายแล้ว ลองโทรกลับไปหน่อยสิ” ลูกหว้าบอกน้องสาวพร้อมกับยื่นมือถือส่งให้
“ขอบคุณค่ะ ว่านขอตัวขึ้นข้างบนไปอาบน้ำเปลี่ยนผ้าก่อน เดี๋ยวลงมานะคะ”
หญิงสาวรีบขึ้นมาบนห้องก็กดดูเบอร์ที่โทรเข้าหาเธอ ว่านรีบโทรกลับไปด้วยความตื่นเต้นและดีใจ
“สวัสดีค่ะ อิงโทรหาว่านมีอะไรหรือเปล่า ขอโทษนะ พอดีวันนี้ลืมหยิบมือถือไปด้วย” หญิงสาวรีบเอ่ยขอโทษ
“ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากโทรมาบอกคิดถึงน่ะ อยากได้ยินเสียง แค่นี้ล่ะครับ” ชายหนุ่มพูดจบก็วางสายไปเฉย ๆ
ว่านยืนอึ้งและงงอยู่กับสิ่งที่ได้ยิน แล้วเธอก็ยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงคำพูดของชายหนุ่ม
“แน่ะ คุยกับใคร หนุ่มที่วาดรูปให้ใช่หรือเปล่า พี่เห็นขึ้นชื่ออิง” ลูกหว้าเปิดประตูมาเห็นน้องสาวยืนยิ้มกับมือถือของเธออยู่
หญิงสาวไม่ตอบอะไรกับพี่สาวเพราะเธอรู้สึกเขินจึงรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินลงมารับประทานอาหารเย็นพร้อมกับแม่และพี่สาวของเธอ
เมื่อทั้งสองสาวกลับมาที่ห้องนอน ลูกหว้าเริ่มเปิดประเด็นบางอย่างกับน้องสาว
“ว่าน พี่มีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย” ลูกหว้าพูดขึ้นแล้วเดินมานั่งลงบนเตียงนอน
ว่านลงมานั่งข้าง ๆ ด้วยความสงสัย
“ถ้าสมมติว่าแม่กับว่านจะต้องย้ายไปอยู่ที่อังกฤษกับพ่อของพี่ ว่านจะว่ายังไง” ลูกหว้าเริ่มเรื่อง จากที่ว่านนั่งยิ้มรอฟังอย่างตั้งใจต้องหุบยิ้มแล้วสีหน้าของหญิงสาวก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“ทำไมคะ ทำไมเราต้องไป” ว่านถามด้วยความรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีกับสิ่งได้ยินจากพี่สาว
“ว่านฟังนะ แม่เหนื่อยมากนะที่ต้องดูแลเราตั้งแต่พ่อจากเราไป แม่กำลังมีปัญหาเรื่องธุรกิจที่ทำอยู่ และพี่ก็กลัวว่าแม่จะส่งเราจนจบมหาวิทยาลัยไม่ไหว พี่มีปรึกษาแม่กับพ่อของพี่แล้วอีกอย่างตอนนี้พ่อของพี่ก็ไม่ได้มีใคร เขาพร้อมที่ช่วยเหลือแม่กับว่าน ว่านไม่สงสารแม่เหรอ ยังไงว่านลองคิดดูนะ”
ว่านได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกตกใจ พูดอะไรไม่ออก ทำไมเธอถึงรู้สึกสับสนและเสียใจขนาดนี้ เธอไม่อยากจากบ้านไปอยู่ที่อื่น ไม่อยากจากเพื่อน ไม่อยากจากใครบางคนไปตอนนี้เช่นกัน
แล้วว่านจะตัดสินใจยังไงต่อกันนะ
“นึกว่าใคร มาทำอะไรแต่เช้าเนี่ยนายเต้”
ว่านเปิดประตูให้ชายหนุ่มเข้ามาในบ้านแล้วเดินกลับเข้ามานั่งในบ้านโดยมีเต้เดินตามเข้ามาด้วย
“นึกว่าเราเป็นอิงเหรอ ผิดหวังล่ะสิ” เต้ถามขึ้นเหมือนรู้อะไรบางอย่างมา
“พูดอะไร แล้วทำไมคิดว่าเรารออิงอยู่” หญิงสาวถามกลับเมื่อเห็นเต้ทำหน้าตาเครียดแปลก ๆ
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่รู้มาว่าเมื่อวานอิงมาส่งว่านแล้วยังเป็นตัวแทนเราซ้อมละครเมื่อวานเย็นด้วย” ชายหนุ่มตอบคำถามหญิงสาวที่กำลังนั่งจ้องหน้าเขาอยู่
“ใครบอกนายล่ะเนี่ย” หญิงสาวถามกลับเพราะสงสัยว่าชายหนุ่มรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานได้อย่างไร เพราะเขาท้องเสียเข้าโรงพยาบาล
“ไม่น่าถามเลยว่าน ก็ว่านมีใครเป็นเพื่อนสนิทล่ะ ยั้ยพัทรู้อะไรก็พูดหมดน่ะแหละ” เต้บอกชื่อหญิงสาวที่โทรมาถามอาการของเขา แล้วบ่นเขาและเล่าเรื่องเมื่อวานให้เขาฟัง
“เหรอ” หญิงสาวตอบสั้น ๆ
“วันนี้เราออกไปเที่ยวกันไหม ชวนพี่หว้าไปเที่ยวกัน” เต้รีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อรู้ว่าเขาพูดถึงชายหนุ่มอีกคนไปก็เท่านั้น
ว่านทำท่าเห็นด้วย แล้วหญิงสาวก็รีบวิ่งขึ้นห้องไปชวนพี่หว้าออกไปเที่ยวด้วยกัน ซึ่งลูกหว้าก็ตกลงไปเที่ยวกับว่านและเต้ ลูกหว้ายืมรถของแม่เพื่อขับพาน้อง ๆ ไปเที่ยว แม่อนุญาตให้ลูก ๆ ไปได้แต่ไม่ให้กลับดึกมาก
“ลิน! เป็นยังไงบ้าง พอรู้เรื่องก็รีบมาเลย อิงตกใจแทบแย่” ชายหนุ่มที่ทำหน้าตาตื่นเดินเข้ามาในห้องพักของโรงพยาบาล แล้วถามหญิงสาวที่นอนยิ้มให้เขาอยู่บนเตียงด้วยความเป็นห่วง
“ลินไม่เป็นไรเลย แค่หัวใจมันเต้นผิดสเต็ปไปนิดเดียวเอง อาจเป็นเพราะไม่ได้เจอหน้าอิงนาน” หญิงสาวพูดอ้อนปนน้อยใจเล็กน้อย
“ขอโทษนะ พอดีช่วงนี้มีงานกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยเลยไม่ค่อยมีเวลาโทรหาหรือไปหาลินเลย” ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆ เตียงพร้อมกับกุมมือของหญิงสาวไว้
“อ้าว! ตาอิง หายหน้าหายตาไปนาน นึกว่าลืมลูกสาวลุงไปซะแล้ว” พ่อของหญิงสาวเดินเข้ามาทักชายหนุ่ม
“สวัสดีครับคุณลุง คุณป้า” ชายหนุ่มยกมือไหว้พ่อกับแม่ของลิน
“คุณพ่อก็ อย่าตำหนิอิงเลย อิงเขามีธุระน่ะค่ะ จะให้มานั่งเฝ้าลินตลอดไม่ได้หรอก แต่ยังไงอิงเขาไม่มีทางลืมลินอยู่แล้วค่ะ จริงไหมอิง” หญิงสาวพยายามแก้ตัวแทนชายหนุ่มคนรัก
“จริงครับ” อิงตอบรับแล้วยิ้มออกมา
อิงอยู่นั่งคุยกับลินและพ่อกับแม่ของเธอได้สักพัก พยาบาลก็เดินเอายาเข้ามาให้หญิงสาวรับประทาน
“ลินพักผ่อนเยอะ ๆ นะ หายเร็ว ๆ วันนี้อิงกลับก่อนไว้มาหาวันหลัง” ชายหนุ่มบอกลาแล้วยกมือลูบผมของหญิงสาว
ลินพยักหน้ารับแล้วหลับตาลงด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย
อิงเดินออกจากห้องพร้อมกับพ่อของลิน เหลือแค่เพียงแม่ของลินที่นั่งเฝ้าหญิงสาวอยู่ในห้องพัก อิงกับพ่อของลินเดินมาด้วยกันสักพักก็หยุดแล้วหาที่นั่งคุยกัน
“อิง ลุงมีเรื่องจะรบกวนเราหน่อย” พ่อของหญิงสาวพูดออกมาด้วยสายตาเศร้า ๆ
“มีอะไรครับคุณลุง” ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้ากังวลที่แสดงออกมาจากพ่อของหญิงสาว
“หมอบอกลุงว่า เขามีหัวใจเปลี่ยนให้ลินแล้ว อาจจะได้ผ่าตัดเร็ว ๆ นี้”
“ก็ดีสิครับ ลินจะได้หายเสียที” ชายหนุ่มรู้สึกดีขึ้นมา แต่ก็แปลกใจว่าทำไมสีหน้าพ่อของลินยังดูกังวล
“ดีมันก็ดี แต่โอกาสก็ห้าสิบห้าสิบ แถมลินยังไม่ยอมจะผ่า ยั้ยลินบอกกับลุงว่าเขากลัว กลัวว่าจะหลับไปแล้วจะไม่ฟื้น” พ่อของลินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้าสร้อย
“อิงพอช่วยคุยกับลินได้ไหม ช่วยให้กำลังใจเขาหน่อย” พ่อของหญิงสาวขอร้องให้หน้าชายหนุ่ม
“ครับ ผมเต็มใจช่วย” ชายหนุ่มรับปาก
อิงเดินมาที่ลานจอดรถแล้วเปิดประตูเข้ามานั่งอยู่ในรถของเขา แล้วนึกถึงคำพูดที่พ่อของลินบอกกับเขา ทำให้เขานึกภาพของหญิงสาวที่กำลังนอนป่วยอยู่บนเตียง แต่แล้วอยู่ดี ๆ ภาพในหัวของเขาเปลี่ยนเป็นใบหน้าของหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ยิ้มให้กับเขา อิงพยายามสลัดความคิดดังกล่าวออกแล้วรีบขับรถกลับบ้าน
“กลับมาแล้วเหรออิง ลินเป็นยังไงบ้างลูก” แม่ของชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อลูกชายของเธอเดินกลับเข้าบ้านมา
“ก็งั้น ๆ แหละครับ” ชายหนุ่มตอบแม่ของเขา แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับนั่งหลับตาเอามือกุมขมับ
“อิงกำลังเบื่อใช่ไหมลูก แต่เราต้องช่วยลินนะ” แม่ของชายหนุ่มพูดขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดและเห็นอาการแปลก ๆ ของลูกชาย
“ใช่ครับ ผมเบื่อ ขอโทษครับแม่ ผมคงเหนื่อยและสับสนกับอะไรบางอย่าง ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ”
ชายหนุ่มเดินขึ้นห้องไป แม่ของเขายังคงนั่งมองตามเขาไปด้วยความเป็นห่วง
ลูกหว้ากำลังขับรถจะกลับบ้านหลังจากได้ออกมาเที่ยวเล่นกับว่านและเต้อย่างสนุกสนาน อยู่ดี ๆ เสียงเต้ก็ตะโกนออกมา
“จอด”
ลูกหว้าตกใจเหยียบเบรกเกือบหน้าทิ่มกันทั้งคัน
“อะไรของนายเนี่ย ดีนะที่คาดเข็มขัด” ว่านหันไปโวยเต้
“ขอโทษครับ พี่หว้าช่วยจอดรถข้าง ๆ สะพานตรงนั้นหน่อยสิครับ” เต้ชี้มือให้ลูกหว้าขับรถไปจอด
เมื่อรถจอดสนิท เต้เปิดประตูลงจากรถแล้วเดินขึ้นสะพานไปยืนหยุดนิ่งแล้วก้มลงไปดูบางอย่างด้านล่าง ซึ่งสองสาวสงสัยว่าชายหนุ่มกำลังจะทำอะไรจึงรีบเดินตามมา
“เราไม่ได้ผ่านเส้นทางนี้นานแล้วเนอะ ตั้งแต่ที่เราย้ายบ้านไปอยู่หมู่บ้านเดียวกัน” เต้พูดขึ้น
ว่านมองลงไปที่แม่น้ำเห็นเรือขนสินค้ากำลังแล่นผ่านไป ทำให้หญิงสาวคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ
“พี่หว้าจำได้ไหม รถเราเคยมาจอดเสียอยู่บนสะพานนี้ ตอนที่พ่อขับรถมาส่งเต้กลับบ้าน” ว่านพูดขึ้นเมื่อนึกถึงความหลังขึ้นมาได้
“จำได้สิ บ้านหลังเก่าเราอยู่ฝั่งนู้น ตอนเด็ก ๆ เต้ชอบไปเล่นกับว่านแทบทุกวัน แล้วพ่อก็ต้องขับรถมาส่งเต้กลับบ้านทุกครั้ง” ลูกหว้ายิ้มเมื่อนึกถึงภาพวันเก่า ๆ ที่เคยมีความสุข
“อ้าว น้องสาวของพี่อยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้ซะแล้ว” ลูกหว้าหันไปเห็นว่านที่ยืนเบะปากทำท่าร้องไห้เพราะหญิงสาวกำลังคิดถึงพ่อของเธอ
“เรากลับกันเถอะพี่หว้า เดี๋ยวว่านจะปล่อยโฮหนักกว่านี้” เต้รีบชวนทั้งสองสาวกลับบ้าน เมื่อเห็นเพื่อนของเขาเกิดอาการเศร้าขึ้นมา
นี่ล่ะนะที่เขาว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน
เมื่อการซ้อมใหญ่เสร็จสิ้นลง
“พวกน้อง ๆ ได้บัตรกันหรือยังจ๊ะ เดี๋ยวมารับจากพี่คนละใบนะ แต่ถ้าบ้านไหนหรือเพื่อนใครมาเยอะให้เขาสนับสนุนเงินเข้ากองทุนช่วยซื้อละครเราด้วยนะ ช่วย ๆ กันโปรโมทล่ะ” พี่นกเดินเข้ามาถามน้อง ๆ ในห้องแต่งตัวหลังซ้อมละครเสร็จ
“ว่านจะเอาบัตรนี้ไปให้ใครเหรอ” พัทถามขึ้นมา
“ถามทำไมล่ะ ว่าแต่พัทเถอะจะเอาไปให้ใคร” ว่านถามพัทกลับไปบ้าง
“ก็ต้องคุณหญิงแม่สิคะ ส่วนคุณพ่อต้องให้จ่ายเต็มจ้ะ เออ! ที่เราถามเมื่อกี้ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะถ้าว่านจะเอาไปให้อิงไม่ต้องก็ได้นะ เพราะอิงก็ได้ไปเหมือนกันพี่ไผ่ให้เป็นค่ามาช่วยงาน” พัทอธิบายถึงจุดประสงค์ที่เธอถาม
“แล้วใครบอกว่าเราจะให้อิง”
พัทเดินมากระซิบข้าง ๆ หูว่าน
“เรื่องแบบนี้ไม่ต้องบอก แค่มองตาก็รู้ใจกันแล้ว”
“พอเลยรีบไปเปลี่ยนชุดกลับบ้านได้แล้ว” ว่านหันไปพูดกับพัทพร้อมกับเอามือไปหยิกต้นแขนพัทเบา ๆ
“โอ๊ย! เจ็บ ไปก็ได้ คนแถวนี้อายจนหน้าแดงแล้ว” พัทพูดล้อว่านเสร็จก็รีบวิ่งไปเปลี่ยนชุดทันที
ระหว่างทางเดินกลับบ้าน เต้สังเกตเห็นว่าวันนี้ว่านเงียบจนผิดปกติเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ถึงเขาจะสงสัยมากแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเธอออกไป ซึ่งใจจริงเขาก็พอจะรู้ว่าหญิงสาวคิดอะไรและคิดถึงใครอยู่ อาจจะเป็นเพราะใครบางคนหายหน้าไปหลังจากวันที่ใครคนนั้นเป็นตัวแทนซ้อมละครแทนเขา
เต้ส่งว่านถึงบ้านก็ร่ำลากันตามปกติ แล้วหญิงสาวก็เดินเข้าบ้านมาเจอแม่กำลังสอนพี่หว้าปักผ้าอยู่
“ว่านวันนี้เราลืมมือถือไว้ที่บ้านเหรอ พี่เห็นมีคนโทรหาหลายสายแล้ว ลองโทรกลับไปหน่อยสิ” ลูกหว้าบอกน้องสาวพร้อมกับยื่นมือถือส่งให้
“ขอบคุณค่ะ ว่านขอตัวขึ้นข้างบนไปอาบน้ำเปลี่ยนผ้าก่อน เดี๋ยวลงมานะคะ”
หญิงสาวรีบขึ้นมาบนห้องก็กดดูเบอร์ที่โทรเข้าหาเธอ ว่านรีบโทรกลับไปด้วยความตื่นเต้นและดีใจ
“สวัสดีค่ะ อิงโทรหาว่านมีอะไรหรือเปล่า ขอโทษนะ พอดีวันนี้ลืมหยิบมือถือไปด้วย” หญิงสาวรีบเอ่ยขอโทษ
“ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากโทรมาบอกคิดถึงน่ะ อยากได้ยินเสียง แค่นี้ล่ะครับ” ชายหนุ่มพูดจบก็วางสายไปเฉย ๆ
ว่านยืนอึ้งและงงอยู่กับสิ่งที่ได้ยิน แล้วเธอก็ยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงคำพูดของชายหนุ่ม
“แน่ะ คุยกับใคร หนุ่มที่วาดรูปให้ใช่หรือเปล่า พี่เห็นขึ้นชื่ออิง” ลูกหว้าเปิดประตูมาเห็นน้องสาวยืนยิ้มกับมือถือของเธออยู่
หญิงสาวไม่ตอบอะไรกับพี่สาวเพราะเธอรู้สึกเขินจึงรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินลงมารับประทานอาหารเย็นพร้อมกับแม่และพี่สาวของเธอ
เมื่อทั้งสองสาวกลับมาที่ห้องนอน ลูกหว้าเริ่มเปิดประเด็นบางอย่างกับน้องสาว
“ว่าน พี่มีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย” ลูกหว้าพูดขึ้นแล้วเดินมานั่งลงบนเตียงนอน
ว่านลงมานั่งข้าง ๆ ด้วยความสงสัย
“ถ้าสมมติว่าแม่กับว่านจะต้องย้ายไปอยู่ที่อังกฤษกับพ่อของพี่ ว่านจะว่ายังไง” ลูกหว้าเริ่มเรื่อง จากที่ว่านนั่งยิ้มรอฟังอย่างตั้งใจต้องหุบยิ้มแล้วสีหน้าของหญิงสาวก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“ทำไมคะ ทำไมเราต้องไป” ว่านถามด้วยความรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีกับสิ่งได้ยินจากพี่สาว
“ว่านฟังนะ แม่เหนื่อยมากนะที่ต้องดูแลเราตั้งแต่พ่อจากเราไป แม่กำลังมีปัญหาเรื่องธุรกิจที่ทำอยู่ และพี่ก็กลัวว่าแม่จะส่งเราจนจบมหาวิทยาลัยไม่ไหว พี่มีปรึกษาแม่กับพ่อของพี่แล้วอีกอย่างตอนนี้พ่อของพี่ก็ไม่ได้มีใคร เขาพร้อมที่ช่วยเหลือแม่กับว่าน ว่านไม่สงสารแม่เหรอ ยังไงว่านลองคิดดูนะ”
ว่านได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกตกใจ พูดอะไรไม่ออก ทำไมเธอถึงรู้สึกสับสนและเสียใจขนาดนี้ เธอไม่อยากจากบ้านไปอยู่ที่อื่น ไม่อยากจากเพื่อน ไม่อยากจากใครบางคนไปตอนนี้เช่นกัน
แล้วว่านจะตัดสินใจยังไงต่อกันนะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ