ตุ๊กตาเทวา
เขียนโดย ประพันธ์กรขาจร
วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 00.04 น.
แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2564 13.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) นกต่อล่อซื้อ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ไม่ว่าจะในสมัยที่ยังเรียนที่ แฮรัลด์ หรือตอนที่มาทำงานกับ W.A. ผมเองก็ได้สัมผัสการต่อสู้มาพอสมควร ไม่ว่าจะกับตัวเองหรือเห็นคนอื่นห้ำหั่นกัน แต่คราวนี้ต้องบอกว่าเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ผมเลยทีเดียว ตุ๊กตาหินโกเล็มหลายสิบตัวที่เบลสร้างขึ้นมาจากเวทดินของพี่กบี่รุมถาโถมเข้าจู่โจมศัตรูอย่างไม่มีคำว่าปรานี
ศัตรูที่มีแค่คนเดียว
แต่ไม่ว่าโกเล็มตนไหนๆของเราที่เข้าไปอยู่ในระยะดาบ ก็พังพินาศกลายเป็นเศษซากกลาดเกลื่อนตามพื้น
ความแม่นยำในการโจมตีที่ข้อต่อ
ความรุนแรงในการฟาด
ความว่องไวในการไหลผ่านและต่อเนื่อง
การตัดสินใจที่รวดเร็วในแต่ละจังหวะการก้าวเท้า
ตาลุงนี่แกตาบอดจริงๆงั้นหรือ
ผมเคยเห็นพวกจอมเวทที่ตาบอด แต่พวกนั้นจะใช้เวทประเภท Visibility หรือไม่ก็ใช้ภูตช่วยในการมองเห็น
แต่ผมไม่รู้สึกถึงมานาของ ไพศาลแม้แต่น้อย คิดได้อย่างเดียวคือเป็นทักษะเฉพาะของเจ้าตัวและพลังปราณแบบที่นิพนธ์ใช้
แม้ผมจะพยายามขัดจังหวะด้วย กระสุนเวทกัสต์ ในบางจังหวะ แต่ก็ไม่สำเร็จ
และที่สำคัญกว่านั้น หลายๆครั้งที่เราคิดว่าคงได้ตัวเขาแล้วแน่นอน
'ดาบที่3 ภุชงค์สีชาด'
เกลียวพายุสีเลือดก็ปรากฏขึ้นเบียดกระแทกโกเล็มแตกกระเด็นหายวับไปกับตามันเคลื่อนที่เหมือนมีชีวิตไล่กวดสิ่งคุกคามโดยรอบ โชคยังดีที่ดูเหมือนมันจะมีระยะแค่สั้นๆ และหายไปเมื่อผ่านไปซักพักระยะเวลาสั้นๆ
เบลเข่าทรุดลงกับพื้นหญ้า หายใจเร็วอย่างเหนื่อยหอบ แม้พวกเราจะดูดซับมานาจากภายนอกได้ แต่พลังกายและสติเองก็สำคัญ ผมกับพี่กบี่ยังพอไหว แต่ฝ่ายทางไพศาลกลับยังหายใจได้เป็นธรรมชาติสุดๆ ทั้งๆที่ผ่านศึกหนักมา
"หมดแค่นี้งั้นเรอะพวกจอมเวท น่าสมเพชซะไม่มี" คำพูดกลั้วหัวเราะเหมือนเย้ยหยันทำเอาผมอยากจะไปตั้นหน้าตาลุงแกด้วยหมัดลุ่นๆแทน
แต่ผมมีวิธีที่ดีกว่านั้น
'Naudhiz'
ที่จริงหินที่ประกอบกันเป็นโกเล็มบางส่วน ผมแอบเขียนรูนติดเอาไว้ด้วย
หลังสิ้นคาถา หินที่ว่าก็จับตัวรวมกันกลายเป็นคุกทรงกลมล้อมตาลุงนั่นเอาไว้
แต่ทว่าไม่ทันไร มันกลับถูกผ่าออกอย่างเรียบเนียนในดาบเดียว เหมือนเปลือกไข่ที่ถูกตัดด้วยเลื่อยยนต์สวยงาม
พี่กบี่ใช้เวทลมและน้ำ สร้างพายุงวงช้างล้อมอีกฝ่ายไว้ในตาพายุ
ผู้ใช้เวทออกคำสั่งให้คุกน้ำนั้นบีบตัวแคบลงหวังให้มันกระแทกนักโทษที่อยู่ด้านใน
'ดาบที่7 ภัสสรหกทิศ'
ตูม!!!
วงน้ำที่บีบอัดลงไปกระแทกเข้ากับกำแพงประหลาดจะมันแตกกระจายหายไปทั้งคู่ หยดน้ำร่วงลงเหมือนห่าฝน พื้นเจิ่งนองไปทั่ว
"พ่อมดแม่มดอย่างพวกเอ็งรู้สึกดีไหมละ กับการที่ควบคุมธรรมชาติได้ รู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ จนชีวิตของคนอื่นไร้ค่ารึเปล่า"
คำพูดของตาเฒ่าที่ออกแนวถากถางแบบนี้ผมได้ยินมาเยอะ มันจะมีคน2ประเภทคือ คนที่อิจฉาคนที่เหนือกว่ากับคนที่ถูกคนที่เก่งกว่ากระทำให้เจ็บช้ำ
ตาลุงไพศาลเก่งวิชาดาบในระดับที่ไม่ธรรมดา จนไม่รู้ว่าจะไปเข้าข่ายข้อไหน แต่มันต้องมีเหตุผลที่ให้แกมาวุ่นวายกับเรื่องเวทมนตร์แน่
"พวกแกมันก็แค่สร้างภาพว่าดี สร้างภาพว่าเป็นผู้เชื่อมต่อกับธรรมชาติ ข้าจะไล่ฝังพวกเอ็งให้ใดๆไปเสีย"
'ดาบที่8 ราหูปิดช่วง'
'นกคุ้มเข้ารัง'
นักดาบเฒ่าหันไปรับการโจมตีจากด้านหลังที่มาขัดจังหวะของนิพนธ์ได้ทัน เขาตวัดดาบออกและฟันเสยขึ้น ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดว่านิพนธ์ยังไม่ทันเท้าแตะพื้นด้วยซ้ำ
นิพนธ์ใช้กระบองซ้ายปัดได้ทันและหวดกลับด้วยกระบองขวา
พี่กบี่ใช้เวทลม+น้ำสร้างมีดน้ำแข็งพุ่งเข้าใส่
ไพศาลหลบได้อย่างง่ายดาย
แต่พี่กบี่ไม่ได้เล็งที่ร่างกายของเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไพศาลสะพายกระเป๋าใบหนึ่ง และนั้นคือเป้าหมาย มีดน้ำแข็งบินเข้าตัดสายกระเป๋าได้สำเร็จ นิพนธ์เตะกระเป๋านั่นเต็มแรงจนมันลอยมาเข้ามือของผมพอดี
ผมรีบเปิดกระเป๋าหยิบหนังสือเล่มเดียวในนั้นออกมาเปิดไปหน้าสุดท้าย แต่มันกลับไม่มีวงเวท
"หึหึหึ ข้าไม่โง่พอจะพกหนังสือนั่นติดตัวมาทั้งๆที่รู้ว่าพวกเอ็งกำลังดักตีหัวข้าอยู่หรอกโว้ย"
"หนอยแน่ตาลุง เหลี่ยมเยอะนักนะ รีบคืนเพื่อนฉันกับคนอื่นๆมาได้แล้วน่า ไม่งั้นลุงเละแน่"
"นิพนธ์ ในฐานะที่เป็นนักดาบเหมือนกัน เอ็งก็น่าจะรู้ว่าใครกันแน่ที่จะเละ หรือต่อให้พวกแกโชคดีชนะข้าได้ แต่พวกแกก็ไม่รู้หรอกว่าหนังสืออยู่ที่ไหน"
'ดาบที่8 ราหูปิดช่วง'
ความมืดเข้าปกคลุม แสงดาว แสงจันทร์ แสงไฟ เสียงลมหรือน้ำ ทุกอย่างหายไป
เงียบสงัด และมืดอย่างที่สุด
"กวี เบล"
เสียงพี่กบี่ที่ติดต่อมาทางจิต ผมลองใช้รูนแก้ดูหลายตัว
แคร้ง!!!
เสียงเหล็กกระทบกันดังขึ้นตรงหน้าของผมพอดี
"ทุกคนเป็นอะไรนะ" เสียงนิพนธ์ดังขึ้น ดูเหมือนพวกเสียงจะกลับมาให้ได้ยิน แต่ภาพยังมืดบอดเหมือนเดิม
"ฉันไม่เห็นไม่ได้ยินอะไรเลย" เสียงเบลติดต่อมาทางจิต
"แกทำอะไรทุกคนนะตาแก่"
"โห วิชาของข้าใช้กับเอ็งไม่ได้ผลงั้นเรอะ นิพนธ์"
นี่มันยังไง มีแต่เจ้านิพนธ์ที่ไม่ได้รับผลกระทบ
"กวี ลองใช้เวทสอดแนม" พี่กบี่พูดผ่านจิตมาอีก
จริงด้วย ถึงจะใช้เวท Visibility มองตรงๆไม่ได้ แต่ถ้าพวกเวท Scout น่าจะได้ ผมหยิบมรกตในกระเป๋ากางเกงออกมา เขียนรูนบนหน้าผากก็แล้วโยนแร่สีเขียวออกไปก็ทำให้กลับมองเห็น ถึงแม้มุมมองมันจะออกมาจากเจ้าก้อนแร่นั่นแทนจากที่ตาปกติก็ตาม
'Gust'
ผมยิงกระสุนเวทออกไปตอนที่นิพนธ์ทิ้งระยะห่างออกมา
อีกฝ่ายหลบอย่างไม่ยากเย็นเช่นเคย แต่ทว่าคราวนี้ทางผมก็คิดเอาไว้แล้วเช่นกัน ผมใส่พวกอัญมณีที่ถ่ายมานาใส่มาหลายปีเอาไว้ในกระสุนเวทด้วย
ตูม!!!
เมื่อถึงระยะผมก็สั่งให้มันระเบิดออก เศษแร่กระจายจู่โจมเข้าใส่เป้าหมายทำให้เขาเสียจังหวะ และกลายเป็นโอกาสให้นิพนธ์เข้าไปซ้ำได้
"เสร็จละ!!"
ผัวะ!!
นิพนธ์ฟาดเข้าที่ซี่โครงขวาเต็มๆ แล้วต่อด้วยตีสะพายแล่งแนวด้านซ้ายด้วยมือขวา
ปึก!!
แต่ทว่า ฝักดาบไม้ไผ่ของไพศาลยกขึ้นมารับเอาไว้ได้ที่ด้านในตรงข้อมือของอีกฝ่าย ปลายดาบยาวพุ่งเข้าเสียบที่หัวใจของอริที่เปิดว่างอยู่อย่างรวดเร็ว
'กระจาบแตกรัง'
นิพนธ์ระเบิดปราณออกรอบตัว ผมที่ไม่ทันระวังเพราะกะทันหันโดนแรงกระแทกล้มลงโดยไม่ทันได้สร้างเกราะเวท แน่นอนว่าอีก 2 คนที่เหลือก็เช่นกัน
ตลอดเวลากว่า60ปีที่อยู่กับดาบมาทำให้รู้ว่า แม้เสี้ยววินาทีที่เราจะชนะหรือแพ้นั้น ก็อาจจะมีสิ่งที่ทำให้พลิกกระดานหมากเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง ดังนั้น การที่เจ้าหนูนิพนธ์จะมีวิชามาแก้ทางข้าเองก็คิดเอาไว้เช่นกัน
'กระจาบแตกรัง'
เป็นการตั้งชื่อที่น่ารักผิดกับความรุนแรงของวิชา
'ดาบที่3 ภุชงค์สีชาด'
เกรียวพายุหมุนรอบดาบหักล้างปราณของอีกฝ่ายที่ระเบิดออกมา เปิดช่องว่างให้ปลายดาบของข้าแทรกผ่านเข้าไปได้
ข้าเสียบดาบไปสุดแขนในตำแหน่งหัวใจอย่างแม่นยำ ก่อนที่มันจะกลายเป็นสนิมพุพังไปอย่ารวดเร็ว
ฝักดาบไม้ที่งัดข้อมืออีกฝ่ายเองก็เสื่อมสลายไปเช่นกัน
ตาซ้ายของไอ้เด็กนี่ปิดสนิท เหลือแต่ตาขวาที่จ้องมองมา ผิดแต่สีที่เคยเป็นสีทองกลับเป็นสีฟ้าเรื่องแสงสว่างสุกใส
รอยยิ้มกว้างแสดงฟันขาวเรียงกันสวยงามเป็นระเบียบ แต่ดูน่ากลัวอย่างประหลาด
กลิ่นเหม็นดั่งซากศพลอยโชยผ่านไรฟันออกมา
"หึหึ ยักษ์ดำงั้นเรอะ"
เสียงไพเราะจับใจ แต่ฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงหญิงหรือชายกันแน่
มันรู้จักข้าหรือ!!?
แต่ข้าไม่รอที่จะถามหรอก ข้าออกแรงถีบตัวถอยออกมาก่อนที่อ้อมแขนยมทูตจะสวมกอด
แต่เจ้าหนุ่มนั่นไม่ตามมา มันกลับล้มลงหน้าทิ่มดินเสียเฉยๆ
กำแพงใสล้อมตัวข้างเอาไว้ทุกทาง ในมือของข้าตอนนี้มีเพียงดาบที่เหลือใบแค่ 3 นิ้ว และฝักดาบที่หักครึ่งเท่านั้น
พวกนักเวท 3 คนมายืนล้อมข้าเอาไว้
ไอ้คนร่างยักษ์พูดขึ้นก่อน
"แผนแกพังแล้วตาลุง เรารู้ว่ามีคนร่วมมือกับแก เจ้าของร้านหนังสือเก่าที่แกไปหลอกเขาเหมือนที่แกหลอกนายคมกฤษ ตอนนี้คนของเราได้หนังสือมาแล้ว และเรารู้ว่าวงเวทพิธีที่แท้จริงอยู่ที่ร้านนั้น ทีนี้บอกสิว่าแกจะทำอะไร"
"ก็เหมือนกับจอมเวทอย่างพวกเอ็งไง"
"ขอโทษนะลุง แต่เวทมนตร์มันไม่ได้เอาไว้ใช้หลอกลวงคนอื่นเพื่อตัวเองแบบที่ลุงทำ"
"เอ็งชื่อกวีงั้นสิ เอ็งอยู่ในวงการนี้มานานแค่ไหนแล้ว"
"พวกเรา Wit Association ไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นนะ และนั้นเหตุผลที่เราก่อตั้งขึ้นมายังไงละ"
คราวนี้เป็นยัยเด็กสาวลูกครึ่งพูด
"ฮะๆๆ ขนาดคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง พวกเอ็งยังแก้ไม่ได้เลย"
"นั่นมันงานของตำรวจ"
"พวกเอ็งนี่มันโง่บรม สมองหมาปัญญาควายแบบนี้ จะพากันล่มจมทั้งเมือง"
"พอกันที เอาไว้ไปคุยกันจอมเวทที่มาจากส่วนกลางก็แล้วกัน"
"ใครบอกว่าข้อจะไปกับพวกเอ็ง"
'ดาบที่2 จันทราผ่าโลก'
แสงสะท้อนจากใบดาบที่เหลืออยู่กลายเป็นดาบแสง ข้าหวดมันทะลุผ่านคุกแก้วทำให้พวกมันต้องหลบ ผิดเองที่สร้างคุกโปร่งแสงแบบนี้ออกมา
'ดาบที่1 ตะวันตัดนภา'
ดาบไฟทำลายคุกใสให้แตกออก ข้าจึงใช้จังหวะชุลมุนรีบหนีทันที
ในเมื่อไอ้พวกโง่นี่ไม่รู้ว่ากำลังมีอะไรเกิดขึ้นกับเมืองนี้ก็ปล่อยมัน หรือมันจะแกล้งโง่ก็ช่างมัน ข้าแค่ต้องการแกแค้นให้หลานสาวของข้าเท่านั้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ