โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  135.57K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

99) พบกันในความฝัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ฟิโลโซเฟอร์รู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงที่เต็มไปด้วยผ้านวมทับจนหนัก   แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่าจะอุ่นขึ้นสักเท่าไหร่   ฟันของเขากระทบกันกึกๆ เมื่อลืมตาขึ้นภาพที่เห็นยังพร่ามัว   ประกายไฟเต้นยิบๆ ติดตรงเพดาน   เขาพยายามขยับตัวแต่ไม่สำเร็จร่างกายของเขาปวดระบมไปทั้งร่าง   เสียงพึมพำเหมือนใครกำลังพูดคุยกันดังมาจากที่แสนไกลจนแทบจะจับใจความไม่ได้   เด็กชายเงี่ยหูฟังด้วยความสงสัยว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกัน   เสียงเหล่านั้นฟังดูคุ้นเคย   นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ

 

“ พอข้าได้ยินพวกนั้นพูดกันข้าก็รีบตามออกมาทันที ”

 

เสียงพ่อมดดีมีนพูดขึ้น

 

“ แต่ก็ยังช้าไปอยู่ดี   ตอนที่ก้าวพ้นกำแพงเมืองความมืดก็คลุมอยู่ก่อนแล้ว   ทำให้มองไม่เห็นอะไรเลยข้าได้แต่หวัง ”

 

“ ขอบคุณจริงๆ ที่มันไม่เลวร้ายไปกว่านี้ ”

 

เสียงคาโลไรน์เหมือนจะร้องให้

 

“ ต้องโทษข้าที่ไม่ทันระวังว่าจะมีเด็กคนไหนเดินฝ่าออกมา   ทั้งที่สภาพอากาศเลวร้ายอย่างนั้น ”

 

“ ข้าแทบไม่เชื่อ   โอรีเวียเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้อย่างไร ”

 

อาเธอร์ว่า

 

“ มันไม่ใช่พายุธรรมดาหากแต่เกิดจากมนต์ดำ   มันไม่ใช่เรื่องดีเลย   เขาคนนั้นร่ายมนต์ฝ่าคาถาป้องกัน   นี่ถ้าไม่ถูกสกัดไว้ก่อนพายุจะรุนแรงกว่านี้อีก   ไม่เคยปรากฏมาก่อนเลยว่าจะมีนักเวทย์ที่มีพลังมากมายขนาดนี้   ชั่วชีวิตที่ผ่านมาข้าเคยพบเห็นเพียงคนๆ เดียวแต่คนผู้นั้นก็ไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว   ข้าเกรงว่าสภาพ่อมดจะเจอกับปัญหาใหญ่เสียแล้ว ”

 

“ แล้วเขาเป็นใครกัน   มีจุดประสงค์อันใดจึงทำร้ายลูกของข้า ”

 

คาโลไรน์ว่า

 

“ เขาไม่ได้ประสงค์ชีวิตใครเป็นพิเศษหรอก   บุคคลผู้นี้จะเป็นใครก็ตาม   ข้าเชื่อว่าถ้าเขาลงมือคงไม่ใช่แค่อยากฆ่าใครเล่นเท่านั้น ”

 

พ่อมดเฒ่าว่า

 

“ เป็นไปได้ไหมว่าเขาอาจจะเป็นทายาทของกษัตริย์ควอซาร์ ”

 

พ่อมดส่งสัญญาณให้เบาเสียงลง

 

“ อย่าพูดดังไป   ทางสภาคงไม่ชอบใจแน่   แต่ข้าเชื่อว่าหลายคนก็กังวลเรื่องนี้   ท่านประธานสภาไม่ชอบให้ใครเอ่ยถึงจึงไม่มีการกล้าเอ่ยในที่ประชุม   อีกทั้งก็ยังไม่มีหลักฐานว่าเขามีทายาทอยู่จริง    ถึงอย่างไรเรื่องทายาทอะไรนั่นตอนนี้ก็ยังเป็นแค่ข่าวลือ ”

 

“ เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นตัวเขาเองที่ทำเรื่องแบบนี้ ”

 

คาโลไรน์พูดขึ้นบ้าง

 

“ ไม่มีทางหรอก   เพราะข้าเองที่เป็นคนส่งร่างของเขา   จึงมั่นใจว่าเขาได้ตายไปแล้วจริงๆ แต่เอาเข้าจริงทั้งค่ายมนต์ดำในป่า   ทั้งการโจมตีในโอรีเวีย   ข้าเชื่อว่าเป็นฝีมือของคนเดียวกัน   ที่น่าตกใจคือพลังที่ดำมืดนั้นมีส่วนคล้ายควอซาร์เป็นอย่างมาก   ดังนั้นหากคนผู้นี้ไม่ใช่ควอซาร์ก็ต้องเป็นสายเลือดใกล้ชิด   และการมาของเขาคงไม่ได้แค่มาทักทายด้วยความคิดถึง ”

 

ดีมีนให้ความเห็น

 

“ จากที่ท่านเล่ามา   การโจมตีที่รุนแรงขนาดนั้นแต่จำนวนผู้เสียชีวิตกลับน้อยเกินคาด   บางทีคนๆ นี้อาจไม่ได้ตั้งใจทำในสิ่งที่เรากำลังคิดกันอยู่   เขาอาจประสงค์สิ่งอื่น ”

 

อาเธอร์ว่า

 

“ อย่างเช่นอะไร ”

 

พ่อมดถาม

 

“ ข้าไม่รู้   แค่เดาจากความเป็นไปได้   ถ้าเขาเป็นชาวเมืองคาเลที่พกความแค้นมาเต็มเปี่ยม   บุกเข้าไปจนถึงกลางเมืองขนาดนั้น   เป็นท่านๆ จะทำอะไรบ้าง   คงไม่ได้แค่ร่ายมนต์ขำๆ แล้วหนีไปหรอกนะ ”

 

พ่อมดดีมีนไม่มีความเห็นสำหรับประเด็นนี้

แต่คาโลไรน์พูดขึ้นว่า

 

“ ถ้าเขาไม่คิดจะฆ่าทิ้งทั้งหมดในคราวเดียวล่ะ   แต่ทำเป็นวูบไปวูบมาเหมือนปีศาจร้าย   ทำให้คนทั้งเมืองอยู่ไม่สุข   หวาดระแวงกันจนคลุ้มคลั่งไล่สังหารกันเอง   ในขณะที่เขานั่งดูอยู่เฉยๆ ว่าแต่มนต์ตราแห่งโอรีเวียเสื่อมไปแล้วหรือเหตุใดจึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ”

 

“ ดารีลเคยบอกว่า   ปราการแห่งโอรีเวียกันได้เฉพาะความชั่วร้ายที่ผ่านมาจากข้างนอก   แต่ถ้ามันเริ่มจากข้างในแค่คาถาน้อยนิดก็ไม่อาจปกป้องได้ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์พูดเบาๆ มาจากที่นอน

 

“ ลูกแม่   เจ้าฟื้นแล้ว   เป็นอย่างไรบ้างไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ”

 

คาโลไรน์รีบถลาเข้าไปหา

 

เด็กชายยกมือกุมศีรษะรู้สึกปวดร้าวไปหมดทั้งร่าง

 

“ ดารีลอย่างนั้นหรือ   เจ้าพูดแบบนั้นเคยคุยกับเขาหรืออย่างไร ”

 

พ่อมดดีมีนประหลาดใจ

เพราะเป็นที่รู้กันว่าดารีลนั้นมีเพื่อนน้อย

 

“ อย่าเพิ่งถามอะไรเขาเลย   ฟิโลโซเฟอร์เพิ่งจะฟื้นเอง   คงยังสับสนอยู่ ”

 

ในตอนนี้คาโลไรน์เป็นห่วงอาการบุตรชาย

มากกว่าที่จะสนใจเรื่องอื่น

 

“ คาโอเรียล่ะฮะนางอยู่ไหน ”

 

เขาละล่ำละลักถาม

เมื่อสติเริ่มกลับคืนมา

 

“ อย่ากังวลไปเลยนางก็ปลอดภัยดีแล้ว   เจ้าแข็งแกร่งจริงๆ ที่สามารถพานางกลับมาได้ ”

 

พ่อมดว่า

 

เด็กชายหันไปมองรอบๆ ห้อง

พบว่าตอนนี้เขาและทุกคนอยู่ในห้องรับแขก

 

บิดาของเขาคงย้ายเตียงลงมาจากห้องนอน

เพราะที่นี่มีเตาผิงที่จะช่วยให้ความอบอุ่น

 

ส่วนคาโอเรียก็นอนหลับอยู่บนเตียงอีกฟากหนึ่ง

แน่นิ่งเหมือนคนไร้สติ

 

ขณะที่ไฟในเตาก็ลุกโชติช่วง

ความอบอุ่นเหมือนจะมีไม่เพียงพอ

 

ฟิโลโซเฟอร์หลับตาลง

เหมือนภาพบางอย่างยังคงติดตา

สิ่งที่ค้างคาอยู่ในความฝันอันดำมืด

 

แม้มันจะดูรางเลือนแต่สลัดไม่เคยหลุดไปจากความทรงจำ

บุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางหมอกหนา

ทำให้ยากแก่การมองเห็น

 

มือข้างหนึ่งถือคทาเหล็กสีดำ

ส่วนอีกข้างกำโซ่แขวนกระถางเผากำยาน

 

ทันใดเจ้าของร่างปริศนานั้นก็มองมาทางนี้

 เด็กชายสะดุ้งสุดตัว

 

ลืมตาขึ้นแล้วตะโกนว่า

 

“ เขาอยู่ข้างนอกนั่น   อย่าปล่อยให้เข้ามาได้   เขาจะฆ่าพวกเราทุกคน ”

 

อาเธอร์และพ่อมดวิ่งไปที่ประตู

ดีมีนวางไม้เท้าแนบบานประตูพลางขมวดคิ้ว

 

ส่วนคาโลไรน์กอดบุตรชายไว้แน่น

ในขณะที่ฟิโลโซเฟอร์พยายามดิ้นรน

 

ครู่ต่อมาพ่อมดเฒ่าก็ส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้

 

“ เจ้าคงฝันร้ายน่ะ   ไม่มีใครอยู่ข้างนอกหรอกฟิโลโซเฟอร์เอ๋ย ”

 

สิ้นเสียงของพ่อมด

เด็กชายตัวน้อยก็สงบลงและหลับไป

 

“ ไม่เป็นไรแล้วนะเจ้าปรอดภัยแล้ว ”

 

คาโลไรน์ปลอบโยน

นางประคองลูกชายอยู่ในอ้อมแขนพลางโยกตัวเบาๆ

และน้ำตาได้ร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา