Oh, My Baby Doll
-
เขียนโดย IamRanya
วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 20.04 น.
4 ตอน
1 วิจารณ์
5,007 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2563 20.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ตอนที่ ๒, คำไหว้วานของดอน (The Don's Request)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ๒
คำไหว้วานของดอน
คฤหาสน์ของตระกูลลัซซาโรตั้งอยู่บริเวณรอยต่อระหว่างลาสเวกัส และนอร์ธลาสเวกัส มันมีอายุพอ ๆ กับเมืองนี้ จากรั้วโลหะดัดลายด้านหน้าเข้ามา ผ่านสวนหย่อม จะเป็นบ้านใหญ่ที่ดอนโจวานนี ลัซซาโรอยู่อาศัยกับภรรยา และลูก ๆ รวมทั้งใช้เป็นออฟฟิศมีบ้านหลังเล็กอีกสองหลังในบริเวณ ผู้อยู่อาศัยก็แตกต่างกันไปตามกาลเวลา ยุคหนึ่งเคยเป็นบ้านสำหรับลูก ๆ ที่มีครอบครัวของตัวเอง ยุคหนึ่งเคยใช้รับรองเหล่าทหารของก๊กตอนที่มีงานอันไม่รู้จบสิ้นให้ทำในตัวเมือง ส่วนยุคอันได้สงบลงแล้วนี้ พวกมันถูกใช้เป็นสถานที่รับรองแขกเหรื่อผู้ประสงค์จะอยู่แรมซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
ดอนลัซซาโรอยู่ในวัยกลางคน มีพุงเจ้าสำราญเล็ก ๆ ตามประสาผู้มั่งมี ความเครียดทำให้เขาแก่ก่อนวัยไปบ้าง เขาได้ใช้เวลาหนึ่งในสามของชีวิตหลงระเริงไปกับความสุขอันฉาบฉวยอย่างกระด้างกระเดื่อง ส่วนที่สองซึ่งกำลังใช้อยู่นี้เกิดขึ้นหลังเขารอดตายมาจากสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งเป็นการตัดสินใจเพียงเพื่อจะประชดประชันพ่อผู้เคร่งครัดในธุรกิจของเขา เขาใช้เวลาทุกนาทีอย่างคุ้มค่าด้วยการสร้างความสงบปลอดภัยให้ครอบครัว มิตรสหาย และลูกน้อง ในฐานะผู้นำครอบครัวหลังพ่อ และพี่ชายทั้งสองคนของเขาล้วนเสียชีวิตในสงครามระหว่างก๊กที่เกิดขึ้นระหว่างที่เขาอยู่ในสนามรบอันห่างไกลจากพวกเขาไปกว่าห้าพันไมล์ ส่วนที่สามซึ่งกำลังใกล้เข้ามานั้นเริ่มจากตอนที่อาการอัลไซเมอร์ที่กำเริบหนักบีบให้เขามีชีวิตอยู่เพียงแค่ในอดีต ไร้การรับรู้ถึงปัจจุบันกาล จนกระทั่งเขาเสียชีวิตด้วยโรคชราด้วยอายุเก้าสิบสามปี
ตอนนี้เขานั่งอยู่ในออฟฟิศ บนโซฟาหนังสีเข้มหน้าโต๊ะทำงาน เทียบกับอั้งยี่ ตำแหน่งของเขาก็คือตั้วเฮีย รายล้อมโต๊ะกาแฟด้วยคอนซิกลิออรี หรือที่ปรึกษาผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา ชื่อกาสปาเร เดอ นุกซี อีกสองคนเป็นคาโป เทียบได้กับซาเฮีย คอยรับคำสั่งและคุมลูกน้องอีกทอด รวมทั้งคุมธุรกิจย่อยของดอน และเมื่อพูดถึงธุรกิจย่อยมันหมายถึงสินค้าหนีภาษี การเก็บค่าคุ้มครอง และธุรกิจฟอกเงิน คาโปเหล่านั้น ได้แก่ ฟรานเซสโก เฟอรานตี และโทนี “บุทเชอร์” เซอราโตเรซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่สุดในองค์ประชุม ได้ฉายานั้นเพราะเคยเป็นคนขายเนื้อ ก่อนหน้านี้ก็เรียกโทนีเฉย ๆ แต่หลังจากโทนี โคโฟเนได้เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ ทุกคนก็เรียกเขาว่าบุทเชอร์แทนชื่อจริงเพื่อกันสับสน เขาเองก็ไม่ได้ถือสา
โทนี โคโฟเนดูแลเมืองซันไรส์เมเนอร์ มันเป็นชานเมือง ไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้นให้ทำมากและเหมาะกับการฝึกประสบการณ์ของเขาดี เขาก็เป็นหนึ่งในองค์ประชุมเรื่องนักลักพาตัวนี้ เขามาเป็นสองคนสุดท้ายเพราะต้องรอรับเบอร์ตัน “เจ้าชาย” ยัง ที่สนามบินมาประชุมด้วย
อีกคนหนึ่งที่ควรจะมาแต่ก็ไม่อาจมาได้คือรองผู้นำ ตำแหน่งยี่เฮียที่เขามอบให้ลูกชายผู้กระตือรือร้นแต่ไร้สมองของเขา ซึ่งตอนนี้กำลังถูกขังชั่วคราวอยู่ในสถานีตำรวจเวกัสในข้อหาขับรถอย่างคึกคะนองกับเพื่อน ๆ ของเขา ดอนตั้งใจจะปล่อยให้ลูกชายเพียงคนเดียวของตนได้เรียนรู้เสียบ้างว่าทุกสิ่งที่เขาตัดสินใจกระทำล้วนจะก่อให้เกิดอีกเหตุการณ์หนึ่งตามมา และพ่อไม่ได้จะอยู่โอ๋เขาตลอดไป
ดอนสูบบุหรี่ คนอื่น ๆ ก็สูบบุหรี่ไม่ก็ซิการ์ เขาชอบบุหรี่มากกว่าเพราะเมื่ออยากสูบก็จุดไฟได้เลย ไม่ต้องมีพิธีรีตองมากเหมือนซิการ์ ห้องเป็นสีเหลืองนวลด้วยแสงไฟจากหลอดไส้ทังสเตนจากด้านบน ทอดเงามืดที่ด้านล่างของใบหน้า ความมืดใต้โหนกคิ้วทำให้เบ้าตาดูลึกกว่าความเป็นจริง ควันสีเทาอบอวลโดยทั่ว และทุกคนดูเหมือนผี
เสียงรถขับเข้ามา เสียงของยางล้อรถบดกับหินกรวดแม่น้ำที่ใช้ปูทาง ตามมาด้วยเสียงพูดคุยที่ไกลเกินกว่าจะจับความได้ นานกว่าที่ควรจะเป็นเล็กน้อย เสียงฝีเท้าสองคู่ก็เดินขึ้นบันไดมา ไม้ลั่นบ้างเพราะอายุของมัน ดอนดับบุหรี่ในถาดเขี่ยโดยที่ยังสูบไม่หมดมวนอีกทั้งพยักพเยิดบอกคนอื่นให้ทำอย่างเดียวกันเดี๋ยวนี้ เพราะรู้ว่าเจ้าชายไม่ชอบควัน มันทำให้พระองค์ไมเกรนกำเริบ หากเขาสูบให้เห็น พระองค์ก็จะพูดถึงไฮโจรเจนไซยาไนด์, คาร์บอนมอนอกไซด์, สารหนู และชื่อสารเคมีที่ฟังดูอันตรายอื่น ๆ ทั้งสองเคยเห็นโฆษณาบุหรี่บนโทรทัศน์ด้วยกัน ดอนตั้งกระทู้ว่าถ้าบุหรี่อันตรายเหล่านั้นจริง บริษัทบุหรี่เหล่านั้นและรัฐบาลจะปกปิดเพื่อฆ่าประชาชนอย่างนั้นหรือ? คำตอบของเจ้าชายคือ “ประชาชนยิ่งตายเร็วจะได้ไม่ต้องจ่ายบำเหน็จบำนาญ แกลองอยู่ให้เลยศตวรรษนี้ไปให้ได้สิ จะได้เห็นคนรณรงค์เลิกบุหรี่กัน” – ดอนเชื่อในสติปัญญาโดยทั่วไปของเพื่อนตัวเอง แต่ไม่เชื่อในเรื่องบุหรี่ เขาอยากเชื่อปทัฏฐานสังคมในกรณีนี้เพื่อสนองความต้องการของตัวเองโดยไม่ต้องเกิดความรู้สึกตะขิดตะขวง เขาปฏิเสธจะเชื่อว่าสารพวกนั้นอันตรายจริงอย่างน้อยก็จนกว่าจะเห็นคนอื่นอย่างน้อยอีกสองสามคนแสดงทีท่าว่าเห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าว แม้จะทราบว่าอีกคนเป็นอดีตทหารแพทย์ เป็นอดีตแพทย์สนามจำเป็นที่เคยช่วยชีวิตตน ร่วมเคยทำงานหลายตำแหน่งในวงการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี แต่ความเชื่อมั่นที่ดอนมีก็ไม่ใช่ในเชิงทางการอย่างที่เคยเป็น ช่วยไม่ได้ คุยกันแรก ๆ ถึงเรื่องจริยศาสตร์ ตรรกศาสตร์ และสุนทรียศาสตร์ แต่นาน ๆ เข้ากลับกลายเป็นเรื่องเพ้อฝันอย่างหุ่นยนต์ กับเอเลี่ยนเสียนี่
โทนี โคโฟเนเป็นคนเปิดประตู จานห้าใบอยู่ในมืออีกข้าง เบอร์ตัน ยังแทรกตัวเข้ามา ถือกล่องเค้ก เขาดูอ่อนเยาว์ที่สุดในองค์ประชุม อ่อนเยาว์จนเกือบจะดูผิดที่ผิดทาง อย่างน้อยก็ที่ใบหน้า แต่มีกิริยาท่าทางดูมั่งคง น่าเชื่อถือจึงเป็นเรื่องปรกติที่เขาจะถูกถามจากพนักงานช่างสงสัยเมื่อเยี่ยมดูความเป็นไปของธุรกิจที่ตนมีหุ้นส่วนเป็นครั้งแรกหากตนเป็นนักศึกษาจบใหม่จากมหาวิทยาลัยไอวี่ลีกสักแห่ง บนของหูข้างซ้ายติดอุปกรณ์เล็ก ๆ ดูคล้ายเครื่องช่วยฟังสำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยิน หลายคนบอกว่าดวงตาของเขาดูอันตราย ดวงตาสีเขียวปัดเหมือนแมวป่าใต้กรอบแว่นดูเหมือนจะมีความคิดอันลึกซึ้งบางอย่างคุกกรุ่นอยู่ภายใต้เสมอ ไม่ว่าข้อเท็จจริงนั่นจะถูกต้องหรือไม่ก็ตาม แต่มันก็ทำให้เกิดความเกรงทั่วไปในหมู่ผู้อยู่ใต้บัญชาของเขา หากไม่นับคนที่รู้บทบาทของเขาในสงครามระหว่างก๊กในช่วงทศวรรษที่แล้ว
ฟรานเซสโก เฟอรานตีลุกขึ้นตามนิสัยคิดไวทำไวโดยธรรมชาติของตน “เจ้าชายทรงเสด็จกลับมาจากดินแดนอีสานทิศ แถมรู้เสียด้วยว่าอะไรทำให้ขุนนางของพระองค์พอใจ” ตบไหล่ทั้งสองคนหลังข้าวของถูกวางลง ปฏิกิริยาของเบอร์ตันคือการเหยียดริมฝีปากยิ้ม
เบอร์ตันทักทายผู้ร่วมประชุมด้วยการกอดตามธรรมเนียม ทักทายดอนเป็นคนสุดท้ายด้วยการจูบแก้ม เขาปลดกระดุมเสื้อนอก นั่งลงตรงเก้าอี้ที่ถูกลากมาเสริมตามคำอนุญาตและการผายมือของดอน ขณะที่เฟอรานตีเริ่มตัดแบ่งบอสตันครีมพาย “นี่ถ้ามีชาด้วย ผมคงพูดสำเนียงคุณได้เลยล่ะ” จากนั้น เขาพยายามพูดทักทายโดยเลียนสำเนียงทรานส์แอตแลนติก[๑]ของ เบอร์ตัน ว่า “สายัณห์สวัสดิ์ สุภาพบุรุษ ไม่มีใครรู้ชาติกำเนิดของผม แต่เมื่อผมพูดสำเนียงนี้ ก็จะถูกต่างว่าเป็นคนจากสังคมชั้นสูงโดยปริยาย” ซึ่งเมื่อร่วมกับสำเนียงโดยธรรมชาติของเฟอรานตีเองแล้ว มันฟังดูแปร่งพิลึกอย่างที่จะเกิดขึ้นทั่วไปเมื่อผู้ใช้สำเนียงอเมริกันพยายามเลียนสำเนียงอังกฤษด้วยการบิดเบือนวิธีออกเสียงเสียเกินจริง ทุกคนหัวเราะไม่ว่าจะหัวเราะจริง ๆ หรือเพื่อไหลไปตามบรรยากาศ ยกเว้น ดอน, นุกซี และเบอร์ตัน “เจอกันทีแรกพูดสำเนียงอเมริกันจ๋า ๆ พอรวยแล้วเนี่ยนะสำเนียงเลยเปลี่ยน!” เขาเอื้อมมือไปตบไหล่เบอร์ตันซึ่งนั่งเยื้องอยู่ด้านหน้า “หยอกเล่น ไม่โกรธนะ”
แม้ยาสูบทั้งหลายจะถูกดับแล้วแต่กลิ่นบุหรี่ยังคงคลุ้งเต็มห้อง และเบอร์ตันเริ่มรู้สึกถึงอาการชาที่ปลายประสาท “มึ่ย มึ่ยกดคับ” เขาเลียนสำเนียงห้วนสั้นที่เจือความเป็นอิตาเลียนเล็กน้อยของเฟอรานตีได้อย่างสมบูรณ์แบบ เสียงไม่อาจแหบทุ้มได้เท่าเจ้าตัวเพราะเขาคงจำเป็นต้องสูบซิการ์อย่างน้อยสิบมวนต่อวัน และเพิ่มน้ำหนักอีกหกสิบห้าปอนด์ด้วยคันโนลี ไม่มีความขบขันในนั้น มันถูกพูดเพื่อให้ผู้ร่วมวงสนทนาประทับใจและผ่อนคลาย กลุ่มเป้าหมายของเขาไม่ได้สังเกตรายละเอียดนั้นแล้วพากันหัวร่อ เฟอรานตีตบต้นแขนเบอร์ตันอีกครั้งอย่างขบขัน มันแรงกว่าทีแรกเป็นสองเท่าและทำให้เขาปวดหนึบ
เฟอรานตีกำลังจะพูดถึงความอร่อยเฉพาะตัวของครีมบอสตันที่ภรรยาของตน และหัวหน้าคนอบขนมปังคนหนึ่งเคยเล่า แต่ดอนกระแอมเสียก่อน ทุกคนมีเค้กอยู่ตรงหน้า เบอร์ตันปฏิเสธส่วนของตัวเอง
“ขอบคุณที่ทุกคนมา” ดอนเอนหลังพิงพนัก เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยขณะมองทุกคนที่นั่งล้อมอยู่โดยทั่ว “ทุกคนคงได้อ่านข่าวเรื่องนักลักพาตัวเด็กแล้ว ไม่ว่ามันจะมีจุดประสงค์อะไร แต่การที่มันมาทำแบบนี้ ในบ้านของพวกเรา และคนที่เรารัก มันเป็นการดูหมิ่น เป็นการขาดความเคารพอย่างยิ่งต่อพวกเราในฐานะองค์กรหนึ่งที่จัดระเบียบเมืองนี้ และละแวกใกล้เคียง ผมเรียกประชุมเพื่อหาแนวทางจัดการกับเรื่องนี้
“สามสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ตำรวจไม่มีความคืบหน้าในคดีเลย อีกไม่นานเอฟบีไอคงจะรับช่วงต่อ สัญญาที่ว่าเอฟบีไอจะไม่ยุ่งกับพวกเราก่อต่อเมื่อไม่เกิดอาชญากรรมที่ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของชาวเมืองก็จบเห่ แล้วพวกเราก็จะต้องวุ่นโดนอ้ายพวกนั้นสอบสวน ซึ่งผมไม่อยากให้เกิดขึ้น เบาสุดก็คงได้เสียเงินสินบนเพิ่มโดยใช่เหตุ ผมไปคุยกับพวกมันแล้ว พวกมันให้เวลาเราอีกอาทิตย์หนึ่งก่อนจะเริ่มการรีดไถ
“ผมอยากให้ทุกคนช่วยหาอ้ายคนร้ายนี้ หรือพวกนี้ให้ได้ก่อนพิธีมิสซาอาทิตย์นี้เบอร์ตันจะเป็นคนนำการสืบหา ผมยังไม่ได้เอาสำเนาแฟ้มคดีมาให้ ไม่นึกว่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้ แต่ขอให้คนที่กรมทำไว้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้ใครสักคนที่อยู่ใกล้ ๆ กรมเอาไปให้ตอนที่เข้าไปประกันตัวแมตทีโอ” เขาพยักพเยิดให้ นุกซีจดรายการคำสั่งนั้นไว้ “อยากพูดอะไรไหม เบอร์ตัน?”
เบอร์ตันโน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย “เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปเอาแฟ้มเอง อยากได้ให้เร็วที่สุด ผมอยากให้คุณกันตำรวจที่สืบคดีนี้อยู่ออกไป จะทำวุ่นเสียเปล่า หากต้องการความช่วยเหลือจากตำรวจเมื่อไหร่ผมจะติดต่อไปเอง ผมขอทำงานคนเดียว ถ้าต้องใช้กำลังคน ผมจะใช้คนของตัวเอง พวกตำรวจของผม หรืออาจยืมคนของโทนี โคโฟเนถ้าจำเป็น
“ทั้งหมดที่ผมรู้เกี่ยวกับคนร้ายตอนนี้คือเขาไม่ใช่แก๊งค้ามนุษย์อะไรทั้งนั้น เขาทำด้วยเหตุผลส่วนตัว เป็นชายคนเดียว ผมสีเข้มน่าจะเป็นชายผิวขาว หลอกเด็กให้เข้ามาใกล้รถด้วยการแกล้งเป็นคนแขนเจ็บ ทำกล่องเล็ก ๆ ร่วงแล้วขอให้เด็กช่วยหยิบใส่ท้ายรถให้ ตอนนั้นแหละ เขาจะเอาค้อนฟาดหัวเธอสลบแล้วยัดท้ายรถ ขับออกไป – อย่างน้อยนั่นก็เป็นวิธีที่เขาใช้ในครั้งที่กล้องวงจรปิดเขตผมจับได้ แล้วผมก็เชื่อว่าเขาพักอาศัยในซันไรส์เมเนอร์ น่าเสียดายที่คุณภาพกล้องไม่ดีพอจะเห็นหน้าเขาชัด แต่เดี๋ยวผมจะเอาภาพรถให้ช่วยกันหา”
“ทำไมถึงแน่ใจว่าเป็นเขตผม?” โคโฟเนเพิ่งเคี้ยวเสร็จพอดี คิ้วหนา ๆ ที่ขมวดของเขาดูเกือบจะดูเหมือนติดกันเป็นเส้นเดียว
“เหตุผลแรก กล้องจับภาพได้ว่าเขาขับรถไปซันไรส์เมเนอร์หลังก่อคดี เหตุผลที่สองคือประสบการณ์ส่วนตัว” เขาไม่ได้ขยายความเพิ่มเติมในส่วนหลัง “ผมจะเริ่มงานพรุ่งนี้ มีเรื่องจะแจ้งอีกหรือเปล่าครับ?”
ดอนส่ายหน้า เขาสังเกตเห็นแสงกระพริบจากอุปกรณ์บนหูเบอร์ตันแล้วยกมือขึ้นแสดงการปฏิเสธ “มีธุระก็ไปทำเถอะ ฉันจะติดต่อไปทีหลังถ้ามีเรื่องเพิ่มเติม”
นุกซีชวเลขทุกคำสั่งและรายละเอียดที่สำคัญลงสมุด
“ขอบคุณครับ และถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมขอยืมรถยนต์สักคันกลับบ้านคืนนี้”
“ได้ ถ้าสัญญาว่าจะคืนแบบทั้งคัน”
เบอร์ตันยิ้มรับแทนคำสัญญา เขาลุกขึ้น “ราตรีสวัสดิ์ครับ สุภาพบุรุษ ขอให้อร่อยกับเค้ก”
ดอนจุดบุหรี่มวนใหม่ทันที่ประตูปิด ไม่มีเรื่องสำคัญมากมายจะพูดหลังจากนั้น หลังรายงานเรื่องรายได้ในเขตตัวเอง การประชุมจบลงในเวลาไม่นาน ทุกคนแยกย้ายกันกลับไป ดอนลัซซาโรเดินลงมาเก็บจานในห้องครัว เห็นถุงกระดาษวางอยู่บนโต๊ะกลางห้อง เปิดดูก็พบถั่วอบบอสตันในโหลแก้วใส มีลวดลายดูสวยงามประดับ และลวดสีผูกประดับปากขวด คล้องป้ายของชื่อร้านและที่อยู่
ดอน ผู้นิยมความเรียบง่ายของเครื่องอุปโภคบริโภคนึกถึงถั่วบอสตันกระป๋องในร้านโชห่วยบนช่วงตึกถัดไป แล้วก็อดนึกไม่ได้ว่าในยุคที่การคมนาคมขนส่งทำให้คนทุกที่มีอาหารทะเลกินได้ การซื้อของฝากที่หาได้ในเมืองตัวเองมันจะมีประโยชน์ตรงไหน อย่างไรเสีย ภรรยาและลูกสาวเขานี่ชอบของฝากนักหนา
ดอนยัดก้นบุหรี่ทิ้งในสะดืออ่างล้างจานแล้วเข้านอน
______________________________________
[๑]Transatlantic เป็นสำเนียงที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อให้เกิดการออกเสียงที่ชัดเจนที่สุดให้ไมโครโฟนยุคเก่าจับความได้โดยผสมระหว่างสำเนียงอังกฤษ และอเมริกัน เป็นสำเนียงที่ต้องถูกสอนเพราะเป็นสำเนียงที่ไม่ได้ถูกใช้จริงในท้องถิ่นโดยธรรมชาติ
คำไหว้วานของดอน
คฤหาสน์ของตระกูลลัซซาโรตั้งอยู่บริเวณรอยต่อระหว่างลาสเวกัส และนอร์ธลาสเวกัส มันมีอายุพอ ๆ กับเมืองนี้ จากรั้วโลหะดัดลายด้านหน้าเข้ามา ผ่านสวนหย่อม จะเป็นบ้านใหญ่ที่ดอนโจวานนี ลัซซาโรอยู่อาศัยกับภรรยา และลูก ๆ รวมทั้งใช้เป็นออฟฟิศมีบ้านหลังเล็กอีกสองหลังในบริเวณ ผู้อยู่อาศัยก็แตกต่างกันไปตามกาลเวลา ยุคหนึ่งเคยเป็นบ้านสำหรับลูก ๆ ที่มีครอบครัวของตัวเอง ยุคหนึ่งเคยใช้รับรองเหล่าทหารของก๊กตอนที่มีงานอันไม่รู้จบสิ้นให้ทำในตัวเมือง ส่วนยุคอันได้สงบลงแล้วนี้ พวกมันถูกใช้เป็นสถานที่รับรองแขกเหรื่อผู้ประสงค์จะอยู่แรมซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
ดอนลัซซาโรอยู่ในวัยกลางคน มีพุงเจ้าสำราญเล็ก ๆ ตามประสาผู้มั่งมี ความเครียดทำให้เขาแก่ก่อนวัยไปบ้าง เขาได้ใช้เวลาหนึ่งในสามของชีวิตหลงระเริงไปกับความสุขอันฉาบฉวยอย่างกระด้างกระเดื่อง ส่วนที่สองซึ่งกำลังใช้อยู่นี้เกิดขึ้นหลังเขารอดตายมาจากสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งเป็นการตัดสินใจเพียงเพื่อจะประชดประชันพ่อผู้เคร่งครัดในธุรกิจของเขา เขาใช้เวลาทุกนาทีอย่างคุ้มค่าด้วยการสร้างความสงบปลอดภัยให้ครอบครัว มิตรสหาย และลูกน้อง ในฐานะผู้นำครอบครัวหลังพ่อ และพี่ชายทั้งสองคนของเขาล้วนเสียชีวิตในสงครามระหว่างก๊กที่เกิดขึ้นระหว่างที่เขาอยู่ในสนามรบอันห่างไกลจากพวกเขาไปกว่าห้าพันไมล์ ส่วนที่สามซึ่งกำลังใกล้เข้ามานั้นเริ่มจากตอนที่อาการอัลไซเมอร์ที่กำเริบหนักบีบให้เขามีชีวิตอยู่เพียงแค่ในอดีต ไร้การรับรู้ถึงปัจจุบันกาล จนกระทั่งเขาเสียชีวิตด้วยโรคชราด้วยอายุเก้าสิบสามปี
ตอนนี้เขานั่งอยู่ในออฟฟิศ บนโซฟาหนังสีเข้มหน้าโต๊ะทำงาน เทียบกับอั้งยี่ ตำแหน่งของเขาก็คือตั้วเฮีย รายล้อมโต๊ะกาแฟด้วยคอนซิกลิออรี หรือที่ปรึกษาผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา ชื่อกาสปาเร เดอ นุกซี อีกสองคนเป็นคาโป เทียบได้กับซาเฮีย คอยรับคำสั่งและคุมลูกน้องอีกทอด รวมทั้งคุมธุรกิจย่อยของดอน และเมื่อพูดถึงธุรกิจย่อยมันหมายถึงสินค้าหนีภาษี การเก็บค่าคุ้มครอง และธุรกิจฟอกเงิน คาโปเหล่านั้น ได้แก่ ฟรานเซสโก เฟอรานตี และโทนี “บุทเชอร์” เซอราโตเรซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่สุดในองค์ประชุม ได้ฉายานั้นเพราะเคยเป็นคนขายเนื้อ ก่อนหน้านี้ก็เรียกโทนีเฉย ๆ แต่หลังจากโทนี โคโฟเนได้เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ ทุกคนก็เรียกเขาว่าบุทเชอร์แทนชื่อจริงเพื่อกันสับสน เขาเองก็ไม่ได้ถือสา
โทนี โคโฟเนดูแลเมืองซันไรส์เมเนอร์ มันเป็นชานเมือง ไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้นให้ทำมากและเหมาะกับการฝึกประสบการณ์ของเขาดี เขาก็เป็นหนึ่งในองค์ประชุมเรื่องนักลักพาตัวนี้ เขามาเป็นสองคนสุดท้ายเพราะต้องรอรับเบอร์ตัน “เจ้าชาย” ยัง ที่สนามบินมาประชุมด้วย
อีกคนหนึ่งที่ควรจะมาแต่ก็ไม่อาจมาได้คือรองผู้นำ ตำแหน่งยี่เฮียที่เขามอบให้ลูกชายผู้กระตือรือร้นแต่ไร้สมองของเขา ซึ่งตอนนี้กำลังถูกขังชั่วคราวอยู่ในสถานีตำรวจเวกัสในข้อหาขับรถอย่างคึกคะนองกับเพื่อน ๆ ของเขา ดอนตั้งใจจะปล่อยให้ลูกชายเพียงคนเดียวของตนได้เรียนรู้เสียบ้างว่าทุกสิ่งที่เขาตัดสินใจกระทำล้วนจะก่อให้เกิดอีกเหตุการณ์หนึ่งตามมา และพ่อไม่ได้จะอยู่โอ๋เขาตลอดไป
ดอนสูบบุหรี่ คนอื่น ๆ ก็สูบบุหรี่ไม่ก็ซิการ์ เขาชอบบุหรี่มากกว่าเพราะเมื่ออยากสูบก็จุดไฟได้เลย ไม่ต้องมีพิธีรีตองมากเหมือนซิการ์ ห้องเป็นสีเหลืองนวลด้วยแสงไฟจากหลอดไส้ทังสเตนจากด้านบน ทอดเงามืดที่ด้านล่างของใบหน้า ความมืดใต้โหนกคิ้วทำให้เบ้าตาดูลึกกว่าความเป็นจริง ควันสีเทาอบอวลโดยทั่ว และทุกคนดูเหมือนผี
เสียงรถขับเข้ามา เสียงของยางล้อรถบดกับหินกรวดแม่น้ำที่ใช้ปูทาง ตามมาด้วยเสียงพูดคุยที่ไกลเกินกว่าจะจับความได้ นานกว่าที่ควรจะเป็นเล็กน้อย เสียงฝีเท้าสองคู่ก็เดินขึ้นบันไดมา ไม้ลั่นบ้างเพราะอายุของมัน ดอนดับบุหรี่ในถาดเขี่ยโดยที่ยังสูบไม่หมดมวนอีกทั้งพยักพเยิดบอกคนอื่นให้ทำอย่างเดียวกันเดี๋ยวนี้ เพราะรู้ว่าเจ้าชายไม่ชอบควัน มันทำให้พระองค์ไมเกรนกำเริบ หากเขาสูบให้เห็น พระองค์ก็จะพูดถึงไฮโจรเจนไซยาไนด์, คาร์บอนมอนอกไซด์, สารหนู และชื่อสารเคมีที่ฟังดูอันตรายอื่น ๆ ทั้งสองเคยเห็นโฆษณาบุหรี่บนโทรทัศน์ด้วยกัน ดอนตั้งกระทู้ว่าถ้าบุหรี่อันตรายเหล่านั้นจริง บริษัทบุหรี่เหล่านั้นและรัฐบาลจะปกปิดเพื่อฆ่าประชาชนอย่างนั้นหรือ? คำตอบของเจ้าชายคือ “ประชาชนยิ่งตายเร็วจะได้ไม่ต้องจ่ายบำเหน็จบำนาญ แกลองอยู่ให้เลยศตวรรษนี้ไปให้ได้สิ จะได้เห็นคนรณรงค์เลิกบุหรี่กัน” – ดอนเชื่อในสติปัญญาโดยทั่วไปของเพื่อนตัวเอง แต่ไม่เชื่อในเรื่องบุหรี่ เขาอยากเชื่อปทัฏฐานสังคมในกรณีนี้เพื่อสนองความต้องการของตัวเองโดยไม่ต้องเกิดความรู้สึกตะขิดตะขวง เขาปฏิเสธจะเชื่อว่าสารพวกนั้นอันตรายจริงอย่างน้อยก็จนกว่าจะเห็นคนอื่นอย่างน้อยอีกสองสามคนแสดงทีท่าว่าเห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าว แม้จะทราบว่าอีกคนเป็นอดีตทหารแพทย์ เป็นอดีตแพทย์สนามจำเป็นที่เคยช่วยชีวิตตน ร่วมเคยทำงานหลายตำแหน่งในวงการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี แต่ความเชื่อมั่นที่ดอนมีก็ไม่ใช่ในเชิงทางการอย่างที่เคยเป็น ช่วยไม่ได้ คุยกันแรก ๆ ถึงเรื่องจริยศาสตร์ ตรรกศาสตร์ และสุนทรียศาสตร์ แต่นาน ๆ เข้ากลับกลายเป็นเรื่องเพ้อฝันอย่างหุ่นยนต์ กับเอเลี่ยนเสียนี่
โทนี โคโฟเนเป็นคนเปิดประตู จานห้าใบอยู่ในมืออีกข้าง เบอร์ตัน ยังแทรกตัวเข้ามา ถือกล่องเค้ก เขาดูอ่อนเยาว์ที่สุดในองค์ประชุม อ่อนเยาว์จนเกือบจะดูผิดที่ผิดทาง อย่างน้อยก็ที่ใบหน้า แต่มีกิริยาท่าทางดูมั่งคง น่าเชื่อถือจึงเป็นเรื่องปรกติที่เขาจะถูกถามจากพนักงานช่างสงสัยเมื่อเยี่ยมดูความเป็นไปของธุรกิจที่ตนมีหุ้นส่วนเป็นครั้งแรกหากตนเป็นนักศึกษาจบใหม่จากมหาวิทยาลัยไอวี่ลีกสักแห่ง บนของหูข้างซ้ายติดอุปกรณ์เล็ก ๆ ดูคล้ายเครื่องช่วยฟังสำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยิน หลายคนบอกว่าดวงตาของเขาดูอันตราย ดวงตาสีเขียวปัดเหมือนแมวป่าใต้กรอบแว่นดูเหมือนจะมีความคิดอันลึกซึ้งบางอย่างคุกกรุ่นอยู่ภายใต้เสมอ ไม่ว่าข้อเท็จจริงนั่นจะถูกต้องหรือไม่ก็ตาม แต่มันก็ทำให้เกิดความเกรงทั่วไปในหมู่ผู้อยู่ใต้บัญชาของเขา หากไม่นับคนที่รู้บทบาทของเขาในสงครามระหว่างก๊กในช่วงทศวรรษที่แล้ว
ฟรานเซสโก เฟอรานตีลุกขึ้นตามนิสัยคิดไวทำไวโดยธรรมชาติของตน “เจ้าชายทรงเสด็จกลับมาจากดินแดนอีสานทิศ แถมรู้เสียด้วยว่าอะไรทำให้ขุนนางของพระองค์พอใจ” ตบไหล่ทั้งสองคนหลังข้าวของถูกวางลง ปฏิกิริยาของเบอร์ตันคือการเหยียดริมฝีปากยิ้ม
เบอร์ตันทักทายผู้ร่วมประชุมด้วยการกอดตามธรรมเนียม ทักทายดอนเป็นคนสุดท้ายด้วยการจูบแก้ม เขาปลดกระดุมเสื้อนอก นั่งลงตรงเก้าอี้ที่ถูกลากมาเสริมตามคำอนุญาตและการผายมือของดอน ขณะที่เฟอรานตีเริ่มตัดแบ่งบอสตันครีมพาย “นี่ถ้ามีชาด้วย ผมคงพูดสำเนียงคุณได้เลยล่ะ” จากนั้น เขาพยายามพูดทักทายโดยเลียนสำเนียงทรานส์แอตแลนติก[๑]ของ เบอร์ตัน ว่า “สายัณห์สวัสดิ์ สุภาพบุรุษ ไม่มีใครรู้ชาติกำเนิดของผม แต่เมื่อผมพูดสำเนียงนี้ ก็จะถูกต่างว่าเป็นคนจากสังคมชั้นสูงโดยปริยาย” ซึ่งเมื่อร่วมกับสำเนียงโดยธรรมชาติของเฟอรานตีเองแล้ว มันฟังดูแปร่งพิลึกอย่างที่จะเกิดขึ้นทั่วไปเมื่อผู้ใช้สำเนียงอเมริกันพยายามเลียนสำเนียงอังกฤษด้วยการบิดเบือนวิธีออกเสียงเสียเกินจริง ทุกคนหัวเราะไม่ว่าจะหัวเราะจริง ๆ หรือเพื่อไหลไปตามบรรยากาศ ยกเว้น ดอน, นุกซี และเบอร์ตัน “เจอกันทีแรกพูดสำเนียงอเมริกันจ๋า ๆ พอรวยแล้วเนี่ยนะสำเนียงเลยเปลี่ยน!” เขาเอื้อมมือไปตบไหล่เบอร์ตันซึ่งนั่งเยื้องอยู่ด้านหน้า “หยอกเล่น ไม่โกรธนะ”
แม้ยาสูบทั้งหลายจะถูกดับแล้วแต่กลิ่นบุหรี่ยังคงคลุ้งเต็มห้อง และเบอร์ตันเริ่มรู้สึกถึงอาการชาที่ปลายประสาท “มึ่ย มึ่ยกดคับ” เขาเลียนสำเนียงห้วนสั้นที่เจือความเป็นอิตาเลียนเล็กน้อยของเฟอรานตีได้อย่างสมบูรณ์แบบ เสียงไม่อาจแหบทุ้มได้เท่าเจ้าตัวเพราะเขาคงจำเป็นต้องสูบซิการ์อย่างน้อยสิบมวนต่อวัน และเพิ่มน้ำหนักอีกหกสิบห้าปอนด์ด้วยคันโนลี ไม่มีความขบขันในนั้น มันถูกพูดเพื่อให้ผู้ร่วมวงสนทนาประทับใจและผ่อนคลาย กลุ่มเป้าหมายของเขาไม่ได้สังเกตรายละเอียดนั้นแล้วพากันหัวร่อ เฟอรานตีตบต้นแขนเบอร์ตันอีกครั้งอย่างขบขัน มันแรงกว่าทีแรกเป็นสองเท่าและทำให้เขาปวดหนึบ
เฟอรานตีกำลังจะพูดถึงความอร่อยเฉพาะตัวของครีมบอสตันที่ภรรยาของตน และหัวหน้าคนอบขนมปังคนหนึ่งเคยเล่า แต่ดอนกระแอมเสียก่อน ทุกคนมีเค้กอยู่ตรงหน้า เบอร์ตันปฏิเสธส่วนของตัวเอง
“ขอบคุณที่ทุกคนมา” ดอนเอนหลังพิงพนัก เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยขณะมองทุกคนที่นั่งล้อมอยู่โดยทั่ว “ทุกคนคงได้อ่านข่าวเรื่องนักลักพาตัวเด็กแล้ว ไม่ว่ามันจะมีจุดประสงค์อะไร แต่การที่มันมาทำแบบนี้ ในบ้านของพวกเรา และคนที่เรารัก มันเป็นการดูหมิ่น เป็นการขาดความเคารพอย่างยิ่งต่อพวกเราในฐานะองค์กรหนึ่งที่จัดระเบียบเมืองนี้ และละแวกใกล้เคียง ผมเรียกประชุมเพื่อหาแนวทางจัดการกับเรื่องนี้
“สามสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ตำรวจไม่มีความคืบหน้าในคดีเลย อีกไม่นานเอฟบีไอคงจะรับช่วงต่อ สัญญาที่ว่าเอฟบีไอจะไม่ยุ่งกับพวกเราก่อต่อเมื่อไม่เกิดอาชญากรรมที่ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของชาวเมืองก็จบเห่ แล้วพวกเราก็จะต้องวุ่นโดนอ้ายพวกนั้นสอบสวน ซึ่งผมไม่อยากให้เกิดขึ้น เบาสุดก็คงได้เสียเงินสินบนเพิ่มโดยใช่เหตุ ผมไปคุยกับพวกมันแล้ว พวกมันให้เวลาเราอีกอาทิตย์หนึ่งก่อนจะเริ่มการรีดไถ
“ผมอยากให้ทุกคนช่วยหาอ้ายคนร้ายนี้ หรือพวกนี้ให้ได้ก่อนพิธีมิสซาอาทิตย์นี้เบอร์ตันจะเป็นคนนำการสืบหา ผมยังไม่ได้เอาสำเนาแฟ้มคดีมาให้ ไม่นึกว่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้ แต่ขอให้คนที่กรมทำไว้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้ใครสักคนที่อยู่ใกล้ ๆ กรมเอาไปให้ตอนที่เข้าไปประกันตัวแมตทีโอ” เขาพยักพเยิดให้ นุกซีจดรายการคำสั่งนั้นไว้ “อยากพูดอะไรไหม เบอร์ตัน?”
เบอร์ตันโน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย “เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปเอาแฟ้มเอง อยากได้ให้เร็วที่สุด ผมอยากให้คุณกันตำรวจที่สืบคดีนี้อยู่ออกไป จะทำวุ่นเสียเปล่า หากต้องการความช่วยเหลือจากตำรวจเมื่อไหร่ผมจะติดต่อไปเอง ผมขอทำงานคนเดียว ถ้าต้องใช้กำลังคน ผมจะใช้คนของตัวเอง พวกตำรวจของผม หรืออาจยืมคนของโทนี โคโฟเนถ้าจำเป็น
“ทั้งหมดที่ผมรู้เกี่ยวกับคนร้ายตอนนี้คือเขาไม่ใช่แก๊งค้ามนุษย์อะไรทั้งนั้น เขาทำด้วยเหตุผลส่วนตัว เป็นชายคนเดียว ผมสีเข้มน่าจะเป็นชายผิวขาว หลอกเด็กให้เข้ามาใกล้รถด้วยการแกล้งเป็นคนแขนเจ็บ ทำกล่องเล็ก ๆ ร่วงแล้วขอให้เด็กช่วยหยิบใส่ท้ายรถให้ ตอนนั้นแหละ เขาจะเอาค้อนฟาดหัวเธอสลบแล้วยัดท้ายรถ ขับออกไป – อย่างน้อยนั่นก็เป็นวิธีที่เขาใช้ในครั้งที่กล้องวงจรปิดเขตผมจับได้ แล้วผมก็เชื่อว่าเขาพักอาศัยในซันไรส์เมเนอร์ น่าเสียดายที่คุณภาพกล้องไม่ดีพอจะเห็นหน้าเขาชัด แต่เดี๋ยวผมจะเอาภาพรถให้ช่วยกันหา”
“ทำไมถึงแน่ใจว่าเป็นเขตผม?” โคโฟเนเพิ่งเคี้ยวเสร็จพอดี คิ้วหนา ๆ ที่ขมวดของเขาดูเกือบจะดูเหมือนติดกันเป็นเส้นเดียว
“เหตุผลแรก กล้องจับภาพได้ว่าเขาขับรถไปซันไรส์เมเนอร์หลังก่อคดี เหตุผลที่สองคือประสบการณ์ส่วนตัว” เขาไม่ได้ขยายความเพิ่มเติมในส่วนหลัง “ผมจะเริ่มงานพรุ่งนี้ มีเรื่องจะแจ้งอีกหรือเปล่าครับ?”
ดอนส่ายหน้า เขาสังเกตเห็นแสงกระพริบจากอุปกรณ์บนหูเบอร์ตันแล้วยกมือขึ้นแสดงการปฏิเสธ “มีธุระก็ไปทำเถอะ ฉันจะติดต่อไปทีหลังถ้ามีเรื่องเพิ่มเติม”
นุกซีชวเลขทุกคำสั่งและรายละเอียดที่สำคัญลงสมุด
“ขอบคุณครับ และถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมขอยืมรถยนต์สักคันกลับบ้านคืนนี้”
“ได้ ถ้าสัญญาว่าจะคืนแบบทั้งคัน”
เบอร์ตันยิ้มรับแทนคำสัญญา เขาลุกขึ้น “ราตรีสวัสดิ์ครับ สุภาพบุรุษ ขอให้อร่อยกับเค้ก”
ดอนจุดบุหรี่มวนใหม่ทันที่ประตูปิด ไม่มีเรื่องสำคัญมากมายจะพูดหลังจากนั้น หลังรายงานเรื่องรายได้ในเขตตัวเอง การประชุมจบลงในเวลาไม่นาน ทุกคนแยกย้ายกันกลับไป ดอนลัซซาโรเดินลงมาเก็บจานในห้องครัว เห็นถุงกระดาษวางอยู่บนโต๊ะกลางห้อง เปิดดูก็พบถั่วอบบอสตันในโหลแก้วใส มีลวดลายดูสวยงามประดับ และลวดสีผูกประดับปากขวด คล้องป้ายของชื่อร้านและที่อยู่
ดอน ผู้นิยมความเรียบง่ายของเครื่องอุปโภคบริโภคนึกถึงถั่วบอสตันกระป๋องในร้านโชห่วยบนช่วงตึกถัดไป แล้วก็อดนึกไม่ได้ว่าในยุคที่การคมนาคมขนส่งทำให้คนทุกที่มีอาหารทะเลกินได้ การซื้อของฝากที่หาได้ในเมืองตัวเองมันจะมีประโยชน์ตรงไหน อย่างไรเสีย ภรรยาและลูกสาวเขานี่ชอบของฝากนักหนา
ดอนยัดก้นบุหรี่ทิ้งในสะดืออ่างล้างจานแล้วเข้านอน
______________________________________
[๑]Transatlantic เป็นสำเนียงที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อให้เกิดการออกเสียงที่ชัดเจนที่สุดให้ไมโครโฟนยุคเก่าจับความได้โดยผสมระหว่างสำเนียงอังกฤษ และอเมริกัน เป็นสำเนียงที่ต้องถูกสอนเพราะเป็นสำเนียงที่ไม่ได้ถูกใช้จริงในท้องถิ่นโดยธรรมชาติ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ